Gimai Seikatsu (ชีวิตใหม่กับน้องสาวป้ายแดง) - ตอนที่ 17: 12 มิถุนายน (วันศุกร์) [2]
- Home
- Gimai Seikatsu (ชีวิตใหม่กับน้องสาวป้ายแดง)
- ตอนที่ 17: 12 มิถุนายน (วันศุกร์) [2]
ผมอาบน้ำก่อนเป็นคนแรก หลังอาบเสร็จผมจึงเติมน้ำร้อนใหม่ไว้
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จผมก็อ่านหนังสือบนเตียงในห้องนอน
แน่นอนว่ายังมีการบ้านของโรงเรียนที่ต้องทำแต่ไม่ต้องรีบเพราะยังเหลือวันเสาร์-อาทิตย์
ระหว่างที่ผมทำงาน เมื่อวานก็ได้ไลท์โนเวลที่มีสาวๆ อยู่เต็มปก
….ผมว่าหนังสือเล่มนี้แอบแหวกแนวไปหน่อยแต่ดูน่าสนใจทีเดียว….
….แต่ตัวพระเอกจำเป็นต้องไปเที่ยวกับเพื่อนร่วมชั้นทุกคนด้วยรึ…ทว่า…หนังสือล่วงใส่หน้าผม
“โอ้ย!”
อันที่จริงผมรู้สึกตกใจจนหัวใจเต้นแรง
“เฮ้อ…บางทีเราก็ควรนอนได้แล้ว”
ทราบเลยว่าร่างกายผมหมดแรงแล้ว
พอมองดูเวลาก็ยังไม่ดึกขนาดนั้น โดยปกติตาแก่น่าจะกลับมาแล้วเวลานี้แต่ไม่มีวี่แววว่าจะกลับมาเพราะวันนี้เป็นวันศุกร์ ตาแก่อาจจะดื่มกับเพื่อนร่วมงานก็ได้ หวังว่าจะกลับทันขบวนสุดท้ายนะ
คลิก จู่ๆ ไฟห้องก็ดับ
ไฟห้องเปลี่ยนเป็นโหมดกลางคืน มองเห็นแสงสีส้มจางๆ เข้ามาในห้องผ่านช่องประตูเล็กๆ ที่เปิดออกมา จากนั้นความเงียบก็เข้าปกคลุม มีคนเข้ามาในห้องของผมซึ่งเป็นใครอื่นไม่ได้นอกจากอายาเสะซัง ผมนึกว่าจะเป็นโจรที่สุ่มเข้าอพาร์ทเมนต์เสียอีก
แต่ทำไมต้องมาห้องผมด้วยล่ะ? ไม่เห็นต้องปิดไฟเลย
บางทีอาจง่วงนอนจนจำห้องตัวเองผิดก็ได้?
‘นี่ห้องผมนะ’ ผมกะจะพูดคำนั้นแต่ก็ต้องกลืนกลับไป
“อาซามูระคุงตื่นอยู่รึเปล่า?”
