Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก - ตอนที่ 135
“ปิดตาทำไม! ฉันมองไม่เห็นนายนะ”
“…ก็ตอนนั้นนายมองฉันแบบไม่พอใจ…”
ตอนนั้นมูคยอมหวั่นเกรงขึ้นมาเพราะฮาจุนนิ่วหน้ามองเขา มูคยอมตอบราวกับแก้ตัว
“ปลดล็อกมือด้วย”
คำขอครั้งที่สองของฮาจุนทำให้มูคยอมเพียงแค่สังเกตท่าทีของอีกฝ่ายและนิ่งเงียบไม่ตอบ
“ฉันไม่ไปไหนหรอก สัญญา”
เมื่อกลับมามองเห็นและได้มองหน้ากันอีกครั้ง ถึงแม้ว่าจะยังเสียงอู้อี้ขึ้นจมูกอยู่ก็ตามแต่ฮาจุนซึ่งเคยร้องไห้โยเยจนถึงเมื่อครู่นี้ ก็กลายมาเป็นโค้ชที่ตำหนิคิมมูคยอมผู้ก่อเรื่องใช้ไม่ได้ในชั่วพริบตา
ในทางกลับกัน มูคยอมกลับเป็นฝ่ายห่อเหี่ยวใจ เขาถอนแกนกายที่ฝังคาไว้จนถึงตอนนี้ออกแล้วดันตัวขึ้น ความรู้สึกของสิ่งที่เคยเต็มแน่นในร่าง หลุดออกไปเป็นทางยาว ทำให้ฮาจุนตัวสั่นเบาๆ
มูคยอมเอากุญแจที่วางไว้บนโต๊ะข้างเตียงมา รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงดังก๊อกแก๊กบนศีรษะสองสามครั้ง แล้วในที่สุด ห่วงเหล็กที่เคยยึดข้อมือไว้อย่างแน่นหนาก็ปลดออก
ฮาจุนถอนหายใจยาวแล้วลดแขนลงมาบนเตียงช้าๆ ผ้านุ่มนิ่มถูกซ้อนไว้ด้านในกุญแจมือ เพราะอย่างนั้น สะบักไหล่ที่ถูกยกขึ้นในท่าเดิมเป็นเวลานานจึงเจ็บกว่าข้อมือที่ถูกล็อก มีเรื่องที่เขาอยากทำถ้ามือเป็นอิสระ แต่ในตอนนี้ แขนกับไหล่ก็ปวด มือก็ยังสั่นอยู่ จึงดูเหมือนจะยังไม่สามารถทำอะไรได้
มูคยอมกำลังก้มลงมองฮาจุนราวกับเด็กน้อยที่ทำหน้าบึ้งไปก่อนเพราะตนเองทำผิดมาจึงกลัวว่าจะโดนทำโทษ
“คิมมูคยอม เข้ามาใกล้ๆ”
มูคยอมลังเล แต่ก็ขึ้นไปบนเตียงตามคำสั่ง จากนั้นก็ยกตัวคร่อมทับบนร่างกายของฮาจุน แล้วกอดรัดคนที่นอนอยู่ใต้ร่างของตัวเองแน่น ราวกับคราวนี้ตั้งใจจะใช้แขนล็อกตัวอีกฝ่ายไว้แทนกุญแจมือ
ฮาจุนถอนหายใจพลางพูดกระซิบ
“ฉันอยากจะตีหลังนายนัก แต่ปวดแขนจนน่าจะตีไม่ได้แล้ว”
“…ขอโทษ”
“ฉันปวดตัวไปหมด ถึงนายจะปลดล็อกกุญแจให้ พรุ่งนี้ก็คงไปทำงานไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ”
ฮาจุนสูดหายใจลึกพร้อมกับหลับตาลงเนิ่นนานแล้วลืมตาขึ้นมาใหม่ซ้ำๆ เมื่อได้ยินคำขอโทษสั้นๆ ของมูคยอม ตรงกลางหน้าอกก็เจ็บปวดขึ้นมาราวกับอึดอัด ทว่าในทางกลับกันก็รู้สึกว่างเปล่า และถึงแม้ว่าความโกรธจะพลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างแรง เสียใจในขณะเดียวกันแต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าความรู้สึกที่คล้ายคลึงกับความดีใจก็ไม่ได้เลือนหายไปไหน ซ้ำยังก่อตัวขึ้นมาเป็นมวลก้อน
