Grasping Evil จักรพรรดิปีศาจหนิง - ตอนที่ 199
เจตนาต่อสู้ปกคลุมผืนฟ้า
ม่านมิติแยกสถานที่แห่งนี้เป็นเอกเทศน์
ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่โดยรอบรู้ว่ากำลังจะเกิดการต่อสู้ของผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ
ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มระดับสูง ก็ยากจะทะลวงพลังที่ปกคลุมของทหารศิลา
ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณมักจะใช้วิธีการเช่นนี้เวลาที่จะต่อสู้ แต่หนิงฝานเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก
“ข้าเกิดมาเพื่อสู้!”
ทหารศิลาตวาดลั่นราวกับอัสนีฟาดผ่า
ทั่วร่างแผ่เจตนาต่อสู้ที่รุนแรง ราวกับมันเกิดมาเพื่อต่อสู้เท่านั้น!
เจตนาต่อสู้ที่บริสุทธิ์ไร้สิ่งใดเจือปนของมัน ทำให้ผู้เชี่ยวชาญโดยรอบหวาดกลัว
แต่ก่อนที่เจตนาต่อสู้จะแผ่มาถึงตัวหนิงฝาน มันกลับสลายไป
เจตจำนงค์เทพพิรุณแผ่จากร่างหนิงฝาน ทำให้พิรุณพรั่งพรมโดยรอบ
เจตจำนงค์เทพพิรุณสยบเจตนาต่อสู้ แต่ยังไม่อาจชะล้างม่านมิติได้
ความกลัวปรากฏขึ้นในแววตาของทหารศิลา แต่มันยังตั้งมั่นว่าจะสังหารหนิงฝานให้ได้
“เจตจำนงค์เทพพิรุณ… เจตจำนงค์เทพที่ต่ำชั้น ในเมื่อเจ้าเลือกที่จะทำร้ายนายหญิงน้อยเซี่ยวเหมิน วันนี้ก็เป็นวันตายของเจ้า”
เมื่อกล่าวจบ ทหารศิลาชกหมัดเต็มกำลัง เสียงหมัดแหวกอากาศดังสนั่นราวกับภูเขาถล่ม
หนิงฝานทำสีหน้าเย้ยหยัน ร่างกายขยายขนาดสูงใหญ่ถึง 100 จ้าง หมัดขนาดยักษ์กำแน่น เหวี่ยงออกจนเกิดเป็นแสงสีราวกับน้ำแข็งบริสุทธิ์ เข้าปะทะกับหมัดของทหารศิลา
หลั่วโยว่ สตรีผู้อยู่ในสร้อยหยินหยางมีวิชาลับที่จะใช้จัดการกับทหารศิลา และด้วยปราณของนางในยามนี้ การจะใช้วิชาจึงเป็นเรื่องง่าย
เพียงแต่นานถูกขังอยู่ในสร้อยหยินหยางมานานปี ปราณของนางก็ถูกโลกแห่งหยินภายในนั้นดูดซับจนแทบไม่เหลือ
ต่อให้ยามนี้นางออกมาจากสร้อยได้ กว่านางจะฟื้นฟูพลัง คงใช้เวลาอีกหลายปี…
ยามนี้ สิ่งที่หนิงฝานต้องทำคือถ่วงเวลา เพราะการจะใช้วิชาได้นั้น อย่างน้อยต้องใช้เวลา 3 ลมหายใจ
ดังนั้น หนิงฝานต้องรับหมัดของทหารศิลาให้ได้
แต่ทหารศิลาแข็งแกร่งกว่าที่หนิงฝานคิดไว้มาก
เมื่อหมัดปะทะกัน แรงปะทะแล่นผ่านหมัดของหนิงฝานจนทำให้ปริแตก
หนิงฝานสัมผัสได้ว่า ระดับร่างกายของทหารศิลาไม่ใช่ขอบเขตกระดูกเงิน แต่เป็นขอบเขตกระดูกหยก!
ร่างกายในขอบเขตกระดูกหยกสามารถต้านรับการจู่โจมของผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณได้ ดังนั้นทหารศิลาในยามนี้ จึงมีความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัว
เมื่อครู่หมัดของทหารศิลาใช้ออกเพียงกำลังกาย ไม่ได้ใช้ปราณเสริม แต่กลับทำให้หนิงฝานบาดเจ็บได้ในชั่วพริบตา จึงทำให้สถานะการณ์ของหนิงฝานเข้าขั้นวิกฤตทันที!