ผมได้กลิ่นสบู่หอมหวานจากอายาเสะซังขณะที่เดินมาหาผมและพูดคำนั้น
อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องตกใจเพราะผมมีประสบการณ์หลายครั้งแล้ว
เธออาบน้ำเป็นคนสุดท้าย
เธอนอนเป็นคนสุดท้าย
ใช่ อายาเสะซังเป็นคนเลือกเองแต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอจะเข้ามาคุยกับผมอย่างนี้ อย่างเช่นตื่นมากลางดึกเข้าห้องครัวเพื่อดื่มน้ำสักแก้วแล้วเดินไปชนเธอที่ใส่ชุดนอนอยู่….แน่นอนว่ามันค่อนข้างตื่นเต้นสำหรับเด็กม.ปลายอย่างผมอ่ะนะ แต่อายาเสะซังที่กำลังเข้าใกล้ผมมันไม่ใช่อย่างนั้น
ผมได้ยินเสียงเสื้อผ้าถูกันตามด้วยเสียงเสื้อตกพื้น ชัดเจนเลยว่าเธอกำลังถอดเสื้ออยู่
ไฟด้านหลังประตูมืดสนิทจึงแต่พอมองเห็นลางๆ ถึงจะเห็นไม่ค่อยชัดแต่สิ่งที่ชัดเจนมีเพียงโครงร่างของอายาเสะซังเท่านั้นที่จดจำเข้าไปยังรากสมองผมอย่างน่าประหลาด
ยิ่งเธอเข้าใกล้เท่าไหร่ ผมก็เห็นหน้าอกที่หล่อเลี้ยง เอวที่โค้งมน แขนที่เรียวยาวที่ยื่นออกมาจากไหล่เปลือยได้มากยิ่งขึ้น
หรือง่ายๆ ก็คืออายาเสะซังใส่เพียงชุดชั้นใน
ทุกครั้งที่ย่างก้าว สายตาของผมจับจ้องไปที่เอวของเธอที่ขยับไปมา
“นี่ อาซามูระคุง ฉันมีเรื่องอยากคุยด้วย”
อายาเสะซังเข้าใกล้เตียงมากขึ้นและหยุดอยู่ไม่กี่ก้าว
“คุยงั้นเหรอ….”
ผมกล่าวด้วยเสียงสั่นเทา
พออายาเสะซังก้าวครั้งสุดท้าย เธอวางมือไว้ข้างเอวผม ก้มมองและสบตากัน
“นายช่วยซื้อตัวฉันได้ไหม?”
อายาเสะซังบอกผมใกล้พอที่จะได้ยินเสียงลมหายใจของเธอ
ผมมองเห็นใบหน้าของอายาเสะซังด้วยแสงจากเพดานอ่อนๆ
“ห๊ะ….?”
วินาทีนั้นหัวผมโล่งสนิท
อะไรวะเนี่ย อายาเสะซังพูดว่าอะไรนะ?
สีหน้าของอายาเสะซังอยู่ภายใต้แสงสลัวๆ จนแทบมองไม่เห็น เธอส่ายหัวและพูดว่า
“นี่ คิดว่าไง?”
“ห…หมายถึงอะไร?”
“ก็อย่างที่บอกไง ฉันถามว่าฉันซื้อตัวนายได้รึเปล่าหรือก็คือขอแลกด้วยเงินได้มั้ย?”
“……”
“เพราะเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น ฉันเข้าใจแล้วว่าร่างกายของฉันดีพอที่อยู่ในสายตานาย….และนายไม่จำเป็นต้องทำจนจบก็ได้ ทำเท่าที่ต้องการเลย”
“เดิ๋ยวๆๆ….”
“ด้วยเหตุนั้นพอใช้ความมีเหตุผลแล้ว ฉันถึงมาที่นี่ไง”
เธอเรียกนี่ว่าความมีเหตุผลเนี่ยนะ?
“ฟังฉันนะ”
“อื้ม ได้สิ”
ทั้งเหตุผลและความมีเหตุผลของผมดูเหมือนจะตกลงนรกไปซะแล้วแต่ผมแทบจะจัดการตัวเองไม่ได้เลย
“พวกเราเป็นเด็กม.ปลายแล้วใช่ไหม?”
“….ใช่”
“แสดงว่านายเข้าใจใช่ไหมว่ามีเรื่องน่าอึดอัดใจที่ไม่สามารถทำด้วยตัวคนเดียวได้น่ะ?”
เรื่องน่าอึดอัดใจที่ไม่สามารถทำด้วยตัวคนเดียวได้
เธอจะหมายถึงอวัยวะเพศชายและอวัยวะเพศหญิงใช่ไหม?
