Grasping Evil จักรพรรดิปีศาจหนิง - ตอนที่ 195
“ตระกูลซัวแห่งทะเลส่วนใน… ฮึ่ม ข้าเพิ่งมอบของขวัญในผู้นำตระกูล แต่วันนี้กลับต้องมาต่อสู้กับคนในตระกูล!”
สีหน้าหยิงเก้อกลับคืนสู่ความสงบ มันนำรูปปั้นสัตว์อสูรสีทองขนาดเท่าฝ่ามือออกมา
รูปปั้นสัตว์อสูรแผ่กลิ่นอายโบราณ รูปลักษณ์ของมันดูเหมือนหมาป่าเขาเดียว
สัตว์อสูรอัสนี!
รูปปั้นที่หยิงเก้อเอาออกมาสมควรเป็นสมบัติอัญเชิญอสูรโบราณ!
“วิชาอัญเชิญอสูร สัตว์อสูรอัสนี!”
หยิงเก้อใช้นิ้วสัมผัสลงบนรูปปั้นสัตว์อสูร รูปปั้นสีทองเปล่งแสง แปรเปลี่ยนเป็นลำแสงหมุนวน อัสนีสีทองแปรปราบ กลิ่นอายของหยิงเก้อเพิ่มพูนจนน่าตระหนก
ทั่วร่างหยิงเก้อเคลือบฉาบด้วยอัสนีแสงสีทอง… อัสนีคุ้มกาย!
หนิงฝานที่สงบนิ่งรั้งแส้กลับ ก่อนหวดแส้ที่ฉาบด้วยอัสนีโลหิตเข้าใส่ร่างหยิงเก้ออย่างรุนแรง แต่พริบตานั้น สัตว์สีทองปรากฏตัว เปล่งเสียงคำรามกึกก้อง
ในมือหยิงเก้อปรากฏดาบสีทองเล่มใหญ่ แววตาแปรเปลี่ยนเย็นชา
“ซัวหมิง! แส้ของเจ้าทำอะไรข้าไม่ได้!”
“ใช่… สมแล้วที่เป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูง ข้าคงกระชากตันเถียนของเจ้าออกมาไม่ได้ง่ายๆ ข้าดูแคลนเจ้าเกินไป… อีกอย่าง วิชาอัญเชิญอสูรกับสมบัติอัญเชิญอสูรของเจ้าก็ดูจะไม่ธรรมดา”
แววตาหนิงฝานเป็นประกาย เขารั้งแส้กลับคืนและเก็บมันไป
หนิงฝานยังไม่ได้ตั้งชื่อให้แส้ แส้ของเขามีพลังในการตรึงร่างไม่ให้ขยับเคลื่อนไหวด้วยการอาศัยพลังจากอัสนีสวรรค์
หากศัตรูเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง ในระหว่างที่พวกมันกำลังใช้วิชา หนิงฝานสามารถฉวยโอกาสให้แส้จู่โจม สร้างความเสียหายต่อศัตรูอย่างมาก
แต่ถึงอย่างนั้น ดูเหมือนหยิงเก้อจะประมาทหนิงฝานเกินไป ในเมื่อแส้ไม่อาจทำอันตรายได้ ก็อย่าได้คิดว่าจะชนะหนิงฝานได้ง่ายๆ
ดูเหมือนแส้อัสนีที่เป็นถึงอาวุธเทพจะอะไรอีกฝ่ายไม่ได้
แต่ถึงจะทำอันตรายไม่ได้ ก็ใช่ว่าหนิงฝานจะไม่มีหนทาง หนิงฝานมีวิธีสังหารผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูง
เมื่อเก็บแส้แล้ว แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยน!
โคจรปราณกระบี่เตรียมพร้อม
สีหน้าหนิงฝานสงบนิ่ง ผมดำพลิ้วสไว เขาเดินเข้าหาหยิงเก้อทีละก้าว
แต่ละก้าวที่เดิน ท้องนภาโดยรอบสั่นไหว
แต่ละก้าวที่เดิน ทำให้จิตใจของหยิงเก้อสั่นสะท้าน
แรงกดดันที่เข้าโหมกระหน่ำ ทำให้มันรู้สึกราวกับถูกพิรุณซัดสาด
แม้ไร้ซึ่งพิรุณ แต่อำนาจของพิรุณยังคงอยู่!
