Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก - ตอนที่ 162
“แต่งตัวแบบนั้นมันแปลกเหรอ”
“ตอนแรกฉันก็เดินเตร็ดเตร่ตามหานายไปทั่ว แล้วก็ถูกรั้งเอาไว้โดยไม่ได้ตั้งใจจนเรื่องมันยาว”
ประมาทไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียวเลยจริงๆ มูคยอมเขม้นมองที่ใบหน้าของผู้คนที่รายล้อมฮาจุนเมื่อครู่นี้
ผู้คนที่มีใบหน้าเป็นมิตรที่เคยจ้องมองฮาจุนเมื่อสักครู่เต็มไปด้วยความสงสัย ดูท่าทีที่คนพวกนั้นเอื้อมมือออกมาอย่างตามอำเภอใจนั่นสิ ถ้าหากเขาเจอฮาจุนช้าไปอีกนิดเดียวล่ะก็ ใครสักคนในนั้นคงจะเผยจุดประสงค์ที่ซ่อนเร้นเอาไว้ออกมาอย่างแน่นอน งานปาร์ตี้แบบนี้ก็ยังคงมีอะไรอย่างนั้นอยู่
“ไอ้คนพวกนั้นไม่ได้เซ้าซี้อะไรใช่ไหม แตะตัวนายอะไรอย่างนั้นน่ะ”
“หืม ไม่นะ พวกเขาไม่ได้ทำแบบนั้น”
“นายควรจะโทรหาฉันสิไม่ใช่ว่าไปเดินตามหา”
“อ่า… ลืมคิดไปเลยแฮะ สงสัยใจร้อนไปหน่อย คือฉันมีอะไรจะให้นายดูน่ะ”
มีอะไรจะให้ดูอย่างนั้นเหรอ
ฮาจุนเดินนำพร้อมกับดึงข้อมือของมูคยอม พอตามไปอย่างเงียบๆ อีกฝ่ายก็หยุดอยู่หน้าระเบียง
มูคยอมสังเกตเห็นสิ่งที่ฮาจุนพยายามจะโชว์ให้ดู มีสวนสไตล์ฝรั่งเศสที่สวยงามอยู่ด้านหลังคฤหาสน์หลังนี้ หากมองลงมาจากที่สูง จะมองเห็นต้นไม้ในสวนที่มีรูปทรงสมบูรณ์และดอกไม้นานาชนิดได้ในคราวเดียว ซึ่งมันเป็นความภาคภูมิใจของเจ้าของสวน
เห็นอันนั้นเองสินะ แล้วเขาก็ฉีกยิ้มกว้างออกไป เมื่อก่อนมูคยอมก็เคยได้รับเชิญให้มางานที่ถูกจัดขึ้นที่นี่และเขาได้ลงไปชื่นชมสวนนั้นด้วยตัวเองมาแล้ว แต่ถ้าฮาจุนแนะนำให้เขาชมแล้วล่ะก็ เขาคิดว่าเขาคงจะต้องแสร้งทำเป็นทึ่งราวกับเพิ่งเคยเห็นมันเป็นครั้งแรก
ประตูระเบียงเปิดออก และไม่น่าแปลกใจเลยที่ภูมิทัศน์ของสวนอันกว้างใหญ่นี้จะแผ่ขยายออกไป แม้ว่ากลางคืนจะมองไม่เห็นทิวทัศน์โดยรอบ แต่มันก็ยังคงได้รับแสงไฟจากสถานที่แห่งนี้และสร้างบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะในยามค่ำคืนเท่านั้น ขณะที่มูคยอมกำลังเตรียมที่จะชื่นชมความงดงามของสวน ฮาจุนก็เหลียวกลับไปมองที่มูคยอม
