Gimai Seikatsu (ชีวิตใหม่กับน้องสาวป้ายแดง) - ตอนที่ 6: 8 มิถุนายน (วันจันทร์) [2]
ในช่วงเวลานี้ เทศกาลกีฬาบอลของซุยเซย์ก็กำลังใกล้เข้ามา ก็เลยมีช่วงเวลาที่จะมีวิชาเสริมสมรรถภาพทางกายทุกวันจันทร์ เพื่อเป็นการฝึกซ้อมในช่วงเวลากลางภาคของปีการศึกษาจะมีการเรียนแบบรวมห้องสองห้องเข้ามาเรียนด้วยกันและแน่นอนว่าการฝึกซ้อมมันก็เริ่มวันนี้
“เอาล่ะ ท่าไม้ตายลับ!! สุดยอดลูกเสิร์ฟมหาประลัย โอร่าาาาา!!!!”
ผมพบว่าตอนนี้ตัวเองก็กำลังนั่งอยู่ในสนามเทนนิสของโรงเรียน ภายใต้ท้องฟ้านี้ก็มีใครบางคนที่กรีดร้องเทคนิคลับที่ออกมาจากมังงะด้วยน้ำเสียงดังฟังชัดและตรงไปตรงมา
ซึ่งเจ้าของเสียงนั้นเป็นเด็กผู้หญิงสวมชุดพละและเธอก็กำลังจะเหวี่ยงไม้
เธอมีผมสีแดงสด รูปร่างค่อนข้างเล็ก ทำให้ดูเหมือนหนูแฮมสเตอร์ตัวน้อยๆ
แม้ว่าเธอเป็นเด็กจากห้องอื่นแต่ว่าผมเองก็รู้จักเธอ “นาราซากะ มายะ”
ก็ขอชมว่าเธอเป็นพวกไฟแรงล่ะนะ
เธอเป็นตัวแทนห้องที่มีข่าวลืออยู่….
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสปิริตแรงใจของเธอที่เปรียบเหมือนเครื่องดื่มชูกำลังนับล้านขวด
หรือจะเป็นเรื่องความสามารถในการดูแล แคร์คนอื่นดี หยั่งกับเป็นคุณยาย
เช่นเดียวกับรูปลักษณ์ที่ค่อนข้างน่ารักของเธอ ทำให้เธอมีเพื่อนรายล้อมรอบตัวทั่วโรงเรียน
จัดได้ว่าเป็น พวกเรียจู ที่อยู่ชั้นบนสุดของพวก เรียจู อีกทีนึง
แน่นอนว่านาราซากะซังก็เป็นที่รู้จักในห้องเรียนของผมด้วยเช่นกันเพราะบางครั้งเธอก็จะแวะเวียนมาบ้าง ซึ่งไม่ว่าตัวผมจะพยายามปิดกั้นคนที่มีข่าวลือมากแค่ไหนก็ตาม
ผมก็ไม่สามารถที่จะเพิกเฉยต่อการมีอยู่ของเธอได้จริงๆ
ทุกคนที่หมายถึงพวกผู้ชมและแม้แต่คู่แข่งของเธอต่างก็มองขึ้นไปบนฟ้าที่มีเมฆมากเพื่อมองตามลูกบอลที่เธอหวดไปเมื่อครู่ตกลงมาอีกครั้ง หนึ่งวินาทีผ่านไป สองวินาทีผ่านไป และ สามวินาทีก็ผ่านไป
“นี่! ทำอะไรของเธอเนี่ย! มันลอยไปที่อื่นแล้วเห็นไหม!!”
เด็กผู้หญิงอีกคนที่เป็นคู่แข่งของนาราซากะซัง รู้สึกท้อแท้ที่เธอเล่นหวดโฮมรันจนลูกบอลลอยหายไป
“ฮะๆ ขอโทษทีจ้า”
“เอาจริงดิ? นี่เธอเสิร์ฟบ้าอะไรของเธอเนี่ย!”
