Grasping Evil จักรพรรดิปีศาจหนิง - ตอนที่ 198
สตรีผู้งดงามนางหนึ่งนั่งคร่อม คิ้วขมวดแน่น น้ำตาไหลริน
แม้ดวงตาจะคลอไปด้วยน้ำตา แต่แววตากลับเผยถึงความสุข
ความปรารถนที่อัดอั้นมานานปี ทะลักออกมาในพริบตา!
ใบหน้าชุ่ยหลิงแดงก่ำ ในปากเต็มไปด้วยของเหลว ลมหายใจถี่กระชั้น
ความสุข และกลิ่นหอมที่โชยออกมาจากตัวนาง ทำให้นางน่าลุ่มหลง
“นายท่าน… สบายตัวหรือเปล่า?!” แววตาของนางดูเปี่ยมไปด้วยความสุข
บุรุษมากมายปรารถที่จะทำเรื่องบนเตียงอย่างเร่าร้อนเพื่อทำให้ตนเองและคู่ของตนพอใจ สตรีเองก็ปรารถนาจะทำให้บุรุษพึงพอใจเช่นกัน
“สบายมาก… รสชาติเป็นไงบ้าง” หนิงฝานลูบสัมผัสผมที่นุ่มสลวยของนาง
หนิงฝานเองได้ปลดปล่อยความปรารถนาที่อัดอั้นมานานกว่า 320 ปี สิ่งที่หนิงฝานหลั่งออกมานั้น เป็นสิ่งที่สั่งสมจากการฝึกวิชา ดังนั้น มันจึงเปรียบเหมือนโอสถผันแปรที่ 3
“อร่อย… แต่ดูเหมือนข้าคนเดียวจะรั้งเอาไว้ไม่หมด… คงต้องให้น้องข้าช่วยใช้ลิ้นทำความสะอาด ไม่งั้นจะเสียของเอา”
“ข… ข้า…”
ชุ่ยหลิงเปิดโอกาสให้น้องสาวของนาง
“นายท่านอนุญาติหรือไม่?”
“ข้าอนุญาติ… แต่…”
ใบหน้าเย่หลิงแดงก่ำ
“ถึงท่านพี่จะบอกว่าใช้ลิ้น… แต่ข้าอยากใช้อย่างอื่นช่วยมากกว่า”
“อะไรนะ! ใช้อย่างอื่น…”
ในขณะนั้นเอง เย่หลิงเริ่มปลดอาภรณ์จนเหลือเพียงผ้าบางๆที่ปกปิดบริเวณท้องน้อย
นางตั้งใจไม่ปลด เพราะรอให้หนิงฝานเป็นคนปลดด้วยตนเอง
“นายท่าน… ข้ารู้สึกไร้เรี่ยวแรง นายท่านพอจะช่วยข้า…”
เหลือผ้าเพียงชิ้นเดียวที่ขวางกั้นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์
แต่ยามนั้นเอง หนิงฝานกลับลุกยืน อุ้มนางนอนลงบนโต๊ะกินข้าว!
สุราหกกระจาย เปรอะเปื้อนไปทั่วโต๊ะ
แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยนราวกับปีศาจผู้หิวกระหาย
สัมผัสเทพที่ทรงพลังถูกปลดปล่อย ทำให้เสียงที่เกิดในห้องตน ดังไปยังห้องข้างๆ
เสียงลมหายใจถี่กระชั้น ดังสะท้อนทั่วห้องข้างๆ
“นายท่านเมตตาข้าด้วย…” เย่หลิงกล่าวอ้อนวอน
“งั้น… ข้าจะเริ่มช้าๆ”
“และเจ้าอาจต้องทนเจ็บบ้าง…”
บางสิ่งเริ่มเคลื่อนเข้าไปในร่างกายของนางช้าๆ พร้อมกับโลหิตที่ไหลซึม
แม้จะเตรียมใจอยู่ก่อน แต่เย่หลิงยังต้องหลับตาแน่น น้ำตาไหลริน
“ข้าจะขอช่วยนายท่าน…”
ชุ่ยหลิงยังไม่ทันได้กล่าวจบ หนิงฝานใช่แขนรวบตัวนาง ริมฝีปากประกบจนทำให้ชุ่ยหลิงรู้สึกไร้กำลัง
มือซ้ายประครองร่างเย่หลิงที่นอนอยู่บนโต๊ะ พลางขยับท่อนร่างของร่างกายเพื่อช่วยเติมเต็มความสุขให้นาง แขนขวาโอบประครองร่างของชุ่ยหลิง ริมฝีปากประกบ ลิ้นสอดใส่พัวพัน
ทุกการเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างเร่าร้อน นุ่มนวล และอ่อนโยน…
แต่ที่ห้องข้างๆ กลับมีเสียงด่าทอของสตรีดังขึ้น
“ไร้ยางอาย ไร้ยางอาย ไร้ยางอายที่สุด!”
