Grasping Evil จักรพรรดิปีศาจหนิง - ตอนที่ 207
4 แดนสวรรค์… 9 แดนพิภพ…
โลกทั้ง 9 ใบคือเปรียบเหมือนแดนสวรรค์ระดับล่าง ในบรรดาโลกทั้งหมดนั้น โลกที่แข็งแกร่งที่สุด จัดลำดับได้เป็น โลกปีศาจ โลกอสูร โลกเซียน โลกเซียนพิภพ ตามด้วยโลกแห่งธาตุทั้ง 5 ได้แก่ โลกพิรุณ โลกกระบี่ โลกเพลิง โลกภูเขา และโลกต้นไม้ ระดับพลังสูงสุดของโลกทั้ง 9 ใบคือขอบเขตไร้แบ่งแยก และผู้ไม่อาจบรรลุเซียน ผู้ไม่อาจบรรลุเซียนอสูร ผู้ไม่อาจบรรลุเซียนปีศาจ กลุ่มคือผู้ที่ไม่อาจบรรลุความเป็นเซียนได้สำเร็จ
แดนสวรรค์ทั้ง 4 ประกอบด้วย ทะเลเหนือล่องสวรรค์ ทะเลตะวันออกไร้สวรรค์ ทะเลตะวันตกแห่งพรหม และทะเลใต้จักรพรรดิสรรค์ ในแต่ละแห่งจะมีสถานที่ตั้ง ‘ตำหนักเซียน’ ประจำขุมกำลังที่ปกครอง… ทะเลตะวันออกปกครองโดย ‘ศาลาไร้ธรรม’ ทะเลเหนือปกครองโดย ‘วิหารสาบสูญ’
4 ขุมกำลังใหญ่มักจะส่งผู้สืบทอดของตนลงมายังโลกทั้ง 9 เพื่อหาประสบการณ์ และหาผู้ที่เป็นตัวแทนของโลก ที่จะมีโอกาสขึ้นไปเยือนแดนสวรรค์ แต่ผู้ที่ได้สิทธิ์นั้น ต้องเข้าร่วมกับขุมกำลังนั้นๆด้วย
แดนสวรรค์ทั้ง 4 มีชื่อเรียกหลากหลาย มีทั้ง ‘แดนมหาสมุทรทั้ง 4’ และ ‘โลกที่แตกสลาย’ เป็นส่วนหนึ่งของลานสวรรค์โบราณที่มนุษย์สามารถยกระดับตนให้ขึ้นมาได้
เมื่อเผ่าอสูรบรรลุเซียน พวกมันจะไม่ขึ้นไปยังแดนสวรรค์ทั้ง 4 แต่จะไปยัง ‘ดินแดนวิญญาณอสูร’… ข่าวลือว่าที่แห่งนั้นแบ่งออกเป็น ‘โลกที่ตื่นขึ้น’ และ ‘โลกแห่งความฝัน’ แต่รายละเอียดของมันนั้น ทหารศิลาไม่ทราบ
เผ่าปีศาจเองก็เช่นกัน เมื่อพวกมันบรรลุความเป็นเซียน พวกมันจะไปยัง ‘หุบเหวปีศาจโบราณ’
ทั้งหมดทั้งมวลนั้นเป็นคำบอกเล่าของทหารศิลา ที่หนิงฝานเองก็เพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก
“ซัวหมิง หากเจ้ายอมเป็นตัวแทนของวิหารสาบสูญ นายหญิงน้อยสามารถพาเจ้าขึ้นไปยังแดนสวรรค์… เจ้าคงรู้ดีว่าว่าการที่ผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกจะบรรลุเซียนนั้นยากขนาดไหน… การจะบรรลุเซียนได้นั้น ต้องมี ‘พรแห่งเทพ’ และ ‘อำนาจแห่งเพลิงผลาญ’ จึงจะช่วยให้บรรลุเซียนได้ง่าย”
“ขอข้าคิดดูก่อน…”
หนิงฝานนิ่งเงียบ
การได้เป็นตัวแทนของวิหารสาบสูญนับเป็นเรื่อบที่เย้ายวนใจ เพราะตามความทรงจำจักรพรรดิสวรรค์ การยกระดับพลังจะถึงอยู่แค่ขอบเขตไร้แบ่งแยก แต่เมื่อบรรลุถึงขอบเขตไร้แบ่งแยกแล้ว ความทรงจำของจักรพรรดิสวรรค์ก็จะไม่มีประโยชน์อีก
