Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ - ตอนที่ 696
ทันทีที่รู้
“มันไม่ก้อนใหญ่ไปหน่อยหรอ เป็นไปได้ยังไง” ตอนนี้เฉินฮงและซงเหลานั้นทั้งสองคนต่างทำท่าทางเหมือนเห็นผีกลางวันแสกๆ ซูจิ้งมองพร้อมยิ้มโดยไม่ได้พูดอะไร ตอนนี้ทั้งสองคนได้นำแว่นขยายและอุปกรณ์ต่างๆ ออกมาเก็บข้อมูลประกอบการประเมินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกเขาทำการประเมินด้วยความระมัดระวังอย่างมาก
“พระเจ้า มันช่างเก่าจริงๆ”
“ใช่แถมก้อนใหญ่มากๆ บ้าไปแล้ว บ้าไปแล้วแน่ๆ”
ทั้งสองคนต่างก็รู้จักสิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาเป็นอย่างดี ในวงการยาจีนนั้นเรียกพวกมันว่า ไท่ซุ่ย หรืออีกชื่อหนึ่งที่รู้จักกันดีคือเห็ดหลินจือเนื้อมัน
ในตำราสมุนไพรจีนของหลี่ซือเซิน(ปรมาจารย์หมอยาจีน) ได้กล่าวไว้ว่า เห็ดหลินจือเนื้อมันนี้จัดให้อยู่ได้ทั้งในหมวดของอาหารและยารักษาเพราะว่ามีคุณสมบัติทั้งสองอย่าง และในตำราดังกล่าวยังยกให้เป็นของชั้นยอดด้วยการที่มันนั้นมีคุณสมบัติ “เป็นเสบียงอาหารได้” “น้ำหนักเบา” “สดใหม่เสมอ” และ“ไม่มีวันเน่าเสีย(อมตะ)”
ในตำราสมุนไพรของเชิงหนงเองก็บันทึกไว้ว่า “เห็ดหลินจือเนื้อมันไม่เป็นพิษ เป็นยาชูกำลัง มีประโยชน์ต่อร่างกายและกำลังภายใน เพิ่มสติปัญญา แก้อาการแน่นหน้าอก และผิวของมันนั้นจะไม่วันเหี่ยวหรือเก่าแม้แต่น้อย”
นอกจากนี้ยังมีบันทึกในหนังสือโบราณบางเล่มบอกว่าไท่ซุ่ย(เห็ดหลินจือเนื้อมัน) โดยปกติจะมีรสขม ไม่มีพิษ มีคุณค่าทางอาหารสูง มีผลในการบำรุงม้าม ปอด ไต และตับ
สำหรับในทางวิทยาศาสตร์แล้วได้ศึกษาแล้วพบว่าไท่ซุ่ยนี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการอยู่ระหว่างโปรตัวซัวและฟังไจ(เห็ดรา)
โครงสร้างของมันไม่ใช่สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวแต่เป็นส่วนผสมระหว่างแบคทีเรีย สไลม์แบคที่เรีย และฟังไจ ถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในระหว่างการวิวัฒนาการ
ซึ่งตำแหน่งของมันในตารางการจำแนกสิ่งมีชีวิตควรจะจัดให้มันอยู่ระหว่าง แบคทีเรีย พืช(จำพวกสาหร่าย) โปรโตซัว และสัตว์ และลักษณะทางกายภาพของมันแสดงออกมาว่าอยู่กึ่งกลางระหว่างพืชและสัตว์ มันเหมือนกับว่าในระหว่างที่การวิวัฒน์นั้นอยู่ๆก็มีบางสิ่งขาดหายไปทำให้ไม่สามารถก้าวข้ามไปได้
ในทางชีววิทยาเรียกปรากฎการนี้ว่า วิวัฒนาการถึงทางตัน กล่าวคือมันเป็นสิ่งมีชีวิตเก่าแก่ที่ไม่สามารถเลือกทางวิวัฒน์ของตัวเองได้ว่าจะไปทางไหนระหว่างพืช สัตว์ หรือเห็ดรา ถือได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่มาก่อนประวัติศาตร์ของสิ่งมีชีวิตปัจจุบันที่เรารู้จักมากนัก
ไท่ซุ่ยนั้นถือได้ว่าเป็นตำนานที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ว่าได้นั่นทำให้ราคาของมันในท้องตลาดพุ่งสูงด้วยเหตุผลหลายประการ
