Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 819 ฉันคือตงฉินผู้ภักดีของปู้ลั่ว
- Home
- Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
- ตอนที่ 819 ฉันคือตงฉินผู้ภักดีของปู้ลั่ว
กลางเดือนตุลาคม
อากาศไม่ร้อนมากแล้ว
อย่าว่าแต่เครื่องปรับอากาศเลย แม้แต่พัดลมก็แทบไม่จำเป็นต้องใช้
ในวันนี้
ถังอี๋มองไปรอบๆ อย่างมีพิรุธ จากนั้นจึงเดินเข้าไปในสถานที่แห่งหนึ่งด้วยท่าทางหวาดระแวง ราวกับกลัวว่าจะมีใครมาเห็นเข้า
อย่าเข้าใจผิด
ที่นี่ไม่ใช่บาร์โฮสต์
ถังอี๋ในฐานะนักวาดการ์ตูนหญิงชื่อดังของปู้ลั่ว ไม่ได้มีรสนิยมในการเล่นสนุกแบบเศรษฐินีผู้ร่ำรวยแต่อย่างใด ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นเศรษฐีนีสวยตรงตามมาตรฐานก็ตาม
ที่จริงแล้วถังอี๋มาเพราะมีนัดกับเพื่อน
และเพื่อนของถังอี๋คนนี้ ก็คือหานจี้เหม่ย ผู้อำนวยการเว็บไซต์เหลียนเหมิง ซึ่งเป็นคู่แข่งตัวฉกาจของปู้ลั่วการ์ตูนในปัจจุบัน
นี่คือเหตุผลว่าทำไมถังอี๋ถึงทำตัวลับๆ ล่อๆ
เธอเป็นนักเขียนการ์ตูนของปู้ลั่ว แต่กลับแอบมาเจอหัวหน้าของเหลียนเหมิง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีนัก
แม้ว่าโดยรอบจะไม่มีใครรู้จักเธอเลยก็ตาม
ในความเป็นจริง
หากไม่ใช่เพราะว่าหานจี้เหม่ยเคยช่วยเธอไว้ตอนอยู่ที่ปู้ลั่ว ถังอี๋ก็คงไม่อยากมาที่นี่ในวันนี้
ถึงอย่างไรตอนนี้ เธอยังไม่มีความคิดที่จะย้ายไปยังเหลียนเหมิง
ใช่แล้ว
ทันทีที่หานจี้เหม่ยชวนถังอี๋มาพบ เธอก็เดาได้ทันทีว่าอีกฝ่ายอาต้องการดึงเธอไปร่วมงานกับเหลียนเหมิง
ไม่ว่าอย่างไร หานจี้เหม่ยก็เคยยื่นข้อเสนอให้เธอมาก่อนหน้านี้แล้ว
ตั้งแต่ตอนที่เหลียนเหมิงเพิ่งก่อตั้ง หานจี้เหม่ยก็เคยโทรมาชวนเธอเข้าร่วมเหลียนเหมิง
ที่ถังอี๋มาในวันนี้ เพื่อบอกกับหานจี้เหม่ยอย่างชัดเจนว่า
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะยื่นข้อเสนออะไรให้ เธอก็จะไม่เข้าร่วมกับเหลียนเหมิง อีกฝ่ายไม่จำเป็นต้องมาเสียเวลากับเธอ
จะให้ย้ายมาร่วมงานเพียงเพราะตอนนี้เหลียนเหมิงกำลังไปได้สวยแค่นั้นคงไม่ได้ล่ะมั้ง
เช่นนั้นเธอจะดูเป็นคนแบบไหนกัน?
ยิ่งไปกว่านั้น ถังอี๋ก็ไม่คิดว่าข้อเสนอจากเหลียนเหมิงจะดีกว่าผลประโยชน์ที่เธอได้รับจากปู้ลั่วอยู่แล้ว
ถังอี๋คิดเช่นนั้น
เธอก้าวเข้าไปในห้องซึ่งนัดหมายกันไว้ล่วงหน้า
“เอ๊ะ?”