หนิงฝานตกตะลึง แต่จิตใจไม่ปั่นป่วน เขาเร่งปะทุพลัง ใช้หมัดทะลายน้ำแข็งเสริมกำลังต้านหมัดของทหารศิลา
อานุภาพหมัดของทหารศิลาลดลง 1 ใน 10 ส่วน หนิงฝานฉวยโอกาสนี้เปลี่ยนกระบวนท่า ซัดฝ่ามือน้ำแข็งอีก 19 ฝ่ามือซ้อน จนทหารศิลาไม่มีโอกาสได้ออกหมัดที่ 2
หมัดในขอบเขตกระดูกหยกช่างรับมือได้ยาก
“ร่างกายในขอบเขตกระดูกหยก ต่อให้ไม่ใช้ปราณเสริมการจู่โจม ก็สามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มได้ง่ายๆ”
อีกฝ่ายเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ ทั้งยังบรรลุขอบเขตกระดูกหยก ต่อให้หนิงฝานเผยไพ่ในมือ ก็ไม่สามารถเอาชนะทหารศิลาได้ อย่างมากก็ทำได้แค่หลบหนี
หนิงฝานตระหนักได้ถึงความต่างของตนและทหารศิลาเป็นอย่างดี หากเป็นผู้เชี่ยวชาญกึ่งตัดวิญญาณ หนิงฝานสามารถต่อกรได้ แต่หากเป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณที่แท้จริง ระดับยังห่างกันมากเกินไป
หนิงฝานตกตะลึงกับพลังของทหารศิลา ทหารศิลาเองก็ตกตะลึงกับพลังของหนิงฝานเช่นกัน
เดิมทีมันคิดว่าหนิงฝานจะใช้เพลิงแปลกๆนั่นต่อกรกับมัน แต่ยามนี้ดูเหมือนว่า หนิงฝานไม่ได้อ่อนแออย่างที่มันคิด
อายุกระดูก 340 ปี บรรลุขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม ทั้งร่างกายยังบรรลุขอบเขตกระดูกเงิน คนเช่นนี้นับว่าหาได้ยาก
หมัดที่ทหารศิลาชกออกมาเมื่อครู่ เพียงพอที่จะสังหารผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง แต่หนิงฝานกลับต้านรับด้วย 19 ฝ่ามือจนสามารถลบล้างหมัดของมันได้
เหตุการณ์เช่นนี้ แม้เป็นผู้สืบทอดของเทพและปีศาจโบราณที่บรรลุขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มก็ทำไม่ได้
“ไม่เพียงนายหญิงน้อยจะมองเจ้าผิด… ข้าเองก็มองเจ้าผิดเช่นกัน… ที่เจ้ารับหมัดข้าได้แม้จะเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้น ตัวเจ้าคู่ควรกับการเป็นตัวแทนของโลกทั้ง 9… แต่น่าเสียดายที่เจ้าทำร้ายนายหญิงน้อย จึงไม่ได้โอกาสที่จะเป็นตัวแทนของโลกทั้ง 9!”
ตัวแทนของโลกทั้ง 9?
แม้หนิงฝานสงสัยว่ามันคืออะไร แต่เขาไม่กล่าวถาม เพราะถึงถามไปก็อาจไม่ได้คำตอบ
เหลืออีก 2 ลมหายใจ
ไม่ว่ายังไงตอนนี้หนิงฝานก็ต้องรับมือกับทหารศิลาให้ได้
ทหารศิลาหยัดยืนมั่นคง ก้าวเท้าออกไปเบื้องหน้าอย่างหนักแน่น… ก้าวแรกร่างกายขยายเป็น 200 จ้าง ก้าวที่ 2 ขยายเป็น 200 จ้าง เมื่อเดินถึงก้าวที่ 7 ร่างกายก็ขยายใหญ่ 700 จ้าง
ปราณที่ทรงพลังจำนวนมหาศาลโคจรมาที่หมัด ก่อนจะเปลี่ยนให้แขนทั้งข้างกลายเป็นกระบี่ศิลา
“วิชาศิลา… หมัดกระบี่ศิลา!”
