Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี - ตอนที่ 301
บทที่ 301 – ฉันคือพ่อของพวกนาย (2)
ระหว่างที่ยูอิลฮานกำลังสร้างปาฏิหาริย์อยู่ สมาชิกปาร์ตี้ของยูอิลฮานก็กำลังพิชิตโลกระดับสูงอยู่อีกแห่งหนึ่ง
[พวกเธอไปเอาความกล้ามาจากไหนถึงได้มาต่อต้านกองกำลังสิ่งมีชีวิตชั้นสูง?]
คนที่ถามคำถามนี้ออกมาด้วยน้ำเสียงชั่วร้ายก็คือเทวดาตกสวรรค์เซีย ผู้เฝ้าดูแลโลกระดับสูงเฟียต้าที่เป็นของกองทัพจรัสแสง เทวดาตกสวรรค์ส่วนใหญ่ได้ตายลงไปแล้วจากการระดมยิงจากป้อมปราการ และหลังจากต่อสู้กันพักหนึ่งทำให้ตอนนี้เหลือเขาอยู่เพียงคนเดียว
“กล้าอะไรของนาย ถ้าเรากล้ากันจริงๆเราจะไม่ทำแบบนี้แน่ ที่พวกเราทำแค่นี้ก็เพราะว่าฉันกลัวว่าคนที่ฉันรักแล้วก็เพื่อนๆที่มีค่าจะตายทั้งหมด และในสุดท้ายก็เพราะว่าฉันอาบแล้วก็อ่อนแอด้วย”
เลียร่าได้ตอบกลับมา คนที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มแน่นอนว่าคือเฮเรียน่า แต่ว่าในด้านความแข็งแกร่งทางร่างกายเธอยังด้อยกว่าเลียร่าทำให้หลังจากเลียร่าแยกจากยูอิลฮาน เลียร่าก็ได้มาทำหน้าที่หัวหน้ากลุ่มนี้
“แต่ไม่ว่ายังไงเราก็ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่จะพูดเรื่องนั้นกัน ถึงฉันจะไม่ใช่ฝ่ายถูกก็ตาม แต่… นี่คือสงคราม เพราะแบบนี้เราถึงได้มีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้”
[ทูตสวรรค์ชั้นสูงที่เสียปีกไป เลียร่า… เธอยินดีกับการเป็นสุนัขของมนุษย์งั้นหรอ!?]
“สุนัขมันก็ยังฉลาดกว่าคนคุยไมรู้เรื่องแบบนี้ซะอีก”
เลียร่าได้หยักไหล่ออกมาและยกหอกของเธอขึ้น ด้วยความรักที่สุดแสนจะลึกซึ้งของเธอได้ทำให้หอกทรงพลังขึ้นและในตอนนี้พลังโจมตีมันก็เกินกว่า 16,000 ไปแล้ว ความรักของเธอได้กลายไปเป็นจ้าวแห่งโลหะทั้งมวลที่ทำให้หอกของเธอทรงพลัง
“เข้ามาสิ ฉันจะจัดการนายแบบ 1 ต่อ 1 ให้ดู”
[เธอมันโง่ขนาดไหนกันถึงได้มาสู้กับฉันทั้งๆที่ฉันยังมีพลังในฐานะคลาส 6 อยู่ทั้งหมดในขณะที่เธอเสียมันไปแล้ว]
“ไม่ว่าฉันจะโง่หรือไม่ก็ตามเรื่องนี้มันจะถูกตัดสินหลังจากเราปะทะกันนี่?”
[เธอกล้างั้นหรอ…!]
