Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 778 เซี่ยนอวี๋ลงมือแล้ว
ตอนที่ 778 เซี่ยนอวี๋ลงมือแล้ว
……….
จินมู่และหลินเยวียนตระหนักได้ถึงจุดนี้ แวดวงวรรณกรรมย่อมเข้าใจจุดนี้เช่นกัน
ประกาศจากสมาคมวรรณศิลป์นั้นมีความชัดเจนมาก
การศึกษาในแต่ละทวีปจะต้องรวมเป็นหนึ่งเดียว และผลงานใหม่ของนักเขียนสมัยใหม่จะมีโอกาสได้รับเลือกให้บรรจุลงในหนังสือเรียน
และเรื่องนี้ไม่ได้เก่ียวข้องกับวงการวรรณกรรมเท่านั้น
ทว่าเรื่องนี้ยังส่งผลกระทบอย่างมากกับประชาชนโดยทั่วไปด้วย เพราะการศึกษานับเป็นสิ่งสำคัญเสมอมา
บนอินเทอร์เน็ต
การพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้รับความสนใจมากกว่ามหกรรมกีฬาบลูเกมส์ซึ่งกำลลังจัดขึ้นในเวลานี้เสียอีก ประชาชนทั่วไปก็ให้การสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้
‘ดีจังเลย’
‘เมื่อบลูสตาร์ผนวกรวม หนังสือเรียนในทุกทวีปจะรวมเป็นหนึ่งเดียว ไม่งั้นจะรู้สึกว่ามันยุ่งเหยิง หากทุกคนได้เรียนความรู้เดียวกันจากหนังสือเรียน ความสัมพันธ์ในแต่ละทวีปจะกลมกลืนกันมากขึ้น’
‘ดูจากเจตนาของสมาคมวรรณศิลป์แล้ว ผลงานสมัยใหม่หลายชิ้นจะเข้าร่วมด้วยเหมือนกัน’
‘เมื่อก่อนหนังสือเรียนจากทุกทวีปมักเป็นผลงานโบราณ การเรียนผลงานโบราณก็ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ผลงานสมัยใหม่ที่โดดเด่นก็ควรค่าแก่การศึกษาและส่งเสริม ถึงอย่างไรพวกเราก็ต้องตามให้ทันยุคสมัย ใช่ว่าจะไม่มีศิลปินร่วมสมัยเลยสักคน ส่วนตัวแนะนำทำนองวารีของเซี่ยนอวี๋ ถึงบทกวีจะเผยแพร่ออกมาในรูปแบบของเนื้อเพลง แต่คุณภาพก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ายอดกวีสมัยโบราณ ถึงขั้นที่เหนือกว่ายอดกวีโบราณบางคนด้วยซ้ำไป!’
‘ผีเสื้อรักบุปผาของฉู่ขวงล่ะ?’
‘ฮ่าๆๆๆ ยังวนอยู่ที่ผีเสื้อรักบุปผา หลังจากข้อสอบสอบเข้ามหาวิทยาลัยในฉินโจวเติมเชื้อไฟแล้ว ในอินเทอร์เน็ตมีแต่ผีเสื้อรักบุปผาบทใหม่ๆ ที่กวีเขียนขึ้นมาเต็มไปหมด จนฉันจำรูปแบบได้แล้ว’
‘ตอนนี้เห็นคำว่าผีเสื้อรักบุปผาแล้วปวดหัวไปหมด!’
‘บอกไม่ได้ว่าผีเสื้อรักบุปผาของฉู่ขวงจะได้รับเลือกหรือไม่ แต่เรื่องสั้นของฉู่ขวงจะต้องมีสักเรื่องที่ได้เข้าไป หรืออาจไม่ได้ถูกเลือกแค่เรื่องเดียว!’
‘อย่าลืมว่าเซี่ยนอวี๋เขียนบทกวีหลายบทในถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศ มีหลายบทที่สุดยอดมาก!’
‘ถ้าพูดแบบนี้หมายความว่าเซี่ยนอวี๋กับฉู่ขวงจะมีผลงานหลายเรื่องที่ได้รับเลือก!’
‘ถ้าพวกเขาสองคนมีผลงานหลายเรื่องที่ได้รับเลือกก็สุดยอดเลยละ เพราะผลงานของพวกเขาจะมีอิทธิพลต่อนักเรียนนับไม่ถ้วน!’
