Grasping Evil จักรพรรดิปีศาจหนิง - ตอนที่ 209
สายลมพัดผ่านดอกหญ้า เคล้าเสียงเหล่าสตรีที่กำลังฝึกฝน
หนิงฝานวางข่ายอาคมที่มีตาข่ายอาคมมากถึง 1400 แห่งล้อมรอบภูเขาแห่งหนึ่ง ตาข่ายอาคมแต่ละแห่งใช้หยกสวรรค์ 1 พันเป็นแหล่งพลังงาน
เมื่อปลดปล่อยสัมผัสเทพเข้าควบคุมข่ายอาคม ม่านพลังปรากฏปิดล้อมภูเขา… ข่ายอาคมระดับตัดวิญญาณขั้นต้น ‘ปีศาจปกปิดรอย’
เมื่อวางข่ายอาคมเสร็จ หนิงฝานขมวดคิ้ว นำโลกศพที่อยู่ภายในแหวนออกมา
ภายในโลงศพยังมีเสียงตะกุยของศพปีศาจที่กำลังพยายามจะออกมา
“เจ้าจะเป็นศพของเหว่ยเหลียงหรือเปล่านั้น… ข้าค้นทะเลสติของเจ้าดูก็รู้…”
ศพนางสวรรค์กลายเป็นศพปีศาจ เทียบได้กับศพที่เกิดจากวิชาศพอสูรขอบเขตที่ 2 ซึ่งแข็งแกร่งผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณทั่วไป
แต่ยามนี้ ระดับร่างกายของหนิงฝานเกือบจะบรรลุขอบเขตกระดูกหยก สมควรไม่ได้ด้อยไปกว่าศพนางสวรรค์มากนัก อีกอย่าง ข่ายอาคมที่หนิงฝานวางไว้ยังเสริมกำลังให้เขาด้วย
นอกจากนี้ ข่ายอาคมยังลดทอดกำลังของศพปีศาจ ทำให้นางอ่อนแอลง
ไม่ว่ายังไง หนิงฝานต้องหาความจริงๆจากตัวนางให้ได้
เมื่อเอื้อมสัมผัสฝาโลง แล้วเคลื่อนมันออก
แต่เมื่อฝาโลงแง้มเปิด ดวงตาหนิงฝานต้องเบิกกว้าง สองเท้าขยับนำร่างถอยห่างอย่างรวดเร็ว
มือซีดขาวข้างหนึ่ง เล็บที่แหลมคมยาว 2 ฉื่อ โผล่พ้นโลงออกมา!
ปราณซากศพที่ทรงพลังแผ่พุ่ง ระดับของมันเกือบจะเทียบเท่าขอบเขตตัดวิญญาณขั้นกลาง! ดีที่หนิงฝานกางข่ายอาคมไว้ ไม่งั้นคนทั้งเกาะเผิงไหลคงตกตะลึง
หนิงฝานตกตะลึงกับความเร็วในการยกระดับพลังของศพปีศาจ
ครั้งแรกที่หนิงฝานได้พบกับศพปีศาจ การเปิดฝากโลงของเขาในคราวนั้น ทำให้เงื่อนไขที่ศพนางสวรรค์จะแปรเปลี่ยนเป็นศพปีศาจสมบูรณ์
ภายในป่าแห่งภูติพราย หนิงฝานเปิดฝาโลงอีกครั้งเพื่อดูใบหน้าของนางเทียบกับมู่เหว่ยเหลียง และหนิงหงหง และครั้งนั้น ก็เกือบจะทำให้ศพแปรเปลี่ยนเป็นศพปีศาจเกือบจะสมบูรณ์
ครั้งที่ 3 คือบนเรือ นั่นทำให้ศพนางสวรรค์กลายเป็นศพปีศาจโดยสมบูรณ์ และครั้งนั้น เกราะทมิฬที่หนิงฝานสร้างขึ้นเกือบจะถูกทำลาย ซึ่งยามนั้น นางแข็งแกร่งเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นต้น
ผ่านไปไม่นาน ยามนี้นางเกือบจะบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณขั้นกลางแล้ว!