จะทำยังไงดีนะ ถ้าเป็นแบบนี้จะรับมืออย่างไรดี ยิ่งไปกว่านั้นไม่รู้ว่าตอนนี้ต้องการอะไรกันแน่ เป็นครั้งแรกที่รู้สึกแบบนี้ขึ้นมา
ฮาจุนเป็นคนความรู้สึกไม่ซับซ้อน ถ้ามันซับซ้อนก็คงยากที่จะชอบคนที่ไม่แม้แต่จะจดจำเขาได้อย่างจริงใจถึงสิบปี แทนที่จะคิดเรื่องนู้นเรื่องนี้อย่างน่าสับสนแล้วค่อยรู้สึก ฮาจุนกลับเรียบเรียงความคิด ไม่ว่าเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ให้มันเหลืออยู่ทางเดียวอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ลงบทสรุปอย่างเรียบง่ายและยอมรับมัน เขาฝึกทำแบบนี้มานาน เพราะต้องทำแบบนี้ เขาจึงจะสามารถอดทนต่อเรื่องต่างๆ ได้หลายครั้งหลายครา
เพราะอย่างนั้น ฮาจุนจึงไม่ค่อยได้ฝึกฝนสักเท่าไร ว่าเขาจะต้องรับมือแต่ละความรู้สึกอย่างไร ในเวลาที่ความรู้สึกสับสนแบบนี้ถาโถมเข้ามา เขายังขาดแคลนวิธีการที่จะทำความเข้าใจความรู้สึกที่แตกแขนงไปทั่วทุกทิศทางให้ทะลุปรุโปร่งแล้วประกอบมันเข้าด้วยกัน
“คิมมูคยอม ถ้านายอยากให้เป็นแบบนั้นจริงๆ… ฉันก็จะไม่ไปไหนจริงๆ ฉันจะลาออกจากกงาน จะอยู่บ้านจนกว่านายจะสบายใจ”
“…”
“ยังไงซะ ถ้าไม่ใช่เพราะนาย ฉันก็คงจะมาถึงที่นี่ไม่ได้ ฉันไม่เคยฝันว่าอยากเป็นโค้ชพรีเมียร์ลีกมาก่อนด้วยซ้ำ ไม่เคยคิดว่าจะได้มาถึงลอนดอนแล้วเรียนภาษาอังกฤษ ได้ทำงานเป็นโค้ช แล้วยังได้เรียนหนังสือ… ไม่เคยคิดว่าจะได้ใช้ชีวิตแบบนั้นเลย”
ไหล่ของมูคยอมบีบเข้ามาแล้วท่อนแขนก็โอบรัดแน่นมากขึ้น เอวกับหน้าอกที่อยู่ในอ้อมกอดของอีกฝ่ายถูกกระชับแน่น ทำให้ฮาจุนพรูลมหายใจออกมาสั้นๆ
เสียงพูดเชื่องช้าเพราะฤทธิ์เหล้าถูกเปล่งออกมาอย่างแหบพร่า
“…ฉันผิดเอง อย่าพูดแบบนั้นสิ”
“มันเป็นความจริงนี่ ทุกอย่างคือสิ่งที่นายมอบให้ เพราะฉะนั้นถ้านายอยากเอากลับไปก็ทำตามนั้นได้เลย”
ตอนนี้ไหล่ของฮาจุนรู้สึกชาขึ้นราวกับเลือดเริ่มหมุนเวียนแล้ว ฮาจุนยกแขนที่ยังสั่นขึ้นโอบแผ่นหลังของมูคยอม
“แต่การได้อยู่ข้างๆ นาย ได้ใช้ชีวิตด้วยกันกับนายน่ะ… ถึงฉันจะคืนอย่างอื่นให้ได้ แต่มีเรื่องนี้ที่ฉันไม่อยากจะยอมคืนให้ง่ายๆ หรอกนะ”
