Grasping Evil จักรพรรดิปีศาจหนิง - ตอนที่ 197
วิชาขจัดวิญญาณ คือการทำลายวิญญาณให้หายไปตลอดกาล
ทะเลสติของหยิงเก้อมีขนาดเล็กลง เพราะมันใช้วิชาอสูรแยกทะเลสติออกเป็น 3 ส่วน
ที่กล่าวถึงไม่ใช่เพราะทะเลสติของมันมีความพิเศษ สิ่งที่พิเศษคือวิชาอสูรที่นอกจากจะแยกส่วนทะเลสติได้แล้ว ยังทำให้ทะเลสติแต่ละแห่งมีปราณอสูรเป็นของตน
หนิงฝานแผ่สัมผัสเทพสำรวจทะเลสติของหยิงเก้อ วารีภายในเป็นสีเทา คลื่นซัดสาดราวกับมหาสมุทร
วารีแต่ละหยดเต็มไปด้วยความทรงจำ
หยิงเก้อเป็นผู้ครอบครองเส้นลมปราณอสูร เป็นผู้เชี่ยวชาญฝ่ายอธรรม มันฝึกฝนวิชาอสูรและปีศาจมากมายในทะเลไร้สิ้นสุดส่วนใน มันเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่ได้สืบทอดเส้นชีพจรโบราณ คล้ายกับหนิงฝานเมื่อครั้งอดีต
ความทรงจำที่แล่นผ่านหัวหนิงฝานมีมากมายราวกับน้ำหลาก เขาเห็นความเป็นไปของชีวิตมัน เห็นทะเลโลหิตที่มันผ่าน เห็นชีวิตที่ดำเนินไปในแต่ละวันกระทั่งผ่านไป 1,700 ปี
มันอยู่ในรายชื่อผู้เชี่ยวชาญฝ่ายอธรรมะที่อันตราย เป็นผู้อาวุโส 7 ของขุมกำลังที่แข็งแกร่ง
ทะเลสติของมันเริ่มแห้งเหือด ลึกลงไปใต้นั้น มีผนึกอสูรสีม่วงซ่อนอยู่
ผนึกนั้นคือความลับที่เก็บซ่อน เป็นผนึกที่หนิงฝานไม่อาจทำลายได้
หนิงฝานผสานทำความเข้าใจกับ ‘วิชาอัญเชิญอสูร’ และ และ ‘วิชาผสานอสูร’ ที่หยิงเก้อได้ฝึกฝน แต่ผลที่ได้คือ ทะเลสติได้ทำลายตัวเองไป
หนิงฝานเร่งถอนสัมผัสเทพกลับ มุมปากปรากฏโลหิตสีม่วง
ผนึกอสูรสีม่วงนั้น สมควรเป็นจ้าววังผนึกอสูรที่เป็นผู้สลักไว้
ผนึกนี้ทำให้ที่เป็นเกราะคุ้มกันยามที่ถูกวิชาอ่านความทรงจำ หรือจะประทับตราวิญญาณใดๆซ้ำ
หนิงฝานนั่งปรับลมหายใจอยู่นาน กระทั่งกลับคืนสู่ความสงบ
“ทะเลส่วนในอันตรายมาก… ไม่ว่ามนุษย์ อสูร หรือปีศาจ ต่างเข่นฆ่าสังหารกันอย่างไร้การควบคุม ข้าต้องบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณขั้นกลางเป็นอย่างน้อย จึงจะไปเยือนที่นั่นได้… เส้นทางแห่งการฝึกฝนในภายหน้า ความต่างระหว่างระดับยิ่งกว้างมากขึ้น แม้จะครอบครองเส้นลมปราณโบราณ ยังยากจะยกระดับตน…”