ดวงตาสีนิลที่สะท้อนแสงเล็กๆ นั้นเปล่งประกายราวกับท้องฟ้ายามค่ำคืน เพราะว่าดวงตาของฮาจุนงดงามมากยิ่งกว่าสวนแห่งนี้เสียอีก ในตอนนี้มูคยอมจึงยิ้มกว้างจนเห็นฟัน ฮาจุนกวักมือบอกให้เขาออกไปที่ระเบียง
“สุดยอดไปเลยใช่ไหม”
“สวยนะเนี่ย ตอนนี้ว่าสวยแล้ว ถ้าได้เห็นตอนกลางวันคงจะสวยกว่านี้”
“เหรอ เพราะเป็นตอนกลางคืนมันเลยน่าทึ่งกว่าไม่ใช่หรอกเหรอ”
มูคยอมเอียงหัวเล็กน้อย แน่นอนว่ามันเป็นสวนที่งดงาม แต่ก็น่าทึ่งเช่นกัน
แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม เขาก็พยักหน้าอย่างพอดีๆ และปรับให้เข้ากับอารมณ์ของอีกฝ่าย ฮาจุนจึงพูดต่อไป
“ทำไมถึงมีรุ้งในตอนกลางคืนได้กันนะ”
มูคยอมกะพริบตาถี่ให้กับคำพูดนั้น
“ดูนั่นสิ ฉันเพิ่งเคยเห็นดอกไม้แบบนั้นเป็นครั้งแรกเลย กลีบดอกไม้มันเป็นประกายระยิบระยับนี่นา สงสัยคงติดไฟตรงดอกไม้ด้วย อยากลงไปดูจังเลย”
ขณะที่ชี้ไม้ชี้มือลงไปด้านล่าง น้ำเสียงที่ตื่นเต้นก็ดำเนินต่อไปอย่างรวดเร็วประมาณหนึ่ง มูคยอมที่ฟังอยู่เงียบๆ คว้าไหล่ของฮาจุนเข้ามากอดอย่างรวดเร็วและถามด้วยท่าทีที่อ่อนโยน
“เจ้ากวางดาวของฉัน ดื่มเหล้าเยอะเหรอ”
“หืม ไม่นี่ แชมเปญแค่ไม่กี่แก้วเอง”
“แล้วนายมาทำอะไรตรงนี้ล่ะ”
จู่ๆ ฮาจุนก็รีบเหลือบตามองลงไปด้านล่างและเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา
“…ฉันสูบบุหรี่ไปหนึ่งมวนน่ะ”
“บุหรี่เหรอ นายพกมาด้วยเหรอ”
“เปล่าหรอก… คนที่อยู่ตรงนี้เมื่อกี้ให้มาหนึ่งมวนน่ะ”
ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ที่ที่ฮาจุนชี้ไปเลยสักคน มูคยอมจ้องมองไปยังที่นั่งว่างครู่หนึ่ง แล้วฝังจมูกของตนเองไว้ในผมของฮาจุน หลังจากที่เขาดมกลิ่นฟุดฟิด ฮาจุนก็ถอยไปข้างหลังราวกับเขินอาย
“กลิ่นแรงไหม อย่าตั้งใจดมแบบนั้นสิ ฉันรู้มาว่ากลิ่นมันมีเอกลักษณ์นิดหน่อย”
มันไม่ใช่บุหรี่ที่ดาษดื่นทั่วๆ ไป มันมีกลิ่นเหมือนกับหญ้าแห้งที่ถูกเผาฟุ้งขึ้นมา
‘โค้ช… ผมคิดว่ามันไม่ใช่บุหรี่ครับ!’
