ตอนที่ 5: 8 มิถุนายน (วันจันทร์) [1]
8 มิถุนายน (วันจันทร์)
แน่นอนว่าไม่มีอีเว้นท์ที่ผมและอายาเสะซังไปโรงเรียนด้วยกันเกิดขึ้น
พอรู้ว่าพวกเราก็เป็นนักเรียนซุยเซย์เหมือนกันแล้ว เธอก็แนะนำให้ทำแบบนี้เพื่อไม่ให้มีข่าวลือแปลกๆ แพร่กระจายไปทั่วโรงเรียน
และก็แน่นอนว่าเป็นทางที่เลือกที่ถูกต้องแล้ว
ทั้งตาแก่และอากิโกะซังที่ดูเหมือนจะรู้เรื่องนี้แล้ว ก็ไม่ได้ตัดสินใจกระทันหันอะไร อย่างการพุ่งไปเปลี่ยนนามสกุลของเราเลยทันทีเนื่องจากมันก้ยุ่งยากเรื่องเอกสาร
ในกรณีนี้ อายาเสะซังกับผมก็ผลัดกันออกจากบ้านในเวลาที่ต่างกันเพื่อต่างคนต่างแยกทางกันไปโรงเรียน
ณ โลกที่ตั้งอยู่บนสังคมที่เต็มไปด้วยการแข่งขันและเพื่อที่จะอยู่รอดในสังคมนี้
ก็จงพูดให้น้อยแล้วแสดงผลลัพธ์ของมันออกมาให้มากแทน
นั่นคือคำขวัญของโรงเรียนของเราที่กล่าวไว้ว่า “ผลลัพธ์นั้นคือสิ่งที่ดีกว่าความพยายาม”
นั่นก็คือ หากคุณสามารถรักษาผลการเรียนที่ดีหรือผลงานความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมจากกิจกรรมชมรมของคุณได้แล้วล่ะก็ คุณก็จะได้รับอนุญาตให้ทำงานพาร์ทไทม์ได้
แล้วด้วยความหลงไหลในความอิสระนี้ ผมจึงเลือกที่จะเข้ามาศึกษาที่ซุยเซย์ ที่เป็นโรงเรียนที่จัดได้ว่าอยู่ในอันดับต้นๆพอสมควร แต่ตัวผมเองก็ไม่ได้คำนึงถึง เรื่องมหาวิทยาลัยหรือเป้าหมายใดๆหรอกนะ เอาเป็นว่าผมแค่อยากเข้ามหาลัยดีๆ ก็แค่นั้นแหละ
อย่างไรก็ตามไม่ใช่เพราะว่าผมตั้งเป้าที่จะไต่เต้าเพราะมีเป้าหมายที่สูงกว่าหรอก
แต่เพราะผมพยายามที่จะเลี่ยงปัญหาที่เกี่ยวพันกับชีวิตส่วนตัวของผมเอง
ตอนที่อยู่ชั้นประถม ผมก็โดนสั่งให้ไปเรียนอยู่โรงเรียนกวดวิชา นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนที่ตาแก่ของผมจะหย่าร้างเพราะคนที่เป็นแม่ของผม เธอพยายามที่จะเลี้ยงดูผมให้เติบโตมาเป็นคนที่มีอิทธิพลทางสังคมมากกว่าพ่อของผม ซึ่งนั่นก็เป็นสาเหตุที่ผมโดนไล่ให้ไปเรียนเสริมในโรงเรียนกวดวิชาที่มีชื่อเสียง
มีเพียงแค่ผมคนเดียวเท่านั้นที่รู้สึกท้อแท้ในระหว่างการทดสอบ ท่ามกลางเด็กคนอื่นๆ
ที่การเรียนเปรียบเสมือนทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิตของพวกเขาขึ้นอยู่กับมัน
แล้วตัวผมเองก็มีปัญหามากมายในการที่จะจัดการกับผมเขา จนผลการเรียนของผมมันได้ถึงจุดที่พังทลายยับไม่เป็นท่าจากแรงกดดัน
และนั่นก็ทำให้ผมรู้สึกตระหนักถึงมันอยู่ตลอดว่าชีวิตของผมต้องทนอยู่กับความผิดปกติเรื่องการสื่อสารกับชาวบ้านเขา
เอาเป็นว่าไม่ใช่เพราะผมมีเป้าหมายอะไรที่สูงส่ง แต่เพราะว่าผมไม่อยากเข้าไปโรงเรียนกวดวิชาแค่นั้นแหละ
