God of illusions - ตอนที่ 23 สมบัติจากสวรรค์ปฐพี
“คนที่ช้าที่สุดจะถูกสัตว์อสูรจับกิน!!!” หลังจากพวกเขาแอบลอบออกจากสำนัก ป๋ายเสี่ยวเฟยราวกับเป็นม้าที่ได้กลับคืนสู่ธรรมชาติ เขาได้หายตัวไปภายในผืนป่าหนาครึ้ม
“พี่ใหญ่ป๋ายรอข้าด้วย! ข้ายังไม่ได้บอกท่านเลยว่าแม่น้ำอยู่ไหน!” หวู่จื๋อสมกับที่เป็นนักสู้ เขาสามารถไล่ตามป๋ายเสี่ยวเฟยโดยไม่ต้องพยายามมาก
สือขุยยังถือว่าพอใช้ได้ เขาไม่ได้ถูกป๋ายเสี่ยวเฟยและหวู่จื๋อทิ้งห่างมากนักถึงเขาจะช้ากว่าเล็กน้อย แต่เมื่อเทียบกับโม่ข่าแล้วยังดีกว่ามาก…
“พี่ใหญ่เฟย! สหายสือ! เจ้าโง่หวู่! พวกเจ้าทั้งหมดรอข้าด้วย! ข้าวิ่งไม่ไหวแล้ว!!!” เสียงของโม่ข่าราวกับว่าเขาใกล้จะร้องโฮเต็มทนเพราะสำหรับเขาแล้วพื้นที่มืดสนิทโดยรอบดูเหมือนจะเต็มไปด้วยภยันตราย
“เร็วกว่านี้สือขุย! ตรงนั้นมีหมาป่า!” เสียงของป๋ายเสี่ยวเฟยดังมาจากข้างหน้า สือขุยที่ตอนแรกคิดจะรอโม่ข่าพลันครุ่นคิดสักครู่ก่อนจะตัดสินใจไล่ตามป๋ายเสี่ยวเฟยต่อ
“หมาป่า!?” โม่ข่าหันไปมองรอบด้านอย่างกังวล เขารู้สึกได้ว่าเขาได้ยินเสียงใบไม้สั่นไหว “แม่จ๋า!! ข้ากำลังจะตาย!!!”
โม่ข่าราวร้องโหยหวนราวถูกไฟรนก้น ความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสามเท่า เขาไล่ตามป๋ายเสี่ยวเฟยและคนอื่นเสมือนพายุคลั่ง
“วู้ฮู!!!!” ป๋ายเสี่ยวเฟยรู้สึกเหมือนได้เจอมารดาเมื่อเขาเห็นแม่น้ำ เขารีบถอดเสื้อผ้าบนร่างก่อนจะกระโจนเข้าไป
ไม่นานนักหวู่จื๋อก็มาถึง ถึงอย่างไรเสียเขาก็เป็นคนคอยตะโกนบอกทาง
“ข้างในเสื้อข้ามีขวดสีฟ้า เทผงข้างในแล้วป้ายตัวเจ้า จากนั้นเจ้าจะสามารถล้างกลิ่นออกได้” ป๋ายเสี่ยวเฟยโผล่หัวออกมาจากน้ำเริ่มถูร่างกายตัวเองอย่างรุนแรง
ระเบิดเหม็นโฉ่เรียกได้ว่าเกือบสมบูรณ์ แต่ผลข้างเคียงของมันออกจะผิดปกติเล็กน้อย
ก่อนที่ป๋ายเสี่ยวเฟยจะล้างตัวเสร็จ โม่ข่าและสือขุยก็มาถึง โม่ข่าที่ไล่ตามสือขุยอย่างยากลำบากอยู่ในสภาพเหนื่อยหอบปานตาย
“เจ้าควรจะจริงจังต่อการฝึกฝนร่างกายมากกว่านี้ มิเช่นนั้นเจ้าถูกพี่ใหญ่เฟยเล่นตายแน่…” ถึงแม้สือขุยจะไร้เดียงสาอยู่บ้างแต่เขาก็สามารถทำนายอนาคตของเขาได้หลังจากรู้จักป๋ายเสี่ยวเฟยเพียงไม่กี่ชั่วโมง
การอยู่กับป๋ายเสี่ยวเฟยไม่ต่างอะไรกับอยู่ถ้ำเดียวกับเสือ!
โม่ข่าทรุดตัวลงพื้นพลางกล่าวไปด้วยหอบหายใจไปด้วย “มัน..ไม่ใช่…ธุระของ…เจ้า…เจ้าเคยเห็น…นักปรุงโอสถ…วิ่งไปทั่วรึ..?”
