Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ - ตอนที่ 830
GGS:บทที่ 830 ผีร้ายแห่งเกาะทะเลทราย
ในเรือยอร์ชลำหนึ่งได้มีบรรดาคนหนุ่มสาวอยู่เต็มเรือ โดยมีชายหนุ่มหน้าจีนแท้ๆอยู่คนหนึ่งและหญิงงามอีกสามคน
ชายหนุ่มคนนั้นเป็นคนขับเรือ และหญิงสาวสวยซะจนเหมือนกับหลุดมาจากอีกมิติหนึ่งนั้นเป็นผู้โดยสาร มีสาวสวยคนหนึ่งที่ย้อมผมสีเหลืองคล้องแขนของคนขับเรือด้วยท่าทางสนิทสนม
หญิงสาวอีกสองคนคนหนึ่งใส่ชุดว่ายนี้แบบเต็มตัว ที่มีรูปร่างสูงและหุ่นดีจนดูเซ็กซี่น่ามองตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรียวขาที่ตรงสวยและขาวนวลราวกับหิมะน่าหลงไหล เธอได้ใส่ชุดว่ายน้ำบิกินี่แบบผูกข้าง และได้ผูกผ้าลูกไม้คาดเอวไว้เพื่อไม่ให้ดูโป๊จนเกินไป แน่นอนว่าสาวงามผู้นี้ก็คือเชิงชิเหยา
“วู้…..” สาวหัวทองได้ร้องออกมาอีกครั้ง
“พี่ตง พี่จะเสียดังไปรึเปล่าเนี่ย” สาวน้อยคนหนึ่งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“จูน้อย เธอกล้ามากเลยนะที่มาหาว่าฉันเสียงดัง” สาวหัวทองได้เดินเขาไปหาสาวน้อยพร้อมทั้งทำการลูบไล้มือของเธอพร้อมทั้งจิกเล็บให้เกิดเป็นรอยแดงๆน้อยๆ
รอยแดงลากยาวจนมาถึงหน้าอกของเธอเล็กน้อยประหนึ่งดั่งสาวน้อยคนนี้กำลังถูกตาลุงหื่นกามลวนลามอยู่
สาวน้อยได้ร้องออกมาพร้อมรีบดันตัวเองไปอยู่หลังเชิงชิเหยา
ซึ่งสำหรับเธอแล้วเธอโดนจนชินเรียบร้อยไปแล้ว
“นี่อย่าเล่นกันแรงขนาดนี้สิ เดี๋ยวได้มีการตกเรือกันมั่งหรอก” เชิงชิเหยาได้หัวเราออกมาอย่างสบายอารมณ์ก่อนที่จะหันไปพูดกับคนขับเรื่อว่า “นี่อาฮู่ อย่าขับออกมาไกลนักจะได้ไหมเนี่ย นี่ไกลจนไม่มีสัญญาณมือถือแล้วนะ”
“จ้า จ้า ขอขับออกไปอีกหน่อยนะ กำลังเพลิน” สาวน้อยผมทองพูดออกมา
เมื่อเชิงชิเหยาได้เห็นว่าพวกเขากำลังเพลิดเพลินจนไม่สนอะไร ก็เลยทำได้แค่ปล่อยเลยตามเลยไป
“ชิเหยา ดื่มโค้กนี่สิ” ชายร่างสูงคนหนึ่งเปิดกระป๋องโค๊กแล้วยิ่นให้ชิเหยาอย่างนิ่มนวล
“ขอบใจ” เชิงชิเหยารับโค๊กมาดื่ม
“พี่จิง แค่ยื่นโค๊กให้ชิเหยานี่จะเก๊กไปทำไมกันเนี่ย” สาวน้อยอีกคนหนึ่งได้พูดออกมาด้วยท่าทางหมั่นเขี้ยว
“พี่จิงยี่สนแต่คนอื่นไม่สนน้องตัวเองเลยนะ” สาวผมทองพูดแซวขึ้นมา