แล้วร่างของเป่ยเซี่ยวเหมินก็แปรเปลี่ยนเป็นลำแสงทะยานออกไป
ดวงตาของนางแดงก่ำ เจตนาสังหารเพิ่มพูนจนยากจะควบคุม
“เจ้าซัวหมิงสารเลว คาดไม่ถึงว่าจะกล้าทำแบบนี้กับข้า! ไร้ยางอาย! ชั่วช้า! สารเลว!”
ในชั่วลมหายใจนั้น เสียงบางอย่างก็ดังออกมาจากอกของนาง พร้อมกับนางกระอักโลหิต
จิตใจของนางปั่นป่วนอย่างที่สุด
“มันต้องรู้แน่ว่าข้าแอบดู เลยจงใจทำแบบนั้น!”
ในเมืองเต๋าทมิฬมีกฏห้ามไม่ให้สังหารผู้คน แต่เจตนาสังหารของนางไม่อาจควบคุม บนหน้าผากนางเริ่มปรากฏดาราสีแดงฉาน เป็นหนึ่งในดาราเทพ ‘ดาราสังหารที่ 10’
เมื่อดาราสังหารที่ 10 ปรากฏ จิตใจที่ปั่นป่วนก็ได้รับการตอบสนอง
“สารเลวซัวหมิง! ข้าเป่ยเซี่ยวเหมินจะฆ่าเข้า!”
ระหว่างทางที่นางพุ่งผ่าน ไม่ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญใด อยู่ในระดับพลังใด นางสังหารทิ้งทั้งหมด!
เพราะมีเพียงโลหิตเท่านั้นที่ทำให้นางสงบลงได้
ราตรีมาเยือน สตรีสองนางเข้าสู่นิทราด้วยความเหนื่อยอ่อน
หนิงฝานลูบสัมผัสใบหน้าที่งดงามของพวกนางอย่างอ่อนโยน ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย
“เป่ยเซี่ยวเหมินคงไม่มารบกวนข้าไปสักพัก ข้าต้องไปงานประมูลนิกายกระถางปรุงโอสถ ไม่รู้ว่าที่นั่นจะมีกระถางขัดเกลาพอให้ข้าทะลวงดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลางหรือเปล่า…”
กระถางขัดเกลาในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มไม่ใช่ผักปลาที่จะหาได้ง่าย ต่อให้ขุมกำลังใดทุ่มฝึกฝนกระถางขัดเกลา ก็ใช่ว่าจะบรรลุถึงขอบเขตนั้นได้ง่ายๆ
ต่อให้หนิงฝานดูดซับปราณจากสตรีทั้งสองนางข้างกายก็ยังไม่พอ
ต่อให้หาซื้อกระถางขัดเกลาได้ก็ยังไม่พอ
ต่อให้ดูดซับพลังจากเป่ยเซี่ยวเหมินก็ยังไม่พอ
หนิงฝานยามนี้ไม่ใช่เด็กเหมือนวันวาน เขากลายเป็นปีศาจเต็มตัว
หัวใจของหนิงฝานคล้ายราตรีที่มืดมิด แม้จะมีดาราประกายแสง แต่ก็ไม่ได้โด่ดเด่น
“นายท่าน…” สตรีทั้งสองนางรู้สึกตัว จ้องมองหนิงฝานด้วยรอยยิ้ม แต่เมื่อพยายามลุกนั่ง พวกนางกลับรู้สึกระบม
หนิงฝานไม่ได้ดูดซับพลังจากพวกนาง แต่เป็นการขัดเกลาผสาน ที่ทำให้พวกนางได้ประโยชน์ไม่น้อย อย่างน้อยๆก็ทำให้ปราณของพวกนางยกระดับเทียบเท่าการฝึกฝน 10 ปี
หนิงฝานนำแผ่นหยกชิ้นหนึ่งออกมา ยกจ่อที่ศีรษะแล้วถ่ายสัมผัสเทพเข้าไป
ผ่านไปช่วงหนึ่ง หนิงฝานก็กล่าวขึ้น
“นิกายกระถางขัดเกลาตั้งอยู่ใน ‘เมืองทะเลทรายตอนใต้’ ด้วยความเร็วของข้ายามนี้ คงใช้เวลาประมาณ 1 วันจึงจะไปถึง ด้วยย่างก้าวสีเทา หนึ่งชั่วยามคงเดินทางได้หลายหมื่นลี้… งานประมูลจะจัดขึ้นในอีก 10 วันข้างหน้า ในช่วง 10 วันนี้ข้าจะทำให้พวกเจ้ายกระดับพลังก่อนจะออกเดินทาง”
หนิงฝานยื่นมือออกไป เปลวเพลิงสีเทาลุกโหม
เพลิงที่ปรากฏคือเพลิงหยินหยาง ที่เกิดจากเพลิงผสานกับน้ำแข็ง
