Grasping Evil จักรพรรดิปีศาจหนิง - ตอนที่ 210
สองมือนวดเค้น โคจรวิชา ร่างกายศพปีศาจอ่อนลง
เรือนร่างเปลือยกาย นอนแช่น้ำอุ่นในอ่างน้ำ นางรู้สึกแสบเล็กน้อย
“ร้อน…” นางกล่าวด้วยแววตาน่าสงสาร
“อืม…” หนิงฝานจ้องมองพลางจุ่มมือลงไปในน้ำ น้ำที่เตรียมให้นางอาบมีอุณภูมิพอดีสำหรับคนทั่วไปอาบ แต่ดูเหมือนสำหรับนางจะร้อนเกินไป
บางทีร่างกายของศพปีศาจจะมีอุณภูมิที่ต่ำกว่าคนทั่วไปมาก
แม้นางเป็นศัตรู…แต่ได้รับการปฏิบัติเฉกเช่นภรรยา
แม้นางไม่ใช่ภรรยา แต่มู่เหว่ยเหลียงถือเป็นคนสำคัญของหนิงฝานคนหนึ่ง จึงไม่ได้ปฏิบัติกับศพปีศาจแตกต่างจากภรรยามากนัก
หนิงฝานถ่ายปราณน้ำแข็งลงไปในอ่างเล็กน้อย เพื่อทำให้น้ำเย็นขึ้น
สีหน้านางดูผ่อนคลาย ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มที่งดงาม ราวกับสบายเป็นอย่างมาก
“แสง… ขอบคุณ…”
“อืม แต่อย่าเพิ่งขยับตัวไปมา ข้าจะอาบน้ำให้เจ้า”
ใบหน้าของมีร่องรอยของการเน่าเปื่อยส่วนหนึ่ง แต่ดวงตาของนางกระจ่างชัด ใสสื่อ และบริสุทธิ์ สองมือยกแกว่งสัมผัสหมอกที่ลอยวนอยู่ภายในห้อง พลางเปล่งเสียงฮึมฮัมอย่างอารมณ์ดี
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในยามนี้ ทำให้หนิงฝานนึกถึงซื่อหวูเสีย
“ซือซือ…”
หนิงฝานพึมพัม พับแขนเสื้อขึ้น แล้วเริ่มทำความสะอาดร่างกายของศพปีศาจอย่างระมัดระวัง
ผู้คนในโลกภายนอกคงจินตนาการไม่ออกว่า ซัวหมิงผู้โหดเหี้ยม จะมีด้านที่อ่อนโยนเช่นนี้เหมือนกัน
เมื่อยามที่หนิงฝานบรรลุดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง เขาจิตใจของเขายังไม่อาจทนรับปราณปีศาจที่รุนแรงได้ แต่เมื่อบรรลุดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง จิตใจได้ยกระดับ จึงรับกับปราณปีศาจที่รุนแรงได้
“เหว่ยเหลียง… เจ้าร้อนหรือเปล่า…”
ศพปีศาจทั่วไปจะไร้ความรู้สึก ไม่อาจสัมผัสร้อนเย็น ไม่อาจสัมผัสเจ็บปวด แต่ศพปีศาจของมู่เหว่ยเหลียงกลับต่างออกไป นางรับรู้ร้อนเย็น รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวด
“ไม่… เจ็บ…” นางส่ายหน้า หนิงฝานสระทำความสะอาดผมดำสลวยของนางอย่างเบามือ
ดวงตาของนางกระจ่างใสราวกับดารา นางเงยหน้า ดวงตากลมโตจ้องมองหนิงฝานด้วยความสนใจ
จากนั้นยกมือชี้ที่มาที่ตน พลางกล่าวด้วยความสงสัย “ข้า…ชื่อ…อะไร?”