ทันทีที่เดินเข้าห้องไป ถังอี๋ถึงกับชะงัก
นอกจากเธอแล้ว ยังมีอีกห้าคนอยู่ในห้องนี้!
และทั้งห้าคนนี้ ถังอี๋รู้จักทุกคน!
เพราะทั้งห้าคนนี้ ล้วนเป็นนักเขียนการ์ตูนระดับแนวหน้าของปู้ลั่วเช่นเดียวกับถังอี๋!
ต่อให้ไม่ถึงระดับยอดพีระมิด แต่ก็นับว่าเป็นนักเขียนการ์ตูนระดับชั้นนำทั้งนั้น!
สามคนในนั้นเป็นนักวาดมืออาชีพซึ่งเน้นงานวาดเพียงอย่างเดียว
ส่วนอีกสองคนก็เหมือนกับถังอี๋ เป็นนักเขียนการ์ตูนซึ่งคิดโครงเรื่องและวาดเอง
ในขณะนั้นเอง
ทั้งห้าคนในห้องต่างก็หันมามองถังอี๋ สีหน้าของแต่ละคนต่างกันไป แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้จักเธอ
“ฮัลโหล”
ถังอี๋เอ่ยทักทายด้วยสีหน้าแปลกพิลึก
“หลงหวัง หลางเกอ อาจารย์ขวงเจี้ยน อาจารย์ชุ่นเฉ่าซิน และอาจารย์ไป่หลี่ หานจี้เหม่ยก็นัดพวกคุณมาใช่ไหม?”
ถังอี๋สามารถเรียกชื่อทุกคนในที่นี้ได้ทั้งหมด
ทุกคนล้วนเป็นนักเขียนการ์ตูนชื่อดังในวงการ และปกติเมื่อแวะเวียนไปปู้ลั่ว มักจะพบปะกันเป็นครั้งคราว
“ถังอี๋”
ทุกคนพยักหน้าทักทาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลงหวังที่ค่อนข้างสนิทกับถังอี๋ เขาพูดอย่างยิ้มแย้ม “นี่คุณคิดจะย้ายไปเหลียนเหมิงหรือ?”
“เปล่าสักหน่อย!”
ถังอี๋ตกใจ รีบส่ายหัวแล้วพูดทันที “ฉันเป็นตงฉินผู้ภักดีของปู้ลั่ว วันนี้แค่จะมาบอกหานจี้เหม่ยให้ชัดเจนว่าอย่าชวนฉันย้ายบริษัทอีก”
พูดจบ
เธอหรี่ตามองคนอื่นๆ “แต่พวกคุณต่างหาก หลงหวัง หึๆ พวกคุณทั้งหลาย ถูกฉันจับได้แล้ว กำลังเตรียมจะย้ายไปเหลียนเหมิงใช่ไหมล่ะ?”