มูคยอมอยากตอบออกไปเช่นนั้นแต่เขาก็อดทนเอาไว้ ท้องไส้เริ่มเดือดพล่าน ดูเหมือนว่าเมื่อเขาอ้าปากออกไป ก็คงจะพูดเรื่องที่ไม่อยากได้ยินออกมาอีก
“นายดูไม่ตื่นเต้นเลย”
เสียงของฮาจุนที่ตามหามูคยอมเพื่อโชว์ให้เขาเห็นถึงทิวทัศน์ที่แปลกใหม่นั้นจางลงไปเล็กน้อย ช่วยไม่ได้นี่ เพราะดวงตาของมูคยอมนั้นมองไม่เห็นสายรุ้งหรือดอกไม้ที่ส่องแสงระยิบระยับในตอนกลางคืน
ณ ที่แห่งนี้ ไม่มีอะไรจะน่าสนใจไปกว่าการได้เห็นกระต่ายที่เห็นภาพหลอนเนื่องจากเมายาเพราะไปรับลูกกวาดจากคนแปลกหน้ามาเคี้ยวกินนี้อีกแล้ว
“ไม่หรอก ตื่นเต้นจะตาย ฉันเองก็เพิ่งเคยเห็นสายรุ้งตอนกลางคืนเป็นครั้งแรกเหมือนกัน”
“ใช่ไหมล่ะ ที่กำลังบินอยู่นั่นใช่หิ่งห้อยไหม สวยมากเลย เหมือนวิวในเทพนิยายเลย”
“มันเจ๋งมากจริงๆ ยูนิคอร์นได้เดินทางไปสู่ดินแดนแห่งความฝันแล้ว”
“ยูนิคอร์นเหรอ ไหนล่ะ”
มูคยอมดึงฮาจุนที่พิงราวและยื่นตัวออกไปด้านนอกเพื่อมองหายูนิคอร์นอย่างจริงจังในสวนยามค่ำคืนอันมืดมิด
อย่างรวดเร็ว แม้ว่าห้องโถงจะอยู่ชั้นแรก แต่เนื่องจากโครงสร้างของบ้านนั้นประกอบจากบันไดยาว มันจึงมีความสูงที่สูงกว่าระดับพื้นดิน
แค่คิดก็เสียวสันหลังแล้ว ถ้าหากเขาหาอีกฝ่ายไม่เจอและปล่อยทิ้งไว้ตามลำพัง แล้วอีกฝ่ายมาเล่นแถวๆ ราวระเบียงแบบนี้ไม่แน่อาจจะตกลงไปก็ได้
มันเป็นปาร์ตี้ที่มีผู้คนหลากหลายสัญชาติมารวมตัวกัน สำหรับบางคนแล้ว มันเป็นแค่ความบันเทิงธรรมดาๆ และไม่ผิดกฎหมาย ดังนั้นในงานงานปาร์ตี้ฤดูร้อนหรือวันหยุด ยาเสพติดเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่น กัญชา ก็จะถูกเผยแพร่ในรูปแบบความบันเทิงเบาๆ เหมือนกับบุหรี่
ปกติแล้วมูคยอมไม่ได้คิดอะไรกับความสนุกของคนอื่นนัก อย่างไรก็ตาม เพราะมันเป็นสิ่งที่เขาไม่มีความเกี่ยวข้องหรือสนใจ มันก็คงถูกแล้วที่จะบอกว่าเขาไม่แยแสมันเลย ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่ได้คิดที่จะเตือนฮาจุนก่อนที่จะมาที่งานปาร์ตี้
“ตอนเด็กๆ แม่ไม่ได้สอนเหรอว่าอย่ารับของจากคนแปลกหน้ามากินอย่างพร่ำเพรื่อ”
“แต่ฉันกินแค่อาหารที่เสิร์ฟในห้องโถงนะ”
“ฉันหมายถึงทั้งอย่ารับมากิน ทั้งอย่ารับมาสูบแบบไม่คิดอะไร”
มูคยอมเลื่อนริมฝีปากไปใกล้ๆ ใบหูของฮาจุน น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน แต่เสียงของเขาเบาลงอย่างน่าหวาดเสียว
“ถ้าฉันตัดสินใจที่จะรออย่างใจเย็น แล้วระหว่างนั้นถ้าฉันเกิดกังวลใจขึ้นมาจะทำอย่างไรล่ะ”
“ฉันออกมาแค่แป๊บเดียวจริงๆ… และที่ฉันเดินเตร็ดเตร่ไปเรื่อยๆ ก็เพราะว่าจะตามหานาย”
หลังจากที่เห็นฮาจุนแก้ตัว มูคยอมก็ก้มศีรษะลง มูคยอมที่ไม่พอใจเล็กน้อยใช้จังหวะที่ไม่มีคนอยู่ตรงนั้นกัดเข้าที่ใบหูของอีกฝ่าย
“อะ อื้อ!”