“แต่ชั้นคิดว่ามันเท่ห์ดีออกนะ เฮะๆ!”
“เฮะๆ อะไรของเธอมิทราบยะ! ยัยบ้าเอ้ย นี่แนะ นี่แนะ นี่แนะ!!!”
“อ๊า! ไม่นะ อย่าขยี้ผมของชั้นอย่างนั้นเซ่!!”
นาราซากะซังโดนท่าล็อคคอ และเด็กผู้หญิงอีกคนนึงก็เอาข้อศอกมาขยี้ใส่ตรงที่หัวของเธอ
ผู้หญิงน่ารักสองคนหยอกล้อเล่นกัน นั้นคือภาพที่ได้เห็นซึ่งในความเป็นจริง พวกผู้ชายทุกคนต่างกันให้ความสำคัญกับการดูฉากๆนี้กันอย่างเต็มที่เลยทีเดียว
แต่อย่างไรก็ตาม ผมน่ะต่างออกไป ผมไม่ได้มองฉากที่สาวงามทั้งสองกำลังหยอกล้อกัน
ดวงตาของผมนั้นจ้องมองไปที่จุดๆเดียว
มีอยู่คนนึงที่ยืนพิงรั้วเหล็กอยู่ที่ขอบสนาม ตัวเธอไม่ได้ถือไม้เทนนิสเลยด้วยซ้ำ
ผมเห็นสายหูฟังลากยาวออกมาจากกระเป๋าของเธอจนถึงใบหู
เธอฟังอะไรบางอย่างอยู่และจ้องมองข้างบนอย่างเหม่อลอย
ไม่ใช่ใครคนอื่น เธอคืออายาเสะซัง
ดูเหมือนว่าไม่ว่าครูหรือนักเรียนคนอื่นก็ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรเธอเลย
อีกด้านหนึ่ง นักเรียนคนอื่นก็เล่นเทนนิสกันสนุกสนาน จากนั้นผมก็เดินเข้าไปหาอายาเสะซังอย่างช้าๆ และนั่งฝั่งตรงข้ามของรั้วทำท่าเหมือนนั่งพัก
“โดดเรียนหรอ?”
ผมเรียกเธอ
อายาเสะซังถอดหูฟังของเธอออกด้วยทีท่าสงสัยและลืมตาขึ้นเล็กน้อย
“นั่นทำให้ชั้นประหลาดใจนะ ไหงนายพูดกับชั้นแบบนั้นล่ะ?”
“ผมหมายถึง ผมเห็นคนที่คุ้นหน้าคุ้นตากำลังโดดเรียนอยู่ แน่นอนว่าก็แค่มาเช็คน่ะ”
“เห…งั้นนายก็มานี่เพื่อที่จะมาเทศน์สินะคะ คุณพี่ชาย”
“ไม่ ไม่หรอก ผมไม่ใช่คนดีที่จะมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรแบบนั้นได้หรอกนะ แค่รู้สึกประหลาดใจที่เธอเองก็เลือกเทนนิสด้วยน่ะ อายาเสะซัง”
“มายะบังคับลากชั้นมาน่ะ เธอก็อยากจะลองอีกสักครั้ง แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลเดียวหรอกนะ”
“มายะ ที่ว่านี่หมายถึงนาราซากะซังสินะ? สนิทกันงั้นหรอ?”
ผมมองไปที่สนามแล้วก็เห็นเด็กผู้หญิงผมสีแดงวิ่งไล่ตามลูกบอลอยู่
“ชั้นไม่คิดว่าจะไม่มีผู้หญิงคนไหนที่เข้ากับเธอไม่ได้หรอกนะ”
“เพื่อนร้อยคนอย่างที่พวกเขาว่ากันสินะ หืม”
ในห้องเรียนห้องนึงจะมีผู้หญิงราวๆยี่สิบคนและถ้าเพิ่มห้องอื่นๆเข้าไปด้วยเป็นแปดห้องแล้วล่ะก็ ก็จะได้หนึ่งร้อยหกสิบคนพอดี ตัวเลขที่น่ากลัวนี่มันอะไรกันนะ
“ชั้นไม่คิดว่ามายะจะมีเพื่อนเยอะขนาดนั้นนะ ถึงเธอจะเข้ากับทุกคนได้แม้ว่าจะไม่ใช่เพื่อนก็ตามทีเถอะ”
“อ่า ผมก็รู้สึกอย่างงั้น”
ผมพอใจกับคำอธิบายนั้น
“อาซามูระคุง ทำไมนายถึงตัดสินใจมาเล่นเทนนิสล่ะ?”
