Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี - ตอนที่ 326
บทที่ 326 – วันสิ้นโลก (2)
ถึงแม้ว่าแต่ล่ะกองกำลังจะมีการปะทะกันครั้งใหญ่อยู่ แต่ก็ไม่ใช่ว่ากองกำลังเหล่านั้นจะปล่อยให้โลกต่างๆว่างเปล่าไปซะหมด ยังไงก็ตามมิเรย์ไม่ได้สร้างประตูมิติแค่แห่งเดียว แต่เธอได้ได้สร้างประตูมิติหนึ่งร้อยบานที่เชื่อมต่อไปในโลกที่ต่างกันหนึ่งร้อยโลก
[นะ นี่มันอะไรกัน!?]
[ท่านซาตานเพิ่งจะ… บ้าเอ้ย นี่มันคนที่ฉันรู้จักนี่!]
[ยูอิลฮาน เป็นยูอิลฮาน! เวรเอ้ย พวกเขารู้ถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นแล้ว!]
หากมีสิ่งมีชีวิตชั้นสูงสิบคนในแต่ล่ะโลกก็รวมเป็นพันคน และหากมีร้อยคนต่อหนึ่งโลกก็จะรวมเป็นหนึ่งหมื่นคน นี่มันเป็นจำนวนที่มากเกินกว่าที่กองกำลังในปัจจุบันของดาเรย์จะเผชิญหน้าได้ แต่โชคดีที่ว่าที่ดาเรย์มียูเรียลที่อยู่ในคลาส 8 รวมไปถึงคนอื่นๆที่มีพลังเทียบเท่าคลาส 7 อยู่เป็นจำนวนมาก
[นับจากนี้ต่อไปมานาของพวกนายจะไม่มีวันหมดลง]
ยูอิลฮานได้พูดต่อไปทั้งๆที่มองดูสิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่ยังอ้าปากค้างอยู่
[เพราะงั้นโจมตีไปเรื่อยๆโดยไม่ต้องสนใจผลข้างเคียง ฉีกกระชากทุกๆอย่างที่เข้ามา ส่วนที่เหลือฉันจะจัดการให้เอง]
เมื่อยูอิลฮานพูดจบเขาก็ได้ขว้างหอกเพลิงในมือออกไป เมื่อมาถึงหน้าประตูมิติหนึ่งร้อยบานหอกก็ได้แยกออกเป็นเจ็ดอันและเข้าไปฆ่าสิ่งมีชีวิตชั้นสูงภายในประตูมิติแต่ล่ะบาน ผลจากการโจมตีเพียงครั้งเดียวนี้ก็คือ
[ได้รับอำนาจเหนือโลกระดับสูงฟอลเลนอีดิทที่ถูกปกครองโดยกองทัพจรัสแสง กำลังดำเนินการหลอมรวม]
[ได้รับอำนาจเหนือโลกระดับสูงดีเชสที่ถูกปกครองโดยกองทัพสวรรค์…]
[ได้รับอำนาจเหนือโลกระดับสูง….]
เขาสามารถจะรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวของเปลือกโลกดาเรยืได้เลย ประตูมิติที่เชื่อมไปสู่เจ็ดโลกไดด้ปิดลงจากการเสียเจ้าของไปในทันที และโลกระดับสูงเหล่านี้ก็ได้มีเจ้าของคนใหม่พร้อมปรากฏขึ้นมาข้างๆดาเรย์และเริ่มการหลอมรวมเข้ากับดินแดนนี้
นี่คือการหลอมรวมมิติขนาดใหญ่ที่ไม่เคยมีหัวหน้ากองกำลังคนไหนเคยคิดเคยฝันมาก่อน! นี่แหละคือสิ่งที่ยูอิลฮานกำลังทำ
“อ๊ากกกกก ปวดหัวววว”
“ทนไว้มิสทิค ยังมีโลกเหลืออยู่อีก 22,993 โลก”
“โอโรจิ เจ้าบ้าาาา!”