‘…’
แน่นอนว่าไม่เพียงเซี่ยนอวี๋กับฉู่ขวงเท่านั้น ยังมีคนสายวรรณกรรมอีกหลายคนที่ถูกชาวเน็ตหลายคนเอ่ยถึงอีกหลายคน มีผลงานร่วมสมัยอีกมากมายที่ควรค่าแก่การนำไปบรรจุในตำราเรียน!
ประถม มัธยมต้น มัธยมปลาย และมหาวิทยาลัย
มีหนังสือเรียนจำนวนมากที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการปรับแก้ในครั้งนี้ ซึ่งหมายความว่ามีโอกาสมากมาย
โดยเฉพาะระดับประถม มัธยมต้น และมัธยมปลาย เนื้อหาในหนังสือเรียนทั้งสามระดับนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเติบโตของเด็กๆ !
โลกภายนอกให้ความสำคัญ
วงการวรรณกรรมเองย่อมให้ความสำคัญ ถึงขั้นกระตือรือร้นมากเช่นกัน!
ลองถามวงการวรรณกรรมดูก็ได้ ใครบ้างไม่อยากให้ผลงานของตนเองได้รับการตีพิมพ์ในหนังสือเรียน?
คนวรรณกรรมให้ความสำคัญกับชื่อเสียง และการที่ผลงานปรากฏบนหนังสือเรียนนับได้ว่าเป็นสิ่งที่คนวรรณกรรมชั้นนำหลายคนแสวงหา นี่คือโอกาสที่ไม่เคยมีมาก่อน!
สักพักหนึ่ง
คนวรรณกรรมมากหน้าหลายตาต่างก็กำลังเคลื่อนไหว!
ประชาชนสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าแวดวงวรรณกรรมมีความกระตือรือร้นมากขึ้น ต้นฉบับซึ่งนิตยสารวรรณกรรมหลายฉบับเฝ้ารอล้วนมีผลงานซึ่งคนวรรณกรรมแนวหน้าต้องการเผยแพร่!
แน่นอนว่า
กระแสผีเสื้อรักดอกไม้ในครั้งนี้ก็คือจุดเริ่มต้นที่ดีมากเช่นเดียวกัน
เนื่องจากอี้อันและฉู่ขวง กอปรกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ในช่วงนี้สาธารณชนจึงให้ความสนใจกับกวีนิพนธ์ประเภทผีเสื้อรักบุปผามาก!
แม้แต่ชาวเน็ตบางส่วนซึ่งชื่นชอบวรรณกรรม ต่างก็เริ่มต้นเขียนผีเสื้อรักบุปผาของตนเองบ้างแล้ว!
และเมื่อมีการเผยแพร่ผีเสื้อรักบุปผามากขึ้นเรื่อยๆ จึงเกิดการไหล่บ่าของผลงานคุณภาพสูงมากขึ้นเรื่อยๆ จนชาวเน็ตจัดอันดับผลงานกวีนิพนธ์สือในประเภทเดียวกัน!
‘ยังไม่ต้องพูดถึงผลงานโบราณ อันดับหนึ่งของผีเสื้อรักบุปผาสมัยใหม่ต้องเป็นบทนั้นของฉู่ขวง’
‘ของอี้อันก็ไม่ได้ด้อยกว่า’
‘อี้อันอันดับสอง วรรคจบของฉู่ขวงคลาสสิกมาก!’