“เจ้าชื่อมู่เหว่ยเหลียง ข้าชื่อหนิงฝาน แต่ในทะเลไร้สิ้นสุดส่วนนอกนี้ ให้เจ้าเรียกข้าว่าซัวหมิง”
“ไม่… เจ้า… ชื่อแสง!” นางกล่าวอย่างเอาแต่ใจ
“ตามใจเจ้าเถอะ…” เมื่อสระล้างผมเสร็จ หนิงฝานก็ทำความสะอาดใบหน้า ไหล่ แขน หน้าอก ลำตัว แผ่นหลัง กระทั่งพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของนางอย่างระมัดระวัง
ทุกครั้งที่หนิงฝานสัมผัสโดนบริเวณที่ไวต่อความรู้สึก ร่างกายนางจะสั่นสะท้าน ดวงตาเปล่งแสงสีเขียว แต่หนิงฝานก็จะขู่นางไว้
กระทั่งผ่านไปหลายครั้ง เมื่อดวงตาของนางเปล่งแสงสีเขียว จู่ๆก็กลับเป็นดวงตาปกติด้วยตัวนางเอง… นับเป็นสัญญาณที่ดี
แล้วนางก็ไม่ขัดขืนที่หนิงฝานจะสัมผัสร่าง
“เจ้าพักผ่อนเถอะ…”
หลังจากเช็ดตัว หนิงฝานพานางเดินตรงไปเตียงนอน ปลดผ้าเช็ดตัว และให้นางนอนลง
“พักผ่อน… คือ… อะไร”
“นั่นสิ… ข้าลืมไปว่าเจ้าเป็นศพปีศาจ ไม่จำเป็นต้องนอน งั้นเจ้าก็นอนเฉยๆก่อน ข้าจะหาวิธีทำให้ร่างของเจ้าไม่เน่าสลาย…”
หลายวันผ่านไป หนิงฝานใช้เวลาไปกับการบดสมุนไพรเพื่อนำมาทั่วร่างนาง
แม้นางไม่ได้ชอบให้หนิงฝานสัมผัสกายนัก แต่นางก็ค่อยๆปรับตัวได้ นางเองก็นำอาภรณ์ที่หนิงฝานใส่มาเย็บเป็นรูปดอกไม้
ดอกไม้ที่นางเย็บไม่ได้มีให้เห็นบนโลกมนุษย์ หนิงฝานจึงไม่เคยเห็นมาก่อน แต่เขารู้จากความทรงจำของจักรพรรดิสวรรค์ ว่ามันคือ ‘ดอกยู่ถาน’
ร่างกายของนางยามนี้ไม่เหมือนก่อน ไม่อาจรักษาบาดแผลได้ด้วยตนเอง สิ่งที่หนิงฝานพอทำได้จึงเป็นการช่วยหยุดการเน่าสลาย ในวิชาศพปีศาจมีวิธีลับที่ช่วยให้ศพคืนสภาพโดยการใชเพลิง ทั้งยังสามารถปกปิดปราณศพที่แผ่ออกมาจากตัวนางได้ด้วย
เมื่อหนิงฝานจุดเพลิงพิภพขึ้น นางหวาดกลัว แต่เมื่อนางเชื่อใจหนิงฝาน นางก็ยอมเดินเข้าไปในทะเลเพลิงที่หนิงฝานเตรียมไว้
บาดแผลและรอยเน่าสลายต่างๆบนร่างนางค่อยๆฟื้นสภาพ ผิวกายกลับมาเรียบเนียน ปราณศพราวกับถูกผนึกไม่อาจสัมผัสได้
แต่ใบหน้า และริมฝีปากของนางยังซีดไร้โลหิต แต่โดยรวมก็ไม่ต่างไปจากสตรีทั่วไปนัก
นางมัดรวบผมดำสลวย เข็มเงินเล่มนั้นเก็บไว้ในแขนเสื้อเพื่อเป็นอาวุธ
หากนางไม่กล่าว ก็ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเป็นศพ
หากนางไม่แสดงพลัง ก็ไม่มีผู้ใดรู้ว่านางแข็งแกร่งเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นกลาง
หนิงฝานพานางออกจากที่พัก ไปพบกับเหล่าสตรีของเขา พวกนางล้วนมองมู่เหว่ยเหลียงด้วยความสงสัย
มู่เหว่ยเหลียงยามนี้นับว่าดูดีไม่แพ้สตรีที่งดงามทั่วไป คิ้วโก่งโค้งได้รูป ท่าทางดูสูงศักดิ์ ไม่มีผู้ใดกล้สลบหลู่นาง
นางช่างคล้ายซื่อหวูเสีย
และบริสุทธิ์ไร้มลทินเหมือนมู่เหว่ยเหลียง
“ยินดีด้วยที่นายท่านได้ผู้รับใช้คนใหม่…” ชุ่ยหลิงและเย่หลิงกล่าว สตรีคนอื่นๆป้องมือคารวะ
“อืม… ตอนนี้เราอยู่ในนิกายกระถางปรุงโอสถนานเกินไปแล้ว ยามนี้พวกเจ้าเข้าไปในแหวนก่อน หากมีโอกาสในภายภาคหน้า ข้าจะให้พวกเจ้าออกมา”
“รับทราบ”
ได้เวลาที่ต้องออกเดินทาง!