หนิงฝานกลั่นดวงจิตแรกเริ่มของหยิงเก้อและของผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มคนอื่นๆที่สังหาร ปราณอสูรของเขายกระดับขึ้น 10 เกราะ โดยตอนนี้ ปราณอสูรอยู่เพียงขอบเขตแก่นทองคำขั้นกลางเท่านั้น
หนิงฝานเก็บตัว 3 วัน ขับกลิ่นอายอาฆาตแค้นให้หายไป… หนิงฝานนำตัวชุ่ยหลิงและเย่หลิงออกมาจากแหวน จากนั้นมุ่งไปยังโรงสุราของตรกูลฉินเพื่อสอบถามเรื่องงานประมูลของนิกายกระถางปรุงโอสถ
ในช่วงเวลาที่หนิงฝานฝึกฝนอยู่ภายในวิหาร ชุ่ยหลิงและเย่หลิงที่อยู่ในแหวนได้บรรลุขอบเขตแก่นทองคำขั้นกลาง หากเทียบที่ว่าพวกนางเป็นกระถางขัดเกลา ยามนี้พวกนางสมควรมีราคา 5 หมื่นหยกสวรรค์ต่อคน
แต่หนิงฝานไม่มีวันขายพวกนาง เขาพาพวกนางออกมาสูดอากาศภายนอก ด้วยระดับความแข็งแกร่งของหนิงฝานยามนี้ เขาสามารถคุ้มครองพวกนางได้
เวลาในวิหารสาบสูญผ่านไปหลายร้อยปี แต่ภายนอกและภายในแหวนผ่านไปเพียง 10 ปี ยามนี้ พวกนางประหลาดใจเมื่อจ้องมองหนิงฝาน ระดับพลังของเขาต่างจากเมื่อก่อนมาก
ภายในห้องดื่มสุราส่วนตัว ข่ายอาคมกั้นขวางเพื่อความเป็นส่วนตัว สตรีสองคนยืนกระนาบซ้ายขวา คอยรินสุราให้หนิงฝานด้วยความเคารพและสงสัย
แม้ภายในห้องจะมีข่ายอาคมกั้นขวาง แต่ยังได้กลิ่นทะเลจากภายนอกอย่างชัดเจน
“นายท่านบรรลุพลังระดับไหนแล้ว ตอนนี้ข้าสัมผัสไม่ได้เลย หรือว่าท่านจะบรรลุแก่นทองคำขั้นสูงแล้ว?”
หนิงฝานส่ายหน้าพลางหัวเราะ บอกใบ้ให้พวกนางทายอีกครั้ง… เมื่อได้อยู่กับคนใกล้ชิดในวันวาน กริยาและความรู้สึกที่หนิงฝานแสดงออกมาจึงไม่ต่างเมื่อก่อน
“ข้าอนุญาติให้พวกเจ้าลองตรวจสอบดู!”
“ข… ข้าไม่กล้าสัมผัสกายท่านหรอก!” ชุ่ยหลิงตัวสั่น แต่แววตาของนางกลับตรงกันข้าม ผิดกับเย่หลิงที่ยื่นมือสัมผัสในตำแหน่งตันเถียนของหนิงฝานอย่างรวดเร็ว
แม้มีอาภรณ์ขวางกั้น แต่ยังสัมผัสได้ถึงมือนุ่มๆของนางที่กำลังสัมผัส