‘ในสองบทนี้ยากที่จะบอกว่าบทไหนเหนือกว่ากัน แต่ข้อสอบสอบเข้ามหาวิทยาลัยเลือกผลงานของฉู่ขวง เห็นได้ชัดว่าบทของฉู่ขวงเหมาะสมในการผลักดันมากกว่า’
‘ด้วยชื่อเสียงที่ฉู่ขวงมีอยู่แล้วเป็นทุนเดิม เขาก็ควรอยู่ในอันดับที่หนึ่ง ไม่งั้นทั้งสองบทจะเสมอกัน’
‘อันดับที่สามคือใคร’
‘ตอนนี้ดูแล้วน่าจะเป็นผีเสื้อรักบุปผาของอาจารย์อู๋จี๋ ผมรู้สึกด้วยซ้ำว่าบทของอาจารย์อู๋จี๋ไม่ได้ด้อยไปกว่าสองบทแรกเลย’
‘เห็นด้วย ของอาจารย์อู๋จี๋ก็ไม่ได้แย่เหมือนกัน’
‘ฉู่ขวง อี้อัน อู๋จี๋ คือสามอันดับแรกของผีเสื้อรักบุปผาไม่หลุดโผแน่’
‘แล้วที่สี่…’
‘ที่ห้าคือ…’
‘…’
ชาวเน็ตมักกระตือรือร้นกับการจัดอันดับต่างๆ อยู่เสมอ
แม้แต่นิยายกำลังภายในสักเรื่องหนึ่ง ทุกคนยังนำมาจัดอันดับความแข็งแกร่งของตัวละครได้
ถึงขั้นที่มีการจัดอันดับพวกอาวุธยุทโธปกรณ์ด้วยซ้ำไป
การจัดอันดับมักกระตุ้นความกระตือรือร้นของชาวเน็ตได้เสมอ
ส่วนอู๋จี๋ที่ชาวเน็ตเอ่ยถึงนั้น เขาคือคนวรรณกรรมชั้นนำในฉีโจว คนคนนี้เชี่ยวชาญด้านการเขียนบทกวีโบราณ และบางครั้งก็เขียนกวีนิพนธ์สือรูปแบบโบราณออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย!
วันนี้สมาคมวรรณศิลป์ได้ประกาศข่าวเกี่ยวกับการปรับแก้ตำราเรียน
หลายคนคิดว่าอาจารย์อู๋จี๋คนนี้จะมีผลงานที่ได้รับการคัดเลือกมากกว่าหนึ่งชิ้น ซึ่งแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนถึงความแข็งแกร่งของเขา!
ในครั้งนี้เขาเขียนผีเสื้อรักบุปผาออกมาบทหนึ่ง
นี่เป็นเพียงบทเดียวที่ชาวเน็ตคิดว่าสามารถแข่งขันกับผีเสื้อรักบุปผาเวอร์ชันของฉู่ขวงและอี้อันได้
ผีเสื้อรักบุปผาเวอร์ชันอื่นๆ แม้จะไม่ถึงขั้นแย่ แต่เมื่อเทียบกับผลงานของฉู่ขวงและอี้อันแล้ว ก็ยังขาดรสชาติไปอยู่หลายส่วน
……
อู๋จี๋เองก็ค่อนข้างพึงพอใจกับคุณภาพของผีเสื้อรักบุปผาบทนี้ของตน
อันที่จริงสิ่งที่เขาถนัดที่สุดคือกลอนโบราณ ความสามารถในการเขียนกวีนิพนธ์สือรูปแบบโบราณของเขานั้นด้อยกว่าการเขียนกลอนรูปแบบโบราณ ทว่าในครั้งนี้แรงบันดาลใจของเขาปะทุขึ้นมา จึงสามารถเขียนผีเสื้อรักบุปผาที่คลาสสิกเช่นนี้ออกมาได้
‘เวอร์ชันเดียวที่สามารถแข่งกับฉู่ขวงและอี้อันได้…’
แม้ว่าจะแฝงด้วยคำพูดเชิงเหยียดหยามในบรรดาคนวรรณกรรม แต่อู๋จี๋ก็ยังคงยอมรับคำวิจารณ์นี้ด้วยความยินดี
เขายอมรับว่าเวอร์ชันของฉู่ขวงและอี้อันนั้นคลาสสิกมาก ไม่ได้ด้อยไปกว่าฉบับโบราณซึ่งได้รับการสืบทอดมาจนถึงปัจจุบันเลย
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะด้อยกว่าสองคนนี้
กวีนิพนธ์สือมีหลากหลายรูปแบบ ผีเสื้อรักบุปผาเป็นเพียงรูปแบบหนึ่งเท่านั้น
ในแต่ละรูปแบบของกวีนิพนธ์สือ แต่ละคนจะแสดงศักยภาพที่แตกต่างกันออกมา
ลำพังกวีนิพนธ์สือประเภทเดียวไม่สามารถบอกบ่งชี้ถึงฝีมือของผู้ประพันธ์ได้อย่างแท้จริง
ตัวอย่างเช่นกวีนิพนธ์สือประเภททำนองวารี ขอเราคงอยู่ชั่วนิรันดร์ของเซี่ยนอวี๋นั้นไร้เทียมทาน!
อี้อันและฉู่ขวง หรือแม้แต่ตัวเขาเอง ไม่มีใครเขียนกวีนิพนธ์สือทำนองวารีได้ดีไปกว่าเวอร์ชันของเซี่ยนอวี๋
บทกวีนั้นของคนเขาแตะถึงขั้นสุดยอดแล้ว!