หนิงฝานรั้งอยู่ในนิกายกระถางขัดเกลามาเกือบ 3 เดือน แต่ก็ถือว่าเขาแข็งแกร่งขึ้นมาก
ปราณดั้งเดิมขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง ปราณอสูรขอบเขตแรกเริ่มขั้นต้น ร่างกายขอบเขตกระดูกเงินขั้นสูงสุด สัมผัสเทพขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุด
วิชาแปลงหยินหยางขอบเขตที่ 2 ทั้งยังมีศพนางสวรรค์เป็นผู้รับใช้
แม้ยามนี้นางยังไม่อาจควบคุมอารมณ์ของตนได้ดีนัก แต่สักวันหนึ่งหากนางทำได้ หนิงฝานจะมีผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม 2 คนเป็นผู้รับใช้
ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เสี่ยวว่านหลูยังคงเฝ้ารอหนิงฝานอย่างอดทน
เมื่อมันเห็นหนิงฝานและศพนางสวรรค์กลับมา มันเร่งไปต้อนรับและต้องตกตะลึง
ยามนี้ มันไม่อาจสัมผัสระดับพลังของหนิงฝานได้แล้ว!
แรงกดดันเมื่อ 3 เดือนที่แล้วกับยามนี้ แตกต่างราวกับพิภพสวรรค์
หากไม่เพราะมันได้เห็นหนิงฝานสังหารผู้คนราวกับผักปลา มันคงคิดว่าหนิงฝานเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง มันไม่เข้าใจ แต่ที่พอคิดได้คือหนิงฝานคงดูดซับกระถางขัดเกลาของตนทั้งหมด
แต่ถึงอย่างนั้น มันรู้ว่าระดับพลังของหนิงฝานยามนี้ คือขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง เพราะมันเห็นทัณฑ์สวรรค์ปรากฏกับตา เพียงแต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็นว่า หนิงฝานแข็งแกร่งกว่าผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุดอยู่หลายเท่า
ก่อนจะเก็บตัวฝึกฝนยังเอาชนะเซี่ยงเหลียวได้ แต่หลังจากการเก็บตัวฝึกฝนครั้งนี้ ในทะเลส่วนนอก นอกจากเหล่าผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ คงไม่มีใครสู้หนิงฝานได้
“ยินดีด้วยที่สหายเต๋าซัวก้าวหน้าไปมาก!”
“ฮ่าฮ่า ท่านสุภาพไปแล้ว” หนิงฝานป้องหมัดพลางยิ้ม แต่เสี่ยวว่านหลู่หลับตกตะลึง
รอยยิ้ม!!
ปีศาจที่สังหารผู้คนอย่างเลือดเย็นกำลังยิ้ม!
ช่างน่ากลัวจริงๆ…
มีข่าวลือว่า ปีศาจที่น่าสะพรึงกลัวจะสะกดเจตนาสังหารของตนไว้ ยิ่งสะกดไว้มากยิ่งยิ้มมาก
เสี่ยวว่านหลูสั่นสะท้าน มันกลัวว่าจะพูดไม่ถูกหูซัวหมิงเข้า
เพราะไม่งั้น เหตุใดซัวหมิงต้องยิ้มให้มัน… และเป็นรอยยิ้มที่แปลกมาก!