แน่นอนว่าเลียร่าก็ไม่ได้ประมาท เธอได้ดึงพลังเวทย์ของเธอออกมาเสริมพลังกับชุดเดรสรบของเธอซึ่งยูอิลฮานได้ทำให้เธอรวมถึงเครื่องประดับต่างๆด้วย อีกทั้งเธอยังได้รับพรจากนายูนาและมีความมั่นใจที่จะเอาชนะศัตรูได้เท่านั้นเธอถึงจะพุ่งออกไป หากว่าเธอมาคนเดียวมันจะต่างออกไปแน่ แต่ว่าในตอนนี้ตัวเธอได้มากับคนจำนวนมากที่จะปกป้องและความคาดหวังมากมายที่เจอ
[คุณได้รับค่าประสบการณ์]
“ฟู่ จบซักที”
หนึ่งนาทีหลังจากการต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้นเลียร่าก็ได้จัดการฆ่าเซียและทำให้หอกของเธอที่มีพลังเวทย์ทำให้สั่นสงบลง เธอยังได้เก็บเอาศพมาเช่นกัน เฮเรียน่าที่เฝ้ามองมาตลอดก็อุทานขึ้นมา
[สไตล์การต่อสู้ของเธอดูคล้ายของที่รักเลยนี่]
“แน่อยู่แล้วสิ ก็ฉันนี่แหละที่สอนเขาใช้หอก”
[แล้วเธอรู้สึกยังไงมั้งล่ะกับการที่ถูกที่รักทิ้งห่างไปไกลแล้วน่ะ? หืมม เป็นยังไงมั้ง?]
“ฉันชอบนะ ฉันรู้สึกภูมิใจแล้วก็พอใจมากที่ฉันได้มีส่วนสำคัญทำให้อิลฮานเป็นอย่างทุกวันนี้ ฉันรู้สึกว่าฉันเป็นส่วนหนึ่งของเขาต่อให้เราแยกกันอยู่”
[…ชิ]
เฮเรียน่าพยายามจะแหย่เลียร่าแต่แล้วเธอก็ต้องเดาะลิ้นออกมาเมื่อได้เห็นรอยยิ้มมีความสุขของเลียร่า
สมแล้วที่เธอได้รับพรจากเทพแห่งความรัก ถึงแม้ว่าเฮเรียน่าจะรักยูอิลฮานจริงๆ แต่หากเทียบกับเลียร่าแล้วเธอก็ยังแค่เด็กๆ
“งั้นนี่ก็จบแล้วสินะ ถ้างั้นเราควรจะไปโลกต่อไปเลยดีป่ะ? เป็นกองทัพจรัสแสงอีก…”
“จะเกิดอะไรขึ้นกันถ้าซาตานเคลื่อนไหว?”
[ถ้าซาตานเคลื่อนไหว ถ้างั้นผู้นำกองกำลังอื่นๆก็จะเคลื่อนไหวเหมือนกัน เพราะงั้นนั่นจะเป็นเวลาที่ทุกๆกองกำลังเข้าสู่สงครามเพื่อจับตัวเขา แล้วนั่นก็เป็นสิ่งที่ที่รักเล็งอยู่เหมือนกัน]
“ในเวลานั้นเราจะไม่ตายกันหรอ~!?”
นายูนาได้ตะโกนออกมาอย่างตกตะลึง แต่เฮเรียน่าก็หยักไหล่ออกมา
[ฉันกำลังจะบอกว่าต่อให้เป็นแบบนี้ ทุกๆอย่างก็จะจบลงบนโลก และนี่ก็เป็นเหตุุผลที่แผนของที่รักจะทำให้ผู้นำแต่ล่ะกองกำลังอ่อนแอที่สุดเท่าที่จะทำได้ เธอลืมเรื่องนี้ไปแล้วงั้นหรอ?]
ดวงตาเฮเรียน่าได้ส่องประกายลึกลับออกมา
[เหตุผลของที่รักคือทำให้เราได้รวบรวมมันทึกให้มากๆ แล้วก็เหตุผลที่ที่รักเอาตัวเองไปในที่ที่อันตรายที่สุดทั้งหมดก็เพื่อปลุกพลังขึ้น ที่รักคือหัวหน้ากองกำลังสิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่สมบูรณ์แบบที่สุด… ในเวลานั้นพวกเราก็ไม่จำเป็นต้องกลัวหัวหน้ากองกำลังอื่นๆอีกต่อไปแล้ว]
“ทุกๆอย่างจะเปลื่ยนแปลงไปในเวลานั้นสินะ~?”