เขาต้องบรรลุเซียนเหมือนกับผู้เชี่ยวชาญทั่วไป ซึ่งมีไม่ถึง 1 ใน 100 ส่วนที่ทำสำเร็จ
หากได้เป็นตัวแทน จะบรรลุเซียนได้อย่างปลอดภัย เพียงแต่… การเป็นตัวแทนหมายถึงต้องเข้าร่วมวิหารสาบสูญ ซึ่งหนิงฝานไม่อยากทำแบบนั้น
หนิงฝานแตกต่างจากเป่ยเซี่ยวเหมินผู้ท้าทายสวรรค์ การเลือกเข้าร่วมวหารสาบสูญเพื่อบรรลุเซียนย่อมดีกว่า อีกอย่าง ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับนายหญิงน้อยของทหารศิลาอาจจะดีขึ้น
ยามนี้หนิงฝานยังไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่ตนเองจะเป็นเซียน จึงยังไม่อาจตัดสินใจเรื่องนี้ได้ในยามนี้ การยอมรับที่จะเป็นตัวแทนของขุมกำลังในแดนสวรรค์ เป็นเรื่องที่ต้องคิดให้ถ้วนถี่ อย่างน้อยๆก็อยากจะถามอาจารย์ของตนก่อน เขาอยากให้อาจารย์ได้ไปแดนสวรรค์ด้วย
“เรื่องนี้ในอนาคตค่อยว่ากัน… ตอนนี้สลักรอยสักปีศาจก่อน” หนิงฝานกล่าวอย่างเรียบเฉย
“อืม…” ทหารศิลาเข้าใจ มันไม่อยากบังคับ หากหนิงฝานไม่เป็นศัตรูกับวิหารสาบสูญแต่แรก ป่านนี้คง…
“วิชาสลักนี้สืบทอดมาจากเผ่าปีศาจโบราณ นามว่า ‘เผ่าสลักศิลา’ แม้วิชานี้จะถูกเปิดเผยอย่างแพร่หลาย แต่เผ่ามนุษย์ยังไม่รู้จัก… แต่ข้าก็ไม่ได้รู้จักเผ่านี้มากนัก รู้แค่ว่า ในสมัยโบราณกาล เผ่านี้ใช้วิชาสลักของตน สร้างเส้นลมปราณเทพปีศาจโบราณขึ้นมาได้! ฮ่าฮ่า นอกเรื่องไปเยอะ… พูดง่ายๆก็เผ่าอสูรและเผ่าปีศาจมีร่างกายที่แข็งแกร่งกระทั่งสามารถทนต่อวิชาสลักได้… รอยสักที่ข้าจะสลักให้เจ้าคือ รอยสักปีศาจระดับทหาร… การสลักนั้นขั้นต่ำต้องสลัก 7 เข็ม มากสุด 99 เข็ม ค่อยๆสลักไปที่ละจุดกระทั่งครบจำนวน… ข้าขอเตือนว่าขั้นตอนการสักนั้นเจ็บมาก”
“เจ้านี่พูดมากจริงๆ…”
“ก็มันเจ็บจริงๆนี่นา… ถึงร่างกายของข้าจะแข็งแกร่ง แต่พอสลักไปถึงเข็มที่ 13 ร่างของข้าแทบสลาย… ขนาดผู้สืบทอดในแดนสวรรค์ที่มากพรสวรรค์ อย่างมากก็ทนได้ไม่เกิน 24 เข็ม… ดังนั้น การสลักนี้จึงไม่นิยมใช้กับคนทั่วไป จะใช้แค่กับทาสอย่างพวกข้าเท่านั้น…”
“งั้นหมายความว่า ถ้าข้าเรียนวิชาสลักกับเจ้า ข้าก็จะสามารถสักกับทาสหรือศพที่ข้าสร้าง จนมันยกระดับร่างกายถึงขอบเขตกระดูกหยกได้ใช่!”