“อืม….แล้วนี่ผมต้องบอกเธอจริงๆหรอ? มันก็ไม่ใช่อะไรที่น่ายกย่องซะด้วยสิ”
“ไม่เห็นเป็นไร ชั้นเองก็มีเหตุผลที่น่าสมเพชเหมือนกัน”
อะไรคือ “ไม่เห็นเป็นไร” นี่มันไม่ใช่เกมไพ่ที่เราจะต้องพยายามเอาชนะกันด้วยเหตุผลที่ว่า เหตุผลของใครมันน่าอายกว่ากันสักหน่อยนะครับ
แต่ว่าการจ้องมองของเธอที่เฉียบคมราวกับลูกศรที่พุ่งมาแทงทะลุตัวผม ผมจึงมองไม่เห็นทางอื่นนอกจากอธิบายให้เธอฟัง
“เพราะว่ามันไม่ใช่การแข่งขันแบบกลุ่ม….”
อย่างมารุที่เข้าร่วมการแข่งขัน ฟุตบอล บาส และ เกมอื่นๆของทีม
แต่สำหรับเทนนิสที่ไม่มีแม้การเล่นคู่ ดังนั้นคุณจะต้องดิ้นรนสู้ด้วยตัวคุณเองล้วนๆ
“เพราะไม่อยากเล่นกับคนอื่น ก็เลยเลือกเทนนิสน่ะ”
สำหรับคนที่คิดว่า “ไอ้หมอนี่มันพล่ามอะไรของมัน” ผมก็ขอแสดงความยินดีด้วยจากก้นบึ้งของหัวใจ ขอให้ใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุขก็แล้วกัน
อย่างไรก็ตาม สำหรับผมที่ไม่คาดหวังสิ่งต่างๆจากคนอื่นหรือดำเนินชีวิตตามความคาดหวังของคนอื่นนั้น การที่ผมคิดว่าผมอาจจะต้องโดนดึงเข้าไปลงไปเล่นในทีม ผมก็รู้สึกไม่สบายใจแล้วล่ะ ถ้าหากผมสามารถใช้ชีวิตโดยไม่มีเรื่องที่เจ็บปวดแบบนี้
ทุกอย่างมันจะง่ายดายสักแค่ไหนกันนะ? บางทีผมก็สงสัยในตัวเองอยู่เหมือนกัน
“เห…พวกเรานี่คล้ายกันจริงๆนะ”
“อายาเสะซังก็เหมือนกันหรอ?”
“อ่าฮะ ถึงสิ่งกระตุ้นจะเป้นมายะก็ตามทีเถอะ แต่ชั้นก็ไม่อยากเล่นเป็นทีมอยู่ดี นายคงพอจะคิดออกแล้วสินะว่าตัวชั้นพยายามรักษาระยะห่างจากผู้หญิงคนอื่นน่ะ”
แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่น่าเศร้าและน่าเสียใจแต่อายาเสะซังก็พูดด้วยน้ำเสียงแห้งๆของเธอตามปกติ ผมคิดว่าเพราะว่าไม่มีใครให้ความสนใจเธอเลยแม้เธอจะโดดเรียนมาฟังเพลงแบบนี้ นี่ตัวเธอมันโปร่งใสหรืออะไรยังไงกันนะ?
