Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 259 สายน้ำไม่มีวันหวนคืน
ในเมื่อฉู่โจวยังไม่ได้เข้าร่วมการผนวกดินแดน ย่อมไม่มีประโยชน์ที่จะขบคิดปัญหาเหล่านี้ในตอนนี้ ถึงอย่างไรก็ขายลิขสิทธิ์ในการดัดแปลงอนิเมชันให้เสินอี้ไปแล้ว ต้นฉบับนั้นสนุกมาก หลังจากนี้ต้องรอดูว่าฝีมือของฝั่งผู้ผลิตจะเป็นอย่างไรแล้ว…
ขณะที่หลินเยวียนกำลังขบคิดอยู่นั้น
ก็มีเสียงดังมาจากด้านนอก
ที่แท้เหล่าโจวก็มาหา
เมื่อเหล่าโจวเข้ามาในห้อง ด้านข้างมีอู๋หย่งซึ่งเพิ่งเดินออกไปจากห้องทำงานของหลินเยวียนได้ไม่นานติดตามมาด้วย เพียงแต่ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น สีหน้าของอู๋หย่งในตอนนี้จึงแลดูกระอักกระอ่วนอยู่สักหน่อย
“หัวหน้า”
หลินเยวียนเอ่ยทักทาย
ไม่จำเป็นต้องให้เขาพูดอะไรมาก ผู้ช่วยกู้ตงซึ่งประจำการหน้าประตูของหลินเยวียนก็ชงชาให้พวกเขาอย่างคล่องแคล่ว เหล่าโจวพูดไปตามตรง “เพลงของหลานเหยียนนายไม่ต้องกังวลไป”
“หืม?”
หลินเยวียนชะงัก
เขาเพิ่งจะควักเงินจ่ายไป…
เพลงฉันสั่งทำเสร็จแล้ว จ่ายเงินก้อนใหญ่ไปสามล้านหยวน แต่หัวหน้ากลับมาบอกว่าไม่ต้องกังวลเนี่ยนะ?
“ฉันผิดเอง”
อู๋หย่งซึ่งอยู่ด้านข้างเอ่ยด้วยสีหน้าลำบากใจ “พวกเรากับแผนกประพันธ์เพลงชั้นบนถึงแม้จะเป็นเพื่อนร่วมงานกัน แต่ก็มีการแข่งขันกันอยู่ ผมเลยแอบคิดว่าถ้าครั้งนี้ตัวแทนหลินสามารถทำเพลงที่บริษัทต้องการได้สำเร็จ จะสร้างชื่อให้ชั้นเก้าของเราได้ ปรากฏว่างานนี้มีพ่อเพลงรับไปแล้วครับ…”
“ต่อไปอย่าทำอะไรโดยพลการอีก”
เหล่าโจวถลึงตาใส่อู๋หย่งอย่างไม่สบอารมณ์นัก “เพลงนี้จะปล่อยในเดือนธันวา! เดือนธันวาเดิมทีก็ได้ชื่อว่าเป็นมหาศึกระหว่างเทพเซียนอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงที่ตอนนี้ที่เดือนธันวาถูกกำหนดให้เป็นปลายปีอย่างเป็นทางการ ราชาราชินีเพลงที่ขึ้นสังเวียนมีแต่จะเพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน นับประสาอะไรกับเพลงที่มีความสำคัญในการแลกเปลี่ยนดนตรีหลังจากการผนวกรวมของฉินฉีในครั้งนี้…นายคิดว่าบริษัทเลี้ยงพ่อเพลงเอาไว้ทำไมล่ะ”
อู๋หย่งตัวสั่นเทิ้ม
ถ้าพ่อเพลงออกโรง ต่อให้เป็นหลินเยวียนก็อาจสู้ไม่ไหว อย่าว่าแต่นักร้องระดับราชาเพลงเลย ต่อให้เป็นนักร้องทั่วไป ไม่บอกก็รู้ว่าจะเลือกอะไร
ถ้าหากเหล่าโจวไม่ได้มาเตือนสติไว้ทัน อู๋หย่งคงจะทำให้หลินเยวียนเสียเวลาอันมีค่าไปโดยเปล่าประโยชน์แล้ว
“…”
หลินเยวียนพอจะฟังเข้าใจแล้ว
บทเพลงในครั้งนี้อาจมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด บริษัทจึงส่งพ่อเพลงออกโรง เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ไม่ว่าตนจะพยายามอย่างไรก็เสียเวลาเปล่า
ไม่ว่าอย่างไรในสายตาของคนอื่นๆ ก็เป็นเช่นนี้
เหล่าโจวยังแสดงความคิดเห็นของตน