มีโลกระดับสูงเจ็ดโลกกำลังหลอมรวมเข้ากับดาเรย์ มันไม่มีทางที่เธอจะไม่ได้รับภาระทางจิตใจแน่อยู่แล้ว! ยูอิลฮานได้รับเอาภาระส่วนใหญ่มาไว้กับตัวเขาเองมากเท่าที่สกิลปกครองของเขาสามารถจะจัดการได้ มีแค่บางส่วนที่เขาไม่อาจจะจัดการได้เท่านั้น เขาถึงจะส่งไปให้มิสทิค
ยังดีที่เขาได้อัพเกรดตัวเธอขึ้นมาก่อน แล้วก็ยังดีที่เขาได้ทำอาร์ติแฟคระดับเทพให้กับเธอ!
“โลกได้กว้างใหญ่ขึ้นแล้ว”
“ในที่สุดแล้วฉันก็ได้เข้าใจสิ่งที่หัวหน้ากำลังทำอยู่ นี่มัน…!”
พรมได้ขยายออกไปดูดซับผืนดินใหม่ที่หลอมรวมเข้ากับโลกด้วยความเร็วที่สูงมาก และมานาที่ถูกพรมดูดมาก็ถูกส่งมาให้ยูอิลฮาน มิสทิคแล้วก็คนอื่นๆ
พรมได้เปิดใช้งานเวทย์ๆหนึ่ง นี่คือเวทย์การดูด เป็นการฝืนดูดเอาสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกทั้ง 93 โลกที่ถูกประตูมิติเชื่อมต่อเพื่อดึงคนพวกนี้กลับมาที่ดาเรย์!
“จะไม่มีใครรอดไปได้!”
ฉากที่ไม่น่าเชื่อได้เกิดขึ้นมาแล้ว สิ่งมีชีวิตชั้นสูงทั้งหมดที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของประตูมิติได้ถูกพลังแห่งการดูดดูดเข้ามาที่ดาเรย์โดยไม่อาจจะต่อต้านได้เลย
พวกเขาต่างก็ตื่นตระหนกและตกใจ ยิ่งหลังจากได้เห็นสมาชิกดราก้อนเนสมองมาที่พวกเขาด้วยจิตสังหารก็ได้ทำให้พวกเขารู้สึกถึงอันตรายแล้ว แต่ว่านี่ก็สายเกินไปแล้วด้วย
“ทุกคนบุกกกกกกกกกก!”
“โอ้วววววววววว!”
[กรรรรรรรรรรรรรร!]
เสียงตะโกนจากเลียร่าเป็นการให้สัญญาณทำให้ทุกๆคนพุ่งออกไปข้างหน้า ภาพที่เหล่าคนนับพันได้พุ่งเข้าไปปะทะกับสิ่งมีชีวิตชั้นสูงโดยไร้ซึ่งความกลัวแม้แต่นิดเดียวได้เกิดขึ้นมาตรงหน้านี้
[ต้นกล้าพวกนี้บ้าไปแล้ว…!]
[นี่นายตั้งใจจะทำให้ทุกๆกองกำลังเป็นศัตรูนะ! ที่นี่พวกเราอาจจะแพ้ แต่ว่ากองทัพที่ท่านซาตานนำจะมาที่นี่ในอีกไม่นาน…]
“ไว้ติดต่อหัวหน้าพวกนายได้ค่อยมาพูดนะ!”
[มะ ไม่นะ! ตอนนี้ท่านซาตาน….]
“ย๊ากกกกกกกกกกก!”
หอกคลื่นกระแทก เวทย์น้ำแข็ง เพลิงจากมังกร รวมไปถึงกงจักรน้ำที่ตัดส่วนต่างๆ ทั้งทูตรสวรรค์และเทวดาตกสวรรค์ก็ยังต่อสู้กลับมาเพราะไม่อยากจะตายที่นี่ แต่ว่าปัญหาของพวกเขาก็คือสนามที่ต่อสู้กันก็คือที่ดาเรย์
“อึก… พวกนายแกร่งขึ้นแล้ว บุกไป!”
“พวกเราแกร่งขึ้น!?”
“นี่มันพลังของพรม!”