ตระกูลซัว? วังผนึกอสูร? หนิงฝานไม่ได้สนใจกล่าวถาม เพราะหากอ่านความทรงจำของหยิงเก้อ เขาก็จะรู้ทุกสิ่ง
จากที่หยิงเก้อเห็น มันรู้ว่าหนิงฝานไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้นทั่วๆไป เพราะวิชาผสานระหว่างมันกับรูปปั้นอสูร ทำให้มันครอบครองอัสนีทองคำที่ทรงพลัง แม้ตระกูลซัวจะเชี่ยวชาญการใช้อัสนี ย่อมต้องหวาดกลัวอัสนีของมันยามนี้ แต่ซัวหมิงเบื้องหน้ากลับไม่สะทกสะท้าน
และไม่นาน หยิงเก้อกลับพบว่ามันทำผิดพลาดครั้งใหญ่!
มันประเมิณพลังของหนิงฝานคาดเคลื่อนไปมากเกินไป!
เพราะแต่ละก้าวที่หนิงฝานเข้าประชิดมัน มันรู้สึกราวกับถูกเหยียบย่ำจิตใจ
เมื่อหนิงฝานเดินได้ 3 ก้าว สีหน้าของหยิงเก้อซีดขาว ปราณและโลหิตในร่างปั่นป่วน
เมื่อเดินได้ 5 ก้าว ปราณในร่างก็ยากจะโคจร กระทั่งยากจะสูดลมหายใจ
เมื่อเดินได้ 8 ก้าว จิตใจของหยิงเก้อหนักอึ้งราวกับถูกภูเขาหนักพันล้านจินกดทับ ยิ่งหนิงฝานเดินเข้าใกล้ มันยิ่งรู้สึกราวกับว่าค่อยๆถูกกระบี่จ่อมายังลำคอ
มันเริ่มตระหนักได้ว่า แต่ละก้าวที่หนิงฝานเดิน เขาได้ใช้วิชากระบี่แฝงไปด้วย วิชากระบี่นั้นกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ไม่ผิดแน่…เป็นวิชากระบี่ในระดับดวงจิตแรกเริ่ม
เมื่อหนิงฝานเดินได้ครบ 9 ก้าว แรงกดดันของหนิงฝานเปลี่ยนไป ราวกับตัวเขาเป็นกระบี่ที่พร้อมสังหารหยิงเก้อได้ทุกเมื่อ
“เป็นวิชากระบี่ที่ไม่ธรรมดา! แต่เสียดายที่ไม่มีกระบี่คู่กาย!”
หยิงเก้อนำกระบี่วางขวางหน้าระหว่างมันและหนิงฝาน
พร้อมกันนั้น แววตาหนิงฝานกลับเฉียบคมราวกับกระบี่ เจตนาสังหารปะทุ แหงนหน้ามองท้องนภาที่มีพิรุณสีโลหิตโปรยปราย
พิรุณโลหิตหนึ่งหยดเทียบได้กับกระบี่หนึ่งเล่ม ทำให้ห่าพิรุณคือกลายเป็นห่ากระบี่!
“กระบี่ตัดวิญญาณ ‘เก้าย่างเหยียบสวรรค์’!”
พิรุณโลหิตจำนวนมหาศาลกรีดเฉือนร่างของหยิงเก้อ จนทำให้ตัวมันในยามนี้ราวกับแมลงที่บินตกลงสระ แล้วถูกปลาเล็กปลาน้อยจำนวนมากรุมทึ้ง
ดาบทองคำคู่กายหยิงเก้อกระทบหยาดพิรุณ บริเวณที่สัมผัสถูกทะลวงเป็นรูโหว่!
ดวงตาหยิงเก้อเบิกกว้าง! วิชากระบี่ของหนิงฝานกลับทำลายอาวุธวิญญาณขั้นสูงสุดของมันได้ หากผู้ที่เผชิญกับห่าพิรุณของหนิงฝานคือผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้น คนเหล่านั้นคงตายไปนานแล้ว
“เป็นไปไม่ได้! คนของตระกูลซัวไม่มีผู้ใช้กระบี่! เหตุใดมันถึงรู้วิชากระบี่! แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง ยังยากจะต้านรับวิชาของมัน!”
หยิงเก้อกระตุ้นวิชาอัญเชิญอสูร ปรากฏเป็นสัตว์อสูรสีทองปรากฏกายบดบังตัวมันจากพิรุณโลหิต
ในเมื่อสมบัติขั้นสูงสุดยังต้านรับวิชากระบี่ไม่ได้ สมบัติอื่นๆที่มีคงไม่อาจต้านไหว
ไม่นานเรื่องที่มันหวาดกลัวก็เกิดขึ้น!