เหตุผลเดียวที่ผมไปทำงานพาร์ทไทม์ก็คือไว้อวดตัวผมเอง “คนเก่า” ว่าไม่ต้องมาคอยเป็นห่วงตัวผมอีกแล้วเพราะว่านั่นก็ฟังดูน่ารำคาญอ่ะนะ ส่วนเกรดสวยๆก็เป็นเหมือนของแถม
และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ผมคิดว่าตัวผมเองไม่ได้ทำอะไรที่ผมยิ่งใหญ่สมควรแก่การถูกเคารพใดๆเลยเพราะผมไม่ได้พากเพียรอย่างหนักเพื่อที่จะมุ่งหน้าสู่เป้าหมาย
อ่า ใช่แล้ว มารุ โทโมคาซุ เพื่อนซี้ที่ไว้ใจได้ของผมคนนี้ มันเป็นคนประเภทนั้นมากกว่าผมล่ะนะ
“โย่ อาซามูระ รุณหวัด”
“อ่า ซ้อมตอนเช้าเรอะ? มารุ”
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตอนเช้าภายในห้องเรียนของเราตามปกติก่อนที่โฮมรูมจะเริ่มราวๆสิบนาทีและมารุก็มานั่งด้านหน้าของผม
หมอนี่ดูทรงเป็นคนมีความรู้ที่ใส่แว่นและจัดทรงผมเฟี้ยวๆ และถ้าหากคุณมองแว่บแรกคุณก็จะบอกว่าไอ้หมอนี่มันเป็นคนอ้วนก็ได้ แต่ว่ารูปร่างภายนอกนั่นน่ะไม่ใช่อย่างที่ตาเห็นทั้งหมดเพราะเมื่อผมรู้ว่าร่างกายส่วนที่ปกปิดของเขานั้นไม่ใช่ไขมันแต่เป็นกล้ามเนื้อ ผมก็เกือบหงายหลังตกเก้าอี้
คนเรามันตัดสินจากภายนอกไม่ได้จริงๆ………….
“อ่าหะ ไม่มีวันไหนที่ไม่ได้ซ้อมหรอกนะ”
“ไอ้ชมรมนั่นมันเป็นพวกใช้แรงงานทาสรึยังไงนะ”
ความจริงแล้วมารุเป็นส่วนหนึ่งของชมรมเบสบอลโรงเรียน รูปร่างของหมอนี่ มันค่อนข้างเอื้อในการเล่นเป็นแคชเชอร์เลยทีเดียว
มารุถอดแว่นออกมาแล้วหยิบกล่องใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋า ซึ่งในนั้นก็มีแว่นตาอีกคู่หนึ่ง
ซึ่งมีไว้สลับตอนเล่นกีฬาและอีกคู่ไว้ใช้ตอนเรียน
“แล้วจะว่าไป ชีวิตใหม่เอ็งเป็นไงบ้างล่ะ?”
มารุไม่ลังเลที่จะเปลี่ยนหัวข้อคุย
แน่นอนว่าผมบอกเพื่อนที่ไว้ใจได้เรื่องที่พ่อของผมแต่งงานใหม่แล้วผมก็ได้ครอบครัวใหม่
พูดตรงๆเลยว่าผมแทบไม่มีเพื่อนที่โรงเรียนเลยแต่สำหรับ มารุ โทโมคาสุ ที่มักจะได้นั่งใกล้ๆกันในชั้นเรียนแล้ว ความสนใจเกี่ยวกับ อนิเมะ และ มังงะ ของพวกเราค่อนข้างที่จะถูกโฉลกกัน ดังนั้นเราจึงกลายเป็นเพื่อนกันไปโดยปริยาย
คุณอาจจะแปลกใจที่หมอนี่อยู่ในชมรมกีฬาแต่ก็เป็นโอตาคุด้วยในเวลาเดียวกัน
เห็นได้ชัดเลยว่าหมอนี่ติดพวกมังงะเบสบอลที่เป็นกระแสนิยม และ เกิดอยากลองเล่นเอง
และนั่นเองทำให้ผมรู้สึกอยากเอนเอียงไปเป็นโอตาคุบ้าง
เอ่อ ผมหมายถึงมันก็มีใช่ไหมล่ะ? พวกโอตาคุที่ได้รับอิทธิพลจากอนิเมะแล้วเริ่มไปยิมกันน่ะ
แต่ก็แน่นอนว่า ว่าหัวข้อที่เปิดมาเมื่อครู่คือความจริงที่ว่าผมได้ครอบครัวใหม่
“เป็นยังไงงั้นหรอ…….ให้พูดเป็นประโยคเดียวเลยก็…..มันต่างจากที่ชั้นจินตนาการไว้”
“นายได้น้องสาวใช่ไหมล่ะ หืม ว่าไงล่ะ? โอนี่จัง”
“ถึงจะเรียกว่าน้องสาวก็เหอะนะ….”