ด้วยสกิลจ้าวมิติทำให้ยูอิลฮานสามารถจะลดพลังของผู้บุกรุกทั้งหมดที่เขามาได้ และเขายังสามารถจะเพิ่มพลังให้กับทุกๆคนที่ปกป้องดาเรย์ได้ด้วย
นอกไปจากนี้ยังมีการสนับสนุนจากสกิลประจักษ์แจ้งและพรมทำให้มังกรที่มีเลเวลเกือบจะถึง 250 อยู่แล้วได้ถูกเสริมพลังขึ้นไปจนสามารถจะกัดฉีกกระชากสิ่งมีชีวิตชั้นสูงจนตายได้เลย!
“พวกเราทำได้! พวกเราเอาชนะได้!”
“ขับไล่พวกมันไป! ฆ่าพวกมัน! ดาเรย์กำลังขยายตัว!”
ทุกๆครั้งที่สิ่งมีชีวิตชั้นสูงในโลกใบหนึ่งได้ถูกกำจัดออกไปจนหมด อำนาจในการควบคุมโลกใบนั้นจะถูกส่งต่อมาให้ยูอิลฮานและโลกใบนั้นก็จะหลอมรวมเข้ากับดาเรย์ในทันที พรมก็ยังเพิ่มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในทุกๆครั้งที่มันขยายขนาดออกไป และเพราะมีมานามากขึ้นจากการหลอมรวมทำให้มันคนอื่นๆทรงพลังขึ้นอีก
“หัวฉันรู้สึกเหมือนจะระเบิดแล้ว! อ๊ากกกก! โอโรจิ โอโรจิ!!!”
“ชิ นายท่าน! ฉันคิดว่าเธอคนนี้ใกล้จะตายแล้ว”
“ฉันก็คิดว่าฉันก็ใกล้จะตายแล้วเหมือนกัน ให้ตายสิ! อ๊ากกก! เละเทะไปหมดแล้ว! มันยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำนะ!”
เมื่อประตูมิติได้หายไปประมาณสามสิบบาน นั่นก็หมายความว่ามีโลกระดับสูงประมาณสามสิบโลกได้หลอมรวมเข้ากับดาเรย์ เพราะแบบนี้ทำให้ในที่สุดก็เกิดมหาภัยพิบัติขั้นที่ 7 ขึ้นจากการที่มีมานาถูกสร้างขึ้นมาจากการหลอมรวมจำนวนมากและการพัฒนาขึ้นของดาเรย์!
ยูอิลฮานได้มองลงไปที่เปลือกโลกที่กำลังสั่นไหวและรู้ได้ว่านี่มันถึงเวลาที่เขาจะต้องเปิดใช้ไพ่ใบแรกที่เก็บไว้แล้ว เขาได้ตะโกนออกมาโดยไม่ลังเลใดๆ
[คงสภาพป้อมปราการเอาไว้! โลกใบนี้จะวิวัฒนาการขึ้นเป็นป้อมปราการรบ! ฉันได้ตัดสินใจทิศทางการเติบโตของโลกแล้ว เพราะงั้นต้องคงสภาพปัจจุบันของโลกใบนี้เอาไว้!]
ประกาศิตของยูอิลฮานดูจะไม่มีผลอะไรกับภายนอกเลย แต่ยังไงก็ตามนี่มันจะทำให้สิ่งต่างๆน่ากลัวยิ่งขึ้น โลกใบนี้กำลังอยู่ภายใต้มหาภัยพิบัติขั้นที่ 7 และแทบไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น!
โลกใบนี้ก็แค่ขยายขนาดขึ้นตามที่ยูอิลฮานต้องการเท่านั้น ความหนาแน่นของมานาในชั้นบรรยากาศได้เพิ่มมากยิ่งขึ้นและสร้างเป็นมานาส่งไปให้ยูอิลฮานผ่านประกาศิตมากขึ้น
เมืองได้ขยายขนาดขึ้นมา และป้อมปราการผู้พิทักษ์และป้อมปราการลอยฟ้าที่เชื่อมต่อกับเมืองก็ได้วิวัฒนาการเพิ่มพลังขึ้นเช่นกัน มิสทิคที่เป็นศูนย์ของระบบทั้งหมดนี้ได้แต่ต้องกัดฟันเอาไว้ ยูอิลฮานก็ได้ปลอบเธอออกมา
“หลังจากเธอทนผ่านเรื่องนี้ไปได้มันจะดีขึ้นเอง!”
“โกหก นายท่านโกหก!”
