Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ - ตอนที่ 632
โรคกลัวความเย็น
อ้างอิงจากโทมัส คาสเซิล รองประธานของสถาบันโรคภูมิแพ้อเมริกัน โรคหอบหืดและภูมิคุ้มกันวิทยา ผู้คนที่มีอาการ “ลมพิษเย็น” สามารถทำให้เกิดลมพิษคันได้ทันทีที่โดนลมเย็นพัดใส่หรือมีเกล็ดหิมะปลิวมาติดหน้า ถ้าผิวหนังโดนอากาศเย็น อย่างเช่น กระโดดลงไปว่ายน้ำในน้ำเย็นๆหรืออาบน้ำเย็น ก็อาจจะเกิดอาการช็อคหรือถึงกับเสียชีวิตได้เลย.
นักวิทยาศาสตร์สงสัยว่าลมพิษเย็นนั้นเกี่ยวข้องกับแอนติบอดี้ที่เรียกว่าอิมมูโนโกลบูลิน อี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกันและจะทำงานเมื่อผู้ป่วยได้รับการกระตุ้นความเย็น โชคดีที่นักวิทยาศาสตร์กำลังทำการศึกษาเกี่ยวกับการรักษาที่เป็นไปได้สำหรับอาการลมพิษเย็น “ผู้ป่วยหลายรายจะมีอาการดีขึ้นหลังจากทานยาแก้แพ้” ดร. เจอรัลด์ ไกล้ค์ จากมหาวิทยาลัยยูทาห์ได้กล่าวไว้ เราต้องการที่จะรู้ว่าอิมมูโนโกลบูลิน อี แอนติบอดี้สามารถป้องกันอาการนี้ได้หรือไม่ หากเราทำได้ องค์การอาหารและยาจะอนุมัติการใช้ยาและเราจะเริ่มทำการรักษาได้
นอกจากนี้ยังมีวิธีการอื่นอีกมากมาย เช่น การรักษาด้วยการนวด, การรักษาด้วยอาหารและอื่น ๆ อย่างไรก็ตามก็ยังไม่มีวิธีไหนที่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร นอกจากนี้สถานการณ์ของทุกคนก็แตกต่างกันด้วย บางคนก็ยากมากที่จะรักษาได้
ซูจิ้งรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเกี่ยวกับอาการนี้ พูดง่ายๆก็คือมันคืออาการความหนาวเย็นเสมือนจริงนั่นเอง แต่โรคกลัวความเย็นแปลกๆนี้ซูจิ้งรับรองไม่ได้เลย ยังไงซะมันก็ฟังดูร้ายแรงมากจริงๆ
“ฉันได้ดื่มชากับคุณนายซุน มันทำให้รู้สึกสบายอย่างมาก แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเพราะที่บ้านของคุณนายซุนมีชาเหลือไม่เยอะแล้ว ฉันเลยขอแบ่งจากเธอมาไม่ได้แลยแวะมาหาคุณซูแบบนี้” คุณหลินกล่าว อันที่จริงหล่อนแค่แวะมาเยี่ยมเฉยๆแต่เมื่อได้ยินจากหลานสาวว่าซูจิ้งจะมาร่วมงานปาร์ตี้ด้วย หล่อนจึงอดไม่ได้และแทบจะรอไม่ไหว
“คุณซู ถ้าคุณยังมีชาเหลือช่วยแบ่งให้น้าฉันหน่อยได้ไหม ฉันยินดีที่จะจ่ายไม่อั้นเลย” หลินฉีหยูพูดออกมาอย่างจริงใจ