ความเร็วเช่นนี้ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันมีศพเพียงไม่กี่ร่างที่ยกระดับพลังได้เร็วเท่านี้
เมื่อปราณศพกระจายไป หนิงฝานที่ถอยไปถึง 3 ก้าวจึงหยุดนิ่ง
มือซีดขาวเคลื่อนเปิดฝาโลง ใบหน้าที่ขาวซีด ริมฝีปากสีแดง รูปร่างงดงาม ห่มคลุมด้วยอาภรณ์ขาว… นางช่างดูคล้ายมู่เหว่ยเหลียงมาก
คิ้วโค้งมน ผมเผ้ายุ่งเหยิง ดวงตาเป็นสีเขียว กลิ่นกายเน่าเหม็น
“ร่างกายของนางเริ่มเน่าเปลือย”
หนิงฝานขมวดคิ้ว เขารู้แล้วว่าทำไมนางถึงยกระดับพลังได้อย่างรวดเร็ว นั่นเพราะนางยอมสละร่างกายเพื่อให้ได้พลัง!
ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าทำให้หัวใจหนิงฝานบีบรัดแน่น
หากนี่เป็นศพของหมู่เหว่ยเหลียงจริง เขาต้องปกป้องไม่ให้เน่าสลาย
แต่ต่อไม่ใช่ศพของมู่เหว่ยเหลียง หนิงฝานก็สมควรคงร่างเอาไว้ เพราะหากปล่อยให้เน่าสลายไป ร่างของนางจะหายไปจากโลกนี้ตลอดกาล
แม้หนิงฝานจะดูเป็นห่วงและสนใจศพนางสวรรค์ แต่ดูเหมือนนางจะไม่ได้ใส่ใจด้วย
ตายมาหลายปี ศพแปรเปลี่ยนเป็นศพปีศาจ สูญเสียความทรงจำทั้งหมด จิตวิญญาณไม่กระจ่างใส จะเหลือก็เพียงแต่ร่างกายที่คงสภาพได้เพราะโลง
แม้ความทรงจำจะเลือนลาง แต่ยังมีเงาของคนผู้หนึ่งที่นางไม่อาจลืมเลือน
คนผู้นั้นคือผู้เยาว์ไร้ยางอาย แม้ตนเป็นศพก็ยังไม่เว้น!
ดังนั้น สิ่งที่อยู่ในความทรงจำของนางคือ ต้องฆ่ามัน ฉีกมันเป็นชิ้นๆ แล้วกินมัน
“ไอ้…สา…ระ…เลว!”
เสียงของนางไม่ได้ฟังดูรื่นหู ฟังดูแหบแห้งเพราะคอที่เน่า
ชั่วพริบตานั้น นางทะยานเข้าหาหนิงฝาน อ้าปากปรากฏเป็นเขี้ยวที่แหลมคม ราวกับอยากกัดหนิงฝานให้ตาย
หนิงฝานร่นถอยอย่างต่อเนื่อง ส่วนนางก็พยายามใช้เล็บที่แหลมคมจู่โจม
เจตจำนงค์ที่รุนแรงของนางก่อให้เกิดวังวนพายุขึ้นที่ด้านหลังหนิงฝาน ความรุนแรงของมันสามารถฉีกกระชากร่างผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มได้ง่ายๆ
หนิงฝานเสียวสันหลังวาบ แม้จะเร่งหลบอย่างรวดเร็ว แต่ยังได้รับผลกระทบจากวังวน ทำให้เขารู้สึกราวกับมีบางอย่างกระแทกเข้าที่แผ่นหลังอย่างแรง
ดวงตาของนางแปรเปลี่ยนเป็นสีโลหิต กรงเล็บตะปบเข้าใส่ลำคอหนิงฝาน หากถูกนางจับได้ ต่อให้มีร่างกายในขอบเขตกระดูกหยกก็อาจถูกหักคอตายได้
“ในเมื่อเจ้าเกลียดข้ามากขนาดนี้…” แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยนเย็นชา เขารู้ว่าจะออมมือไม่ได้ ไม่งั้นฝ่ายที่ตายอาจเป็นตัวเขา
เมื่อร่างกายบรรลุขอบเขตกระดูกเงินขั้นสูงสุด ยามกระตุ้นใช้กำลังกาย ร่างกายจะเปล่งแสงสีเงิน ยามนี้ หนิงฝานชกหมัดเข้าต้านนางอย่างรุนแรง
“หมัดทะลายน้ำแข็ง!”