“ตอนนี้ปลายเดือนตุลาคม เพลงจะต้องปล่อยในเดือนธันวา มีเวลาผลิตงานไม่ถึงสี่สิบวัน นายต้องถ่ายหนัง จะเอาเวลาที่ไหนไปเขียนเพลง ปกติพ่อเพลงเองก็ปล่อยเพลงออกมาน้อยอยู่แล้ว พวกเขามีเพลงในสต็อก เพราะฉะนั้นงานนี้เจิ้งจิงเลยรับไปแล้ว นายน่าจะรู้จักเจิ้งจิงใช่ไหม”
“ครับ”
หลินเยวียนพยักหน้า
พ่อเพลงเพียงคนเดียวที่หลินเยวียนเคยสนทนาด้วยคือเจิ้งจิง เธอเป็นนักประพันธ์เพลงหญิงซึ่งอยู่ระดับพ่อเพลงเพียงคนเดียวในสตาร์ไลท์ ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งเข้ามาในแผนกประพันธ์เพลง วันที่เข้าไปในกลุ่มแช็ตใหญ่ของแผนกประพันธ์เพลง ก็ได้พูดคุยกับอีกฝ่ายเล็กน้อย
“โชคดีที่มาทันการ นายยังไม่ได้เริ่มทำงาน ไม่งั้นอู๋หย่งคงทำให้นายเสียเวลาเปล่าแล้ว”
เหล่าโจวชำเลืองมองอู๋หย่งอีกครั้ง ก่อนจะหันมามองพลางเอ่ยกับหลินเยวียนอย่างยิ้มแย้ม “นายถ่ายทำหนังของตัวเองอย่างสบายใจเถอะ บริษัทสามารถพึ่งพาชื่อเสียงของหนังเรื่องนี้ได้”
หลินเยวียน “…”
ในสายตาของเหล่าโจว เขาคิดว่าตนมาถึงทันเวลาพอดี แทบจะทันทีที่ได้รู้ข่าวจากอู๋หย่ง เขาก็รุดมาห้ามปรามหลินเยวียนไว้ทันที
แต่เหล่าโจวกลับเดาไม่ออกว่า ภายในระยะเวลาอันสั้นเพียงชั่วลัดนิ้วมือ หลินเยวียนก็เตรียมเพลงไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว!
เตรียมเพลงไว้เสร็จสรรพ แล้วจะให้หลินเยวียนโยนทิ้งไปง่ายๆ?
ไม่มีทาง
ถ้าเป็นเพลงอื่น หากต้องเผชิญหน้ากับพ่อเพลงซึ่งออกโรงด้วยตัวเอง หลินเยวียนอาจไม่มั่นใจว่าจะทำสำเร็จได้จริง ถึงขั้นที่อาจคิดยอมแพ้ด้วยซ้ำไป
เพราะหลินเยวียนมีการ์ดตัวละครหยางจงหมิง เคยสัมผัสประสบการณ์มานับครั้งไม่ถ้วน จึงรู้ว่าฝีมือของพ่อเพลงนั้นน่าสะพรึงกลัวขนาดไหน
แต่ครั้งนี้เพลงที่หลินเยวียนสั่งทำออกมาคือเพลงตะวันฉาย!
ถ้าหากเพลงมีการแบ่งระดับ เพลงตะวันฉายก็คงอยู่ระดับสูงสุดเลยล่ะ!
บทเพลงระดับนี้ ต่อให้เป็นพ่อเพลงก็ผลิตเพลงนี้ออกมาได้ไม่ง่าย!
นี่เป็นข้อสรุปที่หลินเยวียนได้จากประสบการณ์ในการใช้การ์ดตัวละครหยางจงหมิง
เหล่าโจวไม่ได้ล่วงรู้ถึงความคิดของหลินเยวียน
เขายังคงพรรณนาต่อไป “ถ้าเจอเรื่องยุ่งยากอะไรตอนถ่ายหนังก็มาบอกฉันได้ ฉันเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายจิตใจนาย เรื่องเพลงของงานนี้บริษัทมีแนวคิดของตัวเองอยู่แล้ว นายเข้าร่วมไปก็มีแต่จะเปล่าประโยชน์ เพราะราชาเพลงของบริษัทอื่นก็ใช้พ่อเพลงเหมือนกัน ยังไงซะนี่ก็เป็นช่วงเวลาพิเศษของกิจกรรมครบรอบหนึ่งปีที่ฉินฉีผนวกรวมกัน”
“ครับ”
หลินเยวียนไม่ได้หยิบยกเหตุผลมาโต้แย้ง
ไม่ว่าเหล่าโจวจะพูดอย่างไร เขาก็จ่ายเงินสั่งผลิตเพลงไปแล้ว
เมื่อถึงตอนนั้นเขาค่อยส่งเพลงให้หลานเหยียน ให้หลานเหยียนเลือกเองก็ได้ เพลงตะวันฉายไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวพ่อเพลง
หลังจากเหล่าโจวออกไป
อู๋หย่งก็คอตก กล่าวว่า “ตัวแทนหลิน เรื่องนี้ต้องโทษที่ผมไม่คิดให้รอบคอบ เดือนธันว่าปีนี้เป็นมหาสงครามของเทพเซียน ต้องมีราชาเพลงลงสนามพร้อมกันเยอะมากแน่ๆ และพวกเขาก็คงจะมีพ่อเพลงอยู่เบื้องหลังการสร้างสรรค์ผลงานด้วย”