ในความเป็นจริง
บรรดายอดกวีทั้งหลายรวมไปถึงซินชี่จี๋ ก็เคยเขียนทำนองวารี แต่ระดับความคลาสสิกนั้นไม่อาจเทียบเทียมซูตงพัว
แต่ใครเล่าจะกล้าพูดว่าฝีมือของซินชี่จี๋สู้ซูตงพัวไม่ได้
ในบรรดากวีนิพนธ์สือบางประเภท ฝีมือของซินชี่จี๋ก็อยู่ระดับไร้เทียมทานทีเดียว!
เช่น ‘รื้อกระบวนทัพ’
หรือ ‘คดีหยกเขียว’
ในเวลานี้
ทั้งอู๋จี๋ อี้อัน และฉู่ขวงต่างก็กำราบคนอื่นๆ ในประเภทผีเสื้อรักบุปผาได้!
บางที
หนังสือเรียนในอนาคตอาจปรากฏบทกวีผีเสื้อรักบุปผาทั้งสามบทนี้ ซึ่งได้แก่ของเขา ของฉู่ขวง และของอี้อันก็ป็นได้
เรื่องนี้มีกรณีตัวอย่าง
ยกตัวอย่างเช่น หนังสือเรียนระดับมัธยมต้นปีที่หนึ่งของฉีโจวในปัจจุบันมีบทกวี ‘คะนึงหาไม่รู้สิ้น’ ทั้งหมดสามบท ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่มีความคลาสสิกใกล้เคียงกัน
ถ้าไม่ได้รับเลือกให้บรรจุเข้าตำราเรียน จะใส่เข้าไปในหนังสืออ่านนอกเวลาก็ได้
ไม่ว่าอย่างไร ถ้าหากต้องการเปรียบเทียบผลงานของคนวรรณกรรมรุ่นใหม่ ผีเสื้อรักบุปผาของเขาได้เข้าสู่สามอันดับแรกอย่างมั่นคง!
แม้แต่เพื่อนสนิทมิตรสหายบางคนยังโทรมาแสดงความยินดี
“เวอร์ชันของคุณผีเสื้อรักบุปผายอดเยี่ยมมาก แทบไม่ได้เป็นสองรองจากอี้อันกับฉู่ขวงเลย”
“ยังด้อยกว่าเล็กน้อย”
อู๋จี๋เอ่ยอย่างถ่อมตัว บางทีอาจไม่ได้ถ่อมตัวจริงๆ เพราะมันด้อยกว่าอีกสองบทแรกเล็กน้อยจริงๆ
“ไม่ว่ายังไงในบรรดาเวอร์ชันของคนวรรณกรรมยุคปัจจุบัน ผีเสื้อรักบุปผาของคุณก็เป็นสามอันดับแรก”
“เรื่องนี้พูดยาก ถ้าหลังจากนี้ยังมีเวอร์ชันที่ยอดเยี่ยมกว่านี้ออกมาอีกล่ะ”
แม้อู๋จี๋จะเอ่ยเช่นนั้น ทว่าอันที่จริงในใจเขาไม่ได้คิดเช่นนั้น ในครั้งนี้เขาถ่อมตัวจริงๆ
การสร้างสรรค์บทกวีที่ยอดเยี่ยมไม่เพียงต้องอาศัยพรสวรรค์ แต่ยังต้องอาศัยแรงบันดาลใจอีกด้วย และของอย่างแรงบันดาลใจก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจไขว่คว้าได้ง่ายๆ ต่อให้เป็นผู้ที่เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ก็ตาม
ไม่เช่นนั้น เหตุใดในประวัติศาสตร์จึงมีผลงานระดับเพชรน้ำเอกได้เล่า?