“ใช่ แล้วฉันจะช่วยโปรโมทสินค้าให้คุณด้วย” นาลันเฟยก็พูดออกมาด้วยเพราะถึงแม้นี่จะไม่ใช่น้าของเธอ แต่เธอกับหลินฉีหยูก็สนิทกันเหมือนพี่น้อง แล้วในเวลาแบบนี้จะยืนอยู่เฉยๆได้ยังไง เธอได้ยินมานานแล้วว่าน้าของหลินฉีหยูมีอาการของโรคแปลกๆซึ่งรักษาไม่ได้และหล่อนต้องทรมานอย่างมาก ถึงแม้เธอจะคิดว่าซูจิ้งไม่ใช่หมอซะหน่อยแต่เรื่องนั้นไม่ใช่ประเด็น ผลลัพท์ต่างหากที่สำคัญกว่า
“อย่าพูดแบบนั้นเลยครับ เดี๋ยวผมจะแบ่งให้มันมีอยู่ในรถผมด้วย เชิญเอากลับไปและลองดื่มดูนะครับ ในเริ่มแรกอย่าดื่มเยอะเกินไป ถ้าคุณมีผลข้างเคียงใดๆก็ให้หยุดแล้วรีบไปพบหมอทันทีเลยนะครับ” ซูจิ้งกล่าว
“ขอบคุณนะคะคุณซู” น้าของหลินฉีหยูพูดออกมาอย่างขอบคุณ
“งั้นออกไปกันเถอะครับ เดี๋ยวผมจะหยิบชาให้” ซูจิ้งกล่าว
“คุณซู มีอีกเรื่องที่อยากจะถาม” น้าของหลินฉีหยูพูดอย่างอายๆเล็กน้อย “ฉันไม่ยอมให้คุณให้ฟรีๆหรอกนะคะ คุณเสนอราคาหรืออะไรมาก็ได้นะคะ หวังว่าจะไม่โกรธกันนะคะคุณซู”
“มีเรื่องอื่นอีกหรอครับ?” ซูจิ้งพูดไม่ออก น้าของหลินฉีหยูมีปัญหาเยอะจริงๆ
“คือ ฉันได้ยินมาว่าคุณซูสามารถรักษาภาวะมีบุตรยากได้ด้วย” น้าของหลินฉีหยูกล่าว เมื่อพูดออกมา ฉือชิง, หลินฉีหยูและนาลันเฟยต่างก็มีสีหน้าประหลาดใจ เห็นได้ชัดว่าพวกเธอไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ หลินฉีหยูและนาลันเฟยอดไม่ได้ที่จะแสดงท่าทางแปลกๆ เช่น ท่าทางที่เปลี่ยนไป, ความสนอกสนใจ, การหายใจเข้าและออกซูจิ้งรู้เรื่องเกี่ยวกับร่างกายของผู้หญิงมากขนาดนี้ได้ยังไงน่ะ?
“กระแฮ่ม คือมีหมอจีนโบราณให้ยาผมมาแล้วดูเหมือนมันจะได้ผลซะด้วย” ซูจิ้งรับรู้ได้ถึงสายตาแปลกใจของพวกเธอและรู้สึกอายเล็กน้อย
“พูดตรงๆนะคุณซู ฉันเคยมีลูกมาก่อนและต้องทำการผ่าตัดปลูกถ่าย แต่หลังจากนั้นเด็กก็เสียชีวิตอย่างไม่คาดคิด ฉันผ่าตัดและได้ตั้งครรภ์อีกครั้ง แต่เพราะร่างกายที่อ่อนแอลงเรื่อยๆจนต้องเอาเด็กออก แล้วฉันจะท้องได้อีกไหมคะ?” น้าของหลินฉีหยูมีสีหน้าที่เศร้าสร้อย
“ต้องโทษไอ้สารเลวสองคนนั้นไม่งั้น…” อยู่ดีๆหลินฉีหยูก็เกิดโมโหขึ้นมา แต่เธอก็ต้องหยุดพูดเพราะเห็นสายตาของน้า
“นี่ไม่ใช่เรื่องของผมแต่คงต้องขอถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นครับ” ซูจิ้งไม่ใช่พวกชอบนินทา แต่จากสิ่งที่เขาเห็นถ้าเขาไม่ถาม เขาก็คงไม่กล้ามอบน้ำแห่งชีวิตให้