ผมสงสัยในตัวเองเพียงแค่วินาทีเดียวเท่านั้น แต่ผมก็สามารถสร้างร่างกายของเธอออกมาผ่านความคิดได้อย่างสมบูรณ์แบบ แม้กระทั่งกลิ่นหอมจางๆของน้ำหอมที่ลอยมาแตะจมูกของผมและเมื่อรู้ว่าเป็นเธอ ผมก็รู้สึกเขินอายแล้วเบือนหน้าหนีอีกครั้ง
“นี่ไม่ใช่ว่าบังเอิญว่าเธอไม่เข้ากันกับคนในห้องเรียนหรอกหรอ?”
“แปลกใจไหมล่ะ?”
“ก็นะ ผู้หญิงที่มีสไตล์อย่างเธอ ผมก็คิดว่าน่าจะเป็นศูนย์กลางของทั้งห้องเรียนซะอีก”
“โดยทั่วไปมันก็คงเป็นแบบนั้น”
อายาเสะซังพยักหน้า
“แต่ว่าผมแตกต่างออกไปนะ”
ผมแน่ใจว่าเรื่องนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดข่าวลือ
“จะว่าไปไอ้แบบนี้มันก็ไม่เลวหรอกนะ………..ไอ้ชั้นเองก็ไม่ได้สนใจกิจกรรมนี้อยู่แล้วด้วย รู้สึกเหมือนเสียเวลาไปเปล่าๆ ถ้าพวกเขาไม่มาจุ้นจ้านกับชั้น ชั้นก็จะใช้เวลานี้เพื่อตัวของชั้นเอง”
“ฟังเพลงนี่หรอ?”
“อ๊ะ! เอ่อ…….อื้ม”
เธอกำลังซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้อยู่อีกอย่างนึง มันชัดเจนจากปฏิกิริยาของเธอ
แต่ว่าผมไม่อยากจะทำตัวหยาบตายสอดรู้สอดเห็นมากเกินไป ผมจึงเลือกที่จะเงียบเอาไว้
เอาไว้อีกฝ่ายจะบอกเองเมื่อเธอพร้อม การที่พยายามเค้นกดดันเธอไปจะทำให้คุณโดนเกลียดไปซะเปล่าๆ
“คราวนี้แหละ ตัดสินกันล่ะนะ ! เทคนิคพิฆาต สุดยอดลูกเสิร์ฟมหาประลัย!!!!”
“ชื่อก็ไม่เห็นจะเปลี่ยนไปเลยนี่นา ฮ่าๆ”
ผมได้ยินเสียงของนาราซากะซังอีกครั้งพร้อมกับการโต้กลับของผู้หญิงคนนั้น นี่เสียงของพวกหล่อนมันดังขนาดไหนกันนะ? แต่เนื่องจากว่าผมคิดถึงเรื่องของนาราซากะซังอีกครั้ง ผมจึงหันหน้าไปหาอายาเสะซัง
“เธอจะไปซ้อมกับนาราซากะซังไม่ใช่หรอ? ผมรู้สึกว่าหล่อนเชิญชวนให้เธอไปเล่นด้วยกันนะ หรือมากกว่านั้นก็คงเป็นเผชิญหน้ากันละมั้งนะ”
“ไม่ล่ะ..”
“ปฏิเสธเร็วชิบ….”
“ก็ไม่เห็นจำเป็นเลย ที่มายะจะมาชวนชั้นทั้งๆที่รู้ว่าชั้นโดดน่ะ แล้วก็อีกอย่างให้เดาก็เพราะไอ้ความใจดีแบบนี้นี่ละที่ทำให้เธอเป็นที่นิยมน่ะ”
ดูเหมือนการโดดเรียนแบบนี้และคำพูดของเธอ ปัจจัยทั้งหมดนี้มีผลต่อข่าวลือ
ตัวตนที่แท้จริงของ อายาเสะ ซากิ นั้นอยู่ที่ไหนกัน?
และเพื่อที่จะให้ได้คำตอบนั้น ตัวผมเองในตอนนี้ก็ยังไม่รู้จักตัวเธอดีพอ