“ถ้าสัมผัสถึงไม่ได้ เช่นนั้นน่าจะไม่ใช่ขอบเขตแก่นทองคำ… ข้าของลองอีกรอบ” สีหน้าของเย่หลิงดูราวกับสาวน้อยบริสุทธิ์ผุดผ่อง แต่แววตาของนางกลับดูเจ้าเล่ห์ ลำคอแดงราวกับกำลังเขินอาย หัวใจเต้นรัว
ชุ่ยหลิงและเย่หลิงถูกเลี้ยงดูให้เติบโตมาเป็นกระถางขัดเกลาตั้งแต่ยังเด็ก พวกนางได้เรียนรู้อะไรมามากมาย จนกล่าวได้ว่ามากความสามารถเรื่องขัดเกลาผสาน
หากเป็นผู้เชี่ยวชาญทั่วไปคงต้านทานการยั่วยวนของพวกนางไม่ไหว แต่เมื่อร่วมรักกับพวกนางจนพวกนางดูดซับพลังของคนผู้นั้นจนพร้อมสรรพ คนผู้นั้นก็ถึงคราวตาย พวกนางไม่ได้ไร้เดียงสาเหมือนอย่างที่เห็น
แต่ทั้งหมดนั่นเป็นเรื่องของพวกนางก่อนที่จะได้พบหนิงฝาน
ในแต่ละวัน พวกนางต้องอาศัยอยู่ภายในแหวน ในนั้นไม่มีผู้ใดคลายความกระหายให้พวกนาง มีเพียงพวกนางเท่านั้นที่ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
แต่ยิ่งเวลาผันผ่าน ความต้องการก็สะสมเพื่อพูนจนยากจะเติมเต็ม
ความรู้สึกเช่นนี้แม้สตรีทั่วไปก็มี มีเพียงผู้เชี่ยวชาญที่ฝึกฝนจิตใจจนเข็มแข็งได้เท่านั้นถึงจะสะกดความปรารถนาได้ แต่ผู้ที่ถูกฝึกฝนให้เป็นกระถางขัดเกลานั้นต่างออกไป คนเหล่านั้นต้องคงความรู้สึกเช่นนั้นไว้ ยิ่งมีความต้องการมาก ยิ่งตอบสนองผู้เป็นนายได้มาก
ยามนี้หนิงฝานเป็นนายของพวกนาง หากหนิงฝานไม่กล่าวว่าต้องการพวกนาง พวกนางก็ไม่อาจร้องขอให้หนิงฝานสนองความต้องการให้ได้
การที่หนิงฝานผู้เป็นการไม่ดูดซับพลังของพวกนางเฉกเช่นผู้เป็นนายทั่วไปทำ พวกนางทราบซึ้งในบุญคุณมาก แต่พวกนางก็รู้สึกผิดหวังในเวลาเดียวกัน
พวกนางรู้ว่าการได้ติดตามหนิงฝานเป็นเรื่องโชคดี แต่จนถึงเดียวนี้ หนิงฝานยังไม่เอ่ยปากขอขัดเกลาผสานกับพวกนางสักครั้ง
เดิมทีพวกนางรอให้หนิงฝานบรรลุขอบเขตแก่นทองคำ เผื่อหนิงฝานจะต้องการพวกนาง
แม้ความใคร่จะเพิ่มพูนจนยากจะปิดบัง แต่ผู้พี่อย่างชุ่ยหลิงกลับไม่กล่าว
เย่หลิงผู้เป็นน้องก็เช่นกัน
“บางที… วันนี้อาจมีโอกาส…” ชุ่ยหลิงขบคิด
นางจะฉวยโอกาสยามที่สัมผัสตันเถียน เคลื่อนมือเข้าไปในอาภรณ์และคว้า…สิ่งนั้น!