ร่างของสัตว์อสูรที่สองถูกทะลวง หยาดพิรุณทะลวงการป้องกัน สัมผัสเข้ากับร่างของหยิงเก้อ!
หยาดพิรุณคือกระบี่ กระบี่เกิดจากเจตจำนงค์เทพพิรุณ แฝงด้วยอำนาจสวรรค์… หยาดพิรุณก่อเกิดเป็นกระบี่ ไม่ใช่ทั้งปราณ ไม่ใช่ทั้งสัมผัสเทพ แต่เป็นกระบี่ที่ทรงพลังอย่างที่สุด!
เมื่อหยิงเก้อรู้ว่าหยาดพิรุณสัมผัสร่าง นั่นก็สายเกินไปแล้ว
หยาดพิรุณทะลวงเข้าร่าง กรีดเฉินผ่านอวัยวะภายในต่างๆ ดิ่งลงสู่ตันเถียนและดวงจิตแรกเริ่ม!
ความประมาทเพียงชั่วครู่ ทำให้หยิงเก้อบาดเจ็บสาหัส กระอักโลหิตอย่างต่อเนื่อง
ใบหน้าซีดขาวราวกระดาษ แต่แววตากลับแปรเปลี่ยนบ้างคลั่ง ก่อนจะอ้าปากคายเอามุกสีแดงโลหิตออกมา!
มุกนั่นมีชื่อว่า ‘มุกป่วนสวรรค์’เป็นมุกที่เอาไว้ทำลายข่ายอาคมที่ทรงพลังโดยเฉพาะ โดยการเปล่งพลังที่ทำให้พลังธรรมชาติปั่นป่วน
พิรุณกระบี่ของหนิงฝานทรงพลังยากจะต้านรับ แต่หากมีมุกป่วนสวรรค์ มันจะทำลายวิชาของหนิงฝานได้
มุกป่วนสวรรค์มีค่านับล้านหยกสวรรค์ แต่การนำมารักษาชีวิต มันย่อมไม่เสียดาย
“ทำลายมันซะ!”
หยิงเก้อบดมุกป่วนสวรรค์ในมือ พลังที่รุนแรงแผ่นไปบนท้องภาพ อากาศสั่นไหว ผืนนภาพปรากฏรอยปริแตกจำนวนมหาศาล ก่อนที่พิรุณของหนิงฝานจะหายไป
หนิงฝานขมวดคิ้วเล็กน้อย สมแล้วที่เป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูง ถึงกับมีสมบัติระดับนี้ติดตัว
แม้หยิงเก้อจะทำลายเก้าย่างเหยียบสวรรค์ แต่สีหน้าของมันยามนี้ไม่สู้ดีเป็นอย่างมาก
มันยื้อชีวิตได้ด้วยมุกป่วนสวรรค์ หากมันพลาดอีกครั้ง มันอาจไม่รอด… หากเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุด หากหยาดพิรุณไม่ทะลวงร่างตรงๆ ก็คงยากจะทำอันตรายได้
แต่สิ่งที่หยิงเก้อไม่รู้คือ เก้าย่างเหยียบสวรรค์ของหนิงฝานไม่ได้ใช้ปราณแม้แต่น้อย แต่เป็นการหยิบยืมพลังในธรรมชาติ ดังนั้นยามนี้ หนิงฝานจึงยังเปี่ยมไปด้วยพลัง
ผิดกับหยิงเก้อที่แทบจะไร้กำลัง มันหวาดกลัวหนิงฝาน ในทะเลส่วนใน มันคือผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงที่โดดเด่น แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหนิงฝาน มันกลับไม่อาจตอบโต้
นั่นหมายความว่า แม้ระดับพลังของหนิงฝานไม่สูงส่ง แต่ความแข็งแกร่งกลับก็เทียบได้กับผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุด
“ข้ายังเหลือมุกป่วนสวรรค์อีกมาก! ซัวหมิง… ถือว่าเห็นแกหน้าวังผนึกอสูร ปล่อยข้าไป แล้วความแค้นระหว่างเราถือว่าสิ้นสุด”
แววตามันแปรเปลี่ยนจริงจัง ป้องมือกล่าวกับหนิงฝานและเตรียมจะหนีไป
มันคิดว่าหนิงฝานคงสังหารมันได้ง่ายๆ แต่การที่ยังไม่สังหารมันนั้น อาจหมายความว่าอีกฝ่ายเมตตามัน
“ฮึ่ม! เป็นคนของตระกูลซัวแล้วยังไง? สุดท้ายพวกมันก็ต้องหวาดกลัววังผนึกอสูรอยู่ดี หากข้าหนีรอดไปได้ ข้าจะไปรายงานท่านประมุข!”