วิชาร่างกายระดับตัดวิญญาณ!
หนิงฝานตกตะลึง หากโดนกระบี่ศิลานี่เข้าไป ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มอย่างหนิงฝานคงไม่ทางรอด
กระบี่เล่มนั้นทรงพลังราวกับขุนเขา ทรงพลังราวกับแปรเปลี่ยนอำนาจแห่งพิภพให้เป็นกระบี่
ด้วยร่างสูงใหญ่กว่า 700 จ้าง ร่างกายขอบเขตกระดูกหยก… เพียงกระบี่ก็สามารถปลิดชีพผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มได้
หนิงฝานเร่งเว้นระยะห่างจากทหารศิลา นิ้วชี้และกลางสัมผัสกลางหน้าผาก ดาราอัสนีเปล่งแสงเจิดจ้า ชักกระบี่แยกสวรรค์คู่กายออกมา
หากจะต้านรับกระบี่ ย่อมต้องใช้กระบี่ด้วยกัน!
มือซ้ายหนิงฝานถือกระบี่แยกสวรรค์ มือขวาชูเหนือศีรษะ วาดวงกลมบนนภา ก่อเกิดวงแหวนขนาดยักษ์เหนือภูเขาขนาดยักษ์ลูกหนึ่ง จากนั้นใช้มือขวาชี้นิ้วไปยังภูเขาลูกนั้น ชักนำพลังเข้ามาที่นิ้วมือ
วงแหวนขนาดยักษ์เหนือภูเขาหายไป แทนที่ด้วยเงากระบี่ขนาดยักษ์เหนือท้องนภา ในชั่วลมหายใจที่เงากระบี่ปรากฏ ทหารศิลารู้สึกเจ็บบริเวณหน้าอก เมื่อก้มมอง เห็นปราณกระบี่ที่เหมือนกับเงากระบี่บนท้องนภา ปักคาอยู่ตำแหน่งหัวใจของมัน หลังจากนั้นปราณกระบี่ได้ปะทุพลังอย่างรุนแรงราวกับอัสนีฟาดผ่า ทำให้บริเวณหัวใจของทหารศิลาเป็นรูโหว่
ปราณกระบี่ที่ปรากฏคือ เพลงกระบี่ที่ 4 ของหนิงฝาน… กระบี่อยู่ที่ใจ! เพลงกระบี่นี้ถูกปรับปรุงยกระดับให้บรรลุถึงระดับดวงจิตแรกเริ่มขึ้นสูงสุด หากผู้เชี่ยวชาซตัดวิญญาณโดนกระบี่นี้เข้าไป อานุภาพกระบี่จะกระจายไปทั่วร่างกายภายใน สะบั้นอวัยวะภายในจนได้รับบาดเจ็บร้ายแรง
หนิงฝานขยับมือขวาชี้ไปยังภูเขาอีกลูก เสียงภูเขาถล่มดังสนั่น
พลังจากภูเขาเสริมเข้ามาในร่าง กระตุ้นให้ปราณกระบี่ของหนิงฝานทรงพลังยิ่งขึ้น นับเป็นเพลงกระบี่ประสานระหว่างกระบี่อยู่ที่ใจ และดรรชนีกระบี่
การถูกจู่โจมสองระรอกด้วยกระบี่อยู่ที่ใจ และดรรชนีกระบี่ ทำให้ทหารศิลาได้รับบาดเจ็บ
แม้อาการบาดเจ็บจะไม่ได้มากมายอะไร แต่ก็ทำให้สีหน้าทหารศิลาแปรเปลี่ยนอัปลักษณ์ การที่ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มจะทำให้ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณบาดเจ็บได้นั้นคือเรื่องเพ้อฝัน หากเรื่องนี้แพร่ออกไป คงสร้างความเสื่อมเสียให้กับเหล่าผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ ที่สำคัญ หนิงฝานยังเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้น
แต่นั่นไม่ได้ทำให้หนิงฝานภูมิใจ เพราะกระบี่อยู่ที่ใจ และดรรชนีกระบี่คือไพ่ตายของเขา แต่กลับทำอันตรายทหารศิลาได้เพียงเล็กน้อย
ผู้เชี่ยวชาญทรงพลังกว่าที่คาดคิดไว้มาก
แต่ยามนี้ เหลือเพียงลมหายใจแล้ว