พอเสียงครวญครางดังขึ้นทันที ไหล่ของฮาจุนก็สั่นเทา อีกฝ่ายก้มหน้าลงซบมูคยอมและกะพริบตาอย่างรีบร้อน
“อ๊ะ อ้า…”
ใบหน้าของเจ้าตัวแฝงไปด้วยความลำบากใจเล็กน้อย ดวงตาของมูคยอมเองก็เบิกกว้าง
เดิมทีฮาจุนมีใบหูที่ไวต่อความรู้สึก แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้อ่อนไหวจนถึงขนาดที่ว่าเขากัดไปเพียงแค่เล็กน้อยแล้วร่างกายจะสั่นไหวขนาดนี้ มูคยอมขมวดคิ้วแล้วใช้นิ้วลากไปที่ด้านข้างลำคอสีขาวนวลเบาๆ
“อ๊ะ ฮ๊าา”
ฮาจุนคร่ำครวญอีกครั้งและคว้าไหล่ของมูคยอมเอาไว้ มูคยอมจับเอวของอีกฝ่ายด้วยแขนข้างเดียวและมืออีกข้างหนึ่งของเขาก็วางไว้บนแก้มสีขาวใสนั้น
ใบหน้าของฮาจุนเริ่มร้อนจนหายใจหอบ มูคยอมถอนหายใจออกมายาวๆ
“บ้าไปแล้วจริงๆ”
“ฉันรู้สึกแปลกๆ… นี่ฉันเมาเหรอ”
“ถูกต้อง นายเมาแล้ว”
“ดื่มแชมเปญไปไม่กี่แก้วเองนะ…”
ไม่ใช่แค่กัญชาหรอกเหรอ หรือไม่ก็การที่ยาออกฤทธิ์แบบนี้ก็อาจจะเป็นแบบเฉพาะของอีฮาจุน
อะไรกันที่ทำให้ยูนิคอร์นแสนบริสุทธิ์กลายเป็นสิ่งที่เสื่อมโทรมแบบนี้ มองหน้าแล้วยังดูไม่ออกเหรอ แม้จะแสร้งทำเหมือนว่าไม่ข้องเกี่ยวอะไรกับเรื่องแบบนั้น… ไอ้ลูกหมาพวกนั้น ไปลงนรกให้หมดเลย!
ท้ายที่สุดเมื่อกล่าวโทษคนที่ไม่รู้จักแล้ว มูคยอมก็กอดฮาจุนและลูบหลังอีกฝ่าย ความกำหนัดที่ถูกกระตุ้นให้ตื่นขึ้นมาคงไม่สงบลงไปง่ายๆ สินะ ฮาจุนถึงไม่สามารถหยุดหอบได้ราวกับทุกข์ทรมาน อีกฝ่ายกอดมูคยอมแน่น หัวใจของมูคยอมเริ่มเต้นด้วยแรงกดบางๆ ของนิ้วที่จับที่ด้านหลังไหล่ของเขาเอาไว้ราวกับห้อยอยู่ และเขาก็กลืนน้ำลายแห้งเข้าไป
“คิมมูคยอม…”
“อื้อ ก็ได้”
“อ๊ะ ทำไงดี ฉันรู้สึกแปลกจริงๆ…”
ฮาจุนก้มหน้าและฝังหน้าผากไว้ที่คอของมูคยอม ถึงอย่างนั้นเสียงที่ต่ำและแผ่วเบา และไม่สามารถซ่อนความเร่าร้อนได้นั้นก็ได้ส่งผ่านเข้าไปในหูของ
มูคยอม
“วันนี้นายเซ็กซี่มากๆ เลย”
“…หา”
“ทำไมฉันถึงเป็นแบบนี้ล่ะ ฉันอยาก…”
“…อยากอะไร”
“…อะ…”
“ว่าไงนะ”
“อันนั้นน่ะ…เซ็กส์…”
ฮาจุนพูดและเอามือข้างหนึ่งปิดตาที่เริ่มเป็นสีแดงก่ำของตนเองโดยไม่ได้ตั้งใจ
“จู่ๆ ก็อยากทำในสถานที่แบบนี้… ฉันคงเป็นบ้าไปแล้ว อ๊ะ ขอโทษนะ….”
มันไม่ใช่เรื่องที่โค้ชจะต้องมาขอโทษสิ!