น่าจะใช่นะ….ไม่สิ มันไม่มีประโยชน์ที่จะปฏิเสธแล้วเพราะผมไม่ใช่พ่อพระแม่พระเป็นแค่เด็กนักเรียนม.ปลายธรรมดาคนหนึ่งที่ไร้ความหมายแต่ไม่คิดเลยว่าจะได้คุยเรื่องนี้กับผู้หญิงอายุราวเดียวกัน
“ตอนนี้เราอาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกันแล้ว ก็มีโอกาสที่เราพลาดท่าโดยไม่ได้ตั้งใจก็ได้”
“ผมไม่คิดอย่างนั้นนะแต่ก็อาจเป็นไปได้”
“แต่ฉันคิดอย่างนั้นนะ ถ้าไม่คิดว่ามันเป็นปัญหาและเราเข้าใจกันตั้งแต่แรกจนทำด้วยกันเป็นประจำ มันจะไม่เป็นประโยชน์แก่กันและกันเหรอ?”
“ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ…”
“ก็เพราะอาซามูระคุงยกย่องอาหารของฉันไง….”
ผมรู้สึกหัวหมุนไปหมดที่เปลี่ยนเรื่องกะทันหัน ไหงจู่ๆ ถึงพูดเรื่องอาหารเย็นกันล่ะ
“….ตอนนั้นฉันคิดว่าถ้าได้เงินค่าอาหารจากอาซามูระคุง ฉันก็สามารถหาเงินได้โดยไม่ต้องทำอะไรมาก”
“นั่นก็ดูดีหนิ”
ผมก็เคยคิดเรื่องนั้นเหมือนกัน ในขณะนั้นเอง อายาเสะซังดูเหมือนจะมาถึงจุดเสียเปรียบในการตกลงหลายๆ อย่าง
“ถึงจะไม่ได้เสียตังเยอะแต่น่าจะลดค่าใช้จ่ายของฉันให้เหลือน้อยที่สุดได้อ่ะนะ”
“ก็ฟังดูเป็นความคิดที่ดีหนิ”
ถึงกระนั้นอายาเสะซังกลับส่ายหัว
“ฉันไม่อยากหาเงินจากทางนั้นหรอกเพราะจะได้มากเกินจนทำให้การ give&take มันไม่เท่าเทียมกัน แต่ยังไงฉันก็อยากได้เงิน ดังนั้นเลยคิดว่าจะหาสิ่งที่คุ้มค่าพอที่จะได้เงินคืนรึเปล่า”
“เธอกำลังจะบอกว่าระหว่างที่หางานรายได้สูงเธอตัดสินใจจะทำงานกลางคืนกับคนในครอบครัวใช่ไหม?”
อายาเสะซังพยักหน้า
ความคิดของเธอเข้าขั้นจุดอันตรายแล้ว
“ถ้าทำจริงๆ มันอาจจะกระอักกระอ่วนหน่อยๆ แต่ถ้าเทียบระหว่างคนแปลกหน้ากับอาซามูระคุง ดูเหมือนอาซามูระคุงจะสบายใจกว่าและมั่นใจว่าถ้าทำจนสุดทางแล้วก็จะจบลงด้วยการคุมกำเนิดอยู่ดี”
แสดงว่าเธอเคยคิดจะทำกับคนแปลกหน้าด้วย
“การที่ทำแบบนี้ฉันจะไม่รู้สึกแย่ที่ร้องขอมากเกินไปน่ะ”
ผมได้ยินเสียงบางอย่างแวบเข้ามาในหัว ผมดันตัวเองขึ้นและเอื้อมมือออกไป
ไหล่ของเธอนั้นสั่นกลัว
พอเห็นปฏิกิริยาแบบนั้นความรู้สึกผิดได้เติมเต็มบนหน้าอกของผม ระหว่างนั้นเองผมค่อยๆ ขยับปากอย่างช้าๆ
“ผู้หญิงประเภทนั้นน่ะผมโคตรเกลียดเลย อายาเสะซัง”
“เอ๊ะ….”
