Gimai Seikatsu (ชีวิตใหม่กับน้องสาวป้ายแดง) - ตอนที่ 4: 7 มิถุนายน (วันอาทิตย์) [3]
เมื่อลงมาถึงลานจอดรถของแฟลตก็เป็นเวลาสี่ทุ่มพอดี แล้วระหว่างทางกลับบ้านผมก็ปั่นจักรยานมือเดียวพร้อมกับใช้อีกมือมองหาแอปที่เอาไว้บันทึกไดอารี่
ตัวผมกลับบ้านตามอัธยาศัยของผมเองเป็นปกติอยู่แล้ว แต่ผมจำไม่ได้ว่าได้บอกอากิโกะซัง หรือ อายาเสะซัง ว่าผมจะออกไปทำงานพาร์ทไทม์นานแค่ไหนรึเปล่านะ?
ผมหวังว่าตาแก่จะให้คำอธิบายที่เหมาะสมกับพวกเขา แต่เอาจริงๆผมก็คงคาดหวังอะไรไม่ได้อยู่ดี
พอลองคำนึงถึงโอกาสที่ครอบครัวของผมอาจจะหลับกันไปหมดแล้วก็ได้
ผมจึงเปิดประตูอย่างระมัดระวังแล้วมุ่งหน้าไปยังห้องนั่งเล่นอย่างเงียบที่สุด
ผมเห็นมีบางคนยังคงตื่นอยู่ หลังจากที่ได้เห็นแสงที่ทะลุผ่านกระจกออกมา
รู้สึกได้ว่าร่างกายของผมตึงเครียด แล้วผมก็มุ่งหน้าเข้าไปข้างใน
ปรากฏว่า อายาเสะซัง กำลังนั่งอยู่คนเดียวบนโซฟา
ผมคิดว่ามันอาจจะเป็นช็อคโกแลตร้อน หรือ อะไรสักอย่าง จากการที่เดาๆจากไอร้อนที่ขึ้นมาเป็นเส้นๆจางๆจากถ้วยในมือของเธอ เธอมองไปยังมือถือของเธอที่อาจจะกำลังไถ่เล่นพวกโซเชี่ยลอยู่หรือว่าบางทีอาจจะกำลังคุยกับบางคนอยู่ก็ได้
เพื่อนหรอ? หรือว่า แฟน?
เพราะเธอเป็นผู้หญิงน่าตาดี ไม่ว่าจะทางไหนก็ดูเป็นไปได้ทั้งนั้น
“กลับมาแล้วครับ”
“อะ-อื้อ”
เธอเงยหน้ามองขึ้นมาจากมือถือทำให้ผมมีปฏิกิริยาลุกลี้ลุกลนเล็กน้อย
เธอดูประหลาดใจเหมือนไม่แน่ใจว่าจะพูดอะไร เช่นเดียวกับพวกชาวต่างชาติ ที่อยากจะถามทางในพื้นที่ที่ไม่คุ้นเคย
“อายาเสะซัง?”
“โทษทีๆ พอดีว่าชั้นไม่คุ้นกับการได้ยินอะไรแบบนั้นน่ะ ก็เลยไม่รู้ว่าจะตอบกลับยังไง”
“อ่อ ก็ใช่นะ เพราะการใช้ชีวิตพวกเรามันแตกต่างกันนี่เนอะ”
จำได้ว่าเธอเล่าให้ฟังว่า เนื่องจากอากิโกะซังทำงานกะกลางคืนมาโดยตลอด เวลานอนของพวกเธอเลยไม่เคยตรงกันเลยสินะ?
ตอนที่ผมได้ยินครั้งแรกผมก็คิดว่า อืม…ครอบครัวแบบนี้ก็มีอยู่จริงแฮะ
“ทำหน้าจริงจังอะไรของนายน่ะ?”