อย่างแรกไท่ซุ่ยนั้นหายากมาก มันถูกกล่าวถึงในหนังสือโบราณมาหลายเล่มก็จริง นักชีววิทยาบางคนถึงขนาดเรียกพวกมันว่าฟอสซิลที่ยังมีชีวิตอยู่ ถึงแม้จะยังพอหาเจอแต่ก็ยากมากๆ นั่นก็เพราะพวกมันส่วนใหญ่ที่ได้รับการบันทึกว่ามีการพบเจอนั้นขนาดเล็ก
อย่างที่สองพวกมันสามารถเติบโตได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดและสามารถอยู่ได้แทบจะทุกสภาพแวดล้อมก็ตาม
ต่อให้ตัดมันเป็นท่อนๆ นับร้อยนับหมื่นชิ้น แต่ละส่วนของมันก็ยังคงเติบโตได้เรื่อย
ต่อให้ไปอยู่ในสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติที่แข็งจนเป็นน้ำแข็ง ถึงขนาดมีคนนำไปไว้ในห้องเย็นติดลบ 18 องศาเซลเซียสนาน 50 ชั่วโมงมันก็ยังมีชีวิตอยู่ได้
ต่อให้นำไปพื้นที่แห้งทุรกันดารเพียงใดมันก็ยังคงอยู่ ไม่แห้ง ไม่เหี่ยว ไม่เฉา ถึงมันจะอึดซักขนาดไหนแต่พวกมันเองโตได้ช้ามากๆ ทำให้พวกมันมีราคาที่สูง แต่เมื่อเทียบกับคุณสมบัติของมันแล้วก็แสนจะถูกมากมายนัก
อย่างที่สามด้วยการที่ตำราโบราณทั้งหลายต่างให้ความเห็นไปในทางเดียวกันว่ามันคือสุดยอดอาหารที่กินแล้วดีต่อร่างกายในทุกประการทำให้มันเป็นที่ต้องการในท้องตลาดอย่างมาก
ถึงแม้ว่าชื่อของไท่ซุ่ยจะปรากฏอยู่ในตำราโบราณมากมายแต่ก็ยังเป็นถกเถียงกันถึงคุณประโยชน์ที่ได้รับจากการบริโภคมันเข้าไป
โดยเฉพาะในยุคที่เชื่อถือในวิทยาศาสตร์เช่นปัจจุบันได้มีการศึกษาค้นคว้าและได้ให้ความเห็นไว้ว่า ด้วยการที่เห็ดหลินจือเนื้อมันนี้เป็นสิ่งมีชีวิตก่อนประวัติศาสตร์ มันมีโครงสร้างที่ซับซ้อนหากกินเข้าไปอาจมีผลต่อชีวิต
อีกทั้งด้วยการที่มันมีอายุนานมากอาจจะสะสมสารพิษไว้ในร่างกายของพวกมันหากกินเข้าไปเกิดโรคต่างๆมากมายได้
ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นแต่ก็มีเพียงไม่กี่คนที่เชื่อคำเตือนเหล่านั้น
คนส่วนใหญ่ยังเชื่อถือความวิเศษของมันอยู่ดีและยอมรับมันในฐานะสมบัติชิ้นหนึ่งเลย
คนรวยบางคนนั้นปรารถนาที่จะได้มันมาครอบครองไม่ว่าใครจะว่ายังไงก็ตาม
พวกเขายอมทุ่มเงินเพื่อให้ได้มันมา มีบางคนที่เคยขุดไท่ซุ่ยมาขายจนได้เงินไปตั้งแต่หลักล้านจนถึงสิบล้านเลยทีเดียว
ถึงเฉินฮงและซงเหลาจะเคยเห็นไท่ซุยมาบางแล้วแต่พวกเขานั้นไม่เคยเห็นชิ้นที่ใหญ่ขนาดนี้มาก่อน โดยทั่วไปแล้วแค่ขุดไท่ซุ่ยออกมาได้เพียงน้ำหนัก1ใน10ชั่งก็สามารถทำให้คนๆนั้นรวยได้แล้ว
มันเป็นที่ต้องการถึงขนาดที่ต้องชั่งด้วยตาชั่งขนาดมิลลิกรัมเลยด้วยซ้ำ
แต่เจ้าชิ้นนี้มีขนาดอยู่ที่หนึ่งเมตรครึ่ง น้ำหนักประมาณร้อยชั่ง ช่างน่ากลัวยิ่งนัก
“คุณซู คุณคิดว่าจะนำของโบราณชิ้นนี้ประมูลที่โรงประมูลของคุณจริงๆหรอ” เฉินฮงถามเพื่อความมั่นใจ
“ใช่แล้ว คุณคิดว่าจะทำให้ทุกคนตะลึงกันได้รึเปล่า”