“อนิจจา” น้าของหลินฉีหยูถอนหายใจและพูดไม่ออก เป็นหลินฉีหยูเองที่ออกมาเล่าเรื่อง กลายเป็นว่าน้าและลุงของหลินฉีหยู เดิมทีเปิดร้านขายยาและธุรกิจก็ดำเนินไปได้เป็นอย่างดีซึ่งตั้งอยู่หน้าประตูของมหาวิทยาลัย พวกท่านมีลูกชายที่มีปัญหาเรื่องตับ และเพราะร่างกายของน้าไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไรและพวกท่านต่างก็โฟกัสไปที่ลูกชาย พวกท่านไม่อยากที่จะรอก็เลยทำการผ่าตัดปลูกถ่าย จนกระทั่งลูกชายอายุได้หกขวบทุกอย่างก็ดูเรียบร้อยดี
จนกระทั่งปีหนึ่งที่มหาวิทยาลัยเปิดและเริ่มมีการฝึกทหาร ในวันที่สิบของการฝึกทหาร ก็มีรถทหารมาจอดที่หน้าร้านขายยา ครูฝึกผู้ชายกับนักเรียนหญิงก็เดินหัวเราะกันเข้ามา พวกนั้นซื้ออะไรบางอย่างและกลับขึ้นรถไปแต่ก็ยังคุยหัวเราะกันต่อในรถ คุยจีบกันไปเรือย พวกนั้นสตาร์ทรถและไม่รู้เลยว่าตัวเองถอยหลังมามากเกินไป พวกนั้นขับข้ามถนนไปแล้วแต่ก็ยังไม่สังเกตุเห็นเลยว่ามีเด็กน้อยหกขวบที่เดินอยู่หน้าร้านและถูกรถชนไปแล้ว เด็กน้อยคอหักและเสียชีวิตคาที
แน่นอนว่าครูฝึกคนนั้นต่อมาถูกกองทัพลงโทษและนักเรียนหญิงคนนั้นก็ถูกประณาม อย่างไรก็ตามมันก็ไร้ประโยชน์เพราะเด็กน้อยที่ตายก็ฟื้นคืนชีพขึ้นมาไม่ได้
หลังจากที่ได้ฟังเรื่องนี้ ซูจิ้งและฉือชิงต่างก็ถอนหายใจ พวกเขานึกภาพได้เลยว่าน้าของหลินฉีหยูจากเศร้าและรู้สึกเกลียดมากขนาดไหนในตอนนั้น ลูกชายของพวกเขาไม่ได้เล่นอยู่บนถนนแต่เล่นอยู่ที่หน้าร้านขายยา ดังนั้นเด็กน้อยต้องตายแบบไม่มีเหตุผล
“ความสัมพันธ์ของคุณนายหลินกับสามีเป็นยังไง?” ซูจิ้งถาม
“ก็มีความสัมพันธ์กันดี เขาก็ทำดีมาตลอดแต่หลายปีมานี้เขายอมแพ้และไม่ยอมที่จะมีลูกอีก” น้าของหลินฉีหยูพูดอย่างสิ้นหวัง แน่นอน เธอรู้ว่าสามีเธอไม่อยากที่จะมีลูกแล้วแต่เธอก็สิ้นหวัง สิ่งเดียวที่ต้องขอบคุณคือสามียังรักเธอและไม่ทิ้งเธอไปไหน
ซูจิ้งลังเลนิดหน่อย เขาอยากที่จะช่วยเธอ ไม่เสียหายอะไรถ้าจะให้น้ำแห่งชีวิตเธอสักขวด จากสถานการณ์ของเธอมันก็ยากที่จะไม่แยแส เธอยังคงจริงใจและสุภาพมันจึงยากที่จะปฎิเสธไม่ช่วย
แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่ เธอไม่เหมือนกับเจียงหนิ เจียงหนิไม่มีแฟน เธอจึงเลือกที่จะทำการผสมเทียมแต่หล่อนมีสามีที่รัก ซึ่งคงไม่เลือกการผสมเทียมอยู่แล้ว แต่การดื่มน้ำแห่งชีวิตและตั้งครรภ์ไม่เกี่ยวอะไรกับสเปิร์มของผู้ชาย ซึ่งจะเป็นเรื่องยากมากในการทดสอบความเป็นพ่อ ถึงแม้การทดสอบความเป็นพ่อในกรณีจะได้ผลที่ต่ำมากแต่ก็ยังมีความเป็นไปได้
