Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ - ตอนที่ 641
แมลงประหลาด
ซูจิ้งพบว่าหลังจากที่ดินกลืนกินสสารอื่นเข้าไปจะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ นอกจากปริมาณที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามหลังจากที่เจ้าเถาวัลย์ได้ลองดูดซับสารอาหารพืช พวกเขาพบว่าดินพอจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่บ้างซึ่งก็คือสารอาหารพืชของดินที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย แล้วซูจิ้งยังได้ลองใส่ปลาเขี้ยวหยกเข้าไปแล้วรอให้ดินค่อยๆ กลืนกิน
หลังจากนั้นจึงให้เถาวัลย์ลองดูอีกครั้ง เจ้าเถาวัลย์ก็บอกเขาว่าดินมีสารอาหารพืชดีขึ้นกว่าเดิม นอกจากนั้นยังมีสารอาหารพืชมากขึ้น ซูจิ้งจึงได้ลองใส่หญ้าจากโลกสมบูรณ์ลงไป หลังจากนั้นก็ได้ให้เถาวัลย์ลองอีก ซึ่งสารอาหารพืชก็ยิ่งดีขึ้นอีก สารอาหารพืชที่ได้นั้นไม่เหมือนสารอาหารพืชจากดินทั่วๆ ไป นี่ขนาดรากของเถาวัลย์ยังหยั่งลึกลงไปได้ยังไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซนต์เลยด้วยซ้ำ
ด้วยความสามารถในการกลืนกินของดินที่เมื่อดูดกลืนอะไรเข้าไปแล้วทำให้มันมีสารอาหารพืชที่เต็มเปี่ยมกว่าปกตินั้น ทำให้ซูจิ้งประหลาดใจเพราะว่านั่นหมายความว่าเจ้าดินนี้มีค่าอย่างมาก
“ยิ่งนำพืชและสัตว์ที่มีสารอาหารพืชมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ดินมีสารอาหารพืชมากยิ่งขึ้น นี่ถ้าสามารถปลูกพวกพืชลงไปได้ล่ะก็… เดี๋ยวนะ ถ้าเราใส่เศษหินวิญญาณ ลงไปล่ะ” ทันใดนั้นซูจิ้งก็เริ่มตื่นเต้นขึ้นมา
ซูจิ้งได้จับ” เศษหินวิญญาณ ไว้และปล่อยลงไปบนดิน ทันใดนั้นพวกมันถูกกลืนกินอย่างช้าๆ ซูจิ้งได้ปลอดปล่อยพลังจิตออกมาเพื่อตรวจสอบแล้วพบว่า เศษหินวิญญาณ มีออร่าอ่อนๆ มันค่อยๆ ซึมซับจากดิน พอลองให้เถาวัลย์ลองอีกครั้งมันชอบมากจนกระทั่งไม่สามารถจะวางกระถางที่ใส่ดินลงได้
“หยา หยา” เจ้าเถาวัลย์ได้ร้องออกมาพร้อมจะม้วนดินทั้งหมดไป
“ไม่ต้องเลย ถ้าจะเอาไปก็เอาไปแค่ เศษหินวิญญาณ พอ” ซูจิ้งยิ้มอ่อนๆ ในขณะที่ห้ามเจ้าเถาวัลย์
“หยา หยา” เจ้าเถาวัลย์ได้ร้องออกมาอย่างไม่ใส่ใจต่อการห้ามปรามของซูจิ้งพร้อมกับยิ่งม้วนรากไว้แน่นยิ่งขึ้น
“ถ้ายังไม่สนใจคำเตือนอีกล่ะก็ แกจะไม่มีวันได้ เศษหินวิญญาณพวกนี้อีกเลย” ซูจิ้งเริ่มขมขู่เพราะว่าตอนนี้เขามีวัตถุดิบในการบ่มเพาะอยู่น้อยมาก อย่างไรก็ตามเมื่อเขาได้ดินนี้จะช่วยให้ไม่ต้องกังวัลกับปัญหานี้อีก ดินนี้มีค่าขนาดที่ เศษหินวิญญาณ ยังเทียบไม่ได้ ขนาดเจ้าเถาวัลย์ยังโลภอยากได้อย่างไม่ลืมหูลืมตา