เสียงแผ่วเบาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ในขณะเดียวกัน ภายในอกกลับสั่นไหวหนักขึ้น หัวคิ้วของฮาจุนขมวดเข้าหากันอีกครั้ง
“ทำไมนายถึงคิดว่าฉันจะไม่ชอบนาย เกลียดนาย แล้วก็จะปล่อยนายไปง่ายๆ แบบนั้น”
“…ฮาจุน”
“พูดว่าอะไรนะ จะหนีไปไหมเหรอ ฉันได้ฟังนายพูดเรื่องไม่น่าฟังมาหมดทุกเรื่องแต่ก็ยังไปไหนไม่ได้เลยนะ เพราะแบบนั้นฉันเลยดูไม่น่าไว้ใจเหรอ เพราะฉันดูเหมือนจะทำตัวกับคนอื่น แบบเดียวกับที่ทำกับนายง่ายๆ เหรอ”
ฮาจุนแค่นหัวเราะราวกับเยาะเย้ยตัวเอง
“นายอย่าคิดไปเองสิ ฉันไม่ได้ปล่อยตัวปล่อยใจกับคนอื่นง่ายขนาดนั้น นายคิดว่าในสิบปี ฉันอยู่คนเดียวโดยไม่มีใครมาบอกว่าชอบเลยงั้นเหรอ ไม่ได้ยินที่จองคยูพูดหรือไง คนต่อแถวยาวเป็นขบวนแต่ใจฉันก็ไม่คล้อยตาม เพราะถ้าไม่ใช่คนที่ฉันชอบก็คงจะเป็นไปไม่ได้ ฉันเลยไม่คบใครไง”
“ฉันรู้”
“ถ้ารู้”
ฮาจุนผ่อนลมหายใจหนึ่งครั้ง
“ถ้ารู้ นายก็อย่าพูดเรื่องแบบนั้นออกมาอีกนะ ว่าถ้ามีใครที่ดีกว่านายโผล่มาแล้วฉันจะเปลี่ยนใจ”
ฮาจุนทำท่าจะลุกขึ้น มูคยอมโอบกอดอีกคนไว้พร้อมกับถาม
“ไปไหน”
“ไม่ไปไหนหรอก”
มูคยอมผ่อนแรงที่แขนอย่างลังเล ฮาจุนดันตัวมูคยอมออกแล้วดันตัวขึ้น จากนั้นก็ดึงข้อศอกไปด้านหลังเพื่อหมุนหัวไหล่ พร้อมทั้งทุบเอวกับหลังเพื่อคลายกล้ามเนื้อลำตัว
ในขณะที่มูคยอมนอนอยู่บนเตียงอย่างละล้าละลัง ฮาจุนซึ่งนั่งอยู่บนเตียงครู่หนึ่งก็เอี้ยวตัวมาเล็กน้อยแล้วไต่ขึ้นมาคร่อมทับใกล้ๆ กระดูกเชิงกรานของอีกฝ่าย
“นานแล้วละ ที่ฉันไม่ได้ชอบนายเพราะนายหล่อแล้วก็เท่”
“…ถ้างั้น ทำไมถึงชอบ”
“ฉันจะรู้เหรอ”
ฮาจุนบ่นออกมาสั้นๆ แล้วค้อมตัวต่ำลงพร้อมกับกวาดไล้ไปตามลำตัวของมูคยอม มือขาวทั้งสองข้างก่อกวนร่างสีแทนของอีกคน มูคยอมกลั้นหายใจก้มลงมองภาพฉากอันร้ายกาจของมือที่ไต่ขึ้นมา
มือเคลื่อนมาถึงบริเวณใกล้ๆ สะดือแล้วลูบไล้กล้ามเนื้อแข็งแกร่งเป็นมัดๆ ฮาจุนลากมือผ่านลิ้นปี่และร่องลึกตรงกลางระหว่างกล้ามเนื้อหน้าอก กดน้ำหนักลงบนกระดูกไหปลาร้าพร้อมเลื่อนขึ้นไปยังส่วนล่างของลำคอยาวแข็งแกร่งราวกับบีบนวด จากนั้นจึงจับแขนทั้งสองข้างยกเหยียดขึ้นราวกับให้มูคยอมบิดขี้เกียจ
“ดูเหมือนว่าเพราะเป็นนายนั่นแหละคิมมูคยอม ฉันก็เลยชอบ”
คำพูดต่อมาทำให้ความร้อนตีวูบขึ้นมาจนถึงแถวๆ ลำคอของมูคยอมราวกับคลื่นซัด มูคยอมรู้สึกได้ว่าทั่วทั้งร่างร้อนรุ่มขึ้นอีกครั้งในชั่วพริบตา เขาดันตัวขึ้นพรวดเดียวหวังคว้าอีกคนเข้ามากอด