ผมล่ะเกลียดการพูดส่อเสียดและการพูดจาว่าร้าย ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรผมไม่ต้องการที่จะว่าร้ายคนอื่นด้วยคำพูดแบบนั้น และมันทำให้ผมรู้สึกเจ็บเหมือนกันเมื่อคิดที่จะพูดอย่างนั้น
แต่ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำคือการหยุดคุกคามของอายาเสะซัง ณ ตอนนี้
ผมนึกถึงใบหน้าตาแก่กับอากิโกะซัง
หลังจากที่ตาแก่ผ่านอดีตที่ถูกภรรยาหักหลังและรู้สึกหดหู่กับมันแล้วจะให้ผมปล่อยผ่านไปง่ายๆ เลยงั้นเหรอ? ไม่อยู่แล้ว ผมรู้สึกโล่งอกด้วยซ้ำเมื่อได้เห็นหน้าพ่อยิ้มแย้มและคอยซัพพอร์ตพ่อจนถึงวันนี้
สำหรับอากิโกะซัง ผมไม่รู้ว่าเธอผ่านอะไรมาบ้างแต่อาจมีปัญหากับสามีคนเก่าเลยเป็นเหตุที่หย่าร้างกัน อย่างไรก็ดี ตอนนี้เธอได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแล้ว
ถ้าผมทำตามความคิดแบบนั้น คำขอของอากิโกะซังและสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นกลับทำให้พ่อแม่ของเราโชคร้ายอีกครั้ง ผมก็มิอาจยอมรับได้
เราเคยบอกว่าไว้จะไม่คาดหวังอะไรจากกัน
เราได้สร้างจุดยืนเป็นครั้งแรกที่ได้เจอกันและรักษาระยะห่างนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
ดังนั้นความรู้สึกของผมจึงเกิดเพราะความคาดหวังให้อายาเสะซังไม่ทำอย่างนั้น และในอีกแง่หนึ่งคือผมผิดสัญญา
อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงความตั้งใจแรกแล้วกลับเป็นอายาเสะซังทำซะเอง
“อย่างที่นายบอกไมใช่เหรอว่าใช้หน้าตาเป็นอาวุธน่ะ?”
ผมไม่รู้ว่าทำไมอายาเสะซังถึงอยากเป็นอิสระขนาดนั้น ถึงแม้เธอไม่อยากถูกดูหมิ่นว่าเป็นผู้หญิงแต่สิ่งที่เธอทำนั้นกลับตรงข้ามกันเลย
ตามที่อายาเสะซังกล่าวไว้ว่าหลักอุปสงค์อุปทานอาจเชื่อมโยงกัน
ได้ยินมาว่าการเดตแบบมีค่าตอบแทน*และทำงานกลางคืนเป็นเหมือนกิจกรรมชั่วคราว และสังคมถือว่าคนที่ทำนั้นทำเพื่อเงินด่วนแต่ก็มีผู้หญิงที่มีการศึกษาสูงลงเอยที่จะทำเช่นนั้น
*(TL note: 援助交際 (Enjo-kōsai) ในที่นี้ผมแปลได้ว่า ‘การเดตแบบมีค่าตอบแทน’ ผมไม่ค่อยรู้เรื่องนี้เลยอ่ะครับ ถ้ามีคำสวยๆ สามารถพิมพ์ลงคอมเม้นได้นะครับ)
ซึ่งไม่แปลกสำหรับพวกเธอที่จะคิดแบบเดียวกับอายาเสะซัง ณ ตอนนี้
อย่างไรก็ตาม มันดูง่ายเกินและขัดกับความเชื่อมั่นของเธอเอง
น่าเสียดายที่ผมไม่ชอบคนที่ปล่อยความขัดแย้งนั้นไว้เพราะมันเป็นความขัดแย้งที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ถ้าเป็นคนอื่นผมไม่สนหรอกแต่นี่มันเป็นคนในครอบครัว ในฐานะพี่ชาย ผมไม่สามารถทิ้งเธอไว้ตามลำพังได้จริงๆ
ผมจึงเอาผ้าเช็ดตัวคลุมบ่าเธอเพื่อไม่ให้เธอหนาว
“ไม่ใช่อย่างนั้น ผมหมายถึงไม่ว่าจะผู้ชายหรือผู้หญิงมันก็ไม่มีความหมายหรอกนะ”
“ต-แต่มันอาจเป็นตัวเลือกถ้าฉันเป็นผู้ชายก็ได้นะ เลยเป็นเหตุผลที่ฉันหาเงินด้วยอาวุธของฉันโดยไม่จำเป็นต้องเป็นผู้หญิงก็ได้”
แสดงว่าอายาเสะซังจะทำเหมือนกันถ้าเป็นน้องชายด้วยงั้นเรอะ?