[แน่นอนสิ… ไม่สิ บางทีที่รักอาจจะยืนอยู่บนจุดสูงสุดและรุ่งโรจน์ที่สุดเลยก็ได้]
เมื่อคิดถึงพระเจ้าของกองทัพสวรรค์แล้วคำพูดของเฮเรียน่าเป็นคำที่พยาบคายมาก แต่ว่าสำหรับคนที่นี่ ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นเลยแม้กระทั่งเลียร่ากับเอิลต้าก็ยังมีความเชื่อในพลังพระเจ้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จริงๆแล้วพวกเธอก็อยากจะให้เป็นแบบนี้ด้วย
[แล้วก็นะคุณผู้หญิง เมื่อไหร่เธอจะสร้างประตูมิติล่ะ?]
เฮเรียน่าที่หลังจากพูดคำยกย่องยูอิลฮานแล้วรู้สึกอายขึ้นมาได้หันหน้าไปหาคังมิเรย์ ยังไงก็ตามสีหน้าของคังมิเรย์ค่อนข้างจะ ไม่สิ มืดมนเอามากๆ
“ฉันพยายามแล้ว แต่ว่าเปิดประตูมิติไม่ได้เลย”
[แต่ความสามารถของเธอคือการสร้างประตูมิติทีพาไปโลกอื่นนี่]
“มีการแทรกแซงจากองค์ประกอบภายนอกอยู่ กระทั่งส่งข้อความไปหาอิลฮานยังไม่ได้เลย ฉันคิดว่าความสามารถนี้จะไม่ถูกขัดขวางโดยใครก็ตามที่อยู่ในบันทึกนภาซะอีกนะ…”
[..ว่าไงนะ?]
เฮเรียน่าได้ถามกลับไป
[แม้กระทั่งอาร์ติแฟคที่ที่รักให้เรามาก็ใช้ไม่ได้ผลงั้นหรอ?]
ไมเพียงแต่ความสามารถของมิเรย์เท่านั้นที่ถูกขัดขวาง แต่ยังมีบางอย่างแทรกแซงอาร์ติแฟคของยูอิลฮานด้วยทั้งๆที่เขาคือคนที่ไปถึงในระดับการสรรสร้างแล้วเนี้ยนะ? เฮเรียน่าได้หันมาตรวจอาร์ติแฟคของเธอและพบว่านี่มันคือเรื่องจริง
เลียร่าก็รู้ว่าเครื่องสื่อสารอะไรก็ตามได้ถูกตัดขาดไปทั้งหมดและหันมาถามเฮเรียน่าด้วยเสียงสั่นๆ
“…ซาตานปรากฏตัวหรืออะไรงั้นหรอ?”
[ต่อให้เป็นซาตานก็ไม่อาจจะขัดขวางอาร์ติแฟคของที่รักได้ นี่มันคือ…]
[สถานการณ์ที่คาดไม่ถึง]
ก่อนที่เลียร่าจะพูดข้อสรุปออกมาก็ได้มีน้ำเสียงดังขึ้นมาทั่วทั้งเฟียต้าโดยที่ไม่ใช่เสียงของใครในที่แห่งนี้ทั้งนั้น น้ำเสียงนี้ทั้งไม่สูงไม่ต่ำ ไร้ซึ่งอารมณ์ เป็นแค่น้ำเสียงเรียบเฉยที่ไม่อาจจะระบุเพศได้
[กองกำลังที่ห้าแห่งบันทึกนภา]
เจ้าของเสียงได้ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ดูรูปร่างเหมือนกับมนุษย์ แต่ว่าร่างกายนั้นผอมบางมีหมอกแสงออกมาจากทุกๆด้าน
[กำจัดกองกำลังนี้้ก่อนที่พวกเขาจะได้รับพลังในการต่อต้านสวรรค์]
พวกนี้นี่เป็นตัวตนที่แตกต่างไปจากทุกๆเผ่าพันธ์ที่พวกเขารู้จัก – มีปีกอยู่หกข้างที่ดูเหมือนจะลอยไปตามลม รวมไปถึงวงแหวนที่กระพริบอยู่บนหัวของพวกมัน
[ไม่มีทาง…]
เมื่อเห็นเลียร่าได้เห็นแบบนี้น้ำเสียงเธอได้สั่นออกมา เอิลต้ากับเลียร่าก็เช่นกัน
“นั่นมันทูตสวรรค์?”
