Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ - ตอนที่ 775
GGS:บทที่ 775 ลูกพี่ไป๋
เมื่อประตูเปิดออก หนุ่มหล่อคนหนึ่งได้เดินเข้ามา เมื่อซูจิ้งเห็นชายคนนั้นก็อึ้งไปเล็กน้อย วันนี้เป็นวันรวมรุ่นศิษย์เก่ารึไงกัน เจอแต่คนรู้จักสมัยก่อนทั้งนั้น ไอ้หนุ่มที่เข้ามานี่จะว่าไม่รู้จักก็ไม่เชิงเพราะเขาคือหนุ่มหล่อที่พบในงานประมูล อดีตเพื่อนร่วมชั้นของเขา
“ไป๋ฮิตู” ซูจิ้งขมวดคิ้วไปหนึ่งทีก่อนจะพูดออกไปว่า “นายคือลูกพี่ไป๋ที่พวกนั้นพูดถึงอย่างงั้นหรอ”
“ป่าว ป่าว ฉันจะไปเป็นพี่ใหญ่ได้ยังไงกัน พวกนั้นพูดหมายถึงพ่อฉันต่างหาก” ไป๋ฮิตูจ้องไปยังหลิวดาจูที่ลงไปนอนกองเป็นขยะบนพื้นห้อง
ไป๋ฮิตูเห็นดังนั้นก็ได้ยิ้มออกมาก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบก่อนที่จะเอาเท้าไปเขี่ยหลิวดาจูแล้วพูดออกมาว่า
“ไอ้ขยะนี่ฉันอยากจะเหยียบหน้ามานานแล้ว พอฉันเห็นแบบนี้อย่างจะซัดมันซักดอกนึงเหมือนกัน
แต่พ่อของฉันอวยมากซะจนฉันเองก็ทำอะไรมันไม่ได้เหมือนกัน
ยังไงล่ะก็นายช่วยปล่อยมันไว้ก็แล้วกัน
นายก็น่าจะเคยได้ยินสำนวนที่เขาพูดกันว่าอย่าไปตีสุนัขที่มีเจ้าของน่ะ
แล้วก็มันไม่ใช่เรื่องดีเลยนะที่นายจะมาเหยียบในถิ่นฉันแล้วก่อเรื่องขนาดนี้
นายมีอะไรจะอธิบายรึเปล่า หลิวดาจูไปหาเรื่องอะไรนายไว้งั้นหรอ”
“ลูกชายของครูที่โรงเรียนเก่าถูกไอ้บ้านี่จับมาน่ะ” ซูจิ้งพูดออกไป
“อย่าไปเชื่อมัน นั่นมันลูกของฉัน” หลิวดาจูพูดออกมาด้วยเสียงดังลั่น
“โอ้.. ไอ้หนูที่อยู่หน้าห้องนั่นน่ะหรอ นี่เป็นความผิดของนายนะ ซูจิ้ง ในเมื่อนี่เป็นเรื่องในครอบครัวแล้วนายยังจะเข้ามายุ่งอีกงั้นหรอ” ไป๋ฮิตูถามซูจิ้งออกมา
“แน่นอน” ซูจิ้งพูดออกมาอย่างแผ่วเบาแล้วก็พูดต่อว่า “แต่ก่อนหน้านั้นฉันมีเรื่องอื่นที่จะต้องคุยกับนายหน่อยน่ะ เจ้าเศษเหล็กนั่นอยู่ไหน”
หนังตาของไป๋ฮิตูกระตุกในทันที และเขาหันไปจ้องไปยังหลิวดาจูเขม็ง หลิวดาจูได้พูดด้วยเสียงโหยหวนออกมาว่า “ลูกพี่ไป๋ ฉันเองก็พยายามแล้วแต่ไม่รู้ว่ามันใช้วิธีอะไรจนบังคับให้ฉันพูดออกมา”
“ไอ้นี่ คิดอยู่แล้วว่าปล่อยไว้ไม่ได้” ไป๋ฮิตูถอนหายใจออกมาแล้วพูดออกมาว่า “ซูจิ้งก็อีแค่เศษเหล็กเอง มันพิเศษยังไงหรอนายถึงได้อยากได้มันขนาดนั้น”