ช่วงเวลานั้น ผมจินตนาการถึงอายาเสะซังกับรูปร่างผู้ชายสวมชุดบางๆ และมองมาที่ผมบนเตียงจนเกือบคิดว่าอาจเป็นของจริง ผมจึงสลัดภาพจินตนาการนั้นออกจากหัวอย่างรวดเร็ว
“อย่ามาล้อเล่นนะ”
“ข-ขอโทษ”
อายาเสะซังแสดงสีหน้าหดหู่อาจเป็นเพราะผมเตือนด้วยน้ำเสียงเย็นชา ผมรู้สึกวิตกกังวลและเสียใจกับรูปร่างหน้าตาเธออย่างบอกไม่ถูก ยิ่งผมรู้จักเธอมากเท่าไหร่ผมยิ่งรู้ว่าเธอนั้นตรงข้ามกับข่าวลือทั้งหมดเลย ซึ่งเธอก็เกือบทำตามข่าวลือนั้นเช่นกัน และตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าเธอพร้อมที่จะทำทุกอย่างกับความอยากของเธอ
ผมดีใจนะ
ดีใจจริงๆ ที่ลองกับผมเป็นคนแรก….
“ผมหวังว่าเธอคงเข้าใจนะ ยังไงผมยินดีจะจ่ายค่าอาหารให้อายาเสะซัง….โดยไม่มีค่าตอบแทนใดๆ แต่มันมีปัญหาอยู่ข้อหนึ่ง”
นั่นเป็นเหตุผลที่ผมคิดว่ามันอาจเป็นวิธีแก้ปัญหาที่อาจไม่เอื้ออำนวยเท่าไหร่
“ปัญหาเหรอ…?”
อายาเสะซังเอียงคออย่างสงสัยเล็กน้อย
“ถ้าเราใช้เงินแลกเปลี่ยนกันในครอบครัว รายได้ของบ้านเราจะไม่เพิ่มขึ้น”
“….หมายถึงอะไร?”
“พ่อแม่เรายุ่งเกินกว่าจะไปซื้อของได้ตลอดเวลาไง เว้นแต่ของจำพวกเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงกับของใช้อิเล็กทรอนิกส์ ดังนั้นเราต้องประหยัดเงินทุกเดือนเพื่อซื้อของเล็กๆ น้อยๆ ไงล่ะ”
“จริงด้วย….”
“และผมยังทำงานพาร์ทไทม์อยู่ ถ้าจะจ่ายก็จ่ายค่าอาหารให้อายาเสะซังได้แน่นอน แต่ลองคิดดูดีๆ ถ้าผมดันหยุดทำงานเพราะล้มป่วยและไม่ได้เงินเดือนขึ้นมาล่ะก็ อายาเสะซังก็จะไม่ได้เงินเหมือนกัน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าอายาเสะซังจะหยุดทำอาหารด้วยใช่ไหม?”