“เช่นนั้นก็ขอให้โชคดี” สือขุยกางแขนก่อนจะถอดเสื้อผ้าจากนั้นจึงกระโจนลงน้ำ ต่างจากป๋ายเสี่ยวเฟยและหวู่จื๋อ เขาไม่ได้ว่ายไปยังกลางแม่น้ำ
คนบางกลุ่มที่ว่ายน้ำไม่เป็นมิอาจรับรู้ความสำราญนี้ได้…
“ฮ่ง! ฮ่ง!!!” ป๋ายเสี่ยวเฟยเพิ่งอาบน้ำเสร็จเมื่อเสี่ยวเอ้อพลันเห่าสุดเสียงจากขอบริมน้ำ ในชั่วเวลาหนึ่งโม่ข่าและพวกรู้สึกราวกับหัวใจพุ่งขึ้นมาอยู่ในลำคอ
‘คงไม่ใช่ว่ามีสัตว์อสูรแถวนี้ใช่หรือไม่!?’
“ว่ากระไรเสี่ยวเอ้อ” ป๋ายเสี่ยวเฟยไม่กังวลเพราะเสี่ยวเอ้อไม่แสดงท่าทีรู้สึกถึงอันตราย
“ฮ่ง! ฮ่ง!” เสี่ยวเอ้อเห่าสองคราก่อนจะวิ่งรอบเป็นวงกลมพลางส่ายหาง
“มีสิ่งของดีแถวนี้?” นัยน์ตาป๋ายเสี่ยวเฟยเป็นประกายเมื่อได้ยิน เขารีบว่ายกลับเข้าฝั่งทันที
“อยู่ที่ใด? อยู่ที่ใด?” ป๋ายเสี่ยวเฟยอุ้มเสี่ยวเอ้อขึ้นมา เขาเผยให้เห็นสีหน้าของคนที่ชื่นชอบทรัพย์สมบัติ
เสี่ยวเอ้อตื่นเต้นเช่นกัน มันยกอุ้งเท้าขึ้นมาชี้ไปยังทิศทางต้นน้ำ ท่าทีของมันเหมือนกับมนุษย์ไม่มีผิด
“มีสิ่งดีเลิศข้างบนนั้น? พวกเจ้าอยากไปดูด้วยหรือไม่?” ป๋ายเสี่ยวเฟยหันไปถามพวกโม่ข่า ภายใต้แสงจันทร์อันเจิดจรัส พวกเขาราวกับได้เห็นอสูรร้ายกวักมือเรียกไปสู่หนทางที่ผิด
“ข้ายังอาบไม่เสร็จ” สือขุยเป็นคนแรกที่แสดงถึงจุดยืนของตนเพราะเขามีลางสังหรณ์ไม่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้
“ข้า… ข้าอยาก…” การถูกป๋ายเสี่ยวเฟยจ้องเขม็งทำให้หวู่จื๋อไม่อาจพูดแก้ตัวได้ หลังจากผ่านไปนาน เขาทำได้เพียงส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปยังโม่ข่าและสือขุย
“พี่ใหญ่เฟย เจ้าโง่สือคุยต้องอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องพวกเรา หากมีหมาป่ามาท่านจะเสียลูกน้องผู้ซื่อสัตย์สองคนเป็นแน่แท้” ถึงแม้ร่างกายเขาจะไม่ดีแต่สมองจัดได้ว่าพอใช้ได้
“เจ้าปอดแหกสามตัว ช่างเถอะ พวกเจ้าทั้งหมดรอข้าอยู่ที่นี่” ป๋ายเสี่ยวเฟยส่ายมืออย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะวิ่งขึ้นไปทางต้นน้ำโดยมีเสี่ยวเอ้ออยู่ในอ้อมแขน คำว่า ‘กลัว’ ได้ถูกลบไปจากพจนานุกรมของเขาเป็นที่เรียบร้อย…
ด้วยการนำทางของเสี่ยวเอ้อ ป๋ายเสี่ยวเฟยถึงจุดหมายอย่างรวดเร็ว เขาได้กลิ่นหอมฉุยของสมบัติแห่งสวรรค์ปฐพีมาแต่ไกล
“เด็กดี เลี้ยงไม่เสียข้าวสุกจริงแท้!” ป๋ายเสี่ยวเฟยที่แอบซ่อนตัวอยู่หลังหินก้อนใหญ่มองไปยังพื้นที่โล่งข้างหน้า
ส่วนใหญ่สมบัติแห่งสวรรค์ปฐพีจะมีบางอย่างปกป้องมันไว้ในบริเวณโดยรอบ เขาจึงจำเป็นต้องระมัดระวังตัว
