Grasping Evil จักรพรรดิปีศาจหนิง - ตอนที่ 194
สมบัติชนิดใดกัน
ผนึกอสูรสีเทาแตกเป็นเสี่ยงๆ
หยิงเก้อที่ซ่อนตัวอยู่นอกเกาะเผิงไหล ดวงตาเบิกกว้างตกตะลึง
“เป็นไปไม่ได้! ผนึกอสูรสีเทาที่ข้าแอบวางไว้ในตัวจิงสั่ว…ถูกทำลาย! ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณช่วยถอนผนึกออกให้งั้นเหรอ? เป็นไปไม่ได้! บนเกาะเผิงไหลมีผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณเพียงผู้เดียวคือประมุขวิหารสาบสูญ… หรือจะมีผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณอีกคน! เป็นไปไม่ได้! หากผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณเป็นผู้ถอนผนึกให้จริง ข้าต้องสัมผัสถึงตัวตนมันได้… แต่หากไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณแล้วเป็นผู้ใด!”
“เกิดอะไรขึ้นผู้อาวุโส? ซัวหมิงปรากฏตัวแล้วหรือ?” แววตาอ้านต้าเผยเจตนาสังหารและตื่นเต้น
“ซัวหมิง…นั่นสิ! ต้องเป็นมันแน่ มิน่าผนึกอสูรสีเทาของข้าถึงสัมผัสไม่ได้… ซัวหมิงมีสมบัติที่ไม่ธรรมดากับตัว มันต้องแอบช่วยจิงสั่วแน่… ฮ่าฮ่า เจ้าซัวหมิงต้องตามสัมผัสผนึกอสูรสีเทามาหาข้าแน่ ไปกันเถอะ ออกให้ห่างจากเกาะเผิงไหลหมื่นลี้ เมื่อพ้นระยะเขตของวิหารสาบสูญ เราจะฆ่ามัน”
แววตาหยิงเก้อเป็นประกาย มันคว้าร่างอ้านต้าทะยานออกห่างจากเกาะเผิงไหล
ผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านไปมาตกตะลึง
หยิงเก้อที่เคลื่อนไหวได้รวดเร็วนั้น อย่างน้อยต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูง!
เมื่อพ้นระยะหมื่นลี้ หยิงเก้อชะงักฝีเท้า ยืนมือไพล่หลังอยู่กลางผืนนภา แผ่แรงกดดันที่รุนแรงออกมา
กลิ่นอายของหยิงเก้อต่างไปจากผู้เชี่ยวชาญทั่วไป กลิ่นอายของดูทรงพลังไร้ผู้ต้าน นอกจากนี้ มันยังเป็นผู้ที่อยู่ในชื่อ ‘ผู้เชี่ยวชาญฝ่ายอธรรมที่อันตราย’!
ที่ทะเลส่วนในของทะเลไร้สิ้นสุด มีการจัดอันดับผู้เชี่ยวชาญฝ่ายอธรรมที่อันตรายเอาไว้ ซึ่งหยิงเก้อถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 342!
คนผู้นี้มีชื่อเสียงโด่งดัง และมีที่มาที่ไม่ธรรมดา!
“ผู้อาวุโสเจ็ดแห่งวังผนึกอสูร…หยิงเก้อ! มันถึงกับออกมาจากทะเลส่วนใน มาอาละวาดในทะเลส่วนนอกของข้า”
“วังผนึกอสูรทรงพลังมากเลยเหรอ?”