“แค่ก นี่ของน้องเอาไปเลยไป๊” ชายร่างสูงเองก็ยิ้มเขินๆเล็กน้อย ก่อนที่จะเปิดโค้กอีกสามกระป๋องและยื่นให้สายน้อย สาวผมทอง และสาวอีกคนที่ดูน่ารักหน่อยๆ
หลังจากเรือได้แล่นไปได้ซักพัก พวกเขาก็ได้เห็นเกาะๆหนึ่งอยู่ไกลริบตา เหล่าสาวๆทั้งหลายอดไม่ได้ที่จะร้องวี๊ดว้ายพลางชี้ไปทางเกาะที่ปรากฏออกมา
เมื่อเห็นท่าทางของสาวๆแล้ว เชิงชิเหยาและชายร่างสูงก็ได้แต่ยิ้ม พลางนึกถึงราวกับว่าได้ค้นพบประสบการณ์ใหม่ๆในชีวิต
“นี่นี่ไปที่เกาะนั่นกันเถอะ ฉันได้กลิ่นการผจญภัยล่ะ”
“นี่มันน่าตื่นเต้นดีจริงๆ”
“ไปที่ฝั่งกัน” สาวน้อยผมทองทำท่าราวกับกำลังจะได้เล่นอะไรแผลงๆซักที
“จะไม่เป็นอะไรหรอ” สาวน้อยอีกคนทำท่ากังวล
“พูดอยากนะ เพราะดูจะสภาพคร่าวๆนี่เกาะสมควรเป็นเกาะทะเลทราย ถ้ากังวลล่ะก็อย่าเข้าไปใกล้เลยดีกว่า ยังไงซะเกาะทะเลทรายแบบนี้น่าจะมีอันตรายอยู่จริงๆ พวกเราเองก็ไม่ได้เตรียมตัวมาด้วยสิ” เชิงชิเหยาพูดออกมา
“พี่จิง พี่คิดว่าไงล่ะ” ชายหนุ่มที่เป็นคนขับเรือถามขอความเห็น
“ฮ่าฮ่า ฉันเห็นด้วยกับชิเหยานะ” ชายร่างสูงพูดออกมา คนอื่นๆเองก็ทำได้แต่มองเขาแบบหน่ายๆ
เพราะทุกคนรู้ว่าจิงยี่นั้นชอบเชิงชิเหยาและเอาใจเธอทุกอย่าง ฉะนั้นอะไรก็ตามที่ชิเหยาต้องการ
ไม่มีทางที่พี่จิงจะไม่เห็นด้วย ก็ไม่แปลกทีเขาจะหลง นั่นก็เพราะชิเหยาสวยขนาดนี้
“จิงหง นายไม่ต้องมาทำเป็นเอาใจฉันก็ได้” เชิงชิเหยาพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ได้เอาใจซะหน่อย ฉันคิดแบบนั้นจริงๆต่างหาก ถ้าเป็นเกาะอื่นๆล่ะก็ต่อให้พวกนี้ไม่อยากฉันก็จะถีบลงจากเรือเองล่ะ
แต่นี่ไม่ใช่ นี่คือเกาะทะเลทราย ฉันบอกได้ทันทีเลยว่ายังไงที่นี่ก็มีอันตราย
ฉันเป็นทหารนะ ถ้าเป็นเกาะธรรมดาต่อให้อันตรายยังไงฉันก็ช่วยพวกเธอไว้ได้แน่นอน โดยเฉพาะเธอ ชิเหยา”
ชายหนุ่มร่างสูงยิ้มออกด้วยความมั่นใจอย่างเต็มภาคภูมิ เขามั่นใจจริงๆว่าจะทำได้อย่างที่พูดแน่นอนเพราะว่าเขาเป็นถึงหน่วยรบพิเศษ
แต่เขาไม่อยากมาเสียเวลากับเรื่องเดิมๆที่ปกติเขาก็ต้องเจออยู่แล้ว สู้เอาเวลานี้ไปเข้าหาชิเหยายังดีกว่าเยอะ อีกอย่าง ถึงแม้เขานั้นจะมีประสบการณ์ก็จริง แต่ยังไงซะกับคนทั่วไปแล้วไม่ใช่เรื่องน่าสนุกเลยสักนิด