แต่หยิงเก้อไม่รู้ว่ามันคิดผิด
จริงอยู่ที่หนิงฝานสังหารมันได้ง่ายๆ แต่เขายังไม่สังหารมัน เพียงแต่…เขาไม่กลัววังผนึกอสูร!
เมื่อตอนที่อยู่ในวิหารสาบสูญ หนิงฝานคิดค้นวิชากระบี่เป็นของตน นอกจากนี้ เขายังได้ดัดแปลงเพลกระบี่เพลิงผันแปร และเพลงกระบี่กระดูกขาวราวขุนเขา… เมื่อบรรลุขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม หนิงฝานก็ฝึกใช้ ‘เพลงกระบี่อยู่ที่ใจ’ ที่ได้มา ทำให้ยามนี้เขามีเพลงกระบี่ทั้งหมด 4 กระบวนท่า
เมื่อเห็นท่าทีว่าหยิงเก้อกำลังจะหนี แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยนเย็นชา
“หากเจ้ารับวิชากระบี่ที่สองของข้าได้ ข้าจะปล่อยเจ้าไป!”
หนิงฝานสัมผัสหน้าผาก นำกระบี่แยกสวรรค์ออกมา!
เมื่อกระบี่แยกสวรรค์ปรากฏ ปราณดั้งเดิมภายในร่างหนิงฝานเริ่มโคจร ถ่ายเข้าไปในกระบี่ก่อนจะฟาดเข้าใส่หยิงเก้อที่กำลังจะหลบหนี
“ซัวหมิง! ข้าเป็นคนของวังผนึกอสูร เจ้ากล้าฆ่าข้าเหรอ?”
“หุบปาก! เพลิงหม่น… อัสนีกระหน่ำ… ใบไม้ร่วงโรย… ภูเขาพังทะลาย… สรรพสิ่งเยือกแข็ง… สามวิชากระบี่รวมศูนย์… เพลงกระบี่ดั้งเดิม!”
เพลิงลุกโหมบนตัวกระบี่ แต่ภายในเพลิงกลับแฝงด้วยธาตุทั้งห้าที่ผสานเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นเพลิงขาว
กระบี่แรกแสดงถึงอานุภาพของกระบี่
แต่กระบี่ที่สอง…แสดงถึงอำนาจกระบี่ดั้งเดิม
หนิงฝานฟาดฟันกระบี่แยกสวรรค์ ปราณกระบี่สีขาวพุ่งออกจากกระบี่ ตัดผ่านทุกสรรพสิ่งที่ขวางทาง กระทั่งกระทบเข้าร่างหยิงเก้ออย่างรวดเร็วจนมันตอบสนองไม่ทัน
ปราณกระบี่ทะลวงร่าง ปะทุอำนาจที่ทรงพลังจนเกือบจะทำให้ดวงจิตแรกเริ่มของมันถูกสะบั้น
“กระบี่ดั้งเดิม! มีเพียงผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่ และเข้าใจธาตุต่างๆในโลกเป็นอย่างดี จึงจะใช้วิชานี้ได้… แบบบี้แล้วข้าจะไปสู้กับมันได้ยังไง… แต่โชคดีที่ยันต์คุ้มกายทำงาน ไม่งั้นข้าคงตายไปแล้ว”
ยันต์คุ้มกายของหยิงเก้อทำงาน ช่วยชีวิตของมันให้รอดพ้นจากความตาย แต่ถึงอย่างนั้น… ยามนี้มันก็ไร้ซึ่งสิ่งที่จะยื้อชีวิตแล้ว
“หืม? กระบี่ที่สองยังสังหารเจ้าไม่ได้… เช่นนั้นคงต้องหวังเพิ่งกระบี่ที่ 3…”
“อะไรนะ! กระบี่ที่ 3!”