โลกที่กว้างใหญ่อยู่แล้วได้ขยายขนาดขึ้นตลอดเวลาและความหนาแน่นของมานาก็กำลังเพิ่มขึ้น ฝั่งผู้คนของดาเรย์ที่กำลังสู้อยู่ได้ถูกเสริมพลังมากขึ้นตลอดเวลา ในขณะที่ฝั่งที่ถูกบังคับดูดเข้ามาในดาเรย์ได้อ่อนแอลงตลอดเวลา
ในเวลาเดียวกันคังมิเรย์ก็ตะโกนเร่งออกมาจนเหมือนเสียงกรีดร้อง
“ห้านาทีแล้วนะ! อิลฮาน พวกเรายังจัดการประตูมิติไปได้ไม่ถึงครึ่งเลย… เราจะไปกันต่อเลยไหม”
“ฝากด้วยนะมิเรย์”
ยูอิลฮานได้จับหัวเอาไว้และตะโกนออกมา
“เปิดอีก! มาอีกหนึ่งร้อยบาน”
“อ๊าาา โอเค!”
“ท่านหญิงเรย์น่าาาาา! ทำอะไรซักอย่างที! นี่มันบ้ากันไปหมดแล้ววววว!”
คังมิเรย์ได้เปิดใช้งานมหาเวทย์ของเธอในขณะที่นายูนาได้ร้องเรียกเทพธิดาของเธอ ในเวลาต่อมาก็ได้มีประตูมิติถูกเปิดขึ้นพร้อมๆกันอีก 100 บาน
[จู่ๆเกิดอะไรขึ้นกัน… อย่าบอกนะว่ามีศัตรูบุกมาโลกนี้ด้วย…?]
[นั่นมันอะไรน่ะ? ไม่นะ ฉันเหมือนเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน… ยู ยูอิลฮาน!? อย่าบอกนะว่าที่นี่คือ!?]
ดาเรย์ได้สร้างแรงดึงดูดที่มหาศาลขึ้นอีกครั้งต่อให้จะเผชิญกับมหาภัยพิบัติขั้นที่7 อยู่ก็ตาม เหล่าศัตรูของโลกที่เปิดขึ้นมาใหม่ต่างก็ถูกดูดเข้ามาโดยไร้ข้อยกเว้นเช่นเดียวกัน พวกเขาได้ถูกดึงเข้ามาในดาเรย์ทั้งๆที่ไม่เข้าใจสถานการณ์อะไรเลยด้วยซ้ำ เลียร่าได้ตะโกนขึ้นมา
“สู้! สู้แล้วก็อย่าตาย! พวกเราต้องทำแบบนี้อีกสองร้อยกว่าครั้ง!”
“พวกเราจะตาย… ถ้าเป็นแบบนี้พวกเราจะตายจริงๆแน่”
ท่ามกลางมหาภัยพิบัติขึ้นที่ 7 ทั้งหุบเขาและเมืองที่ยูอิลฮานสร้างขึ้นได้มีความหนาแน่นของมานาสูงยิ่งขึ้นไปอีกและเริ่มได้โดดเด่นขึ้นมาท่ามกลางสิ่งรอบๆ
มานาจากเมืองไม่เพียงแค่ฟื้นฟูให้กับยูอิลฮานเท่านั้น แต่ยังฟื้นฟูคนอื่นๆรวมถึงให้การสนับสนุนด้วย เพลิงที่ร้อนแรงได้ลุกไหม้บนร่างของศัตรูทุกๆคนที่บุกรุกเข้ามา
[นี่มันอะไรกัน! บ้าเอ้ยย! บ้าสุดๆ!]
“ฆ่าพวกมัน!”
ยูอิลฮานรู้ดีว่าอะไรที่ทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เรื่องแบบป้อมปราการลอยฟ้ากับป้อมปราการลอยฟ้าที่ตั้งอยู่ในโลกใบนี้ได้เกิดขึ้น เมืองทั้งหมดได้กลายเป็นอิสระแยกตัวมาจากโลกทั้งใบในฐานะอาร์ติแฟคที่มีออฟชั่นพิเศษ! เมืองนี้ได้กลายมาเป็นป้อมปราการบนท้องฟ้าอย่างแท้จริงแล้ว
แต่แน่นอนว่ามันไม่มีเวลาให้ยูอิลฮานมาตรวจดูแต่ล่ะออฟชั่นที่มันดี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เขาก็แค่ต้องหลอมรวมมันกลับเข้าไปในโลก!