“ใช่แล้วล่ะ พี่จิงอยู่จะต้องไปกลัวอะไร” สาวน้อยผมทองพูดออกมา
“เฮ้อออ ก็ได้” เชิงชิเหยาไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืดอีกต่อไป ถึงแม้เธอจะรู้สึกไม่ดีที่จะทำกันแบบนี้
แต่เมื่อเทียบกับต้องมานั่งรบรากับบรรดาเด็กน้อยพวกนี้เธอเองก็ไม่ไหวเหมือนกัน เธอจึงเลือกที่จะยอมแพ้ไปและทำได้แค่ยินยอมแกมโดนบังคับทางอ้อม
พวกเขาได้ขับเรือยอร์ชไปรอบๆเกาะเพื่อหาทำเลที่เหมาะสม เมื่อพวกเขาเห็นชายหาดแห่งหนึ่งที่ดูพอใช้ได้
พวกเขาก็ได้ขับเรือแล่นเข้าไปและลงสมอจอดเรือไว้ที่แห่งนี้ หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้ใช้เรือเล็กพายกันไปยังที่ชายหาด
ถึงแม้จะบอกว่าหาด แต่หาดนั้นก็แทบจะเรียกได้ว่าป่าอยู่ดี
ชายร่างสูงได้หยิบกิ่งไม้มากิ่งหนึ่งจากชายหาด แต่ก็ไม่ได้มีใครทำตามแต่อย่างใด เขาพูดออกมาว่า
“ขอให้ทุกคนคอยตามฉันเอาไว้นะ ก่อนที่พวกเธอจะก้าวไปบนหญ้า พวกเธอจะต้องใช้กิ่งไม้ตีเข้าไปซะก่อน
แล้วก็ตอนเดินก็ต้องเดินแบบกระทืบเท้าและคอยทำให้เกิดเสียงดังเอาไว้ เผื่อว่ามีอยู่พวกมันจะรับรู้ถึงพวกเราแล้วพวกมันจะได้หนีไป”
“แล้วงูจะ….” สาวน้อยได้กลัวจนตัวสั่นก่อนจะไปกอดเชิงชิเหยาไว้แน่น
“พี่จิงแค่พูดว่ามันอาจจะมีงูเฉยๆน่า ไม่ได้หมายความว่าจะงูกันได้ง่ายๆหรอกนะ ใช่รึเปล่าพี่จิง” สาวน้อยผมทองพูดออกมา เธอเองก็กลัวงูไม่น้อยไปกว่ากัน เพียงแต่ความรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ออกผจญภัยของเธอมากจนกลบความกลัวหมดแค่นั้นเอง
“ฮ่าฮ่า เอาจริงๆการเจองูก็ใช่ว่าจะเจอกันง่ายๆหรอกน่า ก็อย่างที่เขาว่ากันล่ะว่าก็แค่งูใช่ว่าจะกล้ามากัดได้ทุกตัวซะหน่อย อย่ากังวลไปเลย” ชายร่างสูงหัวเราะออกมา เขาเดินนำหน้าเพื่อเปิดทางและมีคนอื่นเดินตามอยู่ข้างหลัง
หลังจากเดินเข้าไปได้ประมาณสิบเมตรจนทะลุพื้นที่ป่าออกมาได้แล้ว
ในตอนนั้นก็ได้มีนกตัวใหญ่ประมาณ 6 – 7 ฝูงได้บินกันกระจายไปทั่วท้องฟ้าบริเวณนั้น พวกมันบินวนกันไปมาบนท้องฟ้าจะได้ยินเสียงพรึบพรับไปทั่ว และพวกมันเองก็ได้มาบินวนหัวของพวกเขา