“แต่สำหรับการเป็นทูตสวรรค์…”
[กำจัด]
‘มัน’ ได้ยกส่วนที่คล้ายกับแขนมนุษย์ยิงลำแสงเข้าใส่ป้อมปราการลอบยฟ้า ทุกๆคนต่างก็รู้ได้ว่านี่คือวิกฤติใหญ่และมิสทิคได้ตะโกนออกมา
[ทุกๆคนเข้ามาในป้อมปราการ!]
ในทันทีที่ทุกคนทำตามคำแนะนำของมิสทิค บาเรียก็ได้โผล่ขึ้นมาปกคลุมทั้งป้อมปราการลอยฟ้าทันที และในเวลาเดียวกันเกราะโลหะของเคลาทูตก็โผล่ขึ้นมาปกคลุมบาเรียอีกชั้นหนึ่ง! จากนั้นทั้งชั้นบาเรียและเกราะโลหะก็ได้เริ่มหมุน ‘มัน’ ที่ได้ยิงน้ำแสงออกมาได้ปะทะเข้ากับเกราะโลหะนี้ทำให้เกิดการระเบิดขึ้น
[กรี๊ดดดดดดด แกร่งมาก! แกร่งไปแล้ว! นี่มันบ้าอะไรกันเนี้ย ฉันไม่คิดว่าเลยว่านี่เป็นมานา!]
“”ฉันจะช่วยเธอเอง! ท่านหญิงเรย์น่าพวกเราต้องการพลังของท่านในทุกๆส่วน แม้กระทั่งในตอนท่านดูดนมแม่อยู่ก็ตาม”
“เทพธิดาคนนี้คงจะไปจำวัยเด็กของเธอได้หรอก!?”
นายูนาได้รีบใช้พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ทำการเสริมพลังให้กับมิสทิค พลังของเทพธิดาคือการฟื้นฟูและป้องกัน! พลังศักดิ์สิทธิ์นี้ได้โผล่ขึ้นทั่วทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ทำการเติมเต็มช่องวางของบาเรียและเสริมพลังขึ้น แต่ถึงแม้จะทำทั้งหมดนี่การจะป้องกันลำแสงก็ไม่ง่ายเลย
นี่คือสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่พวกเธอเคยเจอ ที่น่ารำคาญยิ่งกว่าเดิมก็คือพวกเธอไม่รู้กระทั่งตัวตนของสิ่งนี้
“นี่มันมอนสเตอร์บ้าอะไรกันเนี้ย ถ้าอิลฮานอยู่เขาก็คงจะใช้สกิลบันทึกดูออกได้ทันที… อ๊า”
ในเวลาต่อมาเธอก็นึกขึ้นได้ว่าเธอจะพึ่งยูอิลฮานอีกแล้วและตบปากตัวเองไว้แม้ว่าอิลฮานจะยอดเยี่ยมมากๆก็จริง แต่ครั้งหนึ่งเธอก็เคยอยู่ในจุดสูงสุดของโลกเธอแต่กลับมามองหาความช่วยเหลือเนี้ยนะ! เธอได้เม้มริมฝีปากและยกหอกขึ้น
“ไม่ ถ้าเราไม่รู้ ถ้างั้นก็ค้นหาสิและค่อยเอาชนะมัน…!”
[มาร่วมมือกันอดีตทูตสวรรค์ ฉันไม่กล้าปล่อยให้เธอถูกเจ้านี่ฆ่าหรอกนะ เพราะถ้าแบบนั้นที่รักได้เกลียดฉันพอดี]
[ดูเหมือนว่าข้าจะต้องช่วยเหมือนกัน]
เลียร่า เฮเรียน่า โอโรจิได้ก้าวผ่านบาเรียออกมา แม้ว่าเจ้าสิ่งมีชีวิตนี่จะยิงลำแสงที่ทรงพลังเทียบเท่าบาเรียของยูอิลฮานแต่ว่าดวงตาของพวกเธอก็ยังเต็มไปด้วยเจตจำนงในการต่อสู้ มิสทิคได้ส่งกระจกนับไม่ถ้วนออกมาช่วยด้วย
[แม้ว่ามันน่าจะเป็นมานา แต่ฉันก็รู้สึกว่ามันต่างออกไปเล็กน้อยเพราะงั้นระวังตัวด้วย! ฉันจะลองวิเคราะห์และสะท้อนกลับไปเอง… แต่ว่าอย่าเชื่อในกระจกมากนักล่ะ!]