“หยา หยาาาา” เจ้าเถาวัลย์ร้องดังกว่าเดิมแล้วกระเด้งกลับออกมา ซูจิ้งจึงได้ให้ เศษหินวิญญาณ จำนวนมาก นั่นทำให้เถาวัลย์โลดเต้นอีกครั้งเหมือนกับเด็กได้ลูกอม เถาวัลย์วิ่งมาหาเข้ามาหยิบ เศษหินวิญญาณ แล้วก็หายกลับเข้าไปในรัง
“นี่ถ้าเจ้าดินนี่สามารถได้รับสารอาหารพืชทุกชนิดมันจะทำให้ยิ่งเพิ่มระดับ เศษหินวิญญาณ หรือนี่จะเป็นดินในตำนานนั่นจริงๆ” ซูจิ้งได้คิดและได้ใส่หินวิญญาณลง ถ้าเขาไม่ได้กลัวว่าใจใส่มากลงไปเพราะว่าดินนี้มีอัตราการกลืนกินค่อนข้างต่ำหล่ะก็ เขาจะใส่ลงไปหมดหน้าตักเลยด้วยซ้ำ
ซูจิ้งยังไม่ลืมท่ะใส่ปลาเขี้ยวหยกที่ได้มาจากเรื่อง “ราชาแห่งพิณ” ,กิ่งไม้ศักดิ์สิทธิ์จาก “กลืนดารา” ,ผลมัลเบอรี่จาก “คัมภีร์วิถีเซียน”, ไม้ไผ่จาก “ราชาแห่งพิณ”, หญ้า ที่อยู่ในเรื่อง “โลกสมบูรณ์แบบ, กระดูกเจ้าสงครามจาก “Panlong” and “บังสวรรค์” ซึ่งก็คือของทั้งหมดจากทุกดินแดนที่เขาได้มา และทั้งหมดก็ได้ถูกดินกลืนกินเข้าไป
หลังกระบวนการกลืนกินเสร็จสิ้น ปริมาณของดินเพิ่มมากขึ้นเป็นสองเท่า ซูจิ้งได้ให้เถาวัลย์ลองดูอีกครั้ง ครั้งนี้ เศษหินวิญญาณ หมดความหมายอย่างสิ้นเชิง เจ้าเถาวัลย์หลงรักดินนี้ยิ่งกว่า เศษหินวิญญาณ แม้กระทั่งเพียงต้นหญ้าธรรมดาที่ปลูกบนดินนี้ก็ยิ่งคุณค่ามากกว่า เศษหินวิญญาณ
ซูจิ้งหมดหนทาง น้ำหนักของดินนี้ในตอนแรกเพียงแค่สองกิโลกรัม หลังจากใส่ทุกอย่างที่เขามีลงไปน้ำหนักมันเพิ่มขึ้นเป็นสี่กิโลกรัม ทำให้มันดีกว่า เศษหินวิญญาณ อย่างเทียบไม่ติด
บางครั้ง ซูจิ้งก็รู้สึกหวั่นใจเหมือนกันเวลาใช้ เศษหินวิญญาณ หลังจากใช้ดินวิญญาณในการปลูกเมล็ดมะเขือเทศ,สตอเบอรี่,มะละกองู ,กล้วยไม้,มะละกอหวาน,พีช,ฯลฯ ทุกอย่างล้วนใช้ เศษหินวิญญาณ ทั้งสิ้น ถึงแม้พืชเหล่านี้จะพยายามลดการดูดซึมอาหาร แต่โดยรวมก็ยังต้องใช้อาหารเยอะอยู่ดี และในไม่ช้าอาหารของพวกมันก็จะขาดแคลน มีแต่เวลาเท่านั้นที่จะทำให้ เศษหินวิญญาณ ฟื้นตัวให้มีความสมบูรณ์ดังเดิมได้
“เยี่ยมจริงๆ เยี่ยมจริงๆ” ซูจิ้งรู้สึกปลอดโปร่ง เขายังคงใส่สิ่งต่างๆ ลงไปในดิน ใส่แม้กระทั่งกระดูกละเศษหิน เพราะว่าไม่ว่าจะใส่อะไรลงไปมันก็จะถูกกลืนกินเข้าไปหมด ยกเว้นก็เพียงโลหะ เมื่อใส่โลหะเข้าไปไม่เพียงแต่จะลดสารอาหารพืช มันยังลดอัตราการกลืนกิน ซึ่งนั่นไม่ดีเลย ถึงแม้จะให้ดินกลืนกินพร้อมกับใช้ เศษหินวิญญาณ ก็ตาม
ซูจิ้งกำลังนั่งนึกถึงโลกวิญญาณที่ไม่มีขยะ ทันใดนั้นเขาก็ได้กลิ่นไวน์มาเตะจมูกถึงจะกลิ่นไม่แรงมากแต่กะยังชวนหลงใหล
ซูจิ้งหันรีหันขวางมองหาจนกระทั่งพบไหไวน์ ถึงแม้มันจะแตกไปครึ่งนึงแต่ก็ไม่ได้เข้าไปอยู่ในพื้นที่ทิ้งขยะ ซูจิ้งกำลังคิดอยู่ว่ากลิ่นไวน์นี้น่าจะมาจากไวน์ไหนี้ แต่มันแตกแล้วก็คงจะสกปรกดื่มไม่ได้แน่นอน ในขณะที่รินไวน์ทิ้งอยู่นั้น เขาก็หยุดกระทันหัน