“อ๊า….” เหล่าสาวน้อยร้องออกมาด้วยความตกใจเป็นการใหญ่
“ตัวใหญ่โคตร” ชายคนที่ขับเรือเองก็ถึงทรุดลงไปนั่งจับเข่าด้วยความกลัว
อย่างไรก็ตามชายตัวสูงไม่ได้แสดงท่าทางหวาดกลัวแต่อย่างใด เขาทำเพียงใช้กิ่งไม้เหวี่ยงไปมาในอากาศเพื่อไล่พวกมันไปเท่านั้น
มีอยู่หนหนึ่งที่เขาเกือบจะตีพวกมันตัวหนึ่งโดนแต่ก็ทำได้เพียงถากๆจนทำให้ขนมันร่วงลงมาเส้นหนึ่งเท่านั้น
นกตัวนั้นเมื่อเกือบโดนตีไปหนึ่งทีแล้ว มันก็ดูเหมือนจะกลัวๆอยู่บ้างมันไม่ได้บินลงมาจากอากาศแต่อย่างใด มันบินหนีออกไปในทันที
“ไม่ต้องกลัวไปหรอกน่า มันก็แค่นกโจรสลัดแค่นั้นเอง เอาจริงถึงมันจะตัวใหญ่แต่ก็ไม่มีปัญญาทำอะไรใครได้หรอก อาจเป็นเพราะว่าพวกเราเข้ามาในเขตของมันเลยดุร้ายขึ้นมาเฉยๆเท่านั้นแหล่ะ”
ชายร่างสูงพูดออกมาพร้อมส่งรอยยิ้มสุดแสนจะมั่นใจไปยังเชิงชิเหยา คนอื่นๆที่ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาพร้อมทั้งลองมองไปดีๆก็ไม่เห็นนกพวกนั้นบินลงมาอีกแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามพวกเขานั้นไม่ได้สังเกตุว่ามีนกโจรสลัดตัวหนึ่งที่บินออกจากฝูงไปด้วยความเร็วสูงมุ่งตรงไปยังหมู่บ้านตระกูลซูในเมืองฉิงหยุน ส่วนนกตัวอื่นได้บินกันไปอีกฟากหนึ่งของเกาะ จนเกิดเป็นเสียงดังกระหึ่มไปทั่ว
เสียงที่เกิดขึ้นราวกับว่าทำให้ทุกๆพื้นที่ในเกาะได้ตื่นขึ้นมาจากการหลับไหล
ค้างคาวฝูงหนึ่งเมื่อได้ยินเสียงนกบินกระหึ่มก็ได้ลืมตาตื่นขึ้นจากในถ้ำ เสือตัวหนึ่งที่อยู่บนต้นไม้ลุกขึ้นมาจากการนอนเล่นทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น เหล่าเถาวัลย์ในป่าต่างก็สั่นไหวราวกับมีชีวิต
เชิงชิเหยาและคนอื่นๆรู้สึกตะลึงงันไปในทันทีที่พวกเขาได้ยินเสียงราวกับป่ามีชีวิตขึ้นมาเมื่อตั้งสติได้พวกเขาก็เริ่มกลัวที่จะไปต่อ
ชายตัวสูงพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เป็นไรหรอก นั่นก็น่าจะเป็นเสียงของป่าที่เกิดขึ้นเป็นปกติอยู่แล้ว เท่าที่ฟังๆดูก็น่าจะเป็นพวกสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยไม่ค่อยมีอันตราย อย่ากลัวไปเลยน่า”
เมื่อได้ยินแบบนั้นพวกเขาจึงทำการสำรวจเข้าไปในป่าต่อไป