“สิ่งสำคัญเลยก็คือตอนนี้พวกนายแกร่งขึ้นแล้ว! บุก!”
“เขาบ้าไปแล้วววว!”
[สารเลว… กล้ามาทำแบบนี้กับเรา! ฉันไม่ให้อภัยแกแน่ ฉันจะลงทัณฑ์แกแทนซาตานเอง!]
โอ้ดูเหมือนว่าจากร้อยประตูมิติที่ถูกเปิดขึ้นมาใหม่จะมีสมาชิกของกองทัพจรัสแสงคลาส 7 มาด้วยสินะ! นอกไปจากนี้เขาคนนี้ยังเข้าใจถึงสถานการณ์ได้ในทันทีแล้วก็ยังร่ายมหาเวทย์ออกมาอีกด้วย
[เพลิงแห่งนรกจงลุกไหม้ เพลิงหายนะ]
“มันไม่ได้ผลหรอก!”
[หา… ฮ่าห์!]
แน่นอนว่ายูเรียลสามารถจะป้องกันการโจมตีนี้ได้ง่ายๆ แต่ว่าเทวดาตกสวรรค์คนนี้ได้เล็งจังหวะที่ยูเรียลร่ายเวทย์อยู่ เขาได้พุ่งตัวผ่านยูเรียลเพราะรู้ดีว่าสู้ไม่ได้และเข้าไปโจมตีมิสทิค เขารู้ว่ามิสทิคคือศูนย์กลางของเรื่องทั้งหมดนี้
“กรี๊ดดดด!”
“ชิ การมารับการโจมตีแทนคนอื่นนี่ฉันไม่ชอบเลยแหะ”
[ฮ่าห์!]
ยังไงก็ตามโอโรจิได้รับการโจมตีเอาไว้ก่อน เพลิงสีม่วงที่ลุกไหม้ขึ้นบนร่างของโอโรจิได้ผลักดันพลังเวทย์ของเทวดาตกสวรรค์กลับไปและยังผลักดันให้ตัวเทวดาตกสวรรค์ถอยกลับไปด้วย ในตอนนี้โอโรจิยังคงอยู่คลาส 6 แต่ว่าเขาได้ถูกยูอิลฮานเสริมพลังในหลายๆด้านทำให้เขาสามารถจะเผชิญหน้ากับหัวหน้ากองพันตรงๆได้แล้ว!
[มานาแปลกๆนี่… มังกรงั้นหรอ? นายมันไม่ใช่พวกเลือดบริสุทธิ์แต่เป็นเลือดผสม!]
“ใช่แล้ว ฉันเป็นพวกเลือดผสมนั่นแหละ… แต่นายรู้อะไรไหม ตามหนังน่ะพวกที่ชอบเอาแต่พูดเรื่องเลือดแท้เลือดผสมน่ะมักจะตายก่อนเป็นคนแรกนะ!”
หมัดของโอโรจิได้แยกออกมาเป็นเจ็ดส่วนเหมือนกับหางของเขาเข้าโจมตีศัตรูพร้อมกันในทีเดียว
ในทันทีที่ปะทะกันได้มีเขี้ยวพิษจำนวนมากโผล่ขึ้นมาจากหมัดของโอโรจิและทำให้ร่างของศัตรูเต็มไปด้วยทั้งคำสาปและพิษ! ปีกที่สิบแห่งกองทัพจรัสแสงริเมอเร่ที่โดนโจมตีได้เบิกตาออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อและเซถอยไป
[คำสาปนี้เจาะผ่านการป้องกันเวทย์ของฉันมาได้? ไม่มีทางน่า ฉันไม่ยอมรับ!]
“ไม่ต้องยอมรับหรอก ก็แค่ตายๆไปซะก็พอ!”