ป๋ายเสี่ยวเฟยเตรียมพร้อมสำหรับการเผชิญสิ่งแปลกประหลาดมากมายขณะข่มความตื่นเต้นในใจ เพราะอย่างไรก็ตามเสี่ยวเอ้อเคยหลอกเขามาหลายคราแล้ว
แต่ต่อให้ป๋ายเสี่ยวเฟยคิดให้ตายอย่างไรก็ไม่มีทางคาดคิดถึงฉากตรงหน้าเป็นแน่แท้…
ตรงใจกลางแม่น้ำภายใต้แสงจันทร์สีเงินมีดรุณีน้อยรูปร่างผอมเพรียวที่กำลังขัดถูร่างกายของตนอย่างเบามือ ผิวหนังนุ่มนวลของนางราวกับเปล่งประกายกว่าเดิมท่ามกลางหมู่เดือนดาวจากเบื้องบน
ที่สำคัญกว่า ป๋ายเสี่ยวเฟยสามารถมองเห็นอย่างเลือนรางว่ารูปโฉมของดรุณีผู้นี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าหลินหลีแม้แต่น้อย กระทั่งความงดงามที่แฝงความป่าเถื่อนยังเป็นสิ่งที่แม้แต่หลินหลีก็ไม่มี
“เป็นนาง?” ป๋ายเสี่ยวเฟยพลันนึกออกถึงบุคคลที่เขาพานพบเมื่อวันก่อนกับดรุณีตรงหน้า
ตลอดเวลานี้ป๋ายเสี่ยวเฟยอยู่ในสภาพจดจ่ออย่างสุดขีดถึงขั้นลืมว่าตนเองได้กลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงไป
“นั่นใคร!?”
ถึงแม้เสียงกลืนน้ำลายของเขาจะแผ่วเบาแต่มันก็ยังมิอาจเล็ดลอดไปจากประสาทสัมผัสของนางได้
“ไม่ใช่ใครทั้งนั้น!” ป๋ายเสี่ยวเฟยชาญฉลาดมาทั้งชีวิตเว้นก็เสียแต่วินาทีนี้เอง เขาถึงกับยืนขึ้นจากจุดเดิมด้วยเพราะตกใจ และไม่ว่าเขาจะเสียใจกับการกระทำนี้เพียงใดมันก็สายไปแล้ว
หญิงสาวพลันปลดปล่อยศรวารีอันแหลมคมในฉับพลัน ศรนั้นปักเข้ากลางอกเขาอย่างแม่นยำ แรงกระแทกส่งป๋ายเสี่ยวเฟยปลิวกระเด็นไปไกล
แต่เขาโชคดีที่หญิงสาวจู่โจมในสภาพตื่นตระหนกจึงไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดของนาง เป็นเหตุให้บาดแผลไม่ถึงแก่ชีวิต
ป๋ายเสี่ยวเฟยกล้ำกลืนฝืนทนความเจ็บปวดเหลือคณานับพลางเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้น เขาเริ่มคิดหาหนทางเอาตัวรอดจากสถานการณ์เบื้องหน้า
‘ดูๆ แล้วข้าไม่มีทางสู้นางได้และข้าอาจจะหลบหนีไม่ได้ด้วย…’
เมื่อป๋ายเสี่ยวเฟยคิดได้เช่นนั้นก็เป็นเวลาเดียวกับที่หญิงสาวสวมใส่อาภรณ์ปกปิดเรือนร่าง นางพุ่งเข้ามาข้างกายเขานัยน์ตางดงามยั่วยวนคล้ายจิ้งจอกคู่นั้นเต็มไปด้วยโทสะ
“ตาย!” หญิงสาวตัดสินใจปิดปากป๋ายเสี่ยวเฟยด้วยการสังหาร ลูกบอลเจิดจรัสสีม่วงอ่อนปรากฏขึ้นในฝ่ามือ แต่ก่อนที่ฝ่ามือนั้นจะกระทบหน้าผากของป๋ายเสี่ยวเฟยนางก็พลันหยุดมือเมื่อเห็นว่าผู้มาเยือนคือใคร
“เป็นเจ้า!!??”
พร้อมกับเสียงตกใจระคนสับสน เรื่องราวแสนพิลึกกึกกือก็ได้เริ่มต้นขึ้น…