“แน่นอนสิ แน่นอนอย่างที่สุด ไม่เพียงแค่จะทำให้คนตะลึงได้แล้ว ถ้าคุณเป็นคนที่เชื่อในตำราโบราณพวกนั้นบอกได้เลยว่าไม่มีทางยอมนิ่งเฉยแน่นอน ว่าแต่คุณอยากจะขายมันจริงๆน่ะหรอ” เฉินฮงถามอีกครั้งด้วยความตื่นเต้น
เขาสามารถคาดการณ์ได้เลยว่าเจ้าไท่ซุ่ยยักษ์ก้อนนี้หากปล่อยข่าวเกี่ยวกับมันออกไป สามารถทำให้คนที่รู้ข่าวนี้พุ่งมาที่นี่อย่างรวดเร็ว นั่นก็เพราะว่าไม่มีไท่สุ่ยที่ไหนที่จะเทียบเคียงก้อนนี้ได้
“ทำไมหล่ะเจ้านี่ก็แค่ก้อนเห็ดยักษ์เองนี่นา” ซูจิ้งยิ้มออกมาอย่างไม่แยแส
เจ้าไท่ซุ่ยนี้เขาเพิ่งจะเจอมันเมื่อไม่กี่วันก่อน เขานั้นขุดออกมาจากกองขยะห้วยเวลาฯเรี่องจูเซียน
นอกจากก้อนนี้แล้ว เขาก็ยังขุดก้อนอื่นออกมาด้วยจำนวนหนึ่ง เจ้านี่เองก็แค่ก้อนขนาดกลางๆเท่านั้นเอง
ตอนแรกที่เห็นเขาก็ตกใจเหมือนกัน เขาคิดว่าในห้วงเวลาฯเรื่องจูเซียนนั้นคงมีพลังวิญญาณอย่างหนาแน่นแน่นอนไม่งั้นก็คงจะไม่ทำให้ไท่สุ่ยก้อนใหญ่ได้ถึงขนาดนี้
ความจริงเข้าได้ทดลองมันแล้วและก็พบว่ามันมีผลดีต่อร่างกายจริงๆ แต่ผลของมันก็มีขีดจำกัดเช่นกัน
มันไม่ได้ดีเท่ากับที่ตำนานได้เคยกล่าวไว้เลย มันยังสู้ปลาเขี้ยวหยก เนื้อสัตว์วิเศษ ลูกพีช ฯลฯ ที่เขาได้มาจากห้วงเวลาฯอื่นๆได้เลย
เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไท่ซุ่ยนั้นมันมีผลแค่นี้อยู่แล้วหรือไท่ซุ่ยใจห้วงเวลาฯจูเซียนจะไม่เหมือนกับของบนโลกมนุษย์ก็ไม่สามารถบอกได้เหมือนกัน
ที่สำคัญคือไท่ซุ่ยนั้นมันดูน่าขยะแขยงและรสชาติถึงจะไม่ได้แย่มากนักแต่ก็ไม่สามารถบอกว่าดีได้เหมือนกัน
ซูจิ้งเลยคิดว่าขายๆทิ้งไปซะจะดีกว่า คนรวยบางคนก็แสวงหามันเป็นบ้าเป็นหลังอยู่แล้วด้วย
“ห้ะ แค่ก้อนเห็ดอ่ะนะ บอกได้เลยว่าเจ้านี่เก่าแก่มากจนพอจะให้คนที่เชื่อถือมันแค่ได้ยินเรื่องราวจะคลั่งจนบ้าตายได้ทันทีเลยนะ” ซงเหลาเองก็ได้แต่คิดไว้ในหัว
เขาทำได้แค่ส่ายหัวและถอนหายใจ เขาเองก็คาดการณ์ไว้เหมือนกันว่าจะมีคนเท่าไหร่ที่จะบ้าคลั่งเมื่อได้ยินข่าวเกี่ยวกับไท่ซุ่ยยักษ์ก้อนนี้
เขายังรู้จักบางคนที่ถวิลหาไท่ซุ่ยชั้นเลิศโดยทุ่มเงินอย่างบ้าคลั่งแต่แทบจะไม่เคยได้ไท่สุ่ยคุณภาพดีเลย .
ถ้าเทียบของพวกนั้นกับก่อนนี้บอกได้เลยว่าผู้คนจดจำชื่อโรงประมูลของซูจิ้งได้ในทันที
“คุณซู ขอถามอีกคำถามแล้วกันว่าคุณไปขุดเอาจะผู้อาวุโสก้อนนี้มาจากไหนกัน
ตอนที่คุณขุดมาคุณตรวจดูรอบๆดีแล้วใช่รึเปล่าเพื่อจะมีหลงเหลืออยู่อีก”
เฉินฮงอดไม่ได้ที่จะถามออกมาพร้อมกับความอิจฉาแลชิงชังในเพราะเจ้าที่หาแต่ของดีๆให้ซูจิ้งหลายครั้งหลายหน
“ฮ่าฮ่า เรื่องนี้ผมขอไม่ตอบก็แล้วกันนะ” ซูจิ้งนั้นไม่มีทางบอกความจริงออกไปอยู่แล้วว่าขุดมาจากกองขยะ
ถ้าบอกไปนี่คงต้องคุยกันยาวแน่ๆ เขาขี้เกียจอธิบายเรื่องพวกนี้อีกแล้ว ตอนนั้นเขาจึงตัดบทไปว่า
“พวกคุณอย่ามัวแต่สนใจเจ้าผู้อาวุโส(ไท่ซุ่ย)นั่นอยู่เลยน่า ผมมีสมบัติอีกสองชิ้นที่จะให้คุณช่วยดูนะ”