ซูจิ้งขมวดคิ้วและถอยร่นไปสองเมตร เพราะรู้สึกได้ถึงจิตคุกคามและพบว่ามีแมลงอยู่ในไหนั้น เจ้าแมลงดูเหมือนจะตามหาตัวเขาแล้วแอบเข้าไปหลับในไหไวน์เพื่อที่จะแอบดูเขา
“เจ้าแมลงนี่ดูๆ ก็ไม่น่าจะเก่งเท่าไหร่ ไหนดูซิว่าแกเป็นตัวอะไร” ซูจิ้งไม่ได้ตั้งใจที่จะทำอะไรแมลงตัวนี้ เขาเพียงแค่ต้องการเห็นว่ามันคือตัวอะไรและต้องการอะไรจากเขา เมื่อตรวจสอบดูเขาก็พบว่าแมลงตัวนี้ช่างบอบบาง อ่อนแอ และง่ายต่อการที่เขาจะควบคุม
เมื่อคิดได้ดังนั้น ซูจิ้งจึงได้ปล่อยพลังจิตของเขาออกมาและเปิดไหออกมา ณ ขณะนั้นก็มีหนอนแดงพุ่งออกมาพยายามที่จะตรงไปที่จมูกของซูจิ้งเหมือนกับจะพยายามเข้าไปในร่างเขาผ่านทางรูจมูก
ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น คนๆ นั้นคงจะตอบสนองไม่ทัน แต่เมื่อเป็นซูจิ้งการกระทำของหนอนแดงช่างเชื่องช้า เขารีบนำโหลแก้วออกมาจากกระเป๋าและเคลื่อนมือตบหนอนแดงเข้าไปในโหลแก้ว
เขามองไปที่หนอนแดงมันมีขนาดประมาณสิบเซนติเมตร สีแดงเหมือนเนื้อสด ผิวมีเมือกเหมือนปลา และมีสองตา มันดูน่าขนลุกหน่อยๆ ซูจิ้งรู้สึกขยาดกับเจ้าแมลงบ้านี่
อย่างไรก็ตามซูจิ้งก็ยังคงมีสติ เขาจิ้มไปที่แมลงให้เลือดไหลออกมาหยดลงบนหยกหมื่นอสูรและปล่อยพลังจิตออกมาเพิ่มที่จะทำให้เป็นสัตว์เลี้ยงแล้วเขาก็ถามมันว่า “แกต้องการเข้าไปในตัวฉันจากทางรูจมูกอย่างนั้นรึ”
“ใช่” หนอนแดงตอบด้วยเสียงเบาๆ
“ต้องการทำร้ายฉันรึ”
“ไม่”
“งั้นแกต้องการอะไร”
“ฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้” หนอนแดงตอบด้วยเสียงเบาๆ เจ้าหนอนนี่มีระดับไอคิวจำกัด มันสามาถตอบได้แค่คำว่า ใช่ หรือ ไม่ใช่ ถึงแม้มันจะแข็งแกร่งกว่าแมลงตัวอื่นแต่ก็ยังคงอยากที่จะสิ่อสารในสิ่งที่ซับซ้อนอยู่ดี
“ฉันต้องการดื่ม ฉันต้องการดื่ม” หนอนแดงตอบด้วยเสียงเบาๆ มันดูเหมือนจะติดเหล้า
“ไม่แปลกใจเลยที่แกจะซ่อนตัวอยู่ในไหเหล้า กลายเป็นว่าแกเป็นหนอนนักดื่ม” ซูจิ้งรู้สึกสนุกขึ้นเล็กน้อย “เรื่องของห้วงเวลาและกาลอวกาศช่างน่าประหลาดยิ่งนัก” ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าหนอนแดงถึงสภาพเป็นอย่างนี้ เขาได้รินไวน์ใส่ลงไปในไหลาดลงไปบนตัวหนอนแดง แล้วเขาก็เห็นเจ้าหนอนเปิดปากดูดเหล้าเข้าไปแทบจะหมดในทันที
“จริงดิ” ซูจิ้งตกใจ เหล้าที่เขาเทลงในไหมันเยอะมากเมื่อเทียบกับขนาดตัวของหนอนแดง มันค่อนข้างมีทักษะในการดื่มราวกับว่าเรื่องดื่มเป็นเรื่องง่ายสำหรับมัน ซูจิ้งรินไวน์เข้าไปจนเต็มโหลแก้ว เขาเห็นหนอนแดงว่ายไปรอบๆ กินไวน์ แล้วก็ว่ายต่อไปอย่างมีความสุขเต็มปรี่