มูคยอมหยุดคิดเรื่องไร้สาระเรื่องอื่นแล้ว อย่างไรก็ตาม พวกขี้ยาเฮงซวยนั่นก็ไม่ได้ยื่นยาให้ฮาจุนด้วยจุดประสงค์อะไร แค่นั้นเขาก็รู้สึกโล่งใจแล้ว
โชคดีที่เขาเจอฮาจุนก่อนที่ใครคนอื่นจะสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายกลายเป็นแบบนี้ จะมีประโยชน์อะไรที่ต้องมาเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นไปแล้ว สิ่งที่ควรให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกเสมอคือการแก้ไขสถานการณ์อย่างรวดเร็ว
“มานี่สิ”
เมื่อเปิดหน้าต่างระเบียง มูคยอมกลับเข้าไปในห้องโถงโดยประคองไหล่ของฮาจุนเอาไว้ อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถทำอะไรในที่ตรงนี้ได้เลย เพราะเขาไม่มีทางรู้เลยว่าใครจะเปิดหน้าต่างออกมาเมื่อไหร่
“โอ๊ะ คิม ตามหาตั้งนานเลยค่ะ เรื่องเป็นทูตรณรงค์ต่อต้านยาเสพติด…”
“ผมเห็นด้วยกับจุดประสงค์ครับ แต่ไว้คุยกันคราวหน้านะครับ ตอนนี้ผมยุ่งน่ะครับ”
มูคยอมปฏิเสธผู้คนที่รั้งเขาเอาไว้อย่างสุภาพและก้าวต่อไปข้างหน้า เขาเปิดประตูหลังที่เชื่อมจากห้องโถงไปยังสวน
การขึ้นไปบนชั้นสองที่มีห้องรับแขกนั้นก็ไม่ใช่ความคิดที่แย่ แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าสถานที่นี้เต็มไปด้วยแขกที่มาเยี่ยมเยียนเพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ หลายอย่าง แถมยังมีพวกนักข่าวในห้องโถงอีกด้วย เขาพาฮาจุนที่ตกอยู่ในสภาพนี้ไปที่สวนดีกว่าไปเคาะประตูเพื่อหาห้องว่าง
สวนในยามค่ำคืนนั้นถูกปิดกั้นเอาไว้ นอกจากนั้น แน่นอนว่าในสวนที่สวยงามแห่งนี้ยังมีพื้นที่ว่างสำหรับการพักผ่อนหรือสนุกสนานไปกับการนินทาผู้อื่นเบาๆ ในระหว่างที่เพลิดเพลินกับการเดินเล่น
ก่อนเข้าไปในสวน มูคยอมมีเรื่องสำคัญที่ต้องคุยกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย โดยเขาขอให้อีกฝ่ายไม่เข้าไปใกล้เรือนกระจกทางทิศตะวันตก และเขาไม่ลืมที่จะจ่ายทิปให้อีกฝ่ายด้วย
“ทางนี้”
มูคยอมแทรกเข้าไปในเงาร่มไม้เพื่อปลอบฮาจุนที่ตอนนี้น้ำตาเริ่มไหลแล้ว ถึงแม้จะอยากเริ่มทำทันทีเพราะว่าเขาเองต้องการเหมือนกัน แต่เขาก็ไม่สามารถทำได้ มูคยอมจุมพิตที่แก้มและหน้าผากของฮาจุนเป็นระยะๆ เขาอาศัยความรู้สึกและความทรงจำเกี่ยวกับเส้นทางที่เขาเคยเดินเข้ามาเมื่อครั้งก่อนๆ
โชคดีที่เขาไม่หลงทางและพบเรือนกระจกที่ซ่อนอยู่ในสวนยามค่ำคืน เขาเกรงว่ามันอาจจะล็อค แต่โชคดีที่มันเปิดอยู่ ดูเหมือนว่าคนอื่นๆ จะรีบขึ้นไปหาห้องว่าง เพราะที่นี่ไม่มีทั้งแขกหรือผู้เยี่ยมเยียนคนอื่นมาก่อนหน้าพวกเขา
ห้องนี้จะค่อนข้างร้อนในตอนกลางวัน แต่ตอนนี้มันกลับอุ่นพอดีเนื่องจากความร้อนได้ลดลงในตอนกลางคืน มูคยอมพาฮาจุนเข้าไปด้านในเรือนกระจก ทันทีที่ล็อกประตูที่ปิดอยู่ เขาก็ผลักฮาจุนไปที่ประตูและประกบริมฝีปากทันที
“อื้ออ…!”