หลงหวังเบ้ปาก “ผมแค่มาดูเฉยๆ ”
ชุ่นเฉ่าซินกล่าวกลั้วหัวเราะ “แค่อยากรู้ว่าทางเหลียนเหมิงจะให้ข้อเสนออะไรบ้าง”
ไป่หลี่เอ่ยเสียงเรียบ “เพื่อนเก่าชวนมา เลยคิดว่าต้องมาสักครั้ง”
ส่วนหลางเกอกลับมีท่าทางเฉยเมย “ถ้าให้เงินเยอะพอ ผมก็ย้ายไปเหลียนเหมิงได้ ไม่งั้นก็ไม่ต้องคุยกัน”
ขวงเจี้ยนผู้มีท่าทีเย็นชาที่สุด
คนคนนี้มักจะไม่ค่อยสุงสิงกับใครในวงการนัก เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง
“ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางเข้าร่วมเหลียนเหมิงเด็ดขาด”
ถังอี๋หัวเราะออกมา
แต่ละคนล้วนไม่ได้คิดจะเข้าร่วมกับเหลียนเหมิงเลยสินะ
งั้นก็คงเหมือนกับเธอ เมื่อก่อนทุกคนเคยได้รับความช่วยเหลือจากหานจี้เหม่ย จึงมาพบหน้ากันตามมารยาทเท่านั้น
เห็นทีแผนการของหานจี้เหม่ยคงจะไม่สำเร็จซะแล้ว
ถังอี๋สงสัยจริงๆ ว่าหานจี้เหม่ยคิดอะไรอยู่ ถึงได้นัดพวกเขามาพร้อมกันเช่นนี้
นั่นจะทำให้เหลียนเหมิงดึงตัวคนยากขึ้นไปอีกไม่ใช่หรือไง
ใครจะกล้าย้ายบริษัทหักหลังปู้ลั่วต่อหน้าคู่แข่งในวงการขนาดนี้กัน
หาที่นัดเจอกันแยกกันทีละคนไม่ได้หรือ?
และในขณะที่ถังอี๋กำลังฉงนใจว่าหานจี้เหม่ยกำลังคิดอะไรอยู่ หานจี้เหม่ยก็ปรากฏตัวขึ้น
ผู้หญิงคนนี้ถือเอกสารหลายฉบับในมือ ไม่รู้ว่าข้างในมีอะไรบ้าง รอยยิ้มของเธอแลดูมั่นใจเต็มเปี่ยมขณะเข้ามาในห้อง กวาดสายตามองไปที่ทุกคนก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า
“ขอบคุณทุกคนที่ให้เกียรติมาพบกันในวันนี้”
ทุกคนพยักหน้า ขณะที่ชุ่นเฉ่าซินยิ้ม และเอ่ยตามตรงว่า
“หัวหน้าหานตั้งใจจะดึงพวกเราใช่ไหม? ”
“คุณชุ่นเฉ่าซินนี่ใจร้อนจริงๆ ”
หานจี้เหม่ยยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ “ทุกคนล้วนเป็นนักวาดการ์ตูนระดับแนวหน้า แน่นอนว่าฉันอยากดึงพวกคุณไปอยู่กับเรา ไม่อย่างนั้นคงไม่เชิญทุกคนมาที่นี่”
“คุณเตรียมเงินไว้เท่าไหร่ถึงกล้าพูดแบบนี้”
ถังอี๋เอ่ยแซวอย่างอดไม่ได้ “ขอบอกไว้ก่อนเลยนะ ไม่ว่ายังไงฉันจะไม่เข้าร่วมเหลียนเหมิง ตงฉินอันดับหนึ่งของปู้ลั่ว ก็คือฉันถังอี๋คนนี้เอง!”
“ถ้าอย่างนั้น ไม่สู้อาจารย์ถังอี๋ลองดูนี่ก่อน”
หานจี้เหม่ยหยิบเอกสารชุดหนึ่งออกมา “หลังจากอาจารย์ถังอี๋อ่านจบแล้ว ค่อยตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมกับเราเหลียนเหมิงหรือไม่ ดีไหม?”
“นี่คืออะไร”
ถังอี๋รับเอกสารมา สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย
คนอื่นๆ ก็สงสัยเช่นกัน มองดูเอกสารด้วยความสนใจ หรือว่าในนั้นจะมีข้อมูลลับอะไรเกี่ยวกับถังอี๋?
นี่ไม่ใช่การถ่ายทำภาพยนตร์นะ จะต้องทำถึงขนาดนี้เชียวหรือ
หานจี้เหม่ยพูดมีเลศนัย “ลองเปิดดูสิ แล้วจะรู้เอง”
ถังอี๋กลอกตา แต่ก็เปิดเอกสารออกดู และทันใดนั้นเธอก็อุทานด้วยความประหลาดใจ
“การ์ตูน?”
