“นี่คือห้องที่พวกเจ้าต้องอยู่ ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงตรงดังนั้นพวกเจ้ามีเวลาทั้งวันในการจัดเก็บข้าวของเครื่องใช้” เสวี่ยอิ่งเผยสีหน้าพึงพอใจในอำนาจตนเองเมื่อเห็นเหล่านักเรียนแสดงท่าทีต่างๆ นานาเมื่อรับรู้ว่าพวกเขาต้องอยู่ห้องเดียวกับใครบ้าง
“หลังจากจัดการเสร็จแล้วให้เข้านอนทันทีเพราะหากพวกเจ้าออกมาเดินเพ่นพ่านก่อนที่ข้าจะอธิบายเรื่องกฎต่างๆ พวกเจ้าจะต้องเสียใจ!”
“มีศิษย์พี่อยู่ข้างนอกที่รอนำทางให้พวกเจ้า หากโชคดีพวกเจ้าอาจได้เจอศิษย์พี่ที่ไม่เงียบขรึมและอาจได้เรียนรู้บางสิ่งก็เป็นได้ เอาล่ะแยกย้าย” เมื่อนางกล่าวจบนักเรียนทั้งหมดที่นั่งมานานเท่าใดไม่มีใครทราบก็มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที พวกเขาเริ่มมองหาเพื่อนร่วมห้องของเขาที่จะร่วมฝ่าฟัน’ อุปสรรค’ ด้วยกันในอีกสี่ปีข้างหน้า
“พวกเราเป็นเพื่อนร่วมห้องกันนับจากนี้ ให้ข้าแนะนำตัวอีกทีข้าสือเฉิน เจ้าสามารถเรียกข้าว่าพี่หญิงเฉินเฉิน” หญิงแก่นสือเฉินเดินมาหยุดตรงหน้าหลินหลีในทันที นางยื่นมือออกไปอย่างเป็นมิตร ส่วนชีเว่ยเดินมาข้างหลังหลินหลี
“สิ่งใดคือ….เพื่อนร่วมห้อง?” หลินหลีถามทำทุกคนเหม่อมองอยู่นาน ป๋ายเสี่ยวเฟยเริ่มชินกับวิธีพูดของนางเพราะเขาเคยเจอคนประเภทนี้มาก่อน แม่สองเซี่ยในหุวเหววีรบุรุษ
จากคำของพ่อสี่ นางโง่เขลาเล็กน้อย…
“เพื่อนร่วมห้องคือคนที่เจ้าจะต้องอยู่ด้วยกัน กินนอนด้วยกันในอนาคต” ป๋ายเสี่ยวเฟยพยายามอธิบายอย่างตรงไปตรงมา หากแต่เขาไม่คิดว่าจะได้รับคำตอบกลับที่น่าตกตะลึง
“ถ้าเช่นนั้น… ข้าอยากเป็นเพื่อนร่วมห้องกับเจ้า” หลินหลีกวาดตามองไปยังป๋ายเสี่ยวเฟยจากนั้นจึงกะพริบดวงตาสดใสรื้นน้ำตาคู่นั้น
“ข้า…เป็นเพื่อนร่วมห้องของเจ้าไม่ได้” ถึงแม้ป๋ายเสี่ยวเฟยอยากตอบตกลงมากเพียงใด แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นเพราะขนาดจู๋ซือซือกับฉิงหนานยังแยกกันอยู่
“เพราะเหตุใด…?” หลินหลีไม่อาจปกปิดความเศร้าเสียดายบนใบหน้าของตนเองได้
“เพราะทางสำนักไม่อนุญาต ข้าเป็นผู้ชายส่วนเจ้าเป็นผู้หญิง พวกเราอยู่ด้วยกันไม่ได้” ถึงเขาจะอยู่บนภูเขามาทั้งชีวิตเขาก็ยังรู้ข้อแตกต่างของผู้ชายและผู้หญิง….
“แต่…เจ้าจะบอกข้า…หลายอย่าง” คำพูดของหลินหลีทำเอาสือเฉินและชีเว่ยตกตะลึง
‘เกิดอะไรขึ้น!?’
‘พวกเจ้าเพิ่งรู้จักกันมิใช่รึ!?’
‘เขาจะไปบอกเจ้าหลายอย่างได้อย่างไร!?’
‘เพราะเขากล่าวเตือนเจ้าตอนแนะนำตัวเองหรือ? เจ้าถูกซื้อใจง่ายเกินไปไหม!?’
“ไม่ต้องกังวล เจ้าสามารถถามข้าทุกอย่างที่เจ้าอยากรู้ ข้าตอบเจ้าได้เหมือนกันและเจ้ายังได้อยู่กับป๋ายเสี่ยวเฟยทั้งกลางวันด้วย” สือเฉินรีบพูด นางเกรงกลัวเหลือเกินว่าหลินหลีจะตกหลุมพรางกับดัก
ในความคิดของสือเฉิน ป๋ายเสี่ยวเฟยที่เป็นนักเชิดหุ่นสายมายาเป็นหลุมกับดักหลุมใหญ่ ใหญ่พอที่จะใส่สวรรค์เข้าไปทั้งผืน!