ถ้าเป็นแย่างนั้นจริง หนิงฝานจะสามารถยกระดับเกราะทมิฬ หรือกระทั่งศพที่เขากำลังจะสร้างให้บรรลุถึงขอบเขตกระดูกหยกได้ คราวนี้เขาจะได้ทาสในขอบเขตตัดวิญญาณ ที่แข็งแกร่งพอจะรุกรานโลกพิรุณ
“เป็นไปไม่ได้หรอก วิชาสลักไม่ได้ง่ายขนาดนั้น หากเจ้าไม่มีเวลาเป็นพันปี เจ้าก็เรียนรู้ไม่ได้ หรือต่อให้เรียนรู้ได้ เจ้าต้องสังหารผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มนับร้อยเพื่อเอาโลหิตของพวกมันมาให้ศพของเจ้ายกระดับร่างกาย อีกอย่าง ยังเคยมีใครลองสลักกับศพ จึงไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือเปล่า… เอา ‘เข็มเซียน’ มาให้ข้ายืมหน่อย”
“เข็มเซียน?”
หนิงฝานยื่นเข็มเล่มหนึ่งให้ทหารศิลา
“อา… นี่คือเข็มของนางสวรรค์แห่งลานสวรรค์โบราณ ที่ใช้งานเย็บปักถักร้อย หากเจ้ามีโอกาสได้ไปเยือนลานสวรรค์โบราณ เจ้าก็จะได้เห็น… เข็มเซียนนี้เหมาะกับวิชาสลัก การสลักนั้นแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน… ขั้นตอนแรกคือการลงเข็ม ขั้นตอนที่สองคือการถ่ายโลหิตเข้าไปยังรอยสัก และขั้นตอนสุดท้ายคือการกระตุ้นรอยสัก…”
หนิงฝานปลดอาภรณ์ท่อนบน เผยแผ่นหลังที่เล็กและดูไม่แข็งแกร่ง ทำให้ทหารศิลาขมวดคิ้ว
“ร่างกายผอมบาง อย่างมากคงทนการสลักได้แค่ 7 เข็ม… การสลักก็ว่าเจ็บแล้ว โอสถจักรพรรดิหยกก็เจ็บยิ่งกว่า แม้เป็นเทพยังหวาดกลัวอานุภาพของมัน ข้าแนะนำว่า ยามที่สลักเจ้าห้ามกินโอสถจักรพรรดิหยกเด็ดขาด”
“เจ้าไม่ต้องกังวล…” หนิงฝานไม่ได้บอกทหารศิลาว่าสามารถใช้ความเจ็บข่มความเจ็บได้ ต่อให้สลักไปกี่รอย แต่โอสถจักรพรรดิหนกสมควรหักล้างความเจ็บได้
“จะเริ่มเข็มแรกแล้ว!”
เข็มในมือทหารศิลาเปล่งประกายเจิดจ้าง ก่อนเคลื่อนแทงเข้าไปบนแผ่นหลังหนิงฝานลึก 3 ชุน จากนั้นถ่ายโลหิตที่ผ่านการควบกลั่นด้วยวิชามาลงไปหนึ่งหยด
ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วแผ่นหลังหนิงฝาน เขาขมวดคิ้วแน่น มันเจ็บปวดเหมือนทหารศิลาว่า แต่ยังไม่มากพอที่จะทำให้หนิงฝานเปล่งเสียง
ทหารศิลาประหลาดใจ มันคาดไม่ถึงว่าผู้เยาว์ร่างกายผอมบางจะสามารถทนกับความเจ็บปวดระดับนี้ได้
แต่ละเข็มที่สลักนั้น จะทำให้ความเจ็บปวดเพิ่มขึ้นส่วนหนึ่ง แต่ไม่ใช่ว่าจะทนไม่ได้
ผู้เยาว์เบื้องหน้าทั้งมากพรสวรรค์และมีจิตใจแน่วแน่ ทำให้ทหารศิลานับถือ
แม้ซัวหมิงผู้นี้จะเป็นศัตรู แต่ก็สมเป็นบุรุษ!