หัวใจมิสทิคได้เต้นแรงเมื่อเธอได้เห็นโอโรจิกำลังสู้กับศัตรูเพื่อปกป้องเธอที่กำลังควบคุมทั้งดาเรย์อยู่ แต่ว่าเธอก็ไม่ได้พูดออกมา มันชัดเจนว่าหากเธอเสียสมาธิไปยูอิลฮานได้บ่นเธอแน่
ยังไงก็ตามสถานการณ์ได้เปลื่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วถึงแม้ว่าอารมณ์ของหญิงสาวกำลังเบ่งบานก็ตาม
[ฉะ ฉันไม่ยอม… ฉันปีกที่สิบแห่งกองทัพจรัสแสงจะมาแพ้ง่ายๆ…]
“ก็นายปักธงตายตั้งแต่เริ่มเองนี้”
[ไม่ ไม่….]
โอโรจิไม่โง่พอที่จะปล่อยให้ริเมอเร่ได้ฟื้นตัวหลังจากติดพิษอัมพาตจากเขี้ยวพิษของเขาอยู่แล้ว
เขาได้บุกเข้าไปอย่างสุดกำลังเป็นครั้งแรกหลังจากได้รับร่างอิชจาร์มา คมมีดเพลิงสีม่วงบนเท้าของเขาได้ตัดริเมอเร่ขาดตั้งแต่หัวจรดเท้า
[ติดคริติคอล!]
[คุณได้รับค่าประสบการณ์]
ความเงียบได้กระจายไปทั่วสนามรบชั่วคราม ถึงแม้ว่าจนถีงตอนนี้จะมีสิ่งมีชีวิตชั้นสูงตายมาเป็นจำนวนมาก แต่ว่านี่เป็นครั้งแรกที่มีการตายของคลาส 7 เกิดขึ้นมา!
“กรรรรรรรรรรรรรรรร!”
ท่ามกลางความสนใจนี้โอโรจิได้คำรามออกมา ในเวลาเดียวกันนี้แสงสว่างสีม่วงได้ปกคลุมทั้งร่างของโอโรจิและลุกโหมรุนแรงยิ่งขึ้น
บันทึกทั้งหมดที่เขาได้รับมาทำให้โอโรจิก้าวหน้าขึ้นและได้มีออร่าแรงกดดันเพิ่มขึ้นมาจากความเข้มข้นของมานา
“โอ้ว อย่าบอกนะว่า…”
“ไม่มีทางน่า”
ยูอิลฮานรู้ดีว่านี่หมายถึงอะไร ในที่สุดโอโรจิก็ได้มาถึงคลาส 7 แล้วหลังจากเอาชนะคลาส 7 เพื่อพิสูจน์ตัวเองได้ เขากระทั่งกลายมาเป็นคลาส 7 ก่อนเลียร่าซะอีก!
[จงสู้มากกว่านี้อีก!]
ในตอนนี้ยูอิลฮานได้เปิดไพ่ใบที่สองขึ้นมา นี่คือโอกาสดีที่จะปลุกความกระตือรือร้นของทุกๆคนหลังจากได้เห็นความก้าวหน้าของโอโรจิ
[ไม่ว่าใครก็ตามที่มี ‘คุณสมบัติ’ ในการต่อสู้ ฉันก็จะวิวัฒนาการคนๆนั้นไปเป็นมังกรที่แท้จริง!]
อ่างแห่งปาฏิหาริย์ได้ลอยขึ้นมาบนท้องฟ้าก่อนที่จะถูกกระจายออกไปโดยไร้เสียง แน่นอนว่านี่มันไม่ใช่การทำลาย มันก็เป็นการขยายอาณาเขตออกไปโดยซ่อนรูปร่างที่แท้จริงเอาไว้ มันได้ละลายเข้าไปในชั้นบรรยากาศของดาเรย์ที่ซึ่งมีความหนาแน่นของมานาที่สูงมากๆจากมหาภัยพิบัติขั้นที่ 7 และทำให้อ่างแห่งปาฏิหาริย์สามารถใช้งานความสามารถของมันได้ทุกที่
[ท่านผู้ปกครองได้พูดมาแล้ว]
[มังกรที่แท้จริงคลาส 5…]
[ฉันจะสู้! ฉันจะต้องมีคุณสมบัติให้ได้!]
และการทำแบบนี้ก็ได้ผลเป็นอย่างมาก