“เป็นเช่นนั้นหรือ?” หลินหลีไม่แม้แต่จะชายตามองสือเฉินเมื่อนางถาม ดูเหมือนนางจะยึดติดกับป๋ายเสี่ยวเฟยมากราวกับมีเพียงคำตอบของเขาเท่านั้นที่สามารถทำให้ใจนางผ่อนคลาย
“ใช่แล้ว สือเฉินไม่ได้หลอกเจ้า” ป๋ายเสี่ยวเฟยพูดให้หลินหลีสบายใจพลางข่มกลั้นความปลื้มปิติในใจของเขา
“งั้นก็ได้…”
ในที่สุดสือเฉินก็พานางไปหลังจากป๋ายเสี่ยวเฟยโน้มน้าวหลินหลี ส่วนคนที่เหลือได้ออกจากห้องไปแล้ว มีเพียงป๋ายเสี่ยวเฟยเท่านั้นที่ยังอยู่
“สามกลุ่มหรือ…” เมื่อป๋ายเสี่ยวเฟยสงบคลื่นในใจที่ถูกก่อโดยหลินหลีสำเร็จ เขาเริ่มคิดเกี่ยวกับสถานการณ์ของเขา
มีนักเรียนชายทั้งหมดสิบคนถูกแบ่งออกเป็นสามกลุ่ม สองกลุ่มมีคนอย่างละสามส่วนกลุ่มของป๋ายเสี่ยวเฟยมีสี่ และกลุ่มของเขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากพวกโม่ข่าทั้งสาม
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่มีความตั้งใจที่จะรอป๋ายเสี่ยวเฟย รวมกับท่าทีระมัดระวังเมื่อก่อนหน้านี้ ป๋ายเสี่ยวเฟยคาดเดาความคิดของพวกเขาได้แล้ว
การกลั่นแกล้ง!
พูดให้เข้าใจง่ายก็คือพวกเขาตั้งใจจะกลั่นแกล้ง’ คนอ่อนแอ’ สายมายาอย่างป๋ายเสี่ยวเฟย
“ข้าจะจัดการกับพวกมันทีหลัง ตอนนี้ต้องไปหาอะไรกินก่อน!” ป๋ายเสี่ยวเฟยทุบโต๊ะพลางลุกขึ้นยืน เสี่ยวเอ้อกระโจนเข้าหาอ้อมกอดของเขาในฉับพลัน
“เสี่ยวเอ้อ พนันกันไหมว่าศิษย์พี่หญิงคนนั้นจะรอข้าข้างนอกหรือไม่? อาหารสุนัขหนึ่งเดือนเป็นไง?” ป๋ายเสี่ยวเฟยลูบหัวเสี่ยวเอ้อ มันเผยให้เห็นสีหน้าครุ่นคิดราวที่คล้ายคลึงมนุษย์เป็นอย่างมากไม่นานนักมันส่ายหัวอย่างแข็งขัน
จากประสบการณ์ของเสี่ยวเอ้อหากมันพนันกับป๋ายเสี่ยวเฟยโดยไม่มั่นใจเต็มสิบส่วน นั่นไม่ต่างอะไรกับให้อาหารสุนัขป๋ายเสี่ยวเฟยไปฟรีๆ …
“ฮึ่ม เจ้าขี้ขลาด อย่าไปบอกใครว่าเจ้าเป็นสุนัขของข้า” ป๋ายเสี่ยวเฟยลูบหัวเสี่ยวเอ้ออย่างรุนแรงทำให้มันโต้ตอบด้วยการเห่า
‘นี่คือปัญญา! หาใช่ความขลาดเขลาไม่!’