ความสามารถและวิชาของหนิงฝานเหนือกว่าที่ทหารศิลาคาดเดาไว้มาก หากมันเข้าใจไม่ผิด จะดรรชนีกระบี่หรือกระบี่อยู่ที่ใจ สมควรเป็นวิชาของโลกกระบี่ เพียงแต่ในสายตาของโลกกระบี่หรือแดนสวรรค์ วิชากระบี่ของหนิงฝานยังไม่ควรค่าให้กล่าวถึง แต่ในสายตาของโลกพิรุณ หนิงฝานนับเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์อย่างที่สุด
หากรู้ก่อนว่าหนิงฝานจะมากพรสวรรค์ขนาดนี้ ทหารศิลาคงเร่งเร้าให้เป่ยเซี่ยวเหมินมอบโอกาสเป็นตัวแทนของโลกทั้ง 9 ให้กับหนิงฝาน แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายกลายเป็นศัตรูกันไปแล้ว
ที่สำคัญ การที่หนิงฝานทำร้ายจิตใจนายหญิงของมัน ย่อมทำให้มันไม่อาจให้อภัยหนิงฝานได้
การที่มันได้ถือกำเนิดขึ้นมานั้น สิ่งที่ต้องทำเพียงสิ่งเดียวคือปกป้องเป่ยเซี่ยวเหมิน
ไม่ว่าใครที่ทำร้ายนาง คนผู้นั้นคือศัตรู!
“ไม่ว่าเจ้าจะมีวิชามากมายเท่าใด แต่สุดท้ายเจ้าก็เป็นได้แค่มด… ในแดนสวรรค์ คนเช่นเจ้ามีมากมายราวกับดาาบนนภา!”
ทหารศิลาโคจรพลัง ชักนำเศษศิลาที่แตกกระจายกลับมาก่อตัวคืนรูปอีกครั้ง พร้อมปรากฏเส้นสายสีแดงบนร่าง
“ข้าถือกำเนิดมาเพื่อนายหญิงน้อย และเชื่อมต่อกับนายหญิงน้อยทางความคิด เพราะฉะนั้นข้าย่อมใช้อำนาจของปราณสังหารสวรรค์ที่ 10 ได้… วิชาที่ข้ากำลังจะใช้ แค่ข้าชี้นิ้ว ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณก็ไม่รอด เจ้าเองก็ไม่มีทางรอดไปได้เช่นกัน… วิชาสุดท้ายแห่งปราณสังหารสวรรค์ที่ 10… ‘เจ็ดสังหาร’! ”
ทหารศิลานี้นิ้วไปบนนภา ท้องนภาที่ดาษดื่นดารา ปรากฏดาราสีโลหิต 7 ดวง!
ดาราแต่ละดวงแฝงด้วยอานุภาพที่ทรงพลัง การปรากฏตัวของมันทำให้หนิงฝานเสียวสันหลังวาบ
หากดาราเหล่านั้นกระหน่ำเข้าใส่ หนิงฝานคงไม่รอด
วิชาที่ทหารศิลาใช้ทรงพลังมาก หากจะต้านรับ ต้องใช้เพลิงหยินหยางเท่านั้น
วิชานี้ เป็นการจู่โจมเต็มกำลังของทหารศิลา
เพลิงหยินหยางสามารถใช้งานได้ 2 รูปแบบ แบบแรกคือการนำอานุภาพเพลิงที่รุนแรงสังหารศัตรู แต่ก็ส่งผลกระทบกับผู้ใช้อย่างรุนแรงไม่แพ้กัน
แบบที่สองคือการตรึงร่างศัตรูไม่ให้เคลื่อนไหว
การตรึงร่างจะอาศัยอำนาจของพลังหยินหยางเพื่อตรึงร่างศัตรู แต่ไม่ได้สร้างความเสียหายให้ ทั้งยังไม่ได้ทำให้ผู้ใช้เหน็ดเหนื่อยมาก… การตรึงร่างนั้นได้มาจากการศึกษาระฆังทะเลตะวันออก มันมีวิชาเทพตรึงร่าง หนิงฝานก็เปลี่ยนให้มันกลายเป็นวิชาของตนโดยการชี้นิ้วไปยังเป้าหมาย หากผู้ที่ต้องวิชามีระดับพลังด้อยกว่าหนิงฝาน คนผู้นั้นจะถูกผนึกโดยสมบูรณ์ และมีเพียงหนิงฝานเท่านั้นที่แก้ผนึกได้
ด้วยปราณของหนิงฝานยามนี้ เขาตรึงร่างผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้นได้ง่ายๆ ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลางได้ 10 ลมหายใจ ขั้นสูงได้ 3 ลมหายใจ และขั้นสูงสุดได้ 1 ลมหายใจ
แต่กับผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ อาจตรึงร่างได้เพียงชั่วพริบตา ซึ่งใช้ในการขัดจังหวะการใช้วิชาของอีกฝ่ายเท่านั้น!
ในระหว่างที่เผชิญหน้ากับวิกฤติร้ายแรง ดวงตาหนิงฝานเปล่งแสงสีเทา เพลิงสีเทาถูกจุดขึ้นที่นิ้วแล้วชี้ไปยังทหารศิลา
ชั่วลมหายใจนั้น เพลิงสีเทาแปรเปลี่ยนเป็นลำแสงพุ่งเข้าใส่ทหารศิลา เสียงราวกับบทสวดโบราณดังรอบทิศ สติของทหารศิลาหายไปชั่วขณะ!
เมื่อสติของทหารศิลาขาดหายไป ดาราสีโลหิตทั้ง 7 ดวงก็พังทะลาย!
แต่ยังไม่เพียงเท่านั้น
เมื่อทหารศิลาคืนสติ มันสัมผัสได้ถึงวิชาตรึงร่าง แต่สีหน้ากลับแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง
“จักรพรรดิแห่งแดนสวรรค์ตะวันออก… ‘วิชาตรึงสวรรค์’! ไม่… เป็นไปไม่ได้! วิชานี้สาบสูญไปนานแล้ว อีกอย่าง อานุภาพของมันยังไม่ใช่วิชาตรึงสวรรค์ที่แท้จริง ฮึ่ม! ถึงเจ้าจะตรึงร่างข้าได้ แต่วิชานี้ก็ต้องผลาญปราณของเจ้าไปไม่น้อย มาดูกันว่าเจ้าจะใช้ได้อีกสักกี่ครั้ง!”
“เจ้าไม่มีทางรอดเกิน 3 ลมหายใจแน่!”
แล้วเวลาก็ดำเนินมาจนครบสามลมหายใจพอดี!
ชั่วลมหายใจนั้น วิชาลับก็แผ่ออกมาจากสร้อยหยินหยาง พร้อมกับเสียงผ่อนลมหายใจที่เหนื่อยอ่อนของหลั่วโยว่
แสงสีขาวสายหนึ่งปรากฏในทะเลสติหนิงฝานก่อนสลายไป แต่ชั่วลมหายใจนั้นเอง กลิ่นอายของหนิงฝานก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
แววตาของหนิงฝานแปรเปลี่ยน ยามนี้ดูราวกับดาราที่สุกสกาว แตกต่างจากผู้เชี่ยวชาญทุกผู้ที่อยู่บนโลก
แววตาเช่นนั้นมีเพียงเซียนเท่านั้นที่ครอบครอง!
เมื่อทหารศิลาสบตาหนิงฝาน มันกลับสั่นสะท้าน!
เป็นความกลัว ความกลัวที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
มันรู้สึกราวกับว่าเพียงถูกสายนั้นจ้องมอง มันก็ตาย!
เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะทหารศิลาถูกสร้างให้มาเพื่อเป็นทาส! และวิชาที่หนิงฝานใช้ คือวิชาที่ใช้สยบทาสโดยเฉพาะ!
“นี่… จักรพรรดิแห่งแดนสวรรค์เหนือ ‘วิชาไว้ทุกข์แด่ความตาย’! เป็นไปไม่ได้!”
ทหารศิลาตกตะลึง มันรู้ราวกับสึกว่าไม่อาจต่อต้านสายตานั้นได้
หนิงฝานนิ่งเงียบไม่ตอบสนอง แววตาราวกับเห็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณอย่างทหารศิลาเป็นเพียงมดปลวก ไม่ควรค่าให้กล่าวใดๆด้วย
“วิชาไว้ทุกข์คือการจองจำชีวิต… ทาสนับล้านไม่อาจขัดขืน หากชี้นิ้วสั่ง เจ้าต้องทำตาม!”