หมัดที่ทรงพลังเข้าปะทะกับกรงเล็บของนาง แต่ด้วยที่นางทรงพลังกว่า จึงต้านรับหมัดหนิงฝานได้อย่างง่ายดาย
เดิมทีหนิงฝานคิดว่ามือของนางคงนุ่ม แต่เมื่อเข้าปะทะกลับกลายเป็นว่าแข็งยิ่งกว่าเหล็ก
หนิงฝานรู้สึกราวกับมือกำลังจะหัก และผลจากการปะทะก็ทำให้หนิงฝานปลิวไปเกือบพันจ้าง
หากไม่ใช่เพราะข่ายอาคมที่วางไว้ หนิงฝานคงไม่อาจรับหมัดนางได้
โชคดีแล้วที่มือไม่หัก
“สมแล้วที่เป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นกลาง…”
หนิงฝานเช็ดคราบโลหิตที่มุมปาก ปลดปล่อยสัมผัสเทพกระตุ้นให้ข่ายอาคมทำงาน
ข่ายอาคมเปล่งเสียงเล็กน้อย เสียงบทเพลงขับขานดังขั้น
เมื่อเสียงนั้นได้ยินถึงหูของนาง นางกลับกรีดร้อง สองมือกุมหัวราวกับปวดมาก
ข่ายอาคมนี้ถูกจัดเตรียมมาเพื่อปีศาจหรืออสูรที่หลุดเข้ามา ซึ่งจะช่วยให้พวกมันควบคุมตัวเองได้ยาก
นางยังคงกุมศีรษะไม่หยุด และเปล่งเสียงคำราม
ท่าทางเจ็บปวดของนางทำให้หนิงฝานยากจะทนไหว แต่เขาก็ไม่มีวิธีช่วงนาง
นางเริ่มขยับร่างกายได้ลำบากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเห็นหนิงฝานกำลังเดินเข้ามาใกล้ แววตาของนางก็แปรเปลี่ยนหวาดกลัว ราวกับหนูที่หนีตาย
“ไม่… อย่า… เข้ามา…”
นางพยายามดิ้นรนขัดขืน แต่ก็ยากจะทำได้
หนิงฝานถอนหายใจ นั่งคุกเข่าลงบนพื้น รวบตัวนางเข้ามาให้ในอ้อมกอด นิ้วมือขยับเป็นท่าทางแล้วสัมผัสเข้าที่หน้าผากของนาง
“ไม่ต้องกลัว ไม่เจ็บหรอก… วิชาค้นศพ!”