บริษัทยอมรับในฝีมือการเขียนเพลงของหลินเยวียน
ทว่าสถานะสูงสุดที่บริษัทมอบให้หลินเยวียนก็เป็นเพียง ‘พ่อเพลงตัวน้อย’
เขาโดดเด่นกว่านักประพันธ์เพลงมือทองมาก แต่เมื่อเทียบกับพ่อเพลงแล้ว กลับยังห่างไกลอยู่หลายช่วงถนน
นั่นทำให้เห็นได้ชัดว่าในบริษัท หรือแม้แต่ทั่วทั้งอุตสาหกรรม หลินเยวียนในตอนนี้มีศักยภาพเพียงแค่เป็นพ่อเพลงในอนาคตเท่านั้น
หลินเยวียนพยักหน้า แต่ยังไม่ยอมจำนน
เมื่อนับรวมระบบแล้ว ถ้าหากเปิดใช้งาน หลินเยวียนอาจเป็นพ่อเพลงที่แข็งแกร่งที่สุดบนบลูสตาร์ก็ได้
แต่ถ้าไม่เปิดใช้งาน ระดับความสามารถของหลินเยวียนก็เทียบพ่อเพลงไม่ติดจริงๆ
หลินเยวียนเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “ที่หัวหน้าพูดเมื่อกี้ ไม่ได้มีแค่ราชาเพลงบริษัทเราที่เข้ารวมกิจกรรมปีนี้เหรอครับ”
“ใช่ครับ”
อู๋หย่งปรับอารมณ์เล็กน้อย เอ่ยว่า “จะว่าไปแล้ว ราชาเพลงของมณฑลฉินเราที่จะเข้าร่วมกิจกรรมในปีนี้มี เป็นคนที่คุ้นเคยกับตัวแทนหลินอยู่เหมือนกัน”
“ใครครับ”
“ราชาเพลงเฟ่ยหยาง จากเซวี่ยนล่านเอนเตอร์เทนเมนต์”
หลินเยวียนชะงักไป “เป็นคนที่เจอเฉินจื้ออวี่ครั้งก่อน…”
หลินเยวียนก็ติดตามข่าวสารบ้างเป็นครั้งคราว ย่อมรู้เรื่องที่ครั้งก่อนเฉินจื้ออวี่และเฟ่ยหยางชิงอันดับหนึ่งกัน
“ใช่ครับ”
อู๋หยงหัวเราะอย่างอดไม่ได้ “ลูกคนรองตลอดกาลเอาชนะราชาเพลงได้ ข่าวในตอนนั้นดังมากเลยไม่ใช่เหรอครับ แต่เพลงเปลี่ยนตัวเองคุณภาพสูงจริงๆ บวกกับมีการรับรองจากทางการอีก พวกเราถึงได้ชนะ ถ้าครั้งนี้ไม่ได้มีพ่อเพลงออกโรงเองละก็ ผมว่าเราก็ยังพอมีหวังที่จะชนะอีกครั้งนะครับ”
หลินเยวียนถาม “เฟ่ยหยางก็จะใช้เพลงของพ่อเพลงเหรอครับ”
อู๋หย่งพยักหน้า “หัวหน้าโจวเป็นคนบอกเอง ว่าพ่อเพลงเป็นคนเขียนผลงานครั้งนี้ของเฟ่ยหยาง นี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำไมเราให้พ่อเพลงออกโรง”
“อ้อ”
หลินเยวียนดื่มชาหนึ่งคำ
อู๋หย่งพูดอย่างรู้ตัว “งั้นผมขอตัวก่อน เรื่องวันนี้ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ครับ…”
“ไม่เป็นไรครับ”
หลังจากที่อู๋หย่งออกไป หลินเยวียนครุ่นคิด กดปุ่มสีน้ำเงินด้านขวาโต๊ะทำงาน นี่เป็นอุปการณ์สำหรับสื่อสาร
“เข้ามาหน่อยครับ”
อุปกรณ์นี้ใช้สำหรับติดต่อกับกู้ตงซึ่งอยู่ด้านนอกแบบเรียลไทม์
ไม่นานกู้ตงก็เดินเข้ามา เอ่ยอย่างสุภาพ “ตัวแทนหลิน มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ”
หลินเยวียนครุ่นคิด “หลังจากนี้สองสัปดาห์ รบกวนติดต่อหลานเหยียนหน่อยครับ”
ตอนนี้เขาเป็นตัวแทนของแผนกประพันธ์เพลงชั้นเก้า คิดจะติดต่อนักร้องเบอร์ต้นๆ ของบริษัทสักคนย่อมไม่ใช่เรื่องยาก
กู้ตงชะงัก “หัวหน้าโจวไม่ได้บอกว่า…”
เมื่อครู่นี้จากบทสนทนาหลังจากโจวรุ่ยหมิงกับอู๋หย่งเข้ามา กู้ตงก็ได้ฟังเรื่องราวมาบ้างแล้ว
หลินเยวียนยกยิ้มอย่างที่เห็นได้ยาก “สายน้ำไม่มีวันหวนคืนครับ”
…………………………………………………………..