“เข้าใจแล้ว”
ตำแหน่งสมบูรณ์แล้ว ข้างหลังพวกเธอมีคิมเยซอล คังมิเรย์ และเอิลต้าที่เตรียมเวทย์ เป้าหมาของพวกเธอก็คือหาจุดอ่อนของมันแล้วก็หยุดไม่ให้มันสร้างความเสียหายไปมากกว่านี้ เจ้าสิ่งมีชีวิตคล้ายทูตสวรรค์ก็ดูจะสังเกตุเห็นพวกเธอแล้วเช่นกัน
[กำลังเพิ่มการคาดการณ์ศักยภาพ กำลังโหลดบันทึกเพิ่มเติมจากบันทึก]
มันยังคงพูดอะไรที่ไม่รู้เรื่องออกมาอยู่ดี ยังไงก็ตามมีเรื่องหนึ่งที่มั่นใจได้เลยว่ามันจะต้องมีอะไรอยากผู้บงการที่วางแผนทุกๆอย่างอยู่แน่
“งั้นดูเหมือนว่าเราจะเข้าใกล้บอสสุดท้ายแล้วนะ นอกจากนี้มันยังดูเหมือนเจ้านี่จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับทั้งสี่กองกำลังเลย มันจะต้องมาจากองค์กรที่ต่างออกไปแน่นอน”
“ตอนนี้พี่สาวเลียร่ากำลังพูดเหมือนอิลฮานเลยล่ะ~!”
[…ยกระดับความอันตรายของศัตรู]
แม้กระทั่งศัตรูก็ยังตกใจกับการคาดเดาของเลียร่า! ยังไงก็ตามสถานการณ์ก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย มันยังคงโจมตีป้อมปราการณ์อยู่ถึงแม้ว่าจะมองมาที่เฮเรียน่า เลียร่าและโอโรจิ
[กำจัด]
ลำแสงได้ถูกยิงออกมาแล้ว แต่ก็เพราะว่าการที่มันพูดพร้อมกับโจมตีเหมือนหุ่นยนต์สมัยเก่าทำให้ทุกๆคนหลบออกไปได้อย่างรวดเร็ว
[กำจัด]
“ชิ นี่มันครั้งที่สองแล้วนะ”
[น่ารำคาญจริงๆเลย!]
ถ้าว่าพวกเธอไม่ได้มีการตอบสนองที่เทียบได้กับสิ่งมีชีวิตชั้นสูงพวกเธอก็จะต้องตายไปในทันทีโดยที่ไม่มีโอกาสได้หลบเลย หลังจากที่มันได้เล็งเป้าหมายแล้วดูเหมือนมันจะยังไม่พอใจกับการโจมตีเพียงครั้งเดียวทำให้มันโจมตีออกมาอย่างต่อเนื่อง นี่มันดูเหมือนกับว่าพวกเธอกำลังเผชิญหน้ากับพันนัยน์ตาอยู่ พวกเธอไม่มีโอกาสจะโต้กลับไปได้เลย
[ฉันจะเปิดทางให้เอง]
มิสทิคไม่อาจจะทนได้อีกแล้ว เธอได้ส่งกระจกส่วนใหญ่ออกมาโจมตีในครั้งเดียวอย่างรุนแรงยิ่งขึ้น แต่ว่ามนก็ได้เตรียมการมาอย่างดีเช่นกัน
วงแหวนบนหัวมันสว่างขึ้นเล็กน้อยและก็เกิดวงแหวนขึ้นสามเมตรรอบตัวในทันทีก่อนที่จะหมุนอย่างต่อเนื่องเพื่อทำการป้องกัน นี่มันดูเหมือนกับเกราะโลหะบาเรียของป้อมปราการลอยฟ้าอย่างมาก!