ชุ่ยหลิงมั่นใจว่าสามารถกระตุ้นราคะของผู้เป็นนายได้… และจากนั้นก็…
“เย่หลิง เจ้ากล่าวเช่นนั้นได้ยังไง! เราไม่ควรสัมผัสกายนายท่าน!” ใบหน้าชุ่ยหลิงแดงก่ำ สิ่งที่นางกล่าวกับสีหน้าที่แสดงออกไม่ตรงกัน
“พี่ก็…” เย่หลิงมองชุ่ยหลิงด้วยสายตาแปลกๆ
หนิงฝานทำได้เพียงฝืนยิ้ม จิตใจของเขายกระดับไปมาก เหตุใดจะไม่รู้ว่าพวกนางกำลังคิดอะไร
ชุ่ยหลิงช่างอาจหาญ ถึงกับกล้ามีความคิดเช่นนั้นกับตน
แต่เมื่อพวกนางเป็นเช่นนี้ แม้เขาจะดูดซับพลังพวกนาง แต่คงปล่อยไปเฉยๆไม่ได้
ยามนี้หนิงฝานเป็นผู้เชี่ยวฝ่ายอธรรมโดยสมบูรณ์ ไม่ใช่พ่อพระที่จะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านเลย
แต่ถึงแม้จะคิดเช่นนั้น แต่หนิงฝานยังกังวลว่าผู้เชี่ยวชาญระดับสูงจะจับตามองเขาอยู่
“เด็กโง่เอ๋ย… ไว้คราวหน้าค่อยสัมผัสเถอะ…” หนิงฝานหัวเราะ แต่พวกนางกลับทำสีหน้าผิดหวังอย่างที่สุด กระทั่งบุ้ยปากเบือนหน้าหนี
นายท่านใจร้าย นายท่านช่างไร้อารมณ์…
“ฮ่าฮ่า… ผู้อาวุโสมีสาวงามถึงสองคนคอยปรนนิบัติ ทำเอาข้าอิจฉาเสียจริง… ข้าน้อยคือผู้นำตระกูลฉิน ‘ฉินหมิง’ คารวะผู้อาวุโสซัว”
เสียงของชายชราดังขึ้นจากภายนอกห้อง
ชายชราเป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นสูง แรงกดดันที่แผ่ออกมาเต็มไปด้วยกลิ่นอายโลหิตที่เข้มข้น จนทำให้สตรีทั้งสองคนหวาดกลัว ราวกับกำลังเผชิญหน้ากับราชาปีศาจ
แต่ชายชราผุ้นั้นกลับเรียกขานหนิงฝานว่าผู้อาวุโส ทั้งยังกล่าวด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อมอย่างที่สุด!
หรือนายของพวกนางจะบรรลุดวงจิตแรกเริ่มแล้ว!?
แม้หนิงฝานไม่บอก แต่พวกนางไม่โง่!
“ฉินหมิง? เข้ามา” รอยยิ้มบนใบหน้าหนิงฝานหายไป กลับคืนสู่ความสงบเรียบเฉย
เพราะผู้ที่มาไม่มีค่าพอให้เขายิ้ม
ฉินหมิงไม่กล้าประมาท มันค่อยๆเคลื่อนตัวผ่านประตู เลี่ยงสายตาไม่มองหนิงฝานและสตรีทั้งสอง เพราะกลัวจะทำให้หนิงฝานไม่พอใจ
เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม มันระวังการกระทำอย่างที่สุด
“ที่ผู้อาวุโสเรียกข้ามาไม่รู้ว่าเรื่องอะไรสอบถามเป็นพิเศษ… หากข้ารู้ ข้าจะตอบท่านทั้งหมด!”
“ข้าอยากรู้ข้อมูลของนิกายกระถางปรุงโอสถทั้งหมด และอยากรู้สถานที่จัดการประมูลกระถางขัดเกลา!”