หนิงฝานยกนิ้วชี้
แสงสีดำเปล่งออกจากนิ้ว พุ่งตรงไปยังร่างของทหารศิลา
ทหารศิลาสั่นสะท้าน ผนึกรูปจันทราปรากฏขึ้นบนร่างกายของมัน ราวกับยามนี้ ชีวิตของมันอยู่ในมือหนิงฝานแล้ว!
“เจ้าเป็นใคร! เจ้าเป็นใครกันแน่! เหตุใดเจ้าถึงได้ครอบครองวิชาของจักรพรรดิสวรรค์! เป็นไปไม่ได้!”
ถูกอย่างที่ทหาศิลากล่าว ระฆังทะเลตะวันออกของหนิงฝานไม่ได้เกี่ยวข้องวิชาตรึงสวรรค์
ส่วนวิชาไว้ทุกข์แก่ความตาย ก็ไม่ใช่วิชาของหนิงฝานด้วย
แต่รายละเอียดเหล่านั้น หนิงฝานไม่จำเป็นต้องอธิบายให้มันเข้าใจ
หนิงฝานหลับตา เมื่อลืมตา แววตาเมื่อครู่หายไป กลับคืนสู่แววตาที่เย็นชา
“ตอนนี้เจ้าเป็นทาสของข้าแล้ว”
“ไม่มีทาง!”
โทสะของทหารศิลาพุ่งพล่าน แต่แววตาที่เย็นชาของหนิงฝาน กลับดูราวกับเปล่งสัมผัสเทพที่ทรงพลังจนยากจะคาดถึง ทำให้ร่างของทหารศิลาแตกกระจาย
เมื่อยามที่มันถูกเป่ยเซี่ยวเหมินบดขยี้ร่างด้วยสายตา มันไม่โกรธแค้น แต่เมื่อหนิงฝานทำบ้าง กลับกลายเป็นเรื่องอัปยศของมัน
แม้มันจะก่อร่างขึ้นเหมือนเดิมได้ แต่ยามนี้มันกลับได้รับบาดเจ็บสาหัส
มันรู้ได้ทันทีว่าหากหนิงฝานต้องการสังหารมันจริง มันคงไม่รอด
ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณอย่างมันกลับต้องมาพลาดท่าให้กับผู้ที่อ่อนแอกว่า!
ทหารศิลาเริ่มหวาดกลัว
เพียงแต่ไม่ได้กลัวที่ตนเองจะตาย แต่กลัวที่นายหญิงน้อยของมันจะต้องเผชิญกับชะตากรรมที่อันตราย เพราะมันไม่อาจอารักขานางได้อีกแล้ว
“ปล่อยข้าไปเถอะ!”
“หนวกหู!”
แววตาหนิงฝานเปล่งกระกาย ร่างของทหารศิลาแตกกระจายอีกครั้ง ทำให้มันบาดเจ็บมากกว่าเดิม
ปล่อย? ทำไมต้องปล่อย? มันคิดจะสังหารหนิงฝาน โดยอาศัยพลังที่เหนือกว่า แต่พอมันสู้ไม่ได้ ก็ร้องขอความเมตตาให้ปล่อยมันไป!
“หากเจ้าไม่ปล่อยข้า ข้าจะไม่ช่วยเป็นกำลังให้เจ้า!”
“ก็ได้… แต่ข้าจะไปจับตัวเป่ยเซี่ยวเหมินมาแล้วทำให้นางกลายเป็นกระถางขัดเกลา ตอนนี้นางไม่มีเจ้าคอยคุ้มกันแล้ว”
“เจ้ากล้าเหรอ! หากเจ้ากล้าล่วงเกินนายหญิงน้อย ผู้นำคอคอยอีก 3 แห่ง และผู้นำวิหารหลักจะตามล่าเจ้า! หากเจ้ากล้าพรากพรหมจรรย์ของนายหญิงน้อย ผู้เชี่ยวชาญทั้งโลกพิรุณจะตามฆ่าเจ้า!”