ซูจิ้งตบไปที่หลิวดาจูทีหนึ่งก่อนที่จะโยนเขาไปยังไป๋ฮิตูแล้วพูดออกมาว่า
“บอกความจริงออกมาดีกว่าน่า ฉันรู้ว่าเศษเหล็กนั่นเอาไว้ทำอะไร นายเองก็น่าจะรู้ความสามารถของมันอยู่แล้ว ฉันต้องการที่จะได้มันมาเก็บเอาไว้”
“ซูจิ้ง นายเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่าปิดประตูตีแมวรึเปล่า” ไป๋ฮิตูพูดออกมาด้วยสีหน้าที่หนักอึ้ง
เขาใช้มือจับไปยังหลิวดาจูแล้วโยนเขาออกไปนอกประตูแล้วทำการล็อคประตูห้องในทันที
เขาค่อยถอดสูทออกอย่างช้าๆแล้วพูดต่อว่า
“นายรู้มากเกินไปแล้ว ฉันประหลาดจริงๆว่าทำไมนายถึงรู้เรื่องนี้ได้ ยังไงซะไม่มีทางที่ฉันจะปล่อยนายรอดออกจากที่นี่ในวันนี้ไปได้”
“โฮโฮ่…..ชั้นเองก็ไม่มีทางปล่อยนายไปได้เช่นกัน” ซูจิ้งพูดออกมาอย่างสบายอารมณ์
“ตอนนี้เรามาดวลกันดีกว่า วันนั้นที่พิพิธภัณฑ์ฉันแค่ประมาทไปหน่อยเท่านั้นเอง
นายเองก็ดูเหมือนจะแข็งแกร่งอยู่นะ ยังไงก็ตามครั้งนี้ฉันมีอะไรจะสอนนายซักหน่อยล่ะนะ
บนโลกใบนี้ช่างกว้างและนายเองก็อาจไม่รู้ว่านายกำลังเล่นกับใครอยู่
นายน่ะยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะรู้เรื่องพวกนี้หรอก”
ไป๋ฮิตูยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะก้าวเท้าเข้าหาซูจิ้งในทันที ด้วยท่วงท่าที่ดูน่าเหลือเชื่อเหมือนกับเสือชีต้า ทำให้ซูจิ้งเคลื่อนตัวหลบฉากไปเล็กน้อย
แน่นอนว่านี่ก็ทำให้ซูจิ้งแปลกใจได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
สำหรับเขาความเร็วระดับนี้ก็ยังถือได้ว่าช้าไปอยู่ดี
ตอนที่เห็นไป๋ฮิตูพุ่งมาเมื่อกี้ไป๋ฮิตูได้ทำท่าจะต่อยมาที่หน้าอกของเขา ด้วยความเร็วขนาดนั้นคนธรรมดาคงมีต่อปล่อยให้โดนอัดไปเฉยๆทั้งอย่างนั้น
อย่างไรก็ตามหลังจากซูจิ้งหลบฉากไปได้ทำการตบไปทีนึงจนดังปั้ง ไป๋ฮิตูได้ลอยจะไปติดกับกำแพงในทันทีและเขาก็ได้กระอักเลือดออกมา
ภาพที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ไป๋ฮิตูถึงกับตกใจจนพูดไม่ออก
เขามองไปที่ซูจิ้งด้วยความรู้สึกไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เพิ่งเกิดไป ดวงตาของเขาในตอนนี้ดูลนลาน ก่อนที่จะพูดออกมาว่า “เป็นไปได้ยังไง ทำไมแกถึงมีพลังมหาศาลขนาดนี้”
“ก็อย่างที่แกพูดไปนั่นแหล่ะว่าบนโลกใบนี้มีคนที่แกไม่มีคุณสมบัติพอที่จะไปยุ่งน่ะ”