“ไม่รู้สึกตื่นเต้นเพราะว่าเป็นน้องคนละสายเลือดรึไง?”
“ชั้นไม่ได้มองเธอเป็นน้องสาวหรือน้องต่างแม่เลยด้วยซ้ำ…”
ผมพูดและหวนคิดถึงหน้าอายาเสะซัง
“แทนที่จะเป็นเป็นน้องสาวแต่กลับรู้สึกว่าเธอเป็น ‘ผู้หญิง’ มากกว่าน่ะ”
“พูดได้ฟังดูล่อแหลมมากเพื่อนยาก”
“ก็ไม่รู้ว่าจะพูดว่ายังไงแล้ว ชั้นไม่รู้ว่าจะเข้าหาเธอยังไงนี่หว่า”
“อืมๆ เข้าใจล่ะ ‘ผู้หญิง’ สินะ ให้เดาก็คงอยู่คนละระดับกับเด็กประถมที่อยู่ชั้นเดียวกันสินะ”
“เด็กประถม? เอ็งพูดเรื่องอะไร?”
“แล้วนี่เรากำลังพูดเรื่องน้องสาวแกอยู่ใช่ไหมเนี่ย?”
ผมควรจะเป็นคนสับสนมากกว่านะ เอ๊ะ! เอ่อ……เดี๋ยวนะ
ผมได้ยินมาในทีแรกคือเธอเป็นเด็กนักเรียนชั้นประถมหรือม.ต้น นั่นคือสิ่งที่โชว์ให้เห็นในรูปภาพที่ตาแก่เอาให้ดู ผมยังไม่ทันได้แก้ข่าวเรื่องนี้ให้ไอ้เจ้ามารุฟังเลยนี่หว่า….
“ปะ-เปล่า คือน้องสาวของชั้นน่ะ……..”
เธอไม่ได้อยู่ชั้นประถมแต่เป็นนักเรียนม.ปลาย และคงไม่ต้องพูดถึงว่าเธอเองก็เรียนโรงเรียนนี้รวมถึงชั้นปีนี้ด้วยเช่นกัน ผมไม่รู้ว่าตัวเธอนั้นเรียนอยู่ห้องไหน
แต่ว่าเธอก็เป็นสาวสวย……ซึ่งถ้าพูดแบบนั้นออกไปมันก็จะกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของไอ้หมอนี่ไปเปล่าๆ มันไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อใจหมอนี่หรอกนะ
แต่เพราะว่าผมไม่อยากจะฉีกสัญญาที่มีต่ออายาเสะซังได้
ตัวผมมันเป็นผู้ชายที่จะไม่มีวันพูดพล่อยๆออกมาเด็ดขาดหากไม่จำเป็น
“น้องสาวของแกมีอะไรล่ะ?”
“น้องสาวของชั้น………เอ่อ แตกต่างจากที่จินตนาการไว้น่ะ ไม่เหมือนกับที่ได้เรียนรู้จากสาว 2D เลย”
“ในที่สุด แกก็ไม่สามารถแยกความเป็นจริงออกจาก 2D ได้แล้วสินะสหาย”
“อะไรของแกที่ว่า ‘ในที่สุด’ น่ะ? ทำให้ฟังดูเหมือนว่าตัวชั้นมันกำลังจะเป็นแบบนั้นมาโดยตลอดรึยังไง”
“มันก็คือความจริงใช่ไหมล่ะ?”
ผมรู้จักไอ้เจ้ามารุมากนานนับปีได้แล้ว ผมรู้ตัวดีว่าลิ้นของหมอนี่มันเป็นเหมือนดั่งใบมีดที่ตวัดกวัดแกว่งอย่างไร้เป้าหมายและไม่ลดละ
“ยังไงซะขอเปลี่ยนหัวข้อละกัน แกรู้จักคนที่ชื่อ อายาเสะ ซากิ ไหม?”