“รายละเอียดนั้นมีมากโข หากจะให้เล่าทั้งวันทั้งคืนคงไม่หมด แต่ข้ามีแผ่นหยกที่บันทึกข้อมูลทั้งหมดของนิกายกระถางปรุงโอสถไว้ หากท่านต้องการซื้อกระถางขัดเกลาจากงานประมูล ในแผ่นหยกนี้ก็มีรายละเอียดเรื่องนั้นด้วย แต่หากผู้อาวุโสยังมีสิ่งใดไม่เข้าใจ ข้าก็พร้อมจะบอกเล่าให้ผู้อาวุโสฟัง…”
“ไม่จำเป็น แค่ได้แผ่นหยกนี่ก็ดีมากแล้ว”
“ขอรับ… ช่างน่าเสียดาย” ฉินหมิงถอนหายใจ แม้คนผู้นี้จะนอบน้อมต่อหนิงฝาน แต่ฉากหลังของมันผ่านการเข่นฆ่ามามากมายนับไม่ถ้วน แต่ถึงอย่างนั้น ใช่ว่ามันจะนอบน้อมกับผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มทุกคน อย่างน้อยจิงสั่วที่อยู่มาก่อนก็ไม่ได้รับความเคารพแบบนี้
มันมองหนิงฝานราวกับเทพแห่งการสังหาร เพราะมันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายโลหิตและเจตนาสังหารที่เหนือชั้นกว่าอย่างเทียบไม่ติด
มันจึงเข้ามมาหาหนิงฝานด้วยตนเอง เพราะหากได้พูดคุยกับหนิงฝานเป็นการส่วนตัว ย่อมทำให้มันได้ประโยชน์ไม่น้อย
อีกอย่าง มันรู้ว่าหนิงฝานอายุเพียง 340 ปี แต่การที่ก้าวมาถึงจุดนี้ได้ นั่นหมายความว่าเขามีพรสวรรค์อย่างที่สุด
“นายท่าน คนผู้นั้นดูเคารพนายท่านมาก หรือว่า… ท่านจะบรรลุขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มแล้ว”
ชุ่ยหลิงกล่าวถามพลางยิ้มเจื่อน
เพราะหนิงฝานที่บรรลุดวงจิตแรกเริ่ม หายให้เขามาดูดซับพลังพวกนาง เขาจะได้ประโยชน์อะไร?
มิน่านายท่านถึงได้ถามเรื่องงานประมูลกระถางขัดเกลา… สงสัยพวกข้าคงจะถูกขายแล้ว
ที่นายท่านยังเก็บพรหมจรรย์ของพวกข้าไว้ ก็เพื่อจะนำไปขายนี่เอง!
เพราะพวกข้าไม่มีพรสวรรค์มากพอ จึงไม่อาจอยู่ข้างกายนายท่านได้
ความเจ็บปวด โศกเศร้า และเสียใจอย่างที่สุด ซ่อนอยู่ภายใต้ใบหน้าที่งดงามของพวกนาง
ชุ่ยหลิงก้มหน้า น้ำตาไหลริน
“นายท่าน.. ย… เย่หลิงไม่ดีตรงไหน… หากท่านบอก ข้าก็พร้อมจะเปลี่ยนแปลง…”
“เงียบเดี๋ยวนี้ ในเมื่อนายท่านตัดสินใจ ไม่ว่ายังไงก็ไม่อาจขัดขืน…” ชุ่ยหลิงพยายามยิ้ม แต่น้ำตายิ่งไหลริน
หนิงฝานที่กำลังจะดูข้อมูลในแผ่นหยก ตกตะลึงกับสิ่งพวกนางเป็น
จากคำกล่าวของพวกนาง ดูเหมือนพวกนางจะเข้าใจว่าเขากำลังขาดหยกสวรรค์ จึงตั้งใจจะขายพวกนางไป
แต่ถึงอย่างนั้น หนิงฝานมีหยกสวรรค์กับตัวถึง 20 ล้าน นับเป็นจำนวนไม่น้อย
แต่ต่อให้มีหยกสวรรค์น้อยยังไง เขาก็ไม่มีวันทรยศคนที่ผูกพันธ์ และขายพวกนางไปอย่างแน่นอน
“พวกเข้าทำให้ข้าเศร้าใจจริงๆ…” หนิงฝานยิ้ม เอื้อมมือเช็ดน้ำตาให้พวกนาง แต่การกระทำของเขากลับทำให้พวกนางตกตะลึง!
เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่หนิงฝานสัมผัสกายพวกนาง!