ในมือของถังอี๋คือการ์ตูนเรื่องหนึ่ง ชื่อว่า ‘สาวน้อยเวทมนตร์มาโดกะ’
“ลองอ่านดูสักหน่อยไหม?”
“พี่หานนี่ชอบทำให้คนสงสัยจริงๆ การ์ตูนเรื่องนี้ใครวาดเหรอ?”
“อิ่งจือ”
“ผลงานใหม่ของเทพอิ่ง!”
สีหน้าของถังอี๋เปลี่ยนไปในทันใด!
สีหน้าของคนอื่นๆ ก็จริงจังขึ้นมาทันทีเช่นเดียวกัน!
ถ้าจะพูดถึงเทพเจ้าในวงการการ์ตูนล่ะก็ คนคนนั้นก็ต้องเป็นอิ่งจือ!
แม้แต่ในหมู่เพื่อนร่วมวงการด้วยกัน อิ่งจือก็นับเป็นขุนเขาสูงชันที่ไม่มีใครก้าวข้ามได้!
ไม่มีใครกล้าปฏิบัติต่อผลงานของเขาอย่างไม่จริงจัง!
แม้แต่คนที่เย็นชาและหยิ่งผยองอย่างขวงเจี้ยน ในเวลานี้ก็ยังจ้องมองการ์ตูนในมือของถังอี๋อย่างไม่ละสายตา ในใจเกิดความรู้สึกอยากเห็นขึ้นมาทันที!
บนโซฟา
หลางเกอหัวเราะเสียงดัง “ผมเคยวาดการ์ตูนสามเรื่องพร้อมกัน จนคนอ่านและเพื่อนร่วมวงการต่างทึ่งกับความสามารถในการบริหารสมองของผม จนกระทั่งเทพอิ่งวาดการ์ตูนห้าเรื่องพร้อมกัน ฉันถึงได้รู้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เห็นช่วงนี้เงียบๆ นึกไม่ถึงว่าเทพอิ่งเปิดผลงานใหม่อีกแล้ว ผมละสงสัยจริงๆ ว่าหัวสมองของยอดฝีมือคนนี้ทำจากอะไร ต้องซูฮกในความสามารถของเขาเลย นี่นับว่าเป็นการทำงานหกเรื่องพร้อมกันสินะ!”
“ก็ไม่แน่”
“อะไร”
หลางเกอชะงักไปเล็กน้อยก่อนรับเอกสารมา เปิดดูข้างในพบว่าเป็นการ์ตูนอีกเรื่อง
ชื่อเรื่องว่า ‘เทพมรณะ’
เขากลืนน้ำลายเล็กน้อย พลางเอ่ยเสียงแหบแห้งว่า “นี่ก็เป็นผลงานใหม่ของเทพอิ่ง?”