ไม่สิ คิดว่าดันตัวขึ้นต่างหาก
ร่างกายที่ตั้งใจจะยกขึ้น หล่นฮวบลงไปนอนกับเตียงตามเดิม ‘กริ๊ก’ เสียงเบาๆ นั้นดังขึ้นแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่มูคยอมกำลังจะยกตัว
มือของฮาจุนไล้ตามแขนของมูคยอมขึ้นมาถึงข้อมือแล้วก็จับวงล้อเหล็กสีเงินเอาไว้ แทบจะเหมือนกับเหตุการณ์เมื่อครู่
“…อีฮาจุน”
แม้จะดึงมือมาแต่มือก็ยังคงอยู่ชิดเตียงเช่นเดิม มีเพียงเสียงดังแกร๊งก้องเข้ามาในหูเท่านั้น ในตอนที่ฤทธิ์เหล้าที่เคยกัดกินสติกับความนึกคิดสร่างลงอย่างรวดเร็วเมื่อบทสนทนาเนิ่นนานขึ้น มูคยอมก็รู้สึกเสียวสันหลัง
“โค้ชครับ”
เมื่อมูคยอมรีบร้อนเปลี่ยนคำแทนชื่อแล้วเอ่ยปากเรียก ฮาจุนที่เคยขยับใบหน้าของตัวเองเข้าไปใกล้ใบหน้าของอีกคน ก็ถอยกลับมานั่งตามเดิม ฮาจุนหัวเราะด้วยสีหน้าเหมือนหยอกเย้า
“วันนี้นายก็ต้องถูกทำโทษสักหน่อยเหมือนกัน”
“นายใจเย็นๆ นะ โค้ชกับนักกีฬาใช้ร่างกายในระดับเดียวกันได้ที่ไหน”
“ได้สิ”
ฮาจุนหัวเราะออกจมูกเบาๆ ดวงตากวาดมองทุกซอกทุกมุมของมูคยอมราวกับสัญญาณไฟตรวจจับ จากนั้นก็ทาบฝ่ามือลงบนร่างของมูคยอมอีกครั้งพร้อมกับโน้มร่างกายท่อนบนลงมา
“ฮ้า…”
ลมหายใจแผ่วเบาพรูออกมาจากปากของมูคยอม ริมฝีปากของฮาจุนกดลงบนลำคอของเขา
ฮาจุนบดเบียดริมฝีปากลงบนลำคอของเขา ใช้ฟันขบกัดเป็นครั้งคราว สัมผัสมูคยอมโดยให้ความรู้สึกเหมือนอีกฝ่ายจะนำสิ่งที่ได้เรียนรู้เป็นประสบการณ์ในช่วงที่ผ่านมามาใช้ น่าเสียดายที่ผิวของมูคยอมไม่ไวต่อความรู้สึกและอ่อนนุ่มเท่ากับฮาจุน เขาจึงไม่รู้สึกถึงความซาบซ่านเท่ากับอีกฝ่าย แต่เพียงแค่สถานการณ์ที่ฮาจุนพรมจูบลงบนร่างกาย ก็ทำให้มูคยอมมีอารมณ์ขึ้นได้แล้ว
แกนกายที่เคยสงบลงครึ่งหนึ่งเพราะบรรยากาศเคร่งขรึม กลับมามีชีวิตชีวาในทันใด หน้าท้องขัดตึงจนเจ็บแปลบ ถ้าเป็นไปได้ เขาก็อยากจะจับฮาจุนลงนอนใต้ร่างอีกครั้งทั้งอย่างนี้ แต่ข้อมือถูกล็อกไว้ด้วยกุญแจมือแน่นหนาทำให้ขยับเขยื้อนไม่ได้เลย
เส้นทางที่มือเคยไต่ขึ้นไป คราวนี้เป็นริมฝีปากที่ลากไล้ไปตามแนวนั้น สัมผัสนุ่มนิ่มกดลงบนกระดูกไหปลาร้าแล้วเลื่อนลงมาเย้าแหย่ยอดอก คงรู้สึกได้ว่าปฏิกิริยาตอบสนองแตกต่างกับตนเอง ไม่นานฮาจุนจึงหยุดแล้วแตะปลายนิ้วเข้าด้วยกันเป็นวงกลมเหมือนเวลาจะดีดหน้าผาก แล้วก็ดีดลงไปตรงยอดอกของเขา
“โอ๊ย!”