“ดี แกทำให้ฉันโกรธจริงๆแล้ว” ไป๋ฮิตูทำสีหน้าน่ากลัวออกมา เขาลึกขึ้นพร้อมกับเช็ดเลือดที่มุมปาก
ทันใดนั้นเขาได้เบ่งกล้ามแล้วกล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างก็ได้ขยายตัวออกมาจนเสื้อผ้าฉีกขาดออกหมด
จนแสดงให้เห็นถึงกล้าวเนื้อเป็นมัดๆที่ดูน่ากลัว แม้แต่ผิวหนังของเขาก็มีเกล็ดคล้ายเกล็ดงูโผล่ออกมา
จนตอนนี้เขาดูเป็นสัตว์ประหลาดไปแล้ว
สายตาของซูจิ้งจ้องเขม็งใจทันที แล้วเขาก็เงียบไปพักใหญ่ ทันใดนั้นเขาก็ได้ถอนหายใจออกมา
“วันนั้นที่พิพิธภัณฑ์ ฉันน่าจะสืบเรื่องของแกต่ออีกหน่อยนะเนี่ย
วันนั้นที่จริงแล้วแกไม่ได้ไปตามจีบหยินหนิงแต่ไปติดตามไคจิ้งสินะ
และแกสมควรจะเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเหมือนกัน ส่วนนี่ก็สมควรจะเป็นฮอร์โมนเสริมพลังร่างกายสินะ ฉันถูกใช่รึเปล่า”
“ใช่ นายพูดถูกทั้งหมด แต่ถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่รู้จริงๆว่าแกเป็นใคร
ครั้งสุดท้ายที่เจอกันฉันบอกไปว่าเราน่าจะพอเป็นร่วมมือกันได้ ดูท่าแล้วฉันจะประเมินแกต่ำไปจริงๆ
แต่ไม่เป็นไรหรอกยังไงซะหลังจากฉันอัดแกลงไปกองกับพื้น ถึงตอนนั้นจะทำให้แกบอกทุกอย่างออกมาเอง” ไป๋ฮิตูพุ่งเข้าใส่ซูจิ้งอีกครั้งด้วยความเร็มที่เร็วกว่าเดิมสองเท่า
ในมือข้างขวาของเขามีมีดอยู่แล้วเขาได้ทำการเหวี่ยงมีดเล็งไปที่คอของซูจิ้ง พร้อมทั้งยกเขาขวาขึ้นมาเพื่อที่จะอัดไปที่ท้อง
ซูจิ้งได้ทำการยกเท้าซ้ายมาถีบไปที่เท้าขวาของไป๋ฮิตูอย่างคล่องแคล้ว พร้อมทั้งใช้มือซ้ายจับข้อศอกข้างขวาของไป๋ฮิตูเพื่อเบี่ยงทางมีด หลังจากนั้นใช้หมัดขวาปล่อยหมัดฮุกเข้าไปที่ปลายคางของไป๋ฮิตู
มันเป็นความเคลื่อนไหวที่รวดเร็วประดุจดั่งสายฟ้าฟาด ก่อนที่ไป๋ฮิตูจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็ลอยไปอยู่กลางอากาศพร้อมกระอักเลือดแถมเขี้ยวออกมาอีกสองซี่
ในกลางอากาศนั้นเขาได้ตีลังกากลับหลังกลางอากาศก่อนที่จะลงจอดบนพื้นด้วยสภาพสะบักสะบอม
ตอนนี้เขาหมอบลงอยู่กับพื้นจนเหมือนกบ เขากระแทกตัวขึ้นจากพื้นแล้วพุ่งเข้าไปหาซูจิ้ง
อย่างไรก็ตามซูจิ้งก็ยังเร็วกว่าอยู่ดี