มันคิดว่าจะขู่หนิงฝานได้ แต่หนิงฝานกลับหัวเราะกับคำกล่าวของมัน
“ผู้เชี่ยวชาญทั้งพิรุณโลกพิรุณตามฆ่า… พวกมันจะทำอะไรข้าได้!”
พวกมันจะทำอะไรข้าได้!
พวกมันจะทำอะไรข้าได้!!
พวกมันจะทำอะไรข้าได้!!!
เสียงของหนิงฝานสะท้อนก้องไปทั่วท้องนภา แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มที่ได้ยินยังสั่นสะท้าน ทหารศิลาเองก็เช่นกัน
ทหารศิลากระอักโลหิตสีดำ
บ้า… บ้าไปแล้ว เหตุใดไม่กลัวการตามล่าสังหารจากผู้เชี่ยวชาญทั้งโลกพิรุณ
ต่อให้บ้ายังไงอย่างน้อยก็ต้องรักชีวิตตัวเอง…
ยามนี้ทหารศิลาไม่อาจรอดพ้นจากเงื้อมมือของหนิงฝาน
“เจ้าพักดีกับเป่ยเซี่ยวเหมืน แต่ตอนนี้เจ้าต้องพักดีกับข้า… งั้นเอาแบบนี้ เรามาทำข้อตกลงกัน”
“ข้อตกลงอะไร!”
“ถึงเจ้าจะเป็นทาสของข้า แต่ข้าจะอนุญาติให้เจ้าออกห่างกายข้าได้ ข้ารับปากว่าจะไม่ท้ายเป่ยเซี่ยวเหมิน เรื่องราวต่างๆที่ขัดแย้งก็ถือซะว่าเคยไม่เกิดขึ้น”
“เป็นไปไม่ได้! แบบนี้แล้ว…”
“เจ้าไม่มีทางปฏิเสธ หากเจ้าปฏิเสธ ข้าจะฆ่าเจ้า จากนั้นก็จัดการเป่ยเซี่ยวเหมิน… เจ้าคงรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
หนิงฝานรู้ว่าทหารศิลาไม่ได้หวาดกลัวความตาย เพราะมันถูกสร้างขึ้นให้ปกป้องเป่ยเซี่ยวเหมินเท่านั้น
หากมันไม่ยอมรับใช้หนิงฝานด้วยใจ ต่อให้ควบคุม มันก็ไม่ยอมทำตายคำสั่ง
ทาสอย่างมันมีสติปัญญา หากลบล้างสติปัญญาไป มันก็ใช้งานไม่ได้ ต่อให้สังหารมันก็ไม่ยอมรับ
หากจะทำให้มันยอมรับ หนิงฝานต้องลงมือกับเป่ยเซี่ยวเหมินเท่านั้น
หากนำเป่ยเซี่ยวเหมินมาขู่ ทหารศิลาต้องหวาดกลัวแน่
ดังนั้น หนิงฝานต้องใช้เป่ยเซี่ยวเหมินเพื่อขู่ทหารศิลา
หากหนิงฝานได้ทหารศิลาเป็นทาสรับใช้ การครอบครองกระถางขัดเกลาทั้งทะเลส่วนนอกคงไม่ใช่เรื่องยาก
“ข้าให้เวลาเจ้าคิด 3 ลมหายใจ…”
“ก็ได้… แต่ข้ามีข้อแม้!”
ทหารศิลารับคำทันที
“ข้าจะช่วยเจ้าสังหารศัตรู แต่จะไม่ยอมเป็นทาสเจ้า… นายของข้าคือนายหญิงน้อยผู้เดียวเท่านั้น ที่สำคัญ เจ้าต้องช่วยนางคลายความหวาดกลัวในใจ และปกป้องนาง…”
“เป็นไปไม่ได้! ว่าแต่เจ้ามีสิทธิ์มาต่อรองด้วยเหรอ? เหลือ 2 ลมหายใจ!”
“ช้าก่อน…เจ้าจะได้เป็นแขกพิเศษของวิหารสาบสูญ หากเจ้ามีปัญหา วิหารสาบสูญจะยื่นมือช่วย!”
“ไม่เห็นจะเป็นประโยชน์กับข้า ข้าไม่สน!”
“เป็นสิ… เพลิงครามนั่นไง! หากเจ้าขอยืม นายหญิงน้อยต้องให้แน่”
“ไร้สาระ ข้าไม่ต้องการ! ข้าหาวิธีเอาเพลิงนั่นมาเองได้… เหลือ 1 ลมหายใจ”
ทหารศิลาไม่พอใจ มันเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ แต่ต้องมาต่อรองกับผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม
ในขณะที่มันกำลังคิดว่าจะทำยังไง จู่ๆมันก็ผุดความคิดขึ้น
“หากเจ้ายอมที่จะคอยปกป้องนายหญิงน้อย ข้ามีวิชาลับที่จะช่วยให้เจ้าทะลวงจากขอบเขตกระดูกเงินสู่ขอบเขตกระดูกหยก และขอบเขตกระดูกทองคำ!”
“วิชาลับ? น่าสนใจดี”
หนิงฝานมองทหารศิลาด้วยความประหลาดใจ มันเป็นเพียงทาส แต่กลับเฉลียวฉลาดและรู้จักยื่นข้อเสนอที่เป็นประโยชน์
ขอบเขตกระดูกหยก ขอบเขตกระดูกทองคำ
ขอบเขตกระดูกหยกสามารถต่อกรกับผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณได้ หากเป็นขอบเขตกระดูกทองคำ อาจต่อกรกับผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงได้
แต่ให้เขาคอยปกป้องเป่ยเซี่ยวเหมิน… บ้าหรือเปล่า?
“ข้อเสนอของเจ้าน่าสนใจ… แต่ข้าจะยอมเป็นแขกพิเศษของวิหารสาบสูญ หากเกิดเป่ยเซี่ยวเหมินลำบาก ข้าจะยอมช่วยหนหนึ่ง เพราะจะให้ข้าไปวิ่งตามนางไปทั่ว ข้าทำไม่ได้… นี่คือเงื่อนไขสุดท้ายของข้า หากเจ้ารับไม่ได้ก็ไม่ต้องคุยกัน”
ทหารศิลาขบฟัน และยอมลดเงื่อนไขจากที่เคยกล่าวไว้ล่าสุด
“งั้นเอาแบบนี้! ข้าจะมอบวิชาลับให้เจ้า แต่เจ้าห้ามทำร้ายนายหญิงน้อย แล้วเจ้าก็ต้อง…”
“หนวกหู! เลิกต่อรองได้แล้ว!”
หนิงฝานขมวดคิ้ว ขยับนิ้วเป็นท่าทาง รอยสลักผนึกจันทราปรากฏเปล่งแสงเจิดจ้า เปลี่ยนให้ทหารศิลากลายเป็นเหมือนอาวุธสังหารที่มีแววตาว่างเปล่า
“ครั้งหน้าข้าจะช่วงชิงวิชาขัดเกลาร่างกายของเจ้า… นางกำลังมา! หากนางรู้ว่าข้าเป็นคนช่วงชิงเจ้าคงไม่ใช่เรื่องดี…”
หนิงฝานโคจรปราณ ย่างก้าวพริบตาพุ่งทะยานพร้อมกับม่านมิติที่พังทะลาย
ไม่นานนักสตรีในอาภรณ์แดงก็ทะยานเข้ามาอย่างเร่งร้อน
เมื่อมาถึง นางชงักฝีเท้า นางสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของทหารศิลาที่เหลืออยู่ แต่ตัวมันกลับไม่อยู่
“ทหารศิลาเจ้าไปไหน… เจ้าซัวหมิงทำร้ายข้า ช่วยข้าล้างแค้นด้วย…”
นางเริ่มกังวล แววตาเริ่มปรากฏปราณสังหาร
แต่ก่อนที่นางจะคลั่ง นางกลับต้องเร่งสะกดมันไว้ แววตากลับคืน ดูราวกับสาวน้อยผู้โดดเดี่ยว
“ทหารศิลา เจ้าอยู่ไหน…”
“ทหารศิลา เจ้าอยู่ไหน…”
“เจ้าซัวหมิงนั่นด้วย… ทหารศิลา ข้าไม่อยากเห็นหน้ามันอีก…”
“ท่านปู่ทหารศิลา… ท่านหายไปไหน” นางโดดเดี่ยว ดวงตาพร่ามัวด้วยหยาดน้ำตาไม่ต่างสาวน้อยนางหนึ่ง…