“หืม…. อืม…. ก็เคยได้ยินมาอยู่นะ”
และมารุก็หรี่ตาลง
เครือข่ายข่าวสารของพวกชมรมกีฬาค่อนข้างที่จะกว้างขวางเกินที่คุณจะจินตนาการได้
และเมื่อพูดถึงสาวๆ โดยเฉพาะที่มีความสวยระดับอายาเสะซังแล้วล่ะก็
เธอจะต้องกลายเป็นหัวข้อการซุบซิบที่ดุเด็ดเผ็ดร้อนอย่างแน่นอน
เนื่องจากผมไม่ได้สนใจข่าวลือ ผมจึงไม่ได้คิดมากกับเรื่องนี้
แต่ว่าก่อนหน้านั้นมารุกำลังจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับเด็กสาวที่ผมเคยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอมีตัวตนอยู่ด้วยให้ฟัง ถ้างั้นมันก็คุ้มค่าที่จะลองฟังสักหน่อยล่ะนะ
“อายาเสะซังหรอ? แล้วทำไมหรอ ข่าววงในเขาว่าอะไรกันบ้าง?”
“คือแกก็รู้ใช่ม้า ว่าเจ้าหล่อนน่ะเป็นคนที่สวยใช้ได้เลยใช่ไหมล่ะ?”
“งั้นไม่ดีกว่า ขอผ่าน”
“อาเร๊ะ!?”
“เอาล่ะ ในฐานะที่เป็นเพื่อนกับแกขอบอกแกไว้ก่อนนะ ว่าแกกำลังเสียเวลาและพลังงานไปเปล่าๆ”
“เดี๋ยวๆ อะไรของแกล่ะเนี่ย?”
“ชั้นไม่ได้สนใจที่จะไปยืนหยัดในเส้นทางความรักของคนอื่นอ่ะนะ แต่..”
“ตรูจำไม่เห็นได้เลยว่าไปขอคำแนะนำเรื่องความรักจากเอ็งตอนไหนวะพวก?”
ผมไม่รู้ว่าทำไมหมอนี่ถึงได้เกริ่นแบบนั้นมา ผมจึงรีบพูดขัดคอหมอนี่
“อืม…นี่ชั้นคิดผิดไปเรอะ? ชั้นคิดว่าแกกำลังเล็งๆอายาเสะซัง หรือ อะไรสักอย่างซะอีก”
“เอ็งบ้ารึเปล่า? ไม่มีทางที่โฉมงามอย่างเจ้าหล่อนจะมาชายตามองคนอย่างข้าหรอกเว้ย”
เธอเป็นเด็กสาวที่น่าสนใจราวกับว่าเป็นตุ๊กตาที่ประดิษฐ์ด้วยมือและมีสีผมบลอนด์ที่ดูน่าหลงไหล
ส่วนตัวผมเป็นผู้ชายประเภทที่ยืนมองตัวเองหน้ากระจกเพื่อที่จะได้รู้ตัวเองอีกครั้ง
ว่าไอ้หมอนี่มันเป็นคนที่ดูน่าเบื่อขนาดไหน
ผมถอนหายใจออกมาส่วนมารุก็ทำสายตามองมาเหมือนมีเรื่องจะบ่น
“ไม่ล่ะ จริงๆแล้วน่ะมันตรงกันข้ามเลย หากแกได้คบกับอายาเสะซังล่ะก็ คุณค่าของตัวแกเองก็จะเริ่มลดน้อยลงไปเรื่อยๆ”
“ฮ่าๆ มุขนี้ผ่านว่ะ เพื่อน “
“ไม่ได้ล้อเล่นเว้ย!”
“แล้วแกจะสื่ออะไรล่ะ?”
“ชั้นหมายถึงชั้นยอมรับว่าหล่อนน่ะสวย มีสไตล์แต่ก็มีข่าวลือบางอย่างที่เกิดขึ้นด้วย…”
มารุ พูดด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
“คือว่านะ ชั้นเองก็ไม่ได้เป็นพวกนินทาลับหลังอะไรใครหรอกนะเว้ย แต่ว่ามันก็อีกเรื่องนึงถ้าหากเพื่อนที่ชั้นไว้ใจได้เผลอใจไปหมายตาหล่อนเข้าน่ะ อย่างที่คนเขาว่าเอาไว้ว่า การที่เราไม่รู้อะไรจะดีที่สุด แต่ว่าครั้งนี้ชั้นปล่อยไปไม่ได้จริงๆว่ะ”
“งั้นแกช่วยเล่าข่าวลือนั่นเพิ่มเติมให้ชั้นฟังทีสิ”
แน่นอนว่าผมไม่ได้ตกหลุมรักอายาเสะซังแต่อย่างใด แต่การที่อธิบายอะไรก็ตามเกี่ยวกับเรื่องนี้มันจะเป็นการบังคับผมให้เปิดเผยความจริงที่ว่าตอนนี้เราได้กลายเป็นพี่น้องกันจริงๆออกไปและเนื่องจากมันน่ารำคาญ ผมก็แค่ปล่อยให้หมอนี่มันเข้าใจผิดและรับฟังหมอนี่ต่อไป
จากนั้น มารุ ชำเลืองมองซ้าย ขวา หน้า หลัง อย่างรวดเร็วและเอาหน้ามาใกล้ๆผมและกระซิบว่า
“อายาเสะซังน่ะแกรู้ไหม? คือแบบเห็นได้ชัดเลยว่าเจ้าหล่อนกำลังทำเรื่องอย่างว่าน่ะ…….แบบว่า ‘ขายตัว’ น่ะ…………..”