วิชาค้นศพคือการดึงเอาความทรงจำของศพออกมา
ภายในศพอาจมีความทรงจำที่ไม่ประติดประต่อเหลืออยู่ หนิงฝานพยายามทำความเข้าใจแต่ก็ไม่ค่อยเข้าใจ
ภาพที่ปรากฏในหัวของเขายามนี้คือภาพของทวีปแห่งหนึ่ง
หนิงฝานพยายามค้นแล้วพบเศษเสี้ยวความทรงจำอื่นๆ หนิงฝานเร่งเปลี่ยนไปยังความทรงจำเหล่านั้น
ความทรงจำเหล่านั้นมีสีแดงฉาน ยังคงใสชัดเหมือนวันวาน นั่นเพราะเป็นความทรงจำที่แสนเศร้าในอดีตของนาง
นอกจากความทรงจำเหล่านั้นแล้ว ก็ยังมีความทรงสีฟ้า ซึ่งเป็นความทรงจำที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ความทรงจำเหล่านี้ เป็นต้นกำเนิดของศพปีศาจ
หนิงฝานหลับตาลง ไล่ดูความทรงจำที่เหลือ
แล้วภาพหนึ่งก็ปรากฏ เป็นภาพของแดนสวรรค์ สตรีนางหนึ่งผู้มีใบหน้าเหมือนมู่เหว่ยเหลียง ยืนอยู่หน้าประตู่ขนาดยักษ์
“ทำไม… ทำไมท่านต้องหลอกข้า ทำไมท่านต้องเปิดประตู ทำไมท่านต้องหักหลังตำหนักสวรรค์ ท่านพ่ออุตส่าห์เชื่อใจท่าน”
“ฮ่าฮ่า มู่หว่านเลียง ยังไงเจ้าก็ไม่เข้าใจ… ข้ามันเป็นแค่คนนอก แต่เจ้าเป็นถึงบุตรสายวของจักรพรรดิสวรรค์… และเป็น… ศัตรูของข้า”
ความทรงจำสิ้นสุดลงเท่านี้ หนิงฝานขมวดคิ้ว
เท่าที่เขาเข้าใจคือความทรงจำทั้งหมดเกี่ยวพันกับแดนสวรรค์และลานสวรรค์
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่อาจประติดประต่อได้
แต่อย่างน้อยๆ สิ่งที่หนิงฝานอยากรู้ก็ปรากฏ นั่นคือศพนางสวรรค์ร่างนี้เป็นของมู่เหว่ยเหลียง
ส่วนเรื่องกลิ่นอายที่ต่างกัน อาจเป็นเพราะตอนตาย จิตวิญญาณของหมู่เหว่ยเหลียงกระจัดกระจายไปทั่ว
หนิงฝานก้มมองศพปีศาจที่อยู่ในอ้อมอก ยามนี้แววตาที่เกลียดชังยังคงจ้องมองด้วยความเกลียดชัง
หากศพนางสวรรค์คือมู่เหว่ยเหลียงจริง ต่อให้ร่างกายของนางจะกลายเป็นศพ แต่ก็ต้องรักษา
“เจ้าจำเข็มนี่ได้หรือเปล่า…” หนิงฝานนำเข็มสีเงินออกมา
“เข็ม…เข็ม..เย็บปัก”
นางดูราวกับจะนึกอะไรได้ และเริ่มสงบ
“ข้า… อยากได้” ดวงตาของนางค่อยๆคืนสู่สภาพปกติ
หนิงฝานขบคิดชั่วครู่ ก่อนจะตัดสินใจวางเข็มลงในมือของนาง
แล้วนางก็ยิ้มอย่างพอใจ
ศพปีศาจยิ้ม!
“หากเจ้ายอมเชื่อฟัง ไม่ก่อความวุ่นวาย ข้าจะมอบเข็มให้…”
“ข้า… จะเชื่อ…ฟัง ข้า… อยาก…ได้เข็ม” นางอ้อนวอนราวกับเด็กน้อย
หากไม่รู้ว่านางแข็งแกร่งเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ ไม่รู้ว่าร่างกายของนางเน่าเปื่อย หนิงฝานคงมองนางเป็นสาวน้อยคนหนึ่ง
“ข้าจะเชื่อฟัง… ไม่กินเจ้า…” นางกล่าว
“ขอบคุณ…”
หนิงฝานไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้
ศพนางสวรรค์นี้ มีนิสัยเหมือนมู่เหว่ยเหลียงมาก แค่เขาใช่เล่ห์กลเล็กน้อย นางก็คล้อยตามแล้ว
นางเป็นคนจิตใจดี บริสุทธิ์ ไม่แปลกที่จะถูกหลอกและจบด้วยการถูกสังหาร
หนิงฝานถอนข่ายอาคม นางก็กลับมาขยับได้อีกครั้ง
ยามนี้ ดูเหมือนนางจะกลัวหนิงฝานเล็กน้อย
นางรู้ว่าหนิงฝานเป็นผู้กระตุ้นข่ายอาคม จนทำให้นางไม่อาจเคลื่อนไหว นั่นทำให้นางคิดว่าสู้หนิงฝานไม่ได้
นางยังเหลือความทรงจำกับเข็มเล่มนี้อยู่ นั่นทำให้เข็มเล่มนี้เป็นเหมือนทุกสิ่งของนาง
“แสง… ข้า… เข็ม…” นางกล่าว
“แสง… แสงอะไร?” หนิงฝานสงสัย
“แสง…” นางชี้ไปหาหนิงฝานและชี้กลับมาที่ตนเอง “ข้า…”
จากนั้นยกเข็มขึ้นพลางยิ้มเล็กน้อย “เข็ม!”