พอผมพูดไปเรื่อยๆ อายาเสะซังดูท่าแปลกใจ
“ยังไงแหล่งรายได้ของอายาเสะซังก็มาจากภายในครอบครัว ซึ่งไม่แน่ว่าเธอจะได้เงินคุ้มค่าพอที่ทำงานหนักมาขนาดนี้รึเปล่า”
“ก็จริง….ฉันไม่เคยคิดเรื่องนั้นเลย”
“แน่นอนว่าการได้เงินจากครอบครัวมีข้อดีอยู่บ้างเพราะมันยากที่จะถูกโกง ถ้าออกไปข้างนอกเพื่อหาเงินก็ต้องระวังว่าจะไม่ได้เงินน้อยกว่าที่ควรได้รับ แต่ผมยังคิดว่ามันดีกว่าที่จะขอค่าแรงเป็นรูปธรรมแม้ว่าจะไม่ได้สูงมากก็ตาม”
อายาเสะซังนิ่งเงียบ
อาจจะคิดเกี่ยวกับคำพูดของผมก็ได้
“นั่นคือคำแนะนำทั้งหมดของผมแล้วล่ะนะ ยังไงผมก็จะหาพาร์ทไทม์รายได้สูงต่อ ไม่ใช่อะไรแบบนี้”
“อื้ม….ขอโทษด้วยนะ”
“ไม่เป็นไร”
ผมรับคำขอโทษจากอายาเสะซังไว้
ไม่มีเหตุผลที่จะอธิบายให้เธอฟังอีกต่อไปเพราะเธอได้เห็นความผิดพลาดกับหนทางของเธอแล้ว
“แต่เรามีเรื่องต้องคุยกันนะ”
“เอ๊ะ?”
“เอาตามตรงผมไม่คิดว่าอายาเสะซังจะเป็นคนแบบนี้หรอก”
“นั่น…ฉันก็ด้วย”
“ผมว่าเหตุการณ์นี้เกิดจากผมไม่ค่อยเข้าใจอายาเสะซังเลย เลยเป็นเหตุที่ว่าผมต้องรู้จักมากกว่านี้”
“….ใช่ ฉันไม่ชอบพูดถึงเรื่องในอดีตน่ะ เพราะมันจะกวนใจอาซามูระคุงแทน”
อายาเสะซังหลับตาครุ่นคิดและถอนหายใจออกมาและเริ่มเล่าความทรงจำของเธอ
เป็นเหตุการณ์เมื่อสมัยเธอยังเป็นเด็กอยู่
คุณพ่อของอายาเสะซังได้รับการเล่าขานว่าเป็นผู้ประกอบการยอดเยี่ยมคนหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคุณพ่อของเธอถูกเพื่อนๆ หักหลังจนบริษัทต้องล้มละลาย เขาจึงกลายเป็นคนเกลียดชังและทุกข์ทรมานกับปมด้อยและเริ่มเว้นระยะห่างจากภรรยากับลูกสาวของเขา
“ปมด้อย?”