“สหายเต๋าซัว เจ้ามีอะไรไม่พอใจข้าหรือเปล่า?” เสี่ยวว่านหลูถามด้วยความสงสัย
“ไม่มีหรอก… เป็นท่านมากกว่าที่อุตส่าห์รอข้ามานาน ท่านมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
“ฮ่าฮ่า… เป็นเช่นนั้น ข้าจะขอกล่าวไม่อ้อมค้อม ข้าอยากให้สหายเต๋ามาเป็นประมุขนิกายของเรา!”
“ประมุขนิกาย?”
หนิงฝานประหลาดใจ เขาเดาว่าอย่างมากเสี่ยวว่านหลูคงขอให้เป็นผู้ใหญ่ของนิกาย แต่นี่กลับขอให้เป็นประมุข!
แต่หากเป็นผู้อาวุโสใหญ่นิกายกระถางขัดเกลา…ก็ไม่ต่างจากการเป็นทาส
หากประมุขนิกายกระถางปรุงโอสถเป็นหนิงฝาน คงไม่มีผู้ใดกล้าแตะต้องนิกายแห่งนี้อีก
ทั้งหนิงฝานจะยังได้เป็นเจ้าของนิกาย
“สหายเต๋าเสี่ยว… ข้าว่าเรามาคุยกันก่อนเถอะ…” หนิงฝานมองเสี่ยวว่านหลูอย่างมีนัย การที่มันยอมให้โจรอย่างหนิงฝานมาครอบครองนิกาย มันมีเจตนาอะไรแอบแฝง
หากสร้อยหยินหยางสามารถทำให้บุรุษคายความจริงออกมาได้ หนิงฝานก็อยากทำให้เสี่ยวว่านหลูยอมพูดความจริง
“สหายเต๋าซัวอย่าได้เข้าใจผิด… ข้าบริสุทธิ์ใจที่จะให้สหายเต๋ามาเป็นประมุขนิกาย เพื่อช่วยให้นิกายผ่านวิกฤต ทั้งข้ายังรู้มาว่าเจ้าและผู้อาวุโสหลิง…”
“หากเรื่องใดที่ทำแล้วไม่เกิดประโยชน์ ข้าจะไม่ทำ ฉะนั้นท่านไม่จำเป็นต้องกล่าวอ้างเรื่องความสัมพันธ์!” หนิงฝานกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
“แน่นอน… การเป็นประมุขนิกายกระถางปรุงโอสถ สหายเต๋าซัวย่อมได้ประโยชน์…” เสี่ยวว่านหลูกล่าว มันแอบผิดหวัง เดิมทีมันหวังใช้ความสัมพันธ์มาทำให้หนิงฝานคล้อยตาม แต่ดูเหมือนตอนนี้จะไม่ง่ายเสียแล้ว
“สิ่งแรก… สหายเต๋าจะได้หยกสวรรค์ทั้งหมดที่จ่ายในงานประมูลคืน… อย่างที่สอง นิกายกระถางปรุงโอสถจะเปลี่ยนชื่อเป็นนิกายกระถางขัดเกลา เพื่อฝึกฝนกระถางขัดเกลาให้สหายเต๋าเพียงคนเดียวเท่านั้น”
เสี่ยวว่านหลูกล่าวพลางสังเกตุสีหน้าหนิงฝาน
สิ่งที่มันกล่าวแม้จะดูน่าสงสัย แต่ข้อเสนอกลับเย้ายวนอย่างที่สุด เพียงแต่นั่นไม่ได้ทำให้หนิงฝานไขว้เขว อีกอย่าง สิ่งเสี่ยวว่านหลูกล่าวมาสมควรเป็นข้อผูกมัดที่ยากจะแก้
“หากข้าต้องการหยกสวรรค์ แค่ข้าสังหารสหายเต๋าข้าก็ได้มา… ส่วนเรื่องกระถางขัดเกลา หากยกให้ข้าทั้งหมดและข้านำพวกนางจากไป กว่าฝึกฝวนกระถางขัดเกลาใหม่คงใช้เวลานาน ดังนั้น ข้อเสนอของท่านจึงไม่น่าสนใจ!”