หยิงเก้อหวาดกลัว
กระบี่แรกแสดงถึงอานุภาพของกระบี่ เป็นวิชากระบี่ระดับดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้น
กระบี่ที่สองแสดงถึงพลังกระบี่ดั้งเดิม เป็นวิชากระบี่ระดับดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง
เมื่อกล่าวถึงกระบี่ที่ 3 อย่างน้อยกระบี่นั้นควรจะเป็นวิชาระดับดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูง!
“ข้าต้องหนี ไม่ว่ายังไงก็ต้องหนีให้ได้!”
หยิงเก้อโคจรปราณเพื่อใช้ย่างก้าวพริบตา
หนิงฝานแข็งแกร่งมาก มากเกินกว่าที่มันจะรับมือ ดังนั้นมันจึงเค้นทุกอย่างที่มีเพื่อหนี ไม่งั้นชีวิตมันคงจบสิ้นที่นี่
หยิงเก้อขยับนิ้วเป็นท่าทาง… มันกำลังใช้วิชาอสูร พร้อมกับนำศพอสูร 2 ตัวออกมา ก่อนศพอสูรทั้งสองจะขยายขนาดขึ้น
หยิงเก้อกัดปลายลิ้น พ่นแก่นโลหิตเข้าเสริมอานุภาพของศพอสูร
“วิชาอสูร… สร้างศพอสูร!”
หยิงเก้อผ่าทะเลสติเป็น 3 ส่วน แบ่ง 2 ส่วนเข้าไปในศพของสัตว์อสูรทั้ง 2
วิชานี้คือการแบ่งทะเลสติออกเป็น 3 ส่วน เพื่อนำไปใส่ศพสัตว์อสูร ทำให้มันมีชีวิตอีกครั้ง
ไม่นาน ศพสัตว์อสูรทั้งสองลืมตา ร่างของพวกมันแปรเปลี่ยนเป็นบุรุษ 2 คนในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูง ยืนประกบข้างหยิงเก้อ
หากจะกล่าวให้ถูก วิชาที่หยิงเก้อใช้เมื่อครู่คือวิชาแปลงศพ และแบ่งทะเลสติของตนใส่เข้าไป เพื่อทำให้ศพเหล่านั้นกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีพลังทัดเทียมผู้ใช้
หยิงเก้อหัวเราะลั่น ความมั่นใจเต็มเปี่ยม มันไม่หนีอีกแล้ว!
“สำเร็จ! ฮ่าฮ่า ข้านี่โชคดีจริงๆที่ใช้วิชาที่ไม่สมบูรณ์ได้สำเร็จ ตอนนี้มีตัวข้าถึง 3 ร่าง แต่ละร่างเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูง! ซัวหมิง! ถึงเวลาตายของเจ้าแล้ว!”
ผู้เชี่ยวชาญที่เฝ้าสังเกตุการต่อสู้ตกตะลึง!
เป็นครั้งแรกที่พวกมันได้เห็นศพอสูรที่มีปราณเป็นของตน
หากหยิงเก้อสร้างร่างได้หลายร่างเช่นนี้ ต่อให้เผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ คนผู้นั้นยังต้องหวั่นเกรงมัน
เพราะหยิงเก้อใช้วิชาที่ทรงพลังที่สุดของวังผนึกอสูร!
นี่คือสาเหตุที่พวกมันออกมาทะเลส่วนนอก ควบคุมสัตว์อสูรจำนวนมหาศาลเข้าจู่โจมผู้คน เพื่อให้สัตว์อสูรเหล่านั้นยกระดับ และนำไปเป็นร่างศพของพวกมัน
ฉากที่ปรากฏเบื้องหน้า ทำให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญคิดว่าหนิงฝานสู้หยิงเก้อไม่ได้
แม้หนิงฝานจะแข็งแกร่ง แต่ก็เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้น แต่อีกฝ่ายเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงถึง 3 คน
หากพวกมันร่วมมือ คงแสดงศักยภาพได้อย่างสูงสุด แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณยังต้องล่าถอย
แต่หนิงฝานยังคงยืนนิ่งไม่กล่าวคำ
กระบี่แยกสวรรค์ในมือสั่นเทา แปรเปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นกระบี่ใหญ่สีขาวที่ดูทรงพลัง
อัสนีแปรบปราบ กระบี่ยักษ์เปล่งอานุภาพราวกับขุนเขาที่ทรงพลัง
แต่ในชั่วพริบตานั้น กระบี่ยักษ์ราวกับแปรเปลี่ยนเป็นกระบี่บินสีขาว พุ่งทะยานเข้าหาหยิงเก้อ
ผ่านไปเพียงชั่วอึดใจ หนิงฝานปรากฏกายหลังหยิงเก้อพร้อมกับกระบี่ยักษ์ที่อาบโชกไปด้วยโลหิต!