“อาจิ้ง ถ้านายมียาแบบนั้นจริงๆ เอามาช่วยคนเถอะ” ฉือชิงพูดด้วยเสียงกระซิบอย่างอดทน หลินฉีหยู, นาลันเฟยและน้าของหลินฉีหยูต่างก็มองมาที่ซูจิ้งด้วยสายตาขอร้อง
“ก็ได้” ซูจิ้งปฎิเสธไม่ได้ เขาจึงตอบตกลงไป แต่เขาก็คิดว่ายังต้องอธิบายเรื่องนี้ให้พวกเธอเข้าใจ ถ้ามีต้องตรวจแสดงความเป็นพ่อเขาจะปฎิเสธอย่างรวดเร็วและซึ่งเป็นเรื่องที่อธิบายไม่ได้ด้วย ตอนนี้เขาทำได้เพียงภาวนาว่าพวกเธอจะไม่ทำการตรวจความเป็นพ่อและพูดออกไปว่า “ผมมอบยารักษาภาวะมีบุตรยากให้คุณได้แต่ผมเกรงว่าอาการกลัวความเย็นคงจะยังรักษาไม่ได้และยากมันก็ไม่เหมาะกับการตั้งครรภ์ด้วย ดังนั้นผมขอแนะนำให้คุณลองดื่มชาก่อนแล้วรอดูอาการ ถ้ามันรักษาได้จริงๆผมจะมอบยาให้ คุณคิดว่าไงครับ?”
“ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณซู ขอบคุณมาก” น้าของหลินฉีหยูรู้สึกซาบซึ้งอย่างมาก
“ขอบคุณมากนะคะคุณซู” หลินฉีหยูและนาลันเฟยต่างก็ขอบคุณอย่างจริงใจ ยังไงซะมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรักษาโรคกลัวความเย็นไปพร้อมๆกับการมีบุตรยาก เดาว่ามันคงจะเป็นกรณีที่หายากมากๆแต่ซูจิ้งก็ยินดีที่จะลองช่วยดู
หลังจากที่พูดคคุยกันจบทุกคนก็เดินออกพร้อมกัน ซูจิ้งหยิบกล่องชาออกมาจากรถและมอบให้น้าของหลินฉีหยู หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันไป ระหว่างที่เดินอยู่บนถนนซูจิ้งก็ได้รับข้อความและหลินฉีหยูก็โอนเงินให้เขาสองล้านหยวน ซูจิ้งยิ้มแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร อันที่จริงเมื่อพูดถึงเรื่องราคา เขารู้สึกว่าสองล้านนี้มันถูกไปมากสำหรับใบชาและน้ำแห่งชีวิตชีมู่ แต่เขาก็แค่เห็นใจน้าของหลินฉีหยูและไม่ได้คิดที่จะคิดราคาแพงอะไร หลินฉีหยูไม่รู้มูลค่าของสิ่งที่เขามอบให้ เขาคิดไว้แล้วว่าจะคืนเงินสองล้านหยวนกลับไป
ที่อีกด้าน ระหว่างทางกลับบ้านน้าของหลินฉีหยูได้รับโทรศัพท์ มีน้ำเสียงเป็นกังวลดังกลับมา “ทำไมคุณกลับดึกแบบนี้? ไม่รู้ตัวหรือไงว่าตัวเองไม่แข็งแรง กลางคืนมันเย็นนะ แล้วถ้าโดนอากาศเย็นจะทำยังไงล่ะ?”