สิ่งที่เรียกว่าระดับเพชรน้ำเอก คือการที่ผลงานประเภทหนึ่งๆ แตะถึงขีดจำกัด
แม้แต่ผู้ประพันธ์ผลงานชิ้นนั้นก็ไม่สามารถก้าวข้ามตนเองได้อีก เพราะประกายไฟแห่งแรงบันดาลใจนั้นอาจปรากฏขึ้นเพียงครั้งเดียวในชีวิตของใครหลายคน
“หลังจากนี้คงไม่มีใครที่ยอดเยี่ยมกว่านี้แล้ว”
เพื่อนเอ่ยอย่างสะท้อนใจ นี่คือบุคลากรสายวรรณกรรมแนวหน้า “ซานเปิ่นซึ่งเป็นที่รู้จักในนามเจ้าชายน้อยแห่งกวีนิพนธ์สือก็พ่ายแพ้เหมือนกัน เวอร์ชันที่เขาเขียนคุณก็อ่านแล้ว เขียนได้ดีมากก็จริง แต่กลับเป็นรองเมื่อเทียบกับเวอร์ชันของพวกคุณ”
อู๋จี๋หัวเราะ รู้สึกกระหยิ่มใจอยู่บ้าง
คนสายวรรณกรรมมีอุดมคติอันสูงส่ง แต่กลับชื่นชอบคำชมเชยทางอ้อมในลักษณะนี้ ถึงขั้นที่หลงใหลในความรู้สึกเหล่านี้เสียด้วยซ้ำ และมัวเมาในความรู้สึกนี้ได้ง่าย นี่คือหนึ่งในแรงผลักดันในการสร้างสรรค์ผลงานของพวกเขา
ผู้สร้างสรรค์ผลงานมักกล่าวว่า พวกเขาสร้างสรรค์ผลงานเพื่อแสวงเสียงสะท้อนจากผู้อ่าน
ใช่ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด
การสร้างสรรค์ผลงานที่สร้างแรงบรรดาลใจนั้นก็เป็นสิ่งที่พวกเขาเสาะแสวงหาเช่นเดียวกัน
นั้นทำให้พวกเขาได้รับการเติมเต็มในระดับจิตวิญญาณ
และขณะที่เขากำลังจะวางสาย
จู่ๆ เสียงของเพื่อนก็เปลี่ยนไป ราวกับว่ามีเรื่องที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น
“เซี่ยนอวี๋…”
“อะไร”
อู๋จี๋สะดุ้งเล็กน้อย
เพื่อนเงียบไปสักพัก อู๋จี๋ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น ขณะที่เขาต้องการซักไซ้ เพื่อนก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงซับซ้อน
“คุณพูดถูก ในวงการกวีนิพนธ์สือทุกวันนี้มีรุ่นน้อยที่เก่งๆ เยอะแยะ”
“ผมพูดอะไรถูก?”
“คุณบอกว่า ถ้าหลังจากนี้ยังมีผีเสื้อรักบุปผาเวอร์ชันที่ยอดเยี่ยมกว่านี้ออกมาอีกล่ะ”
“ผม…”
อู๋จี๋ดวงตาเบิกกว้าง!
คุณหมายความว่ายังไง!
ผมพูดแบบนั้นเพื่อถ่อมตัวต่างหาก!
ชาวเน็ตไม่ได้ล่วงรู้ถึงความคิดของอู๋จี๋ แต่คล้ายกับว่าเขาจะสัมผัสถึงบางอย่างได้ “เวอร์ชั้นนี้เข้าไปอยู่ในสามอันดับแรกกับอี้อันและฉู่ขวงได้เลย!”
สามอันดับแรก?
แล้วฉันล่ะ?
อู๋จี๋ตื่นตระหนก “คุณพูดถึงใคร”
เพื่อนถอนหายใจ “เมื่อกี้เซี่ยนอวี๋ก็เขียนผีเสื้อรักบุปผา เขียนได้ดีมากจริงๆ”
“…”
ห้านาทีต่อมา
อู๋จี๋จ้องมองที่หน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างตะลึงงัน ความรู้สึกผิดหวังอย่างรุนแรงถั่งโถมขึ้นในใจ
เบื้องหน้าคือบล็อกของเซี่ยนอวี๋
ในนั้นมีกวีนิพนธ์สือบทหนึ่งเขียนไว้ว่า
ลึกลงเท่าใดในลานบ้าน ต้นหลิวลู่หมู่ควันโชย ทิวม่านระย้า เกือกหยกอานม้าปักรังรองหยุดหน้าแหล่งเริงรมณ์ แม้นปีนสูงก็มิอาจพิศดูถนนจางไถ
ลมซ้ำพิรุณซ้ำปลายเดือนสาม ประตูบดบังยามสายัณห์ มิอาจเหนี่ยวรั้งวสันตฤดู น้ำตารินไหลไต่ถามบุปผา กลีบดอกปลิวละลิ่วผ่านชิงช้า