“พอมองย้อนกลับไปคุณพ่อเป็นคนขี้อิจฉาน่ะ คุณแม่ชอบเล่าตลอดว่าตอนเรียนจบม.ปลาย คุณแม่จะเลี้ยงชีพกับธุรกิจสถานบันเทิงยามค่ำคืนเท่านั้น แต่เมื่อได้ยินชื่อเสียงจากเพื่อนร่วมงานของคุณแม่แล้วดูเหมือนจะเป็นที่โด่งดังมากนะ”
“ก็อากิโกะซังเป็นคนพูดเก่ง ดูร่าเริงตลอดเวลาเลย”
“ใช่…ฉันคิดว่าคุณพ่อเป็นคนใจดีเสมอมาแต่หลังจากโดนเพื่อนหักหลัง คุณพ่อก็เปลี่ยนไป”
บางครั้งคุณพ่อของเธอจะห่างเหินกับครอบครัวและใช้เวลากับผู้หญิงอื่น นั่นหมายความว่าเขาไม่มีความรักต่ออายาเสะซังและอากิโกะซังอีกต่อไป และเนื่องจากเขาเลิกให้เงินกับครอบครัวทำให้อากิโกะซังไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจ่ายเงินทั้งหมดที่อายาเสะซังต้องการ ซึ่งทำให้เธอไม่พอใจกับคุณพ่อของเธอ
นอกจากนั้นยังมีเรื่องที่ว่าตั้งแต่ที่ภรรยาของเขาทำงานที่ธุรกิจสถานบันเทิงยามค่ำคืน ซึ่งเขาสงสัยมาตลอดว่าภรรยาของเขาอาจมีผู้ชายอีกคน
“ยังไงฉันก็ไม่คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องดีที่จะให้คุณแม่ลำบากใจ”
นั่งคงเป็นสาเหตุที่อายาเสะซังไม่ชอบภาพลักษณ์ผู้หญิงที่ถูกดูหมิ่นสินะ
“มันเป็นอย่างนี้นี่เอง”
อายาเสะซังมองมาที่ผมอีกครั้ง
“อาซามูระคุง?”
“อ่า คือผมแค่คิดว่าเราสองคนเหมือนกันเลย”
“ครอบครัวอาซามูระคุงด้วยเหรอ?”
“ใช่ พ่อของผมเป็นโรคกลัวผู้หญิงมาสักพักแล้ว ผมยังตกใจเลยที่ตาแก่นั่นตัดสินใจแต่งงานอีกครั้ง ต้องขอบคุณอากิโกะซังมากนะ”
“โรคกลัวผู้หญิง? คุณพ่อเลี้ยงเนี่ยนะ?”
“ใช่”
“อย่างงั้นเหรอ….”
แสดงว่าเธอก็ด้วยเหรอ?
ผมได้ยินเสียงเธอพึมพำแต่ผมตัดสินใจทำเป็นไม่ได้ยิน
อื้ม นั่นเป็นสาเหตุที่เขาอยู่ห่างจากแม่นิดหน่อยสินะ….อายาเสะซังพึมพำ ทำให้รู้เลยว่าผมรักษาระยะห่างจากอากิโกะซัง
“พวกเราเหมือนกันจริงๆ ด้วย”
“ใช่แล้ว”
“แม้แต่ส่วนแย่ๆ ก็เหมือนกัน”
ผมยิ้มเจื่อนที่ปฏิเสธคำพูดนั้นไม่ได้
“ยังไงก็ต้องผ่านมันไปให้ได้นะ ในฐานะพี่ชายกับน้องสาว”
“…ในฐานะพี่ชายกับน้องสาว?”
“ก็ใช่ไง”
อายาเสะซังผุดยิ้มออกมาและถอดผ้าเช็ดตัวออกจากบ่าเธอ
“หลังจากนี้ไปขอฝากตัวด้วยะ อาซามูระคุง”
“เช่นกันนะ อ๊ะ ถ้าไม่รังเกียจเธอจะเรียกผมว่า ‘นี่ซัง’ ก็ได้นะ”
“ไม่เกิดขึ้นหรอก”
“เอ๊ะ….”
น่าอายจัง แต่ไม่ต้องรีบร้อนเพราะเราจะเป็นพี่น้องกันอีกยาวนาน
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะเรียกไปกว่าอาซามูระคุงแล้วล่ะนะ”
อายาเสะซังวางผ้าเช็ดตัวลงบนเตียงและเดินเข้ามาหาผมด้วยรอยยิ้ม
“ไม่มีทางเกิดขึ้นหรอก”
คำพูดนั้นกระแทกหน้าผมราวกับลดหายใจอุ่นๆ
หลังจากนั้น วันเวลาที่ใช้ชีวิตร่วมกันกับน้องสาวป้ายแดงก็เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น
――――――――――――――――――――――――――――――
สามารถติดตามการอัพเดตได้ทางเพจ : Launchmind