กระบี่บินเมื่อครู่เป็นเพียงเงากระบี่ลวง ที่ดัดแปลงมาจากเพลงกระบี่ในระดับแก่นทองคำ
เพลงกระบี่เมื่อครู่ ผู้ใช้ต้องมีร่างกายที่แข็งแกร่ง รวบรวมพละกำลังไว้ที่เท้า จากนั้นพุ่งทะยานออกไปพร้อมกับฟาดฟันกระบี่ในพริบตา!
“เพลงกระบี่ที่ 3.. กระบี่เงา… เพลงกระบี่นี้ผลาญกำลังกายของข้าไปไม่น้อย หากไม่เพราะข้าบรรลุขอบเขตกระดูกเงินที่ 2 ข้าคงใช้ไม่ได้… ช่างน่าเสียดายศพของเจ้า”
ทันทีที่สิ้นเสียหนิงฝาน ศพอสูรทั้งสองร่างเปล่งเสียงร้องโหยหวน แล้วกลายเป็นหมอกโลหิตในพริบตา
เพลงกระบี่ระดับดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูง แต่เพลงกระบี่ที่เค้นกำลังกายจนถึงขีดสุด แลกกับอำนาจการทำลายที่ทรงอานุภาพ
หยิงเก้อสิ้นสติ หนิงฝานฉวยเอาดวงจิตแรกเริ่มของมัน แล้วผนึกไว้ในกระเป๋าเก็บของตน
เมื่อเก็บเอากระเป๋าของหยิงเก้อ และเก็บกระบี่แยกสวรรค์แล้ว แววตาหนิงฝานก็แปรเปลี่ยนเย็นชา
“ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มที่อยู่โดยรอบ ส่งหยกสวรรค์ให้ข้าคนละ 1 ล้าน และมาให้ข้าประทับตราวิญญาณ หากไม่ยอม ข้าจะสังหารให้หมด”
“อะไรกัน! พวกข้าไม่ได้เกี่ยวข้องกับวังผนึกอสูร พวกข้าเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญไร้สังกัดเท่านั้น เหตุใดท่านต้องช่วงชิงหยกสวรรค์ของพวกข้าด้วย!”
“ท่านเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่ง ไม่สมควรออกมาก่อเรื่องที่ทะเลส่วนนอก”
“หุบปาก”
ร่างหนิงฝานเปล่งแสงสีเทาก่อนที่เงาร่างจะหายไป แล้วปรากฏกายเบื้องหน้าผู้เชี่ยวชาญที่ต่อรองเมื่อครู่พร้อมกับซัดฝ่ามือเข้าใส่ ผู้เชี่ยวชาญคนนั้นตอบสนองไม่ทัน จนโดนฝ่ามือเปลี่ยนให้เป็นหมอกโลหิต เหลือเพียงดวงจิตแรกเริ่มที่กำลังหวาดกลัว
“ที่แท้เป็นแค่ผู้เชี่ยวชาญไร้สังกัด เดิมทีข้านึกว่าพวกเจ้าเป็นผู้คนนิกายสักแห่งจึงคิดจะไว้ชีวิต แต่ในเมื่อเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญไร้สังกัด พวกเจ้าก็ตายได้แล้ว!”