เสียงที่มูคยอมเปล่งออกมาอย่างไม่พอใจทำให้ฮาจุนหัวเราะออกจมูกแล้วเลียลงตรงแถวๆ ลิ้นปี่เบาๆ
ฮาจุนถอยหลังไปทีละนิด มือแนบสนิทลงตรงส่วนข้างกระดูกซี่โครงแข็งแรงเพื่อค้ำร่างกายตัวเองที่โงนเงน ในตอนนั้น มูคยอมส่งเสียงแผ่วเบาออกมาพร้อมกับกัดฟันโดยไม่รู้ตัว
งานของฮาจุนคือการเฝ้าสังเกตสภาพร่างกายของนักกีฬา เวลามีเซ็กส์ จิตวิญญาณในอาชีพก็ยังคงแสดงออกมาให้เห็น แม้เป็นเพียงปฏิกิริยาตอบสนองเล็กๆ อีกฝ่ายจึงสังเกตเห็นได้อย่างรวดเร็ว
ริมฝีปากของฮาจุนบดคลึงผิวส่วนด้านข้างซี่โครงที่มือเคยไต่ขึ้นไป ลิ้นนุ่มหยุ่นแลบออกมาเลียกล้ามเนื้อเอวหนาและร่องระหว่างกระดูกซี่โครงทีละซี่ราวกับทาสี ถึงไม่ได้ทำแบบนั้น ร่างกายของมูคยอมก็ร้อนรุ่มจนท้องน้อยขัดตึงไปหมดแล้ว ความรู้สึกเสียวแปลบราวเปลวแดดก่อตัวขึ้นในร่างกาย
“อา ฮาจุน”
“…ชอบตรงนี้เหรอ”
ความอยากรู้อยากเห็นอัดแน่นอยู่ในเสียงที่ถามออกมา มันก็รู้สึกดีเหมือนที่อีกฝ่ายพูดนั่นแหละ แต่น้ำเสียงที่ถามขึ้นด้วยความสงสัยอย่างเต็มเปี่ยมทำให้มูคยอมหัวเราะออกมาฉับพลันอย่างไม่เข้ากับสถานการณ์
ฮาจุนคงตีความเสียงหัวเราะของเขาว่าเป็นการยอมรับ อีกฝ่ายจึงมุดหน้าลงตรงส่วนนั้นอีกครั้งแล้วใช้ฟันครูดสลับใช้ลิ้นเลีย พร้อมทั้งยังใช้ริมฝีปากดูดจุ๊บจั๊บและกดจูบซ้ำๆ อยู่พักใหญ่ มูคยอมตัวกระตุกเป็นครั้งคราวและส่งเสียงแหบพร่าด้วยความเสียวซ่านในลำคอ
ถ้าแสดงให้เห็นปฏิกิริยาตอบสนองแค่เพียงนิดเดียว ฮาจุนก็จะยิ่งตั้งอกตั้งใจทำมากขึ้น มูคยอมคอแห้งจนกลืนน้ำลายลงไปหลายอึก เนื้อตัวทุกส่วนเต้นตุ้บๆ ราวกับทั้งตัวกลายเป็นหัวใจไปแล้ว เพราะความรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองเป็นสัตว์กินเนื้อที่ถูกโซ่มัดให้ขยับตัวไม่ได้ ทั้งที่ตรงหน้ามีกระต่ายกำลังตะปบเท้าหน้าลงมาเพื่อยั่วยุ
“แบบนี้สนุกดี”
คงจะเพลิดเพลินกับการสัมผัสเขาอย่างเต็มที่ ฮาจุนจึงลุกขึ้นนั่งพร้อมกับหัวเราะอีกครั้ง ร่างกายของมูคยอมกำลังเดือดพล่าน ต่างกับฮาจุนที่ดูบริสุทธิ์ใจสุดๆ เสียงที่แหบพร่าขึ้นนิดหน่อยของมูคยอมถูกเปล่งออกมา
“เล่นสนุกเสร็จหรือยัง”
“ก็พอสมควร”
“ถ้างั้นคราวนี้จะปลดข้อมือให้ไหม”
“ตอนนี้เลยเหรอ ยังไม่ได้หรอก นายต้องอยู่แบบนั้นให้นานเท่าที่เคยล็อกฉันไว้สิ”
“ยกโทษให้ฉันเถอะ ฉันทำผิดแบบสมควรตาย เมื่อกี้คงจะเมามากไป”
“ฉันเป็นพวกต่อต้านการลดหย่อนโทษเพราะบอกว่าเมาเหล้านะ”