ขณะที่ค่อยๆ ถูไถริมฝีปากเข้าหากัน ลิ้นของฮาจุนก็ยื่นออกมาจากริมฝีปากอย่างเร่งรีบ ราวกับร้องขอให้เขารีบๆ ดูดมันเสีย ร่างกายของมูคยอมร้อนขึ้นราวกับเตาหลอมเหล็กในพริบตา
“นายอยู่เฉยๆ”
แต่มูคยอมนั้นต้องการที่จะเอาแต่ใจตัวเองสักหน่อย เขาเข้าใจสถานการณ์อันยากลำบากของฮาจุนแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อปลอบใจตนเองที่มันว่างเปล่าจากการที่อีกฝ่ายลุกจากที่นั่งโดยไม่บอกกล่าวสักคำ หรือแม้กระทั่งที่อีกฝ่ายรับยาจากคนแปลกหน้ามาสูบ
คิ้วของฮาจุนย่นลงราวกับว่ารู้สึกถึงความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างของมูคยอมกับของตนเอง ฮาจุนน้ำตาไหลเอ่อออกมาและมองขึ้นไปยังมูคยอมด้วยตาเปียกชื้นแล้วส่งเสียงร้องไห้ออกมา
“ฮ๊าา คิมมูคยอม ขอร้อง…”
“ขอร้องอะไรเหรอ”
“…จูบหน่อย….”
ฮาจุนไม่ได้ต้องการแค่จูบ แต่อีกฝ่ายไม่สามารถขออะไรอย่างอื่นได้ในทันทีเพราะยังเขินอายอยู่ และฮาจุนก็เป็นฝ่ายดึงมูคยอมเข้ามากอดก่อน อีกฝ่ายคลำหาส่วนเว้าส่วนโค้งบนแผ่นหลังอันกว้างใหญ่ผ่านเสื้อผ้าราวกับไม่มีสติ มูคยอมหัวเราะคิกคักโดยไม่รู้ตัวและเลื่อนริมฝีปากเข้าไปใกล้ๆ อีกครั้ง
ริมฝีปากอ่อนนุ่มที่ประกบกันนั้นอุ่นขึ้นเพราะร่างกายอันเร่าร้อนที่แนบชิดกัน ฮาจุนดูเหมือนจะสังเกตเห็นบรรยากาศที่ไม่ราบรื่นของมูคยอม ฮาจุนรอด้วยปากที่อ้าออกอยู่เล็กน้อย โดยไม่แลบลิ้นหรือแสดงท่าทางเร่งรีบเหมือนเมื่อครู่ มูคยอมยิ้มกว้าง
เห้อ น่ารักจัง ใจอ่อนเลย
“อ๊ะ อื้ออ ฮื่ออ!”