หากไม่เพราะเป็นศัตรู ทหารศิลาคงอยากคบหาหนิงฝานเหมือนเพื่อน
“เข็มที่ 2!”
แล้วความเจ็บก็เพิ่มขึ้น 1 ใน 10 ส่วน แต่ดูเหมือนหนิงฝานจะยังทนได้
เข็มที่ 3… เข็มที่ 4… แม้ถึงเข็มที่ 6 หนิงฝานก็ยังไม่ส่งเสียง แต่เมื่อสลักถึงเข็มที่ 7 ทหารศิลาก็เริ่มตระหนก เพราะเข็มนี้จะเป็นตัดสินว่า การสลักครั้งนี้จะสำเร็จหรือล้มเหลว
“ถ้าเจ็บก็บอกนะ… เข็มที่ 7!”
เมื่อเข็มที่ 7 ฝังลงไปบนแผ่นหลังหนิงฝาน รอยสักก็ดูเป็นรูปเป็นร่าง
แต่ความเจ็บที่สั่งสมมานั้น ทำให้หนิงฝ่านต้องลืมตา
เขาพยายามขบฟัน และไม่เปล่งเสียงร้อง
ยัง… ยังไม่พอที่จะให้ใช้โอสถจักรพรรดิหยก…
แววตาของทหารศิลาแสดงออกถึงความนับถือหนิงฝานมากขึ้น เพราะความอดทนของผู้ที่ชื่อซัวหมิง เป็นผู้ที่คาดไม่ถึงจริงๆ
“ต่อเลยอย่าหยุด!”
“ได้!”
ในเมื่อทหารศิลายังทนได้ 13 เข็ม ตนเองก็ไม่น่ามีปัญหา
ทหารศิลาคิดว่า หากหนิงฝานร้องออกมาเมื่อใด เมื่อนั้นคงถึงขีดจำกัด ทหารศิลาคงต้องหยุดมือ เพราะมันคิดว่า หนิงฝานย่อมไม่มีทางร้องบอกให้หยุด!
เข็มที่ 8… 9… กระทั่งถึงเข็มที่ 13! เข็มที่ทหารศิลาไม่อาจต้านทานไหว หนิงฝานในยามนี้เหงื่อท่วมตัว แต่เขายังไม่ร้องออกมาสักคำ!
เข็มที่ 14… 15… กระทั่งถึงเข็มที่ 24! เป็นจำนวนที่ผู้สืบทอดในแดนสวรรค์ไม่อาจต้านทาน แต่หนิงฝานยังทนได้ ยามนี้ ใบหน้าหนิงฝานซีดขาวดูไม่ค่อยดี
เข็มที่ 25… 26… กระทั่งถึงเข็มที่ 31! ร่างกายหนิงฝานสั่นเทาอย่างรุนแรง แม้เขาไม่เปล่งเสียงร้อง แต่ดูเหมือร่างกายจะมาถึงขีดจำกัดแล้ว
ทหารศิลากลืนน้ำลายอึกใหญ่! หากเรื่องที่หนิงฝานทนได้ถึง 31 เข็มแพร่งพรายในแดนสวรรค์คงปั่นป่วนวุ่นวาย การที่ซัวหมิงทนได้มากขนาดนี้ สมควรกล่าวได้ว่า จิตใจของเขาแข็งแกร่งดั่งหินผา
บนแผ่นหลังหนิงฝานปรากฏรอยสักรูปหมู่เมฆและภูเขา
“เอาหล่ะ 31 เข็มก็มากพอแล้ว!”
“ยังไม่พอ! ข้าต้องสลักให้ได้… 99 เข็ม!”
“ไม่ได้! ร่างกายของเจ้ามาถึงขีดจำกัดแล้ว ถ้ายังขืนดึงดัน ร่างกายของเจ้าจะทนเจ็บไม่ไหวซะก่อน…” ทหารศิลาเป็นห่วงหนิงฝาน
หนิงฝานสังเกตุเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของทหารศิลา
การที่แสดงความเป็นห่วงต่อศัตรูเช่นนี้นับเป็นเรื่องแปลกอย่างที่สุด
“ใกล้จะถึงเวลาที่ต้องใช้โอสถจักรพรรดิหยกแล้ว…” แววตาหนิงฝานเป็นประกาย ในเมื่ออีกฝ่ายแสดงความเป็นห่วง หนิงฝานก็กล้าที่จะบอกความลับ
“ข้าอยากเห็นว่าโอสถจักรพรรดิหยกและรอยสักของเจ้า มันจะเจ็บสักแค่ไหน!”
แล้วหนิงฝานก็กินโอสถจักรพรรดิหยกเม็ดที่ 4!
สีหน้าทหารศิลาแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง
“นี่เจ้าเป็นบ้าอะไร! แค่รอยสักก็ยากจะทนแล้ว เจ้ายังกินโอสถจักรพรรดิหยกเข้าไปอีก… เจ้าบ้าไปแล้วหรือไง! ”
เมื่อโอสถเข้าไปในร่าง โอสถก็เริ่มออกฤทธิ์ เส้นลมปราณและอวัยวะต่างๆเริ่มถูกทำลายแล้วสร้างใหม่ ซึ่งความเจ็บระดับนั้น สามารถหักล้างกับความเจ็บจากการสลักได้!
ซึ่งนี่เป็นการยกระดับร่างกายที่รวดเร็วมาก
“ต่อเลย!” หนิงฝานกล่าวอย่างเย็นชา
ทหารศิลานิ่งอึ้ง แต่ความแน่วแน่ของหนิงฝานทำให้มันหวั่นไหว
มันเริ่มหวาดกลัวหนิงฝาน!
มันไม่ได้หวาดกลัวผนึกที่หนิงฝานฝังไว้บนร่างมัน แต่หวาดกลัวจิตใจที่โหดเหี้ยม!
เมื่อยามที่หนิงฝานเป็นคนธรรมดา เขากล้าเข้าไปยังอาณาเขตของราชาหมาป่า เพื่อล่อให้ผู้เชี่ยวชาญที่ไล่ตามตนเอง ไปถูกราชาหมาป่าฆ่า
เมื่อยามที่ก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งการฝึกตน หนิงฝานในขอบเขตเปิดเส้นชีพจร สามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณได้… เมื่อบรรลุขอบเขตประสานวิญญาณ หนิงฝานก็เข้าสู่ป่าแห่งภูติพราย และสังหารภูติในขอบเขตแก่นทองคำ
เมื่อยามบรรลุกึ่งแก่นทองคำ หนิงฝานก็สังหารผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม… เมื่อบรรลุดวงจิตแรกเริ่ม ก็สร้างชื่อเสียงในทะเลส่วนนอก จนผู้เชี่ยวชาญแทบทั้งหมดหวาดกลัว
ยิ่งมีทาสรับใช้ในขอบเขตตัดวิญญาณ ใครเล่าจะกล้ายั่วยุ!
ในชั่วพริบตานั้นเอง ความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นในใจของทหารศิลา เป็นความเชื่อที่ว่า หากเป็นคนผู้นี้…หากเป็นซัวหมิงผู้นี้ ต้องทนได้ 99 เข็มอย่างแน่นอน เพราะตั้งแต่ครั้งอดีต ยังไม่เคยมีผู้ใดทนได้ครบ 99 เข็มมาก่อน
“ข้ามีโอกาสได้เห็นผู้เชี่ยวชาญที่มากพรสวรรค์ในแดนสวรรค์มามากมาย แต่ยังไม่เคยเห็นใครแบบเจ้ามาก่อน!”
แววตาทหารศิลาเปล่งประกายเจิดจ้า และเริ่มลงเข็มอย่างต่อเรื่อง
32… 33… 41!
42… 52… 62… 71!
72… 82… 92… 98!
เมื่อดำเนินมาถึงเข็มที่ 98 ฤทธิ์ของโอสถจักรพรรดิหยกก็หมดลง!
จึงทำให้หนิงฝานรู้ราวกับร่างกายกำลังถูกฉีกเป็นชิ้นๆ!
ยามนี้ รอยสักหมู่เมฆและภูเขาปีศาจ เหลืออีกเพียงจุดเดียวก็จะสมบูรณ์!
ทหารศิลาที่เฝ้ามองรอยสักที่เกือบจะสมบูรณ์ แข็งค้างตกตะลึง
“เป็นไปได้ยังไง! รอยสักอสูรโลหิต กลับกลายเป็น ‘รอยสักอสูรพิภพทมิฬ’ รอยสักปีศาจโบราณที่ 2 ที่หายสาบสูญ!”
รอยสักปีศาจระดับขุนพลมีด้วยกัน 3 ชนิด แต่ทั้งหมดนั้นหายสาบสูญ… คาดไม่ถึงว่าหนึ่งในนั้นจะพัฒนามาจากรอยสักระดับทหารที่สมบูรณ์
เหลืออีกเพียง 1 จุดเท่านั้น อีกเพียง 1 เข็มก็จะทำให้รอยสักสมบูรณ์ได้
แต่หนิงฝานในยามนี้กำลังจะหมดสติเต็มที
สีหน้าไม่สู้ดีไร้สติ ร่างกายราวกับถูกฉักกระชาก ดวงจิตแรกเริ่มปั่นป่วนไม่เสถียร
แต่สิ่งที่ทำให้ทหารศิลาไม่กล้าหยุดมือคือ…แววตาหนิงฝาน!
“เข็มสุดท้าย… รอยสักระดับทหาร… จะกลายเป็นรอยสักระดับขุนพลใช่มั้ย?”
“ใช่… แม้รอยสักระดับขุนพลจะมีมากมายหลายหมื่น แต่ของเจ้าเป็นรอยสักระดับขุนพลอันดับ 2… รอยสักปีศาจทมิฬทมิฬ หากเจ้าสลักได้ครบ ร่างกายของเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่า!”
“ดี.. เอาเลย!”
“แต่ร่างกายของเจ้ากำลังจะไม่ไหว…”
“แล้วยังไง!”
ดวงตาหนิงฝานแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงโลหิต แต่โลหิตเหล่านั้นค่อยๆจางไป แปรเปลี่ยนเป็นดวงกระจ่างใสและเย็นชา ผมที่ยาวอยู่แล้วยาวขึ้น ทั่วร่างแผ่ปราณสีดำ แปรเปลี่ยนหนิงฝานกลายเป็นอีกคน!
“นี่! นี่มันร่างจำแลงของผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยก!”
ทหารศิลาไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น
ต่อให้เป็นผู้สืบทอดของเทพ หากยังไม่บรรลุขอบเขตไร้แบ่งแยก ก็ไม่มีทางสร้างร่างจำแลงขึ้นมาได้
ซัวหมิงเป็นผู้ใด! เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม แต่กลับสร้างร่างจำแลงได้!
“แค่นี้ก็ไม่ต้องกลัวว่าร่างข้าจะสลายแล้ว! ลงมือเลย!” ดวงตาหนิงฝานดำสนิท แต่ยังแฝงด้วยความเย็นชา
“ได้!
แล้วทหารศิลาก็กัดฟันทนลงเข็มสุดท้าย!
รอยสักผสานเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์!
แต่ร่างกายของหนิงฝานไม่อาจทนกับความเจ็บระดับนี้ได้ เพราะไร้ซึ่งฤทธิ์โอสถจักรพรรดิหยกหักล้าง
ร่างจริงพังทะลาย… ร่างจำแลงแตกซ่านเป็นหมอกสีดำจาความเจ็บปวดที่รุนแรง
เมื่อร่างจำแลงสลาย หนิงฝานพยายามรวบรวมสติก่อร่างขึ้นมาใหม่!
“ก่อร่าง… ก่อร่าง!”
แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยนราวกับคนบ้า แต่หมอกสีดำที่กระจัดกระจายเริ่มกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง แรงกดดันของหนิงฝานคงที่และหนักแน่นราวกับขุนเขา
หนิงฝานทนต่อต่อการสลักรอยสักได้สำเร็จ และกลายเป็นผู้ครอบครองรอยสักระดับขุนพล!
“สำเร็จ! สำเร็จ!” ทหารศิลาหัวเราะลั่น มันสามารถสลักรอยสักให้หนิงฝานจนสำเร็จ และได้ล่วงรู้ความจริงของรอยสักด้วย
“ยัง… ยังเหลืออีก 2 ขั้นตอน!”…
1 เดือนผ่านไปในพริบตา
โลหิตที่เตรียมไว้ได้ผสานเข้ากันกับรอยสักบนแผ่นหลัง
ม่านหมอกสีดำทมิฬปกคลุมถ้ำ ในใจหนิงฝานปรากฏภาพหุบเหวปีศาจที่ด้านล่างไร้ก้นบึ้ง หนิงฝานหยัดยืนอยู่เหนือว่าและพยายามจะเอาชนะมัน
“เป็นเพียงหุบเหวอสูรโบราณ อย่าคิดว่าจะอยู่เหนือข้าได้!”
“กระตุ้นรอยสักได้!”
ผ่านไปอีก 1 เดือน จู่ๆหนิงฝานก็ลืมตา ดวงตาเปล่งกระกาย ผมยาวพลิ้วสไว
“ขั้นตอนที่ 3 สำเร็จ”
ร่างกายหนิงฝานยกระดับจากขอบเขตกระดูกเงินที่ 2 เป็นขอบเขตกระดูกเงินขั้นสูงสุด
เหลืออีกเพียงก้าวเดียวหนิงฝานจะสามารถต้านรับการจู่โจทของผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ
แต่ด้วยความแข็งแกร่งของร่างกายยามนี้ หนิงฝานสามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุดได้ในหมัดเดียว
“ตอนนี้ ข้าสามารถสังหารเซี่ยงเหลียวได้ใน 3 หมัด!” แววตาหนิงฝานเปล่งประกาย
ที่ตาขวาของหนิงฝาน ปรากฏดาราพิภพทมิฬ!
หนิงฝานมีดาราเทพกลางหน้าผาก ‘ดาราอัสนี’
และมีดาราปีศาจอีกหนึ่ง นามว่า ‘ดาราพิภพ’
ยามนี้หนิงฝานมีความรู้สึกแปลกๆ
เขารู้สึกราวกับว่าสามารถถอนจิตวิญญาณของเกาะเผิงไหลออกมาได้ทุกเมื่อ
สิ่งต่างๆบนโลกล้วนมีจิตวิญญาณ… ภูเขามีจิตวิญญาณ สายน้ำมีจิตวิญญาณ ดาราบนนภาก็มีจิตวิญญาณ
แต่การถอนจิตวิญญาณเหล่านั้นออกมา ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยก ก็มีเพียงไม่กี่คนที่ทำได้
หนิงฝานกลายเป็นข้อยกเว้น… ดาราพิภพที่ตาขวา สามารถช่วยถอนจิตวิญญาณธรรมชาติเพื่อนำมายกระดับพลัง
หากหนิงฝานทำแบบนั้น เขาคงยกระดับพลังได้เร็วมาก…
แต่น่าเสียดาย… ด้วยร่างกายหนิงฝานในยามนี้ ยังไม่อาจทนรับพลังมหาศาลของเกาแห่งนี้ได้ แม้เป็นขอบกระดูกหยกก็ยังทำไม่ได้
ดวงตาขวาหนิงฝานเป็นประกาย แผ่สัมผัสออกไปรอบทิศ
ในเมื่อดึงจิตวิญญาณทั้งเกาะไม่ได้ เขาจึงเลือกที่จะดึงจิตวิญญาณของเมืองทะเลทราย ที่เป็นตำแหน่งที่ตั้งของนิกายกระถางปรุงโอสถ
เมื่อสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณ หนิงฝานก็ดึงมันออกมาทันที
ในมือหนิงฝานปรากฏบางสิ่งที่แผ่พลังอันรุนแรง ทันใดนั้น หนิงฝานกลืนสิ่งนั้นเข้าไป ปราณจำนวนมหาศาลแผ่ไปทั่วร่าง ทำให้ปราณของเขาเพิ่มเป็นเกือบ 2000 เกราะในชั่วพริบตา !
แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยน ให้ความรู้สึกราวกับตนคือตัวตนโบราณที่เกิดมาพร้อมกับโลกใบนี้
“เป็นวิชาที่ดี… หากข้ามีปราณไม่พอ ข้าก็สามารถหยิบยืมพลังได้!”
ปราณของเมืองทะเลทรายค่อยกลับคืนสู่สภาวะปกติอย่างช้าๆ
“ปรับลมหายใจสักพัก แล้วเริ่มดูดซับพลังของอสูรสตรีทั้งสองนาง หากพวกนางเห็นระดับพลังข้า พวกนางจะทำหน้ายังไง…”
นอกถ้ำ… เสี่ยวว่านหลูยืนมือไพล่หลัง สีหน้าไม่สู้ดี
มันรอหนิงฝานอยู่ตรงนี้มานานเกิน 2 เดือน การที่ปล่อยให้ผู้เชี่ยวชาญกึ่งดวงจิตแรกเริ่มอย่างมันเฝ้ารอ นับว่าเย่อหยิ่งไม่น้อย
“ช่างเย่อหยิ่งนัก!”
มันแอบด่าทอหนิงฝานในใจ มันคิดจะหว่านล้อมให้หนิงฝานเข้าร่วมขุมกำลังของมัน แต่ดูเหมือนยามนี้ มันดูกลายเป็นทาสของหนิงฝานที่ต้องเฝ้ารอ
แต่ในขณะนั้นเอง มันกลับสัมผัสได้ถึงแรงกดดันของผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุดที่อยู่ตรงหน้า
แต่ไม่นานกลิ่นอายก็หายไป มันสัมผัสได้ราวกับว่าพื้นดินไร้ซึ่งจิตวิญญาณ ราวกับจิตวิญญาณนั้นหายไปพร้อมกับอีกความรู้สึก เป็นความรู้สึกที่จิตวิญญาณของมันกำลังจะถูกช่วงชิง
“นี่มัน… ‘วิชาดึงวิญญาณ’ ของผู้เชี่ยวชาญ ซัวหมิงเก็บตัวฝึกฝนภายใน! คนผู้ที่สมควรเป็นตำนานของโลกพิรุณ ผู้สามารถดึงจิตวิญญาณออกมาได้ แม้ไม่เป็นผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยก”
ยามนี้มันตั้งใจแน่วแน่ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนิกายกระถางปรุงโอสถ มันก็จะรอพบซัวหมิงให้ได้!
เพราะซัวหมิงผู้นี้ มีโอกาสเป็นเซียนในอนาคต!
หากเกิดมันรู้ว่าหนิงฝานสร้างร่างจำแลงได้ มันคงเรียกขานหนิงฝานเป็นบิดา
และยามนี้ มันเห็นซัวหมิงผู้นั้น สำคัญยิ่งกว่าผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณในทะเลส่วนนอก และเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ในทะเลส่วนในเสียอีก…