ฮาจุนพูดเสร็จก็ชันเข่ายกตัวขึ้น เมื่อเดินเข่าถอยหลังไปอีกสองสามก้าว แกนกายตั้งผงาดก็เข้าไปสู่สายตาของฮาจุนเช่นกัน ฮาจุนพึมพำราวกับทำการยืนยัน
“นายยังไม่เสร็จสักครั้งเลยนี่”
‘ใช่ เพราะงั้นก็ปลดกุญแจมือออกให้หน่อยเถอะ
หรือการลงโทษในวันนี้คือหยุดไว้แค่นี้นะ’
มูคยอมปกปิดความปรารถนาที่เหมือนกำลังเดือดพล่านจนจะทะลักออกมาอย่างยากลำบากแล้วจ้องมองฮาจุน อีกฝ่ายกำลังก้มลงมองแค่ตรงแกนกายชูชันแทนที่จะมองใบหน้าของเขา
ฮาจุนถอยหลังไปอีกนิดหน่อยแล้วค้อมร่างกายท่อนบนลง อีกฝ่ายดูลังเลแต่ก็แค่ชั่วครู่เดียวเท่านั้น ท่อนเนื้อที่คับแน่นอย่างเต็มที่จนดูน่าเกรงขามราวกับกระบองโทแกบี ถูกดูดกลืนเข้าไปในปากอุ่นชื้น
“ฮู่ว…!”
การดูดเลียอย่างกะทันหัน เร้าอารมณ์จนร่างกายที่ถูกยึดไว้กระตุกสั่น ลมหายใจร้อนรุ่มพ่นออกมาจากปากของมูคยอม
ฮาจุนดูดท่อนเนื้อในปากที่อ้ากว้างจนสุดอย่างขะมักเขม้นจนเสียงดังบ๊วบๆ ทุกครั้งที่ส่วนหัวแกนกายถลำไปด้านหลังลิ้นไก่ เนื้อเยื่อหยุ่นนิ่มก็จะโอบรัดตรงส่วนปลาย และเนื้อนุ่มภายในปากก็จะลากไล้ทั่วทั้งลำอย่างอ่อนโยน
“ฮ้า อึก”
มูคยอมครางออกมาอย่างทนไม่ไหวพร้อมกับหยัดเอวขึ้นด้านบนทีละนิด มัดกล้ามหนาเป็นร่องลึกซึ่งถูกปกคลุมด้วยผิวสีแทน สะท้านราวกับคลื่นน้ำเอื่อยๆ
ถึงแม้ว่าฮาจุนจะไอออกมาเบาๆ เพราะด้านในช่องคอถูกจิ้มย้ำๆ ทุกครั้งที่เขาทำแบบนั้น แต่อีกฝ่ายก็ยังดูดอมแกนกายของเขาต่อไป เมื่อแกนกายพองขยายเหมือนมูคยอมใกล้จะปลดปล่อยในอีกไม่นาน ฮาจุนก็จะคายมันออกมา และถ้าสงบลงเมื่อไร อีกฝ่ายก็จะกลับมาดูดเลียอย่างเชื่องช้าอีกครั้ง สลับกันไปอยู่หลายรอบ
ฮาจุนหยุดใช้ปากปรนเปรอแล้วหายใจหอบแรงพร้อมกับเงยหน้ามองมูคยอมไปด้วย จากนั้นก็ถามขึ้นด้วยสีหน้าที่ดูลังเลชอบกล
“คิมมูคยอม… ดีหรือเปล่า”
“ดูแล้วไม่รู้เหรอ เหมือนจะตายเลย…”
มูคยอมตอบกลับเหมือนกับจะร้องไห้อยู่รอมร่อ ฮาจุนยกตัวที่เคยก้มลงขึ้น คลานกลับขึ้นมาด้านหน้าและทำท่าราวกับกำลังสังเกตท่าทีของเขาอยู่ สีหน้าของอีกฝ่ายครึ่งหนึ่งปรากฏให้เห็นความอยากรู้อยากลองอย่างชัดเจน ส่วนอีกครึ่งเจือไปด้วยความร้อนเร่า
ฮาจุนใช้เข่าพยุงตัวบนเตียงแล้วนั่งตั้งเอวตรง ส่วนปลายนิ้วก็ประคองส่วนนั้นของมูคยอมเบาๆ ราวกับล็อกให้มันอยู่กับที่ จากนั้น
“อื๊อ…”
มูคยอมไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ฮาจุนกดเอวลงทั้งอย่างนั้นแล้วใช้ส่วนกลางบั้นท้ายกลืนกินตัวตนของเขาที่ตั้งแข็งขึง
ด้านหลังซึ่งเคยมีสิ่งที่เหมือนกับไม้กระบองฝังลึกอยู่พักใหญ่ ยังคงอ่อนนุ่มจึงสอดใส่เข้าไปได้ไม่ยากโดยไม่ต้องขยายเพิ่ม เพียงแต่ผนังด้านในที่บวมแดงเพราะถูกรังแกด้วยการตอกเข้าออกอย่างรุนแรงเป็นเวลานาน รับรู้ถึงสัมผัสของท่อนเนื้อแข็งซึ่งแหวกร่างกายเข้ามา เป็นเหมือนสิ่งเร้าที่ใกล้เคียงกับความเจ็บปวดมากกว่าความสุขสม
ฮาจุนกัดริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว ลมหายใจหอบกระชั้น
“นาย ข้างใน… เหมือนจะบวมนะ”
ฮาจุนเพิกเฉยต่อความกังวลที่เป็นเพียงแค่ลมปากของตัวการที่ทำให้เนื้อบอบบางบวมเป่ง จากนั้นก็กดเอวลงจนสุด ความเสียวกระสันกับความปวดร้าวอย่างละครึ่งไต่ขึ้นมาตามแผ่นหลัง ทำให้ร่างกายรู้สึกหนาวจนขนลุก
ฮาจุนเพียงแค่หายใจโดยไม่ได้พูดอะไรจนกระทั้งอาการหนาวสะท้านคลายลงไประดับหนึ่ง จากนั้นจึงขย่มสะโพกขึ้นลงพร้อมกับทำให้ผนังด้านในของตัวเองถูกบดครูด เหมือนเวลาที่มูคยอมเป็นฝ่ายคุมจังหวะ
“ฮ้า อึก อ๊า”
“ฮ้า ไม่เป็นไร ใช่ไหม”
“อา อึก เจ็บ…”
“ถ้าเจ็บ ฮู่ววว ก็อย่าทำ”
“นายต่างหาก อย่าพูด สวนทางกับใจตัวเอง…”
ความร้อนวูบและเสียดเสียวทำให้น้ำตาที่เคยแห้งไป ซึมออกมาอีกครั้งจนชุ่มขนตาล่างของฮาจุน มูคยอมที่ถูกล็อกข้อมืออย่างแน่นหนาทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงมองตาของอีกฝ่ายอย่างไม่มีทางเลือก พร้อมเกร็งลำคออยู่หลายครั้งด้วยความกระหาย
ฮาจุนขยับเอวที่เคยขย่มขึ้นลง หมุนควงเป็นวงกลมตามที่มูคยอมเคยสอน อีกทั้งยังขยับโยกหน้าหลังสลับไปด้วย เสียงหายใจหอบถี่ของฮาจุนกระชั้นขึ้น
ความรู้สึกเจ็บแสบที่เหมือนจะแผดเผาร่างกาย เริ่มจากตรงบริเวณใกล้ๆ ปากช่องทางแล้วลามขึ้นมาตามสันหลัง ทว่าความรู้สึกที่แผ่ซ่านขึ้นมานั้น ปะปนอยู่กับความสุขสมซึ่งเกิดจากการที่ด้านในเปียกชื้นถูกกระทุ้งด้วยส่วนหัวอวบถี่ๆ แล้วในที่สุด ภายในร่างกายก็รู้สึกหวานล้ำอย่างเต็มเปี่ยม ราวกับอาบไปด้วยน้ำของผลไม้ที่สุกเต็มที่จนแตกกระเซ็น
ทั้งรู้สึกเจ็บ ทั้งรู้สึกดี รู้สึกอย่างนี้ควบคู่กันไป
ไม่รู้อะไรอีกแล้ว สัมผัสที่ซ้อนทับกันเป็นชั้นๆ จนสูงเท่ากับความรู้สึกที่ผสานเข้าด้วยกันเมื่อครู่นี้ ทำให้ร่างกายกับภายในหัวของฮาจุนตีกันยุ่งเหยิงราวกับไจด้ายที่ถูกพันเป็นก้อนอย่างลวกๆ