สีหน้าหนิงฝานแปรเปลี่ยนเย็นชา เสี่ยวว่านหลูหวาดกลัวและเร่งถอยไปหลายก้าว
“สหายเต๋าซัวใจเย็นก่อน…. ข้ายังกล่าวไม่หมด!”
“ว่ามา!”
“สหายเต๋ารู้จัก ‘นิกายปีศาจสำราญ’ หรือเปล่า?”
“หนึ่งในสิบขุมกำลังใหญ่… ได้ยินว่าที่นั่นเป็นเหมือนแหล่งบ่มเพาะกระถางขัดเกลา ข้าเองก็ตั้งใจว่าจะไปที่นั่นสักวัน…”
หนิงฝานสะกดอารมณ์ เสี่ยวว่านหลูผ่อนคลายลงเล็กน้อย มันรู้แล้วว่าซัวหมิงผู้นี้ไม่ใช่ผู้ที่จะหลอกได้ง่ายๆ
ข้อเสนอทั้งสองข้อของมันคือการผูกมัดหนิงฝานก็จริง แต่ข้อเสนอที่ 3 นี้ มันมั่นใจว่าจะทำให้หนิงฝานสนใจได้
เพราะข้อมเสนอที่ 3 นี้สิ้นเปลืองทรัพยากรอย่างที่สุด
“สหายเต๋าซัวคงไม่รู้ ว่ากระถางขัดเกลาของนิกายปีศาจสำราญนั้น ได้มาจากการปล้นฆ่าในทะเลส่วนนอกแห่งนี้ แต่จริงๆแล้ว กระถางขัดเกลามาจากทะเลส่วนในมากกว่า… มีข่าวลือว่าหนึ่งในเจ็ดขุมกำลังใหญ่ของทะเลฝ่ายใน เป็นผู้ดูแลนิกายปีศาจสำราญ… อีกไม่นานจะมีการประมูลกระถางขัดเกลาที่นั่น งานประมูลแบ่งออกเป็น 3 ระดับชั้น หนึ่งสำหรับแก่นทองคำ สองสำหรับดวงจิตแรกเริ่ม และสามสำหรับดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุด เพียงแต่…ใช่ว่าผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุดทุกคนจะเข้าร่วมได้ มีเพียงผู้ที่ได้รับคำเชิญของประมุขนิกายปีศาจสำราญเท่านั้นที่เข้าร่วมงานได้ ต่อให้สหายเต๋าซัวแข็งแกร่ง แต่หากไม่ได้รับคำเชิญก็ไม่อาจเข้าร่วมงานได้ และไม่สามารถซื้อกระถางขัดเกลาระดับสูงจากที่นั่นได้”
“แต่ว่า…มันเกี่ยวอะไรกับข้อเสนอสองข้อแรก? หรือท่านได้รับคำเชิญจากประมุขนิกายปีศาจสำราญ จึงจะเอามาเป็นข้อต่อรองว่า หากข้ายอมเป็นประมุขนิกายกระถางขัดเกลาท่าน แล้วท่านจะมอบเหรียญตราคำเชิญให้ข้า?”
“ถูกต้อง! เหรียญตรานี้ ผู้ก่อตั้งนิกายกระถางขัดเกลาได้รับมาจากประมุขนิกายปีศาจสำราญเมื่อนานมาแล้ว ทั้งสองมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน… ข้าสาบานได้ว่า หากสหายเต๋านำเหรียญตรานี้ไปเข้าร่วมงานระดับดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุด สหายเต๋าอาจได้รับ ‘นมมารดาใต้พิภพ’ จากนิกายปีศาจสำราญเป็นของขวัญด้วย!”
“นมมารดาใต้พิภพ?”
หนิงฝานตกใจ เขาเคยได้ยินมาว่า นมมารดาใต้พิภพ 1 หยดสามารถยกระดับพลังได้ถึง 10 เกราะในคราวเดียว นับเป็นสมบัติล้ำค่า
สิ่งที่หนิงฝานสนใจไม่ใช่นมมารดาใต้พิภพ แต่เป็น ‘หัวใจแห่งมารดาพิภพ’
นมมารดาใต้พิภพ คือของเหลวที่เกิดจากหัวใจแห่งมารดาพิภพ หากนิกายปีศาจสำราญมีนมมารดาใต้พิภพ แสดวงว่าพวกมันต้องมีหัวใจแห่งมารดาพิภพอยู่
มีข่าวลือว่า หากผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุดได้ดูดวับพลังจากหัวใจแห่งมารดาพิภพ จะทำให้เพิ่มพลังได้ถึงหนึ่งในสิบส่วน หรือกระทั่งบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ!
การจะทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณนั้นทำได้ยาก การที่ได้ปราณเพิ่มถึง 1 ใน 10 ส่วนในคราวเดียว นับว่าท้าทายสวรรค์อย่างมาก
หากได้นมมารดาใต้พิภพจากการเข้าร่วมงานประมูล นับว่าคุ้มค่า
หนิงฝานคาดไม่ถึงว่านิกายปีศาจสำราญจะมีหนึ่งในเจ็ดขุมกำลังใหญ่ของทะเลส่วนในปกครอง ทั้งยังมอบนมมารดาใต้พิภพให้…
โลกใบนี้ไม่ได้โอกาสดีๆหยิบยื่นโดยไร้สิ่งตอบแทน ยิ่งกับเฉพาะคนที่สร้างปัญหาอย่างหนิงฝาน
หากมีเหรียญตราของนิกายปีศาจสำราญ มีตำแหน่งประมุขนิกายกระถางขัดเกลา แม้จะได้เข้าร่วมงานประมูลระดับดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุด แต่หนิงฝานกลัวว่าพวกมันจะไม่ได้ให้นมมารดามใต้พิภพง่ายๆ อาจต้องทำบางสิ่งเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน
หนิงฝานจ้องมองเสี่ยวว่านหลู
มันตั้งใจจะกล่าวบางสิ่ง แต่เมื่อเห็นสายตาหนิงฝาน มันกลับไม่กล้าเอ่ยคำ
“ถึงท่านจะพูดแบบนั้น… แต่การจะได้เหรียญตรามา อาจต้องทำบางสิ่งแลกเปลี่ยน…”
“เฮ้อ… บางทีความจำคนแก่อย่างข้าก็เลอะเลือน ถือว่าลืมๆคำพูดของข้าไปก็แล้วกัน… แต่การได้ครอบครองเหรียญตรานั้น จะนำประโยชน์ต่างๆมาสู่ตัวท่าน แต่ถึงอย่างนั้น ข้าคาดว่าต้องทำตามคำขอของพวกมัน โดยการเข้าสู่ ‘ดินแดนโลกล่มสลาย’ เพื่อตามหาบางสิ่ง สถานที่แห่งนั้นอันตรายเป็นอย่างมาก แต่ต่อให้ทำไม่สำเร็จ ยังไงก็ได้นมมารดาใต้พิภพอยู่ดี”
เสี่ยวว่าหลูยิ้ม แต่บนหน้าผากของมันกลับปรากฏเม็ดเหงื่อ มันพยายามจะปิดบังอาสิ่งกับหนิงฝาน แต่ไม่สำเร็จ
“อันตรายหรือเปล่านั้น…ข้าจะเป็นตัดสิน! ท่านไม่ควรปิดบังข้า… ยามนี้ท่านกลับไปก่อน ข้าจะพิจารณาดูอีกที ”
“ย่อมได้!” เมื่อกล่าวเสร็จมันก็เร่งจากไป หากมันยังอยู่และพูดอะไรออกไป อาจทำให้หนิงฝานไม่พอใจ
แม้มันจะเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูง แต่มันต้องนอบน้อมต่อหนิงฝาน
มันหวังว่าหนิงฝานจะรับตำแหน่งประมุขนิกาย ไม่อย่างนั้น มันคงต้องหนี!