ในตอนที่อยู่เมืองฉีเหม่ย แม้หนิงฝานจะมีปราณน้ำแข็งในร่าง แต่รากฐานของมันยังไม่ทรงพลังมากนัก ทำให้ธาตุไฟยังเด่นกว่า
แต่ยามนี้ เพลิงปีศาจทมิฬ เพลิงกระดูกขาว ปราณเยือกแข็งกระดูกขาว และแก่นปราณเยือกแข็ง… สองเพลิง สองน้ำแข็งได้ผสานรวมเป็นหนึ่ง จนทำให้ทรงพลังพอที่จะทำอันตรายผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณได้ นี่เป็นหนึ่งในไพ่ตายของหนิงฝาน ที่ทรงอานุภาพอย่างที่สุด
ในระหว่างที่อยู่ในวิหารสาบสูญ หนิงฝานลองใช้เพลิงชนิดนี้ อานุภาพของมันทำลายภูเขาและสายน้ำในระยะหมื่นลี้จนสูญสิ้น
แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือ หนิงฝานต้องเสียเวลาฟื้นฟูปราณถึง 3 เดือน…
เพลิงของหนิงฝานเหนือว่าที่ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม และผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณจะต้านรับ
บางทีไพ่ตายนี้อาจทำให้ทหารศิลาที่เป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณเป็นกังวล
วิชาย่างก้าวของหนิงฝานก็เปลี่ยนไป เมื่อเพลิงและน้ำแข็งผสาน แสงสีที่ได้ก็เปลี่ยนเป็นสีเทา ความเร็วก็เพิ่มพูนจนเกือบจะเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ แม้จิงสั่วจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในระดับเดียวกัน แต่ความเร็วในการเคลื่อนที่กลับห่างกันจนเทียบไม่ติด
หากจะกล่าว หนิงฝานในยามนี้สมควรแข็งแกร่งจนแทบจะไร้ผู้ต้านในทะเลส่วนนอก
“กระถางขัดเกลาของนิกายกระถางปรุงโอสถมีจำกัด แถบนี้คงมีไม่กี่ขุมกำลังที่ขาย… ดูเหมือนข้าคงต้องเดินทางข้ามฝั่งมหาสมุทร หากข้าบรรลุดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง ข้าก็จะเร่งทะลวงขั้นสูง… หากกระถางขัดเกลาในทะเลส่วนนอกหมด ข้าจะไปยังทะเลส่วนใน ช่วงชิงกระถางขัดเกลาที่นั่น ด้วยพลังของข้า หากข้าระมัดระวัง วิหารพิรุณก็ไม่มีทางทำอะไรข้าได้!”…
อีกฝั่ง นายน้อยหญิงเป่ยกลับมายังวิหารโอสถด้วยเนื้อตัวที่อาบโชกไปด้วยโลหิต เมื่อเหล่าคนรับใช้เห็นสภาพ พวกนางรู้ทันทีว่าคนมีคนทำให้นายหญิงน้อยเป่ยโกรธแค้น
“นายหญิงน้อย… ใครทำให้ท่านโกรธถึงขนาดนี้… ให้พวกข้าได้ช่วยท่านผ่อนคลายเถอะ”
“ไสหัวออกไปจากที่นี่!”
ดูเหมือนเป่ยเซี่ยวเหมินยังไม่หายโกรธ
แต่เมื่อนางสงบใจได้ นางก็ไปอาบน้ำ เดินตรงไปยังที่นอนเพื่อพัก แต่เมื่อนางหลับตา ในความฝันก็ปรากฏใบหน้าของซัวหมิงที่กำลังยิ้มอย่างชั่วร้าย ที่กำลังเดินตรงมาหานางด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่า
ซัวหมิงฉีกกระชากอาภรณ์ของนางจนขาดสะบั้นโดยที่นางไม่อาจขัดขืน จากนั้นก็พรากพรหมจรรย์ของนางไป…
“อย่า… อย่า!!!”
แล้วนางก็สะดุ้งตื่นจากความฝัน บริเวณพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของนางเปียกชุ่ม
“ซัวหมิง…ไอ้สารเลว!”