เขาได้เหวี่ยงขาขวาเตะออกไปด้วยความไวประดุจสายฟ้าจนฟาดเข้ากับกลางลำตัวของไป๋ฮิตูจนเขาต้องทำท่าตัวงอเหมือนกุ้ง ดวงตาแทบจะพุ่งทะลุออกมา ร่างกายของเขากระเด็นขึ้นไปจนติดหลังคา หลังจากนั้นซักพักก็ได้ร่วงลงมาพร้อมก้อนอิฐอีกหลายก้อน
“ดูเหมือนว่านี่จะเป็นโอกาสอันดีที่จะศึกษาคุณสมบัติของฮอร์โมนเสริมพลังกายนะ
รู้สึกว่าความเข็งแกร่งของพวกมันจะเพิ่มขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย
แถมตอนนั้นก็รู้สึกจะไม่มีเกล็ดงูออกมาซะด้วยนอกซะจากจะปล่อยพลังจนเกือบหมดแล้ว อืมมมม…”
ซูจิ้งทำการพูดวิเคราะห์ออกมาอย่างเรียบเฉย ในขณที่มองไปบังไป๋ฮิตูที่กำลังดันตัวเองขึ้นมาจากกองอิฐ
“เป็นไปได้ยังไงกัน มันต้องไม่ใช่อย่างนี้ซิ” ไป๋ฮิตูในตอนนี้มองซูจิ้งราวกับเห็นผี ตอนนี้เขาสูญเสียความใจเย็นไปหมดแล้วเป็นครั้งแรกนับแต่เขาได้พลังนี้มา
หลังจากเขาได้พลังนี้เขาเชื่อว่าตัวเองไร้เทียมทานในโลกแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นพลังพิเศษแบบไหนเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็ไม่ต่างอะไรกับเศษขยะ
ใครจะไปคิดว่ากับอีแต่เด็กเรียนมหาวิทยาลัยคนหนึ่งจะแข็งแรงมากกว่าเขา ไม่สิต้องบอกว่าแกร่งกว่าเขาชนิดเทียบไม่ติด หมอนี่ยังเป็นคนอยู่รึเปล่า
ไป๋ฮิตูทำหน้าที่หน้ากลัวยิ่งกว่าเดิมแล้วพูดออกมาว่า “ซูจิ้ง แกนี่มันช่างน่ามหัศจรรย์จริงๆ”
“แกเองก็ทำให้ฉันประหลาดใจไม่น้อยเช่นกัน ฉันเองก็อยากจะเล่นต่ออีกหน่อยล่ะนะ” ซูจิ้งพูดออกมาอย่างสบายอารมณ์
“ยังไงซะ ฉันก็ยังขอพูดคนเดิมว่าในโลกอันกว้างใหญ่นี้ แกไม่รู้หรอกว่ากำลังเล่นอยู่กับใคร
วันนี้ ฉันจะแสดงอะไรบางอย่างให้นายได้เห็นเอง” ไป๋ฮิตูสบถออกมา
ข้างหลังเขาได้มีเงาปรากฎออกมา มันใส่ชุดเกราะทหารโบราณ
เหมือนกับเป็นพลทหารที่กำลังถือปืนอยู่ในมือ
ซูจิ้งมองไปยังไป๋ฮิตูอย่างสบายอารมณ์ก่อนจะพูดว่า “อะไรที่แกพูดออกมาฉันจะยัดคำพูดเหล่านั้นให้แกกลืนกลับเข้าไปเอง
ด้วยความสามารถของแกเอาจริงๆก็พอจะเดินไปได้ค่อนโลกนะ
น่าเสียดายที่ดันเดินมาชนกับฉันซะได้
เอาจริงๆฉันเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าฉันทำอะไรได้บ้าง
วันนี้ฉันจะแสดงอะไรให้นายเห็นซักอย่างสองอย่างละนะ
ถ้านายยังพอมีความดีอยู่บ้างและพอจะผ่านมันไปได้ล่ะก็ ฉันก็จะช่วยนายก็ได้นะ”