หนิงฝานเข้าใจในสิ่งที่นางพยายามสื่อ
แสงที่นางกล่าวถึงคือข่ายอาคม เมื่อยามหนิงฝานกระตุ้นข่ายอาคม มันแปล่งแสดง
“แสง… ข้า… ” นางขมวดคิ้วพลางเล่นกับเข็มในมือ
“อืม… แต่ตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปอาบน้ำก่อน จะได้รักษาร่างกายเจ้าไปด้วย”
หนิงฝานจ้องมองศพปีศาจ ก่อนจะเก็บโลงศพไป
แม้นางจะแข็งแกร่ง แต่สติปัญญายังด้อยอยู่ ตัวนางในยามนี้ยังไม่ฉลาดเท่าเกราะทมิฬของหนิงฝาน นางสมควรโดนคนอื่นๆหลอกได้ง่ายๆ
นอกจากนี้ การต่อสู้ของนางยังไร้แบบแผน นางยังสังหารอย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนใจมิตรศัตรู ในระหว่างการต่อสู้ บางทีหนิงฝานอาจตกเป็นเป้าหมายของนางอีกก็ได้
ดังนั้น สิ่งแรกที่ต้องทำคือหยุดการเน่าสลายของนาง สิ่งที่สองคือใช้วิชาศพอสูรกับนาง
ศพปีศาจนั้นคือร่างที่ไร้ชีวิต ทะเลสติพังทะลาย จึงไม่สามารถประทับตราวิญญาณได้ แต่ในวิชาศพอสูร มีวิชาลับบางอย่างที่จะทำให้ศพปีศาจเชื่อฟังได้
แต่สมควรทราบว่าวิชานี้ จะไม่สามารถสั่งให้ศพปีศาจจู่โจมใครได้อย่างอิสระ
ในอนาคต หนิงฝานคงต้องหาวิธีช่วยมู่เหว่ยเหลียงออกมาจากป่าแห่งภูติพราย และผสานวิญญาณเข้ากับศพปีศาจให้ได้…
ยามนี้ หนิงฝานไม่อาจบังคับศพปีศาจได้ด้วยกำลัง
เขาบอกให้คนเตรียมน้ำอุ่นไว้ จากนั้นพาศพปีศาจมา
“ปลดอาภรณ์แล้วไปอาบน้ำ จากนั้นข้าจะช่วยรักษาร่างกายเจ้าให้”
“ข้า… ไม่… อาบ…”
“งั้นข้าช่วย…”
“ไม่…”
นางไม่ยอมอาบน้ำ และไม่ยอมปลดอาภรณ์
ก่อนตายนางเป็นถึงธิดาของจักรพรรดิสวรรค์ เมื่อนางตาย นางจึงอาบเองไม่เป็น
หนิงฝานจึงลองกระตุ้นสร้อยหยินหยาง เพื่อลองใช้วิชาคมรม แต่กลับไม่ได้ผล
เมื่อร่างไร้ลมหายใจ หัวใจก็หยุดเต้น ย่อมไม่สนใจฟังคำกล่าว
งั้นคงเริ่มจากทำให้ร่างของนางอ่อนนุ่มลงก่อน
หนิงฝานพานางมายังเตียงนอน จากนั้นคว้าเข้าที่เอวของนางจนนางสั่นสะท้าน ดวงตาแปรเปลี่ยนเป็นสีเขียว
“ห้ามขัดขืน ไม่งั้นข้าจะยึดเข็มคืน”
“ก็ได้…” นางกล่าวด้วยความเศร้า ดวงตากลับคืนปกติ…