เมื่อมูคยอมกอดฮาจุนไว้แน่นโดยไม่ทันได้ตั้งตัวและสอดลิ้นลึกลงไปในโพรงปาก อีกฝ่ายก็ตัวสั่นและส่งเสียงครวญครางออกมา สงสัยคงจะรู้สึกดี เพราะฮาจุนเอาแต่อ้าปากกว้างเหมือนกับตอนที่ใช้ปากเลย มูคยอมคิดว่าอีฮาจุนชอบจูบที่นุ่มนวลมากกว่า แต่เมื่อเห็นเขาแนบตัวติดขนาดนี้ สงสัยว่าคงจะไม่ใช่อย่างที่คิด
ลึกเท่าที่ต้องการ เขาใช้ฝ่ามือดึงรั้งด้านหลังศีรษะของฮาจุนเอาไว้ แลบลิ้นออกมาจนเกือบสุดปลาย และลูบไล้ราวกับว่าจะสอดมันเข้าไปในโพรงปาก ทันทีที่ครูดเน้นย้ำเพดานปากที่อยู่ส่วนลึกเข้าไปด้วยปลายลิ้น ร่างกายที่ยืนอยู่ระหว่างประตูและมูคยอมก็สั่นเบาๆ ราวกับถึงจุดสุดยอดแล้ว
มูคยอมแตะเข้าที่ชุดท่อนล่างของฮาจุนที่ซ่อนอยู่ในชุดทักซิโด้ที่เพิ่งซื้อมาใหม่อย่างอ่อนน้อม รู้สึกถึงการแข็งตัวที่เห็นได้ชัดอย่างเต็มไม้เต็มมือ แม้ว่าเขาจะสัมผัสมันบนเสื้อผ้า แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกได้ และการหายใจของฮาจุนก็เร็วขึ้น เสียงครวญครางผสมกับลมหายใจออกทำให้มูคยอมจักจี้ที่ใบหูจากเสียงที่ไม่สม่ำเสมอและเปียกชื้น
“ฮ๊าา อื้อ อ๊า…!”
มูคยอมพยายามที่จะควบคุมตัวเอง แต่ร่างกายของเขาเองก็จมดิ่งลงไปในความต้องการอย่างรวดเร็ว เขากัดริมฝีปากเล็กน้อย และเช็ดเยื่อเมือกด้านในของทั้งริมฝีปากบนและล่างด้วยลิ้น เมื่อฟันสัมผัสกับเยื่อเมือก ฮาจุนก็ครางดังขึ้นอีก ส่วนล่างที่มือของเขายังคงสัมผัสอยู่นั้นดูเหมือนว่ามันจะแน่นตึงขึ้นไปอีก ถ้าขืนเป็นแบบนี้มันก็แค่จูบแล้วก็จบไม่ใช่เหรอ
มูคยอมพินิจพิจารณาเรือนกระจกด้วยดวงตา มันเป็นพื้นที่กว้างขวาง หรูหรา มีเพดานสูงที่เข้ากับขนาดของคฤหาสน์ ผนังด้านหนึ่งทำจากกระจกบานกว้าง
น่าเสียดายที่เพราะจุดประสงค์ของสถานที่แห่งนี้ ทำให้มันไม่มีเตียง แต่โซฟาที่ค่อนข้างยาวและโต๊ะที่ดูมีน้ำหนักนั้นดูเหมือนจะเพียงพอที่จะใช้แทนเตียงได้
ถ้าเป็นสถานที่ที่แขกไม่ควรเข้ามาจริงๆ ก็คงไม่ยอมเปิดในวันที่มีงานปาร์ตี้แบบนี้หรอก พูดได้เลยว่ามันเป็นเรื่องที่ได้รับการอนุมัติจากเจ้าของคฤหาสน์แล้ว
มูคยอมที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งว่าจะไปทางไหนดีก็เดินไปยังโต๊ะพร้อมกับกอด
ฮาจุนเอาไว้ ในระหว่างนั้น การจูบก็ยังคงดำเนินต่อไปโดยไม่สะดุด ขณะที่ประคองหลังฮาจุน เขาก็โค้งตัวลงและวางฮาจุนลงบนโต๊ะโดยไม่ผละริมฝีปากออกมา
จากนั้นเมื่อเงยหน้าขึ้น ดวงตาที่สับสนของอีกฝ่ายก็ช้อนมองขึ้นไปที่มูคยอม
“ไม่พอเหรอ”
“อะ อื้อ…”
“เราไม่สามารถเอาแต่จูบกันได้ตลอดทั้งคืนหรอก นี่ไม่ใช่บ้านเราสักหน่อย”
‘นี่ไม่ใช่บ้านเราสักหน่อย’ ฮาจุนหรี่ตาลงราวกับว่ารู้สึกอายกับคำพูดเหล่านั้น อีกฝ่ายทำสีหน้าเหมือนไม่เข้าใจสภาพของตัวเอง สีหน้าที่ไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่า จู่ๆ มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ในงานปาร์ตี้ที่มีผู้คนมารวมตัวกัน