“นายท่าน…” พวกนางมีสิ่งต่างๆมากมายอยากจะกล่าว แต่เมื่อเห็นแววตาหนิงฝาน กลับหวาดกลัวจนไม่กล้า…
ในห้องถัดไป สตรีอาภรณ์แดงนางหนึ่งกำลังแอบฟังหนิงฝาน
“ทหารศิลา… เจ้าเห็นมั้ยว่าซัวหมิงผู้นั้นกำลังจะไปนิกายกระถางปรุงโอสถ คาดไม่ถึงว่ามันจะเป็นผู้เชี่ยวชาญฝ่ายอธรรมที่ฝึกฝนวิชาขัดเกลาผสาน… ท่านแม่และท่านพี่บอกว่า บุรุษนั้นไร้หัวใจ โดยเฉพาะกับพวกที่ฝึกฝนวิชาฝ่ายอธรรม ที่รู้จักแต่เพียงขัดเกลาผสาน… ที่ซัวหมิงไปที่นั่น หรือว่าเพราะคิดจะซื้อกระถางขัดเกลา… แต่บางทีมันอาจจะซื้อบุรุษมาเพื่อ… ฮ่าฮ่า! แค่คิดก็น่าตื่นเต้นแล้ว…”
แล้วความคิดฟุ้งซ่านก็โลดแล่นในหัวของนาง
“แต่จะว่าไปซัวหมิงผู้นั้นก็หล่อเหลาไม่น้อย… ”
“ทหารศิลาเจ้าดูสิ มันกำลังเช็ดน้ำตาให้กระถางขัดเกลา น่าตลกจริงๆ! ใครสอนให้มันทำแบบนั้น?”
“ทหารศิลา?!”
“นายหญิงน้อย ข้าไม่แอบดูความส่วนตัวของผู้อื่น ข้าขอไปก่อน หากท่านประสบอันตราย ข้าจึงจะออกมาช่วย”
แล้วเงาร่างของทหารศิลาก็หายไปทันที
“ฮึ่ม! น่าหงุดหงิดจริงๆ!” นางตบโต๊ะ อาหารและเครื่องดื่มบนสลายกลายเป็นผง
อีกฟากฝั่ง… หนิงฝานในยามนี้เผยแววตาเย็นชา จนทำให้เย่หลิงและชุ่ยหลิงหวาดกลัว
นายหญิงน้อยเป่ยช่างน่ารำคาญ!
ดูเหมือนต้องหาทางสั่งสอนนางบ้าง
“พวกเจ้าอย่าร้องไห้เลย… จริงอยู่ที่ข้าบรรลุดวงจิตแรกเริ่มแล้ว แต่ข้าไม่มีวันขายพวกเจ้าเด็ดขาย… ไม่มีวัน!”
“จริงหรอ!” ชุ่ยหลิงเช็ดน้ำตา สองมือคว้าจับหนิงฝานไม่ปล่อย ใบหน้าเผยรอยยิ้มที่มีความสุข
“จริงสิ… ชุ่ยหลิง ทำไมเจ้าไม่ลองสัมผัสใต้อาภรณ์ข้า หากเจ้าตรวจสอบดูดีๆ บางทีอาจสัมผัสถึงดวงจิตแรกเริ่มของข้าก็ได้”
นิ่งฝานนั่งจิบชาพลางยิ้มอย่างคลุมเครือ เขาตั้งใจจะร่วมรักสองพี่น้องเพื่อแก้เผ็ดเป่ยเซี่ยวเหมินที่แอบดู
ในเมื่อกล้าแอบดู ก็ต้องให้เห็นฉากร่วมรักอันเร่าร้อน ให้มันฝังอยู่ในความทรงจำของนางไม่อาจลืม
หากบุรุษได้เห็นบุรุษร่วมรักกัน คงไม่ต่างจากฝันร้าย
แต่เป่ยเซี่ยวเหมินที่ผิดแปลก การได้เห็นบุรุษและสตรีร่วมรัก คงเป็นเหมือนฝันร้ายของนาง
“นายท่านให้ข้าสัมผัสจริงๆเหรอ…”
“อืม!”