“ไม่ใช่แค่ทรงพลัง… แต่ยังเป็น 1 ใน 72 นิกาย และเป็น 1 ใน 7 เกาะที่ไม่ควรยั่วยุ! ประมุขของพวกมันคือผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงสุด… มีฉายาว่า ‘ประมุขเจ็ดแห่งทะเลส่วนใน’! หากไม่ใช่เพราะทะเลส่วนในมีข้อตกลงกับวิหารพิรุณว่าห้ามออกจากทะเลส่วนใน ป่านนี้ทะเลส่วนนอกคงตกอยู่ภายใต้การปกครองของมันไปแล้ว”
“อะไรนะ! วังผนึกอสูรทรงพลังขนาดนั้นเลยหรอ? ดูจากท่าทางของมันแล้ว เหมือนมันกำลังรอใครอยู่”
“จะเป็นไปได้ยังไง! เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูง ใครหล่ะจะกล้ายั่วยุมัน”
ผู้เชี่ยวชาญบริเวณนั้นพูดคุย แต่หยิงเก้อที่ได้ยินกลับไม่พอใจ
ปราณจำนวนมหาศาลปะทุ พื้นที่โดยรอบกว่าพันลี้สั่นสะเทือน หมอกขาวปกคลุม พร้อมกับเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำและผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มที่พูดคุยเมื่อครู่กระอักโลหิต ปราณภายในร่างปั่นป่วน ผนึกอสูรสีเทาฝังลงไปในร่างของพวกมัน
“นี่มัน… วิชาที่สร้างชื่อให้กับหยิงเก้อ! แย่แล้ว ต้องเร่งหาโอสถผันแปรที่ 3 ถอนพิษ ไม่อย่างนั้น…”
ผู้เชี่ยวชาญที่ต้องพิษและถูกผนึกอสูรสีเทาหวาดกลัวอย่างที่สุด พวกมันเร่งทะยานออกห่างหยิงเก้ออย่างสุดชีวิต
เพียงแต่ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำไม่อาจหนีได้ทัน หมอกสีขาวปกคลุมแปรเปลี่ยนเป็นทะเลเพลิงฟ้า ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำที่หนีไม่ทันร้องลั่น ก่อนถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน!
วิชาระดับดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูง วิชาที่เปลี่ยนให้พื้นที่รอบข้างกลายเป็นทะเลเพลิง!
“ไม่อยากตายก็ไสหัวไปซะ!”
หยิงเก้อหัวเราะลั่น ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้มันอีก
ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตกำลังทะยานหลบหนี รุ้งหิมะสายหนึ่งก็ตรงส่วนมา มุ่งหน้าไปยังทิศทางของหยิงเก้อ
ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มเหล่านั้นพยายามเพ่งมองผู้ที่มา แต่ไม่มีใครเห็นเงาร่างของคนผู้นั้นได้ชัด
คนผู้นั้นทะยานเข้าไปในทะเลเพลิงของหยิงเก้อ หยุดยืนกลางท้องภาพ แววตาเรียบเฉย
ทะเลเพลิงของหยิงเก้อทำอะไรคนผู้นี้ไม่ได้
“ทำลาย!”
เมื่อสิ้นเสียง หมัดทะลายน้ำแข็งสำแดงอานุภาพ!
หมัดที่ชกออกเปล่งแสงสีเงิน ทั้งยังแฝงไปด้วยปราณน้ำแข็งที่น่าสะพรึงกลัว!
เพียงหมัดเดียว ทะเลเพลิงถูกพัดกระจุย ราวกับท้องนภาถูกพลิกด้วยพลังที่น่าสะพรึงกลัว
วิชาที่สร้างชื่อของหยิงเก้อถูกทำลายอย่างง่ายดาย!
แต่การจู่โจมยังไม่หมดเท่านั้น เมื่อหมัดที่ทรงพลังเปิดทาง สัมผัสกระบี่สีดำทมิฬก็พุ่งตรงเข้าหาหยิงเก้อ เข้าปะทะร่างของมันจนทำให้มันต้องร่นถอยกว่า 10 ก้าว มันเร่งนำสมบัติที่ทรงอานุภาพเข้าต้านรับ และตกตะลึงกับหมัดและปราณกระบี่ของอีกฝ่าย
ฝ่ายอ้านต้า สีหน้าแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง อานุภาพขากหมัดทะลายน้ำแข็งเมื่อครู่กระแทกร่างของมันไปไกล ปราณในร่างปั่นป่วน โลหิตไหลรินออกจากร่างอย่างต่อเนื่อง แม้มันจะหยุดยืนได้อย่างมั่นคง แต่โลหิตยังไม่หยุดไหล ยามนี้มันบาดเจ็บสาหัส!
“วังผนึกอสูรไม่เห็นจะเท่าไหร่… ยามนี้ถึงครามตายของเจ้าแล้ว!”
อ้านต้ารู้สึกราวกับทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนมันตามไม่ทัน ก่อนหน้านี้มันเคยเห็นหน้าซัวหมิง แต่เมื่อจะไล่ตาม กลับถูกประกาศิตสังหารของอีกฝ่ายเล่นงานจนบาดเจ็บสาหัส… แม้ศิษย์พี่ทั้งสองข้องมันจะถูกซัวหมิงสังหาร แต่มันก็ยังไม่เห็ยซัวอยู่ในสายตา แต่ยามนี้ เพียงหมัดเดียวของอีกฝ่ายมันก็ไม่อาจต้านรับ
วิชาเมื่อครู่ของหยิงเก้อคือวิชาทะเลเพลิงที่ทรงพลัง แม้อีกฝ่ายจะบรรลุกระดูกเงิน และมีพลังน้ำแข็งที่ไม่ธรรมดา แต่นั่นยังไม่เพียงพอที่จะสะกดเพลิงวิญญาณระดับ 4 ของมัน แต่หมัดทะลายน้ำแข็งและปราณกระบี่ของบุรุษเบื้องหน้ากลับทำลายได้อย่างง่ายดาย
ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มที่หลบหนีชะงักฝีเท้า
นอกจากคนเหล่านั้นจะตกตะลึงกับพลังของหนิงฝานแล้ว ยังตกตะลึงกับคำกล่าว
หนิงฝานกล่าวราวกับไม่เห็นวังผนึกอสูรอยู่ในสายตา!
สีหน้าหยิงเก้อแปรเปลี่ยนมืดมน มันหันกล่าวกับอ้านต้า
“เจ้าเข้าไปพัวพันซัวหมิงไว้!”
“ผู้อาวุโส… ข้า…” อ้านต้าหวาดกลัว ความหาญกล้าที่ลั่นวาจาว่าจะสังหารหนิงฝานหายไป
“เอาสมบัตินี่ไป!” หยิงเก้อนำบางสิ่งออกมาแล้วโยนให้อ้านต้า
เมื่อได้รับ อ้านต้าที่หวาดกลัวกลับแปรเปลี่ยนเป็นตื่นเต้น
“ขอบคุณผู้อาวุโส 7 ที่มอบสมบัติให้ข้า! หากมีสิ่งนี้อยู่ย่อมสังหารมันได้อย่างง่ายดาย!”
เมื่อกล่าวจบ อ้านต้าได้กระตุ้นสมบัติ ปรากฏเป็นผนึกสีทอง บนผนึกมีภาพสลักของอสูรที่ทรงพลัง… ผนึกเปล่งแสง อสูรสีทองขนาดเท่าภูเขาปรากฏ มันกระโดดเข้าใส่หนิงฝานอย่างรวดเร็ว
การปรากฏตัวของมัน ทำให้เกิดคลื่นเสียงกวาดผ่านไปรอบทิศ
อานุภาพของเสียงที่แผ่ออกไป ทำให้ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มกลุ่มที่หลบหนีบาดเจ็บซ้ำ
อสูรที่ปรากฏดูคล้ายกับระฆังทะเลตะวันออก แต่มันยังไม่ทรงพลังมากนัก
“สมบัติอัญเชิญอสูรโบราณ… เป็นสมบัติที่ดี แต่ยังอ่อนด้อยเกินไป… ตายซะ!”
หนิงฝานสัมผัสหน้าผาก นำ ‘แส้อัสนีโลหิต’ ออกมา
แส้นี้คือเอ็นมังกรที่หนิงฝานได้มา จากนั้นเขาสร้างมันขึ้นใหม่ด้วยโลหะดาราและอัสนีโลหิต
แส้ได้รับการเสริมอานุภาพจากปราณหนิงฝาน และอัสนีโลหิตในตอนที่หนิงฝานจะทะลวงขอบเขตแก่นทองคำ จนยามนี้ แส้อัสนีได้ยกระดับเป็นสมบัติขั้นสูงสุดแล้ว
เมื่อหนิงฝานลงแส้ เสียงอัสนีฟาดผ่าจนทำให้หยิงเก้อและผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆหวาดกลัว
เพราะแส้อัสนีโลหิตนั้น ราวกับแฝงอัสนีสวรรค์อยู่
แส้ที่ลงไปเมื่อครู่ ปลิดศีรษะของอสูรตนนั้น! นอกจากนี้ แส้เมื่อครู่ยังทำให้มิติแผันผวน
แต่การจู่โจมยังไม่หมดเพียงเท่านั้น
ปลายแส้ยังฟาดเข้าที่หน้าอกของอ้านต้า อานุภาพของอัสนีทะลักเข้าจู่โจมตันเถียนจนรู้สึกเจ็บปวด และมันยังรู้สึกราวกับถูกกระชากบางสิ่งออกมาจากร่าง!
หากได้ตรวจสอบร่างกายของอ้านต้า จะเห็นเกราะโปร่งใสปกคลุมดวงจิตแรกเริ่มของมันเอาไว้
เกราะนั่นคือสมควรเป็นสมบัติล้ำค่า เกราะชิ้นนี้เป็นที่ต้องการของผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม เพราะเมื่อร่างกายของผู้เชี่ยวชาญสูญสลาย เกราะนั่นจะทำหน้าที่คุ้มกันดวงจิตแรกเริ่มให้หลบหนีได้
เพียงแต่… เมื่อสมบัติชิ้นนั้นถูกแส้อัสนีหวดฟาด มันก็แตกเป็นชิ้นไปแล้ว
“สมบัติชนิดใดกัน! นอกจากจะพังเกราะของข้าได้ ยังดึงเอาจิตวิญญาณแรกเริ่มของข้าออกมาได้”
“โอ้! ดูเหมือนเจ้าจะยังไม่ตาย คงต้องลงแส้ที่สอง!”
*เพี้ยะ!*
แส้ฟาดเข้าร่วมอ้านต้า อัสนีโลหิตกระหน่ำเข้าที่ร่างของมันอย่างรุนแรง
ยามนี้มันไร้ซึ่งสิ่งใดคุ้มกันดวงจิตแรกเริ่ม ดวงจิตแรกเริ่มของมันจึงถูกทำลาย
จิตวิญญาณสูญสลาย ดวงจิตแรกเริ่มถูกทำลาย… อ้านต้าตาย ใบหน้าแข็งค้างด้วยสีหน้าหวาดกลัว!
หากหนิงฝานมีแส้อัสนีนี้อยู่ ต่อให้เผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญที่ใช้สมบัติจู่โจม เขาย่อมรับมือได้ง่าย
แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยนเย็นชา เขาหันมองหยิงเก้อพลางเดินเข้าหามันทีละก้าว แต่ในจังหวะนั้นเอง กระบี่บินเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
กระบี่บินเล่มนั้นคือสมบัติขั้นสูงสุดที่สร้างชื่อให้กับหยิงเก้อ นามว่า ‘กระบี่ปลิดชีพ’ เป็นกระบี่บินที่ต้องดูดซับแสงอาทิตย์ยามจู่โจม ทั้งยังมีความสามารถในกลบเกลื่อนกลิ่นอายได้เป็นอย่างดี หากไม่ใช่ผู้ที่มีสัมผัสเทพสูงชั้นกว่าผู้ที่ใช้กระบี่ ก็ไม่อาจสัมผัสถึงมันได้
แต่แล้ว แส้ในมือหนิงฝานก็ฟาดเข้าที่กระบี่บินอย่างรุนแรง
หยิงเก้อตกตะลึงและกระอักโลหิต
“เป็นไปไม่ได้!”
มันไม่เข้าใจว่าเหตุใดซัวหมิงผู้เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขึ้นต้น ถึงได้สัมผัสถึงกระบี่ของมันได้
แต่ที่ทำให้มันประหลาดใจยิ่งกว่า คือเหตุใดแส้ที่ฟาดกระบี่บิน ถึงได้ทำให้ผู้ใช้ของมันบาดเจ็บไปด้วย
“เข้าใจแล้ว! ที่แท้เจ้าเป็นผู่เชี่ยวชาญของตระกูลซัวในตำนาน ทุกวิชาที่เจ้าใช้! เจ้าต้องเป็นคนของตระกูลซัวไม่ผิดแน่!”…