ถึงแม้น้ำเสียงของอีกฝ่ายจะกล่าวโทษแต่น้าของหลินฉีหยูกลับรู้สึกอบอุ่นในหัวใจจึงตอบไปว่า “ฉันจะรีบกลับค่ะ ฉันอยู่บนรถฉีหยูแล้วไม่หนาวเลยค่ะ อีกอย่างนะคะฉันได้ชาที่ต้องการมาจากคุณซูแล้วนะคะ”
ชายที่ปลายสายตอบกลับมาอย่างอ่อนโยน “ดีแล้ว ผมจะดื่มต่ออีกสักพัก ผมน่าจะไปถึงบ้านพอๆกับคุณนะ คืนนี้ผมทำงานดึกเลย”
หลินฉีหยูและน้าต่างก็รับรู้ได้ว่าถึงแม้เขาจะพูดว่าดีแล้วแต่ก็เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ค่อยเชื่อเรื่องชานี้เท่าไร พวกเขาเคยเปิดร้านขายยามาก่อน น้าของหลินฉีหยูไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรแต่สิ่งที่เธอเข้าใจดีนั่นคือสามีของเธอ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อว่าจะมีชาอะไรที่สามารถรักษาอาการหนาวเย็นได้ เขาคิดว่าถ้าคุณนายซุนดื่มชาแล้วอาการดีขึ้นมันก็คงเป็นเพราะเรื่องบังเอิญ ซึ่งอันที่จริงแล้วเธอกินยาตัวอื่นอยู่ด้วย นอกจากนี้คุณนายซุนก็แค่ทรมานจากความหนาวเท่านั้น ซึ่งห่างไกลจากโรคความเย็นมาก อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้ช่วยอะไรเธอเท่าไร จึงทำได้เพียงมอบความหวังให้เธอบ้างเท่านั้น
น้าของหลีฉีหยูได้ยินน้ำเสียงของสามีจึงไม่ได้พูดอะไรมากนัก ยังไงซะเธอเองก็ไม่รู้ว่ามันจะได้ผลมากน้อยเท่าไรด้วย หลังจากกลับมาถึงบ้าน เธอก็เริ่มดื่มชาที่ซูจิ้งให้มาทันที วันแล้ววันเล่าจนผ่านไปห้าวัน เธอก็เห็นได้ถึงผลลัพท์ที่น่าทึ่งมาก คุณหลินและสามีของเธอต่างก็ประหลาดใจและดีใจเป็นอย่างมาก จนถึงกับต้องแวะไปที่บ้านของซูจิ้งเพื่อที่จะกล่าวคำขอบคุณด้วยกัน
หลังจากนั้นซูจิ้งก็มอบน้ำขวดเล็กๆจากแม่น้ำแห่งชีวิตให้พวกเขา เขาบอกพวกนั้นว่าอย่าเพิ่งดื่มตอนนี้แต่ให้รอให้อาการหนาวเย็นหายไปเสียก่อน นอกจากนี้พวกเขาควรจะออกมาเดินเล่นบ้างเมื่อร่างกายและอารมณ์ดีขึ้นแล้ว และให้ดื่มมันเปล่าๆโดยไม่ต้องผสมอะไร เหตุผลที่พูดแบบนี้คือเขาอยากให้คนพวกนี้คิดว่าลูกเป็นของพวกเขาเอง ถึงแม้มันจะดูเหลือเชื่อเมื่อดูจากสถานะอารมณ์ของพวกเขาตอนนี้ก็ตาม
คืนนั้นก็เหมือนปกติที่ซูจิ้งเข้านอนเวลาประมาณเที่ยงคืน เวลาประมาณตีสามหรือตีสี่ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาปลุกเขา เขาลุกขึ้นมารับโทรศัพท์ด้วยความตื่นเต้น เขารีบสวมสื้อคลุมและรีบหยิบของวิ่งลงไปที่ชั้นหนึ่งทันที