“เจ้านี่มันเคลื่อนไหวเหมือนกับว่า…”
ก่อนที่เลียร่าจะได้พูดจบนั้นเอง
[ทำลาย]
[กรี๊ดดดดด]
ในท้ายที่สุดก็มีบางอย่างเกิดขึ้น ม่านปีกทั้งหมดของมันได้ยื่นออกมาพร้อมๆกันกับการยิงลำแสงเพื่อทำลายกระจกแห่งการทำลายไปหลายอันในทันที! จำนวนชัดๆที่ถูกทำลายไปก็คือ 4 อันพอดี มิสทิคได้ตะโกนออกมาทันที
[ไม่นะ พันนัยน์ตาได้กลายเป็นพันนัยน์ตาแล้ว!]
“นี่่ไม่ใช่เวลามาเล่นมุขนะ! ฉันคิดว่าเจ้านี่น่าจะกำลังเรียนรู้สกิลจากการใช้รูปแบบการโจมตีของเรา! แถมการกระทำของมันก็ยังเหมือนกับลูกน้องของบอสสุดท้ายเลย!”
ดวงตาเฮเรียน่าได้เป็นประกายขึ้นมาหลังจากได้ยินคำพูดของเลียร่า ตัวเธอไม่ได้มีความสามารถทางร่างกายมากนักทำให้เธอต้องวุ่นวายไปกับการหลบลำแสงพวกนี้ แต่ว่าหากว่ายิ่งเวลาผ่านไปศัตรูยิ่งแกร่งขึ้นถ้างั้นพวกเธอจะทนไว้แบบนี้ไม่ได้ตลอดแน่
[โอ้ ตอนนี้ก็เก็บเทคนิคของเธอไว้ก่อนแล้ว ดูเหมือนว่าจะถึงตาฉันแล้วสินะ เลียร่าเธอเปิดทางให้ฉันทีได้ไหม? มาเอาชนะมันด้วยกันเถอะ]
“…ฮึ่ม ได้สิ ตามฉันมาเฮเรียน่า”
อดีตทูตสวรรค์กับอดีตผู้บัญชาการกองทัพปีศาจได้รวมทีมกันแล้ว หลังจากเฮเรียน่าได้เข้าไปหาเลียร่า เลียร่าก็ได้ยกหอกของเธอขึ้นมาสูดหายใจเข้าลึกๆและพุ่งออกไป
[ความสำคัญของเป้าหมายที่จะกำจัด]
“ใครบอกกัน คนที่จะถูกกำจัดคือแกนั่นแหละ”
[เข้าไปใกล้อีกนิด… นั่นแหละ]
ด้วยหอกสั่นสะเทือนในมือของเลียร่าทำให้เธอสามารถจะหักเหลำแสงออกไปได้! คลื่นกระแทกของเธอได้จัดการทำลายลำแสงออกไปด้วย! และเฮเรียน่าก็ได้เข้าถึงตัวมันในทันที
[เธอรู้ไหมว่าที่รักได้ข้อร้องฉันไว้… แล้วฉันก็ไม่ใช่คนที่จะปฏิเสธคำขอของที่รักได้ด้วยสิ]
นี่คือเวลาที่เธอได้ตั้งใจมากที่สุดนับตั้งแต่ที่เธอได้เกิดใหม่ขึ้นมา เฮเรียน่าได้รวมพลังเสน่ห์ทั้งหมดไว้ที่ปลายนิ้วและสัมผัสเข้าไปที่ศัตรูในตอนที่มันไร้ซึ่งการป้องกันใดๆหลังจากถูกเลียร่าโจมตี เสน่ห์ที่ไม่มีชายใดเอาชนะได้ได้เริ่มไหลเข้าไปในตัวมัน
[เพราะงั้นช่วยตายไปหน่อยได้ไหม?]
[กำลังเปลื่ยนลำดับความสำคัญเป้าหมาย]
ยังไงก็ตามมันก็ยังคงตอบกลับมาอย่างไร้อารมณ์
[กำจัดศัตรูที่ขัดขวางการเคลื่อนไหวมากที่สุด]
[กรี๊ดดดด]
ลำแสงของมันได้เจาะทะลุท้องของเฮเรียน่าก่อนที่เลียร่าจะได้ทำอะไรซะอีก