“ใครบอกว่าไม่ใช่ล่ะ”
หานจี้เหมยเอ่ยพร้อมแววตาสะท้อนใจ เธอเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน เมื่อได้รับเอกสารเหล่านี้จากจินมู่ สมองหยุดทำงานไปชั่วขณะด้วยซ้ำไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เธอได้อ่านเนื้อเรื่อง
หานจี้เหม่ยใช้เวลานานโขกว่าจะกลับมาตั้งสติได้
ภายในใจของเธอเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก จนไม่สามารถบรรยายได้เป็นคำพูด
“ขอดูหน่อย”
หลางเกอเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
นักวาดการ์ตูนอีกสามคนมองไปยังหานจี้พร้อมกัน ในใจชักเริ่มเกิดความสงสัยที่น่าสะพรึงกลัวขึ้นมา
“ไม่ต้องสงสัย ทุกคนมีของตัวเอง การ์ตูนเรื่องใหม่ของอาจารย์อิ่งจือปล่อยออกมาพร้อมกันหลายเรื่อง นอกจากฉันแล้ว พวกคุณคือกลุ่มแรกที่ได้อ่าน”
หานจี้เหมยเอ่ยอย่างยิ้มแย้มขณะยื่นการ์ตูนให้กับอีกสี่คนที่เหลือ
ชุ่นเฉ่าซินได้รับการ์ตูนซึ่งมีชื่อว่า ‘เซนต์เซยา’
หลงหวังได้รับการ์ตูนซึ่งมีชื่อว่า ‘กันดัม’
ไป่หลี่ได้รับการ์ตูนซึ่งมีชื่อว่า ‘ดิจิมอน’ ส่วนขวงเจี้ยนได้รับการ์ตูนซึ่งมีชื่อว่า ‘ฮันเตอร์ x ฮันเตอร์’
นักเขียนการ์ตูนแต่ละคนมีสไตล์ที่ถนัดต่างกันไป ซึ่งการ์ตูนแต่ละเรื่องซึ่งนักเขียนการ์ตูนที่หานจี้เหม่ยเลือกได้รับ ก็ตรงกับความเชี่ยวชาญและสไตล์การวาดของพวกเขาแต่ละคน
ปรับกลยุทธ์ตามความถนัด!
หลังจากที่ทุกคนได้รับการ์ตูนของตนเองแล้ว หายจี้เหม่ยยิ้มพลางเอ่ยว่า “ที่นี่มีผลไม้กับชาพร้อมเสิร์ฟ ทุกท่านสามารถนั่งอ่านได้ตามสบาย เดี๋ยวฉันไปทำทรีตเมนต์ผิวที่ห้องข้างๆ มีอะไรต้องการก็กดกริ่งได้ จะมีพนักงานเข้ามาช่วย”
พูดจบ
หานจี้เหม่ยก็เดินออกจากห้องไปด้วยเสียงรองเท้าส้นสูงต๊อกๆๆ พร้อมกับปิดประตูเบาๆ
ในห้องนั้นสามคนกำลังก้มหน้าการ์ตูน
ชุ่นเฉ่าซินกระซิบกระซาบกับหลางเกอ “หานจี้เหม่ยหมายความว่าไงกัน นี่เป็นผลงานใหม่ของอิ่งจือจริงหรือ?”
“เดี๋ยวอ่านแล้วก็รู้เอง”
หลางเกอตอบ ในใจเริ่มเชื่อไปแล้วเจ็ดส่วน ดังนั้นแววตาของเขาจึงเป็นประกายอยู่บ้าง
“ส่วนเจตนาของหานจี้เหม่ย เธอน่าจะต้องการใช้คุณภาพการ์ตูนของอิ่งจือบอกกับพวกเรา ว่าปู้ลั่วจะล่มสลาย พวกเราควรเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเหลียนเหมิง?”
“หยุดพูดได้แล้ว!”
ขวงเจี้ยนเอ่ยขึ้นทันใด ในมือถือฮันเตอร์xฮันเตอร์ น้ำเสียงที่สั่นเครืออย่างประหลาด
“…”
ทั้งสองมองหน้ากัน ไม่ได้หัวเสียและทะเลาะกับเขา แต่กลับก้มหน้าก้มตาอ่านการ์ตูนต่อไป
หมอนี่นิสัยแย่มาก
สักวันคงจะโดนคนอื่นซัดจนเจ็บตัวแน่
——————————
ป.ล. ทุกคนแนะนำว่าอย่าเขียนถึงผ่าพิภพไททันเลย เปลี่ยนเป็นแขนกล คนแปรธาตุดีกว่า แต่สุดท้ายแขนกล คนแปรธาตุก็เจอปัญหาแบบรับไม่ได้ เลยเปลี่ยนไปเป็นฮันเตอร์xฮันเตอร์แทน หวังว่าอาจารย์โทงาชิจะไม่ทำให้ผิดหวังนะ