“หา???”
“ก็แบบว่าผมบลอนด์ เจาะหู แถมเจ้าอารมณ์ ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้แถมยังเป็นสาวแกลในโรงเรียนที่มีระดับแบบนี้อีกด้วยและที่โดดเด่นที่สุดก็คือ บรรยากาศที่น่าเบื่อหน่ายของเธอ มีแม้แต่พยานที่เคยเห็นว่าตัวหล่อนออกมาจากตึกที่น่าสงสัยหรือไม่ก็โรงแรมแถวๆนั้นด้วยนะเว้ย”
“หา? ชั้นไม่เคยรู้มาก่อนเลย”
ผมไม่ได้ปฏิเสธหรือยอมรับมันได้แต่พยักหน้าตามเจ้ามารุไปเท่านั้น
ทำไมไอ้เรื่องพรรณนี้ถึงได้โยงไปหาเธอได้เพียงเพราะแค่รูปลักษณ์ภายนอกของเธอกันล่ะ?
ผมที่ได้พูดคุยกับเธอสองสามครั้งก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าตัวเธอจะเป็นคนที่ทำอะไรแบบนั้น
แต่ตัวผมก็ยังไม่รู้จักตัวเธอดีพอที่จะปฏิเสธข่าวลือนี้ให้ชัดเจนเหมือนกัน….
“มารุ ชั้นแค่อยากจะบอกแกว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะไปเชื่อคำพูดของคนอื่น เดิมทีแกมันก็เป็นคนที่ชอบติดกับข่าวลือพรรณนี้อยู่แล้วซะด้วยสิ”
“มีเพื่อนในชมรมเบสบอลของชั้นไปสารภาพรักกับหล่อนมาแล้วเฟ้ย”
“เห….ถึงแม้ว่าทุกคนพยายามจะหลีกเลี่ยงเธอก็ตามงั้นเรอะ?”
“ชั้นหมายถึงข่าวลือน่ะมันก็เป็นแค่ข่าวลือ ส่วนของภาพลักษณ์ก็ส่วนภาพลักษณ์ตัวเธอน่ะเป็นที่นิยมโครตๆ”
“อ่าฮะ”
“แล้วไอ้หมอนั่นก็ได้ยินจากปากจากเจ้าตัวเลยด้วย”
“???”
“ก็เป็นอย่างที่ข่าวลือนั่นแหละ หล่อนบอกว่า ‘ชั้นน่ะไม่ต้องการคบหากับใครหรอกนะ’”
มารุพยายามทำเลียนแบบวิธีพูดของเธอที่เขาได้ยินมาจากการที่คนอื่นเล่าให้ฟัง
เห็นได้ชัดว่าไอ้เจ้ามารุเองก็ไม่ได้มีความประทับใจอะไรจากตัวอายาเสะซัง
“และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกด้วย คนในชมรมอื่นๆที่เคยไปสารภาพกับเธอก็พูดออกมาเป็นเสียงเดียวกันหมด”
ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าสิ่งที่พวกเขาพูดมาทั้งหมดคือความจริงแน่นอน
แล้วข่าวลือพวกนี้เป็นเรื่องจริงรึเปล่า? ถ้าเป็นอย่างนั้น อากิโกะซัง และ ตาแก่รู้เรื่องรึเปล่า?
แล้วในกรณีนี้ผมก็ควรจะรายงานเรื่องนี้ดีไหมนะ?