“ก็ได้ๆ ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นสุนัขที่ฉลาดที่สุด เพราะฉะนั้นหยุดเห่าและเก็บพลังงานไว้มิเช่นนั้นจะเกิดอะไรขึ้นหากพวกเราอดอาหารตายก่อนได้กิน?” ป๋ายเสี่ยวเฟยกล่าวพลางเคลื่อนที่อย่างคล่องแคล่วภายในพื้นที่สามัญ เขาได้ทำการสำรวจแผนผังโดยรอบเมื่อตอนที่เขาเดินหาห้องเรียนอำมหิต
เพียงไม่นานนักป๋ายเสี่ยวเฟยก็มาถึงที่ซึ่งศิษย์พี่ ‘ใจดี’ รอเขาอยู่
“ศิษย์น้อง เจ้ากำลังไปหอพักของเจ้าหรือ? ข้ามีคนมากพอแล้วและเราจะไปเดี๋ยวนี้ จะไปด้วยกันหรือไม่?” ศิษย์พี่คนหนึ่งสวมชุดนักเรียนปีหนึ่งเข้าใกล้ป๋ายเสี่ยวเฟยทันทีเมื่อเขาปรากฏตัว กระบี่เล่มเล็กบนหน้าอกเขาบ่งบอกว่าเขามาจากสาขากระบี่พิฆาต
“ศิษย์น้อง ศิษย์น้อง มาทางนี้หากเจ้าต้องการคู่มือเอาชีวิตรอดชิงหลัว!” ทันใดนั้นมีศิษย์พี่อีกคนเข้ามาทักป๋ายเสี่ยวเฟยก่อนที่เขาจะได้ตอบ วิธีที่เขาใช้ดึงตัวป๋ายเสี่ยวเฟยไม่ต่างอะไรจากพ่อค้าแย่งกันขายของ
“ไอ้หนุ่ม เจ้าแย่งคนจากข้าไปหลายคนแล้ววันนี้ ทำไมเราไม่ดวลกันในสนามประลอง?” ใบหน้าของศิษย์พี่คนแรกมืดครึ้ม ความเกลียดชังที่เขาสะสมไว้ทั้งวันพลันแปรสภาพเปลี่ยนเป็นโทสะ
“แน่นอน แต่พวกเราเทพในหมู่ปุถุชนยอมรับเพียงการต่อสู้แบบกลุ่ม ทำไมเจ้าไม่ไปพาสหายมาอีกเล่า? หรือเจ้าไม่กังวลที่จะสู้กับพวกเราตัวคนเดียว?” ศิษย์พี่ที่ถูกยั่วโมโหไม่มีทีท่าเกรงกลัวแม้แต่น้อย เมื่อศิษย์พี่คนแรกได้ยินคำว่า ‘เทพในหมู่ปุถุชน’ ความมั่นใจของเขาก็ลดลงทันที
“อย่าลืมไปเรียกคนมาให้มาก ข้าเกรงว่าเจ้าจะไม่มีคนพอหากสู้แบบกลุ่ม” เสียงเย็นเยือกดังไปหาศิษย์พี่คนที่สองที่กำลังยิ้มอย่างภาคภูมิ ป๋ายเสี่ยวเฟยอดไม่ได้ที่จะยินดีภายในอกเมื่อเขาได้ยิน ‘ข้ามีมื้อเที่ยงให้กินแล้ว!’
“พี่หญิงหลิงหยาน!”
ท่าทีของศิษย์พี่จากสาขากระบี่พิฆาตเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเขาเห็นฉินหลิงหยานเดินเข้ามา ใบหน้าเปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจราวกับเป็นคนละคนจากเมื่อครู่
แตกต่างจากศิษย์พี่คนที่สองซึ่งตอนนี้ใบหน้ามืดคล้ำนัยน์ตาแข็งค้าง
แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่ใครสักคนจะเป็นศัตรูกับฉินหลิงหยานเพราะความนิยมชมชอบของนางในหมู่ศิษย์ปีหนึ่งมีมากเกินไป หากหาใครสักคนในสาขาเทพในหมู่ปุถุชนมาช่วยก็นับได้ว่าโชคดีมากแล้ว
“ข้าเพียงล้อเล่นเท่านั้นพี่หญิงหลิงหยาน ทุกคนในสำนักต่างรู้กันถ้วนหน้าว่าสาขากระบี่พิฆาตสามัคคีเสียยิ่งกระไร ข้ายังต้องพานักเรียนใหม่ไปยังหอพักของพวกเขา คงไม่ขออยู่ให้รกสายตาพี่หญิงหลิงหยานอีกต่อไป” ศิษย์พี่คนที่สองฝืนยิ้มออกมาพลางกล่าวข้อแก้ตัวในการออกจากสถานการณ์อันน่าอึดอัด
ด้วยความช่วยเหลือของฉินหลิงหยาน ศิษย์พี่คนแรกในชัยชนะจากสถานการณ์สิ้นหวัง เขายิ้มแก้มปริความรู้สึกขอบคุณมีให้เห็นทั่วใบหน้า “ขอบคุณพี่หญิงหลิงหยาน!”
“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า ข้าจะพาคนผู้นี้ไปหอพักส่วนเจ้าไปทำหน้าที่ของเจ้าต่อ” นางกล่าวตัดบทศิษย์พี่คนนั้นด้วยถ้อยคำเรียบง่ายแล้วจึงหันหัวมามองป๋ายเสี่ยวเฟย
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าผ่านเข้าประตูหลักเพราะข้า!?” ฉินหลิงหยานข้างหน้าเขาแตกต่างจากเมื่อครู่ที่แลเข้าถึงง่าย ความหนาวเหน็บพลันขึ้นมากระจุกในลำคอป๋ายเสี่ยวเฟยทันที
MANGA DISCUSSION