นางโกรธแค้น แต่ในใจกลับเริ่มหวาดกลัวซัวหมิง!
ดูเหมือนนี่จะเป็นครั้งแรกที่นางหวาดกลัว
ด้วยความหื่นกระหาย ด้วยท่วงท่าที่หนักหน่วง ภาพเหล่านั้นติดตานางไม่อาจลบ
“ข้านอนไม่หลับ… ทหารศิลา เล่านิทานให้ข้าฟังที… ทหารศิลา? เจ้าอยู่ไหน?” นางเริ่มฉุนเฉียว เพราะไม่รู้ทหารศิลาไปไหน…
ในราตรีที่ประดับด้วยจันทรากระจ่าง
กลิ่นอายบางอย่างที่อ่อนจางเคลื่อนเข้าใกล้ที่พักของหนิงฝาน พร้อมกับความโกรธเกรี้ยวที่มุ่งเป้าไปยังหนิงฝานเพียงคนเดียว
เสียงที่เกรี้ยวกราดราวกับศิลาถล่มดังขึ้นข้างหูหนิงฝาน
“ไอ้สารเลว! เจ้าทำลายจิตใจนายหญิงน้อยของข้า เจ้ามีเหตุผลอะไรจงอธิบาย!”
“อธิบาย? ช่างน่าขัน! นางตั้งใจจะสังหารข้าก่อน แล้วจะให้ข้าอธิบายอะไรอีก!”
เมื่อเสียงของทหารศิลาดังขึ้น หนิงฝานก็นำสตรีทั้งสองกลับเข้าไปในแหวน ร่างแปรเปลี่ยนเป็นลำแสงออกไปนอกที่พัก
ผมดำขลับพลิ้วไสว แววตาเด็ดเดี่ยว ยืนเผชิญหน้ากับทหารศิลาร่างยักษ์! หนิงฝานสัมผัสได้ว่าทหารศิลากำลังตรงมาหาเขา
“ไปขอโทษนายหยิงน้อยซะ!”
“ถ้าข้าปฏิเสธหล่ะ?” หนิงฝานขมวดคิ้ว
“งั้นก็ตาย!”
“ดี!”
แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยนเย็นชา เพลิงหยินหยางลุกโหมที่ฝ่ามือ
หนิงฝานไม่อาจต่อกรอีกฝ่ายได้ยามนี้ จึงจำเป็นต้องใช้เพลิงหยินหยาง
แววตาที่เรียบเฉยของทหารศิลาแปรเปลี่ยนเป็นหวาดกลัว เพลิงที่ปรากฏทำให้มันสัมผัสได้ถึงอันตรายร้ายแรง เดิมทีมันคิดจะจับตัวหนิงฝานไปหาเป่ยเซี่ยวเหมิน
แต่ตอนนี้ดูเหมือนสถานะการณ์จะไม่เป็นแบบนั้น
ในชั่วลมหายใจนั้นเอง เสียงสะลึมสะลือของสตรีนางหนึ่งก็ดังออกมาจากสร้อยหยินหยาง
“คนของวิหารสาบสูญเป็นพวกชอบยกตนข่มท่าน… น้องชาย เจ้าอยากให้พี่สาวคนนี้ช่วยทำให้มันเป็นสัตว์เชื่องๆหรือเปล่า?”
“โอ้! ท่านมีวิธีเหรอ?!” ดวงตาหนิงฝานเป็นประกาย
หากสามารถลอบจู่โจมทหารศิลาได้ เขาก็ไม่ต้องเจ็บตัว และหากนำมันมาเป็นสัตว์เลี้ยงได้ ก็ไม่มีใครในทะเลส่วนนอกที่กล้าเป็นศัตรูกับเขาอีก
“แน่นอน ข้าเคยเล่าให้เจ้าฟังแล้วว่าวิหารสาบสูญเป็นศัตรูของข้า ข้าก็เลยค้นหาวิธีจัดการกับ ‘ทหารศิลา 8 วิถี’ เหมือนเจ้านั่น! ว่าแต่…เจ้าบรรลุดวงจิตแรกเริ่มแล้ว นั่นยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่! แต่เจ้าจงจำเอาไว้ เมื่อข้าช่วยเจ้าแล้ว เจ้าก็ต้องฝึกฝนวิชาแปลงหยินหยางให้ยกระดับถึงขอบเขตที่ 3 เมื่อใดที่เจ้าบรรลุ เมื่อนั้นเจ้าก็จะช่วยข้าได้… หากไม่แล้ว ข้าก็จะถูกโลกหยินใบนี้กลืนกินอย่างสมบูรณ์…”