อายาเสะซังหัวเราะเบาๆ
ดูเหมือนว่าความคิดของผมมันปรากฏออกมาบนใบหน้าของผม
“ทุกอย่างปกติดี ชั้นไม่ได้รับการปฏิบัติอะไรที่แย่ๆหรอกนะ เธอกลับมาบ้านตอนที่ชั้นไปโรงเรียนแล้ว เพื่อที่จะมานอนพักหรือทำธุระประปรังอะไรของเธอให้เสร็จและพอชั้นกลับบ้านเธอก็ออกไปทำงาน สำหรับเราแล้วนั่นคือกิจวัตรปกติของเราล่ะ”
“ยังไงซะ พวกเธอก็ดูใกล้ชิดกันดีนะ”
“ก็นะเป็นแม่ลูกกันนี่นา วันนี้ก็ได้ไปช้อปปิ้งกันหลังจากไม่ได้ไปด้วยกันเสียนาน มันก็สนุกดีนะ”
เธอพูดอย่างนั้น แต่สัมผัสไม่ได้ถึงการแสดงออกบนใบหน้าของเธอหรือน้ำเสียงที่ดูพิเศษเลยแม้แต่น้อย
ผมรู้สึกว่านี่คงไม่ใช่ความเหงาแต่มันอาจจะเป็นเพราะเธอชินกับมันแล้ว
เรากำลังพูดถึง พ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว และ เด็กม.ปลาย
ผมรู้ว่าผมเองก็ไม่ใช่คนที่จะสามารถพูดได้แต่โดยส่วนตัวแล้วผมไม่ได้รู้สึกอะไรมากนักเกี่ยวกับการที่ไม่ได้เจอหน้าพ่อแม่เป็นพักๆ
ที่สำคัญดูเหมือนว่าผมจะมารบกวนเวลาเธอที่กำลังยุ่งๆอยู่กับมือถือของเธออยู่
ผมรู้สึกสมเพชตัวเอง และ อยากขอโทษ แล้วเดินออกไปจากที่นี่
และไปหมกตัวซ่อนอยู่ในห้องของตัวเอง
“ผมคิดว่าจะไปอาบน้ำแล้วก็เข้านอนเลย”
“ตามสบาย ชั้นโอเคกับการที่ได้อาบคนสุดท้ายอยู่แล้ว เพราะนอนดึกอยู่ตลอด”
“อื้ม เข้าใจล่ะ”
ขณะที่เดินไปยังห้องของตัวเองเตรียมอาบน้ำ ก็นึกถึงคำพูดของอายาเสะซังขึ้นมา
ที่ว่าเธอโอเคกับการที่ได้อาบคนสุดท้าย หรือจะเป็นได้นอนเป็นคนสุดท้ายด้วย
ผมหมายถึง มันก็สมเหตุสมผลนะถ้าคุณคิดเกี่ยวกับมันน่ะ
เธอคงไม่ต้องการผู้ชายที่แทบจะไม่ได้เจอหน้ากันเลย แล้วมาใช้ชีวิตร่วมกัน
แถมตอนนี้ก็กำลังจะอาบน้ำแล้วล้มหัวนอนก่อนเธออีก
เธอทำตัวเองให้ไม่มีที่พึ่งต่อหน้าเด็กหนุ่มวัยรุ่นอยู่
ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ว ยิ่งผมใช้เวลานานมากเท่าไหร่ค่ำคืนของเธอก็จะยิ่งยาวนานมากขึ้นเท่านั้น
เดาว่าผมควรจะรีบจัดการตัวเองให้เสร็จล่ะนะ….
เมื่อตัดสินใจเลือกไปแล้ว ผมใช้เวลาเพียงแค่สิบนาทีเท่านั้นในการอาบน้ำจากปกติสามสิบนาที และ ใช้อีกยี่สิบนาทีในการเอาน้ำออกแล้วเติมน้ำอุ่นเข้าไป
ผมไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงกับเธอแต่อย่างน้อยเป็นไปได้ผมก็อยากจะทำให้อะไรให้เธอ
ด้วยเหตุนี้แม้ว่าตัวคุณเองอาจจะคาดหวังเพราะอ่านแนวรอมคอมมามากเกินไป
แต่สุดท้ายมันก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรที่น่าตื่นเต้นเกิดขึ้นจากการที่เราได้นอนร่วมชายคาเดียวกันในคืนแรก
เช่นเดียวกับการที่ผมได้กล่าวไปในบทนำของเรื่องนี้แล้วว่า
ชีวิตประจำวันกับน้องสาวต่างแม่ มันช่างแตกต่างจากพวกเกมหรือนวนิยายอย่างสิ้นเชิง
เมื่อผมตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น อายาเสะซังก็เตรียมตัวทุกอย่างของเธอเสร็จสรรพ
แล้วนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น
ดังนั้น จึงไม่มีอีเว้นท์อะไรที่น่าตื่นเต้นให้เจอเช่นกัน…..
“อรุณสวัสดิ์ หลับสบายดีไหม?”
เธอถามผม
“อื้ม ขอบคุณนะ”
“ทางนี้ก็ขอขอบคุณเหมือนกัน เรื่องอ่างอาบน้ำน่ะ มันเยี่ยมมากเลยล่ะ ขอบใจนะ”
ผมเองคิดว่าความสัมพันธ์แบบนี้มันก็ไม่เลวไปซะทีเดียวล่ะนะ……..