เมื่อเสี่ยวว่านหลูจากไป หนิงฝานก็เรียกทหารศิลาออกมา เพื่อยืนยันคำกล่าวของมัน แล้วทหารศิลาก็บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่รู้
“มันไม่ได้โกหกจริงๆ ที่นิกายปีศาจสำราญมีหัวใจแห่งมารดาพิภพ… การที่จะได้นมมาดาใต้พิภพมา ต้องเข้าสู่ดินแดนโลกล่มสลายเพื่อสังหารสัตว์อสูร ชิงเอาแก่นอสูรมา… สถานที่แห่งนั้นอยู่ก้นทะเล มีเพียงผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณเท่านั้นที่เข้าไป เพียงแต่…ถึงพวกมันจะให้เก็บแก่นอสูร แต่สิ่งที่พวกมันต้องการจริงๆคือแก่นอสูรตัดวิญญาณ!”
“สัตว์อสูรที่แข็งแกร่งเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ? ให้เข้าไปชิงแก่นอสูรของมันกลับมา ใครบอกว่าเป็นเรื่องอันตราย…นี่มันบ้าชัดๆ!” หนิงฝานขมวดคิ้ว
“แต่สัตว์อสูรตัดวิญญาณของที่นั่นไม่เหมือนทั่วไป… หากสัตว์อสูรแก่นทองคำเข้าไปในนั้น 100 ปีให้หลังพวกมันจะถูกบังคับให้ทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณ แต่ถึงปราณของพวกมันจะเทียบเท่าขอบเขตตัดวิญญาณ แต่วิชาที่พวกมันใช้อยู่เพียงขอบเขตแก่นทองคำ หากเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุดสมควรสังหารมันได้… แม้จะสังหารไม่สำเร็จ ก็ยังได้นมมารดาใต้พิภพ 1 หยด แต่หากได้แก่นอสูรตัดวิญญาณ ก็สามารถนำไปแลกนมมารดามใต้พิภพได้อีก… มีข่าวลือว่า ครั้งหนึ่งมีผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณสังหารสัตว์อสูรตัดวิญญาณได้ 11 ตัว ก็สามารถนำไปแลกเป็นนมมารดาใต้พิภพเพิ่มได้อีก 11 หยด… ดังนั้นหากเจ้าต้องการบรรลุขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูง เจ้าต้องไปที่นั่น…”
“มีปราณในขอบเขตตัดวิญญาณ แต่วิชากลับเป็นเพียงแก่นทองคำ… ‘สัตว์อสูรตัดวิญญาณเทียม’ แก่นอสูรของพวกมัน 1 แก่น เท่ากับนมมารดาใต้พิภพ 1 หยด… นับว่าคุ้มค่า หากพบสัตว์อสูรตัดวิญญาณที่แท้จริง ข้าต้องถอย แต่หากเป็นสัตว์อสูรตัดวิญญาณเทียมค่อยฆ่ามัน! หากฆ่าได้พันตัว ก็จะได้ปราณเพิ่มประมาณ 10000 เกราะ บางทีอาจมีโอกาสได้ชิงหัวใจแห่งมารดาพิภพ หรือของล้ำค่าอื่นๆ”
“ข้าไม่ว่าเรื่องที่เจ้าจะไปนิกายปีศาจสำราญ แต่เรื่องที่รับปากข้าเจ้าจะว่ายังไง?” ทหารศิลากล่าว
“วางใจเถอะ ก่อนจะออกจากเกาะเผิงไหล ข้าจะไปพบนาง!”
หนิงฝานขี้เกียจต่อปากต่อคำ จึงนำทหารศิลากลับเข้าไปเช่นเดิม
ในเมื่อตัดสินใจได้แล้ว เขาก็จะรับคำขอของเสี่ยวว่านหลู
แต่ในชั่วลมหายใจที่หนิงฝานจะเก็บทหารศิลา ทหารศิลาหันมองศพนางสวรรค์
นั่นทำให้ดวงตาของนางเปล่งแสงสีเขียว นอกจากหนิงฝานแล้ว นางไม่ชอบให้บุรุษใดมองนาง
แววตาของนางทำให้ทหารศิลาสั่นสะท้าน สงสัย และหวาดกลัว
“นางไม่มีปราณ แต่เหตุใดถึงให้ความรู้สึกน่ากลัวขนาดนั้นได้! หรือนางจะเป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นกลาง! ซัวหมิงทำให้ผู้เชี่ยวชาญระดับนั้นมาเป็นผู้รับใช้ได้ยังไง?”…