ร่างของหนิงฝานแปรเปลี่ยนลำแสงหลายสาย ตรงดิ่งเข้าทะลวงร่างของผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มที่เหลืออยู่เพียง 5 คน
พวกมันทุกคนร้องลั่ง ปราณกระบี่ของหนิงฝานทะลวงร่างเข้าทำลายดวงจิตแรกเริ่มโดยตรง โดยที่คงสภายร่างเนื้อของพวกมันไว้
หากเป็นผู้เชี่ยวชาญสังกัดนิกาย คนพวกนั้นจะมีแผ่นหยกที่เอาไว้แสดงสถานะการคงอยู่ของตัวเอง หากเกิดเขาไปสังหารคนพวกนั้น ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณอาจไม่พอใจและออกตามล่าเขา
แต่หากเป็นผู้เชี่ยวชาญไร้สังกัด ต่อให้สังหารไปก็ไม่มีผู้ใดตำหนิ… ผู้ที่แข็งแกร่งย่อมเอาชนะคนอ่อนแอ
ตั้งแต่หนิงฝานกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญฝ่าอธรรม หนิงฝานก็โหดเหี้ยมมากขึ้น
หลังจากจัดการทั้งหมด หนิงฝานได้กระเป๋าเก็บของของหยิงเก้อ อ้านต้า และผู้เชี่ยวชาญไร้สังกัดอีก 6 คน ในกระเป๋าพวกมันรวมๆสมควรมี 20 ล้านหยกสวรรค์เป็นอย่างน้อย
สิ่งที่หนิงฝานทำถือเป็นเรื่องธรรมดาของทะเลไร้สิ้นสุด
ผู้ที่อยากลี้ภัยจากการเข่นฆ่าสังหาร ก็เข้าร่วมนิกาย
แต่หากจะเป็นผู้เชี่ยวชาญไร้สังกัด ก็ต้องเตรียมใจที่จะถูกสังหาร…
หนิงฝานยังคงไม่จากไป เขาแหงนมองท้องนภาด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน
“นายน้อยหญิงเป่ยถึงกับมาดูข้าสังหารผู้คนถึงที่นี่เลยเหรอ?”
“ช่างเป็นเจตนาสังหารที่น่ากลัว…” ลึกเข้าไปในหมู่เมฆ สตรีอาภรณ์แดงนางหนึ่งกำลังจ้องมองหนิงฝาน
“เจ้าสังหารได้หมดจดไม่ลังเล… จากเจตนาสังหารของเจ้า หรือเจ้าคิดจะสังหารข้าอีกคน?”
“ฮ่าฮ่า ข้าจะไปกล้าได้ยังไง ท่านมีทาสรับใช้ในขอบเขตตัดวิญญาณ… ข้าขอตัวลา!”
แล้วหนิงฝานก็แปรเปลี่ยนเป็นลำแสงสีเทาทะยานหายไป
ในระหว่างนั้น เป่ยเซี่ยวเหมินกลับเลียปาก
“เป็นเจตนาสังหารที่น่าอร่อยจริงๆ หากข้าได้กินคนผู้นั้น… เจตนาสังหารดาราสวรรค์ที่ 10 ของข้าคง…”
“นายหญิงน้อย ท่านจะยั่วยุคนผู้นั้นไม่ได้!” ทหารศิลาร่างยักษ์ปรากฏตัว
“ฮึ่ม! เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญฝ่ายอธรรมอันต่ำต้อย ที่อยู่ในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้น แต่แข็งแกร่งเทียบเท่าขั้นสูง เหตุใดต้องกลัว!”
“คนผู้นั้นให้ความรู้สึกที่คุกคามต่อข้า ยังมีบางสิ่งที่คนผู้นั้นยังไม่ได้แสดงออกมา และหากแสดงออกมา ข้าก็ไม่มั่นใจว่าจะรักษาชีวิตตัวเองได้หรือเปล่า”
“งั้นเหรอ? เจ้ากำลังจะบอกว่าข้าดูแคลนคนผู้นั้น? แต่ยังไงมันก็เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้น ยากที่จะรับมือกับผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณได้”
หนิงฝานกลับมาถึงเกาะเผิงไหล
“สตรีนางนั้นมีเจตนาสังหารต่อข้า ถึงแม้จะเบาบางก็เถอะ… แต่นางจัดเป็นกระถางขัดเกลาชั้นดี หากได้นางมาครอง ด้วยสถานะของนางแล้ว ข้าจะเข้านอกออกในวิหารสาบสูญได้ดั่งใจ และวิหารสาบสูญแห่งนี้ ก็จะตกเป็นของข้า… หากไม่มีทหารศิลานั่นอยู่ ก็จัดการนางได้ไม่ยาก”
ก่อนจะเข้าไปฝึกฝนในวิหารสาบสูญ หนิงฝานสังหารผู้เชี่ยวดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลางได้ เมื่อกลับออกมา เขาก็เอาชนะผู้มีชื่อเสียงของวังผนึกอสูร
ยามนี้หนิงฝานกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญฝ่ายอธรรมเต็มตัว ไม่ว่าจะต้องใช้เล่ห์กลใดๆ เขาก็จะทำให้สิ่งที่คาดหวังไว้ลุล่วง นั่นคือนำสตรีทุกคนในทะเลส่วนนอกเป็นกระถางขัดเกลา!