ไม่สิ ไม่ควรทำแบบนั้น ผมไม่ควรเชื่อข่าวลือที่ไม่มีมูล หรือ ข้อพิสูจน์ใดๆเลย
และในขณะเดียวกัน ถึงแม้ว่าข่าวลือนี้จะเป็นความจริงแต่ผมก็บอกเธอไปไม่ได้หรอก
หากมีการจ่ายเงินเพื่อที่จะออกเดทกันจริงๆแล้วล่ะก็ มันก็ไม่ใช่เรื่องของผมที่จะไปกังวลเกี่ยวกับคนที่เต็มใจที่จะจ่ายเงินและเต็มใจรับเงินทั้งสองฝ่ายนี่นา
แน่นอนว่าตอนนี้อายาเสะซังเป็นครอบครัวของผมไปแล้ว แต่ถึงแม้ว่าข่าวลือนี้จะเป็นความจริงแต่ผมก็ไม่คิดจะบอกเธอเลย ยิ่งไปกว่านั้นผมคงจะยิ่งเสียใจหากรู้ว่ามีใครบางคนบังคับให้เธอทำอย่างนั้น
“แล้วอาซามูระ แล้วไหนไพ่ของแกล่ะ?”
“แกพูดเกี่ยวกับอะไร?”
“ก็ชั้นเปิดไพ่ในมือชั้นให้แกดูหมดแล้วไง ตอนนี้ก็ตาแกแล้ว ทำไมจู่ๆถึงเอ่ยถึง อายาเสะ ขึ้นมาล่ะ?”
“อืม ชั้นจะปล่อยให้มันขึ้นอยู่กับจินตนาการของแกไปก็แล้วกันนะ”
“อ้าว เฮ้ย! อย่าทำงี้ดิเพื่อน ทิ้งกันไว้กลางทางเฉย”
“ก็ที่ไม่บอกเพราะไม่อยากบอกนั่นแหละ”
นี่คือข้อดีสำหรับตัวของ มารุ โทโมคาสุ หมอนี่รู้ดีว่าเมื่อไหร่ควรหยุด
ดวงตาของผมเหม่อลอยออกไป จ้องมองเข้าไปในกระจกบานหน้าต่างข้างๆตัวผม
ภาพของกระจกสะท้อนใบหน้าของผมที่เอามือมาค้ำเอาไว้อยู่ในขณะที่ความคิดของผมล่องลอยถึงเรื่องอายาเสะซัง
ผมดีใจมากที่เราไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันเพราะถ้าหากว่าเธออยู่ล่ะก็ ผมคงไม่สามารถมีกะจิตกะใจจดจ่อไปกับการเรียนได้
Chapters
Comments
- ตอนที่ 17: 12 มิถุนายน (วันศุกร์) [2] กุมภาพันธ์ 17, 2022
- ตอนที่ 16: 12 มิถุนายน (วันศุกร์) [1] กุมภาพันธ์ 15, 2022
- ตอนที่ 15: 11 มิถุนายน (วันพฤหัสฯ) [2] กุมภาพันธ์ 8, 2022
- ตอนที่ 14: 11 มิถุนายน (วันพฤหัสฯ) [1] มกราคม 31, 2022
- ตอนที่ 13: 10 มิถุนายน (วันพุธ) [3] มกราคม 26, 2022
- ตอนที่ 12: 10 มิถุนายน (วันพุธ) [2] มกราคม 22, 2022
- ตอนที่ 11: 10 มิถุนายน (วันพุธ) [1] มกราคม 22, 2022
- ตอนที่ 10: 9 มิถุนายน (วันอังคาร) [2] มกราคม 19, 2022
- ตอนที่ 9: 9 มิถุนายน (วันอังคาร) [1] มกราคม 19, 2022
- ตอนที่ 8: 8 มิถุนายน (วันจันทร์) [4] มกราคม 17, 2022
- ตอนที่ 7: 8 มิถุนายน (วันจันทร์) [3] มกราคม 16, 2022
- ตอนที่ 6: 8 มิถุนายน (วันจันทร์) [2] มกราคม 16, 2022
- ตอนที่ 5: 8 มิถุนายน (วันจันทร์) [1] มกราคม 15, 2022
- ตอนที่ 4: 7 มิถุนายน (วันอาทิตย์) [3] มกราคม 14, 2022
- ตอนที่ 3: 7 มิถุนายน (วันอาทิตย์) [2] มกราคม 13, 2022
- ตอนที่ 2: 7 มิถุนายน (วันอาทิตย์) [1] มกราคม 11, 2022
- ตอนที่ 1 บทนำ มกราคม 11, 2022
MANGA DISCUSSION