“งั้น… ถ้าสัมผัสกับดวงจิตแรกเริ่มของท่าน…”
ชุ่ยหลิงใจเต้ชนรัว มือน้อยๆเริ่มปลดอาภรณ์หนิงฝาน
ในระหว่างนั้น นางหันมองผู้เป็นน้อง อีกฝ่ายกำลังปิดตาแน่น แต่ดูเหมือนจะหลี่ตาแอบมอง
“ท่านพี่… ไม่ต้องถอดหมดก็ได้ มันโจ่งแจ้งเกินไป ไม่งั้นนายท่านจะหาว่าท่านมีความคิดชั่วร้ายนะ!”
“ฮึ่ม! ข้าไม่พลาดโอกาสนี้แน่!”
พวกนางพูดคุยด้วยสัมผัสเทพ
หนิงฝานนั่งหลับตา ปล่อยให้มืออุ่นๆของชุ่ยหลิงเคลื่อนสัมผัส
ยามนี้ชุ่ยหลิงใจเต้นรัวแทบระเบิด นี่เป็นครั้งแรกที่นางกล้าที่สุดในชีวิต!
มือน้อยๆสัมผัสหน้าท้อง เคลื่อนลงหาท้องน้อยอย่างช้าๆพร้อมกับถ่ายพลังเข้าไปในร่างหนิงฝาน
พริบตานั้น สิ่งที่อยู่ใต้ตันเถียนตั้งผงาด!
พร้อมกับมือน้อยๆของชุ่ยหลิงที่คว้าแน่นไม่ปล่อย
หนิงฝานรู้เจตนาของนาง แต่เขาไม่ได้ต่อต้าน ปล่อยให้ความเป็นบุรุษของตนผงาดอย่างเต็มที่
“นายท่าน ข้าขอโทษ ข้า…” ชุ่ยหลิงทำหน้าตาไร้เดียงสา แต่มือที่คว้าหนิงฝานน้อยไว้กลับลูบสัมผัสไม่หยุด
“ไม่ต้องกังวล… ข้ารู้สึกสบายมาก…”
คำกล่าวนั้นทำให้เพลิงปรารถนาของชุ่ยหลิงลุกโชน
เย่หลิงที่มองรู้สึกอิจฉาอย่างที่สุด
เพราะยามนี้ นายท่านตอบสนองความต้องการของพวกนางแล้ว
มือหนึ่งชุ่ยหลิงลูบสัมผัสหนิงฝานน้อย อีกมือลูบสัมผัสหน้าอกของตน แววตาเป็นประกายเริ่มพร่ามัว
“นายท่าน… แม้ใช้มือข้ายังไม่อาจสัมผัสดวงจิตแรกเริ่มของท่านได้… ขอข้าเข้าไปสัมผัสใกล้กว่านี้ด้วย…ปาก…ได้หรือไม่?”
“ได้สิ!” หนิงฝานไม่ปฏิเสธ เพราะนั่นคือเรื่องที่น่ายินดี
แล้วชุ่ยหลิงก็ปลดอาภรณ์ตน เคลื่อนกายเข้าประชิดหว่างขาหนิงฝาน จากนั้นก็!
แล้วเสียงครางกระเส่าของสตรีทั้งสองนางก็ดังขึ้น พร้อมกับเสียงกรีดร้องของเป่ยเซี่ยวเหมินที่อยู่ห้องข้างๆ
“อะไรกันเนี่ย! ทำไมถึงเป็นแบบนี้! น่ารังเกียจ… น่าขยะแขยงที่สุด… ทำไมสตรีถึงทำแบบนั้นกับบุรุษได้!”
ดูเหมือนมารดาไม่เคยบอกนางว่า เรื่องระหว่างบุรุษสตรีเช่นนี้ ถือเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ…