Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี - ตอนที่ 261
บทที่ 261 – ฉันจะไปที่ไหนก็ได้ (3)
ลานปาสก็ยังคงมีชีวิตชีวาเหมือนอย่างเหมือนเมื่อหลายปีก่อนที่เขามา ยูอิลฮานกับคนอื่นๆได้อยู่บนป้อมปราการลอยฟ้าที่ลอยอยู่บนจักรวรรดิเพลลาเดีย
“ดีนะที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่นี่”
ยูอิลฮานได้พึมพัมออกมาพร้อมกับตัวสั่นไปทั้งร่าง ในนิยายหรือมังงะมักจะมีอะไรเกิดขึ้นเสมอเมื่อมีคำพูดแบบนี้ ยังไงก็ตามเลียร่าที่อยู่ข้างๆเขาก็ได้บอกให้เขาใจเย็นลง
“ถ้าเราไปที่ไหนแล้วมันมีปัญหาเกิดขึ้นไปหมด จักรวาลก็คงไม่มีอยู่ถึงวันนี้หรอกนะ”
“แต่ว่าถ้ายูอิลฮานมาอยู่ที่นี่ ฉันก็ไม่มั่นใจแล้วนะ”
เอิลต้าได้ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล เธอคิดว่าถ้าเป็นยูอิลฮานผู้ที่ขัดแย้งกับกองกำลังสิ่งมีชีวิตชั้นสูงทั้งหมดบางทีอาจจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นจากการมาของเขาก็ได้
ยังไงก็ตามในคราวนี้ยูอิลฮานได้หัวเราะขึ้นและส่ายหัวออกมา
“โอ้ ไม่เป็นไรหรอก ฉันพูดได้เลยว่าฉันได้เจอกับประสบการณ์หลายอย่างมาตลอดพันปีแล้ว ไม่มีปัญหาแน่ เชื่อใจฉันได้เลย”
“ที่รัก เรามาคุยกันตรงนี้หน่อยสิ”
“…รอเดี๋ยว”
ยูอิลฮานได้ผลักเลียร่าที่จะเข้ามาล็อคคอเขาถอยไปและชี้ไปที่จุดหนึ่ง ตอนแรกเลียร่าคิดว่าเขาหลอกเธอ แต่ว่าเมื่อเธอหันไปมองเธอก็ต้องตกใจกับเส้นแสงที่พุ่งขึ้นมาจากส่วนหนึ่งของปราสาท
“มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นในทันทีที่อิลฮานมาถึงจริงๆ!”
“เฮ้! นี่มันไม่ใช่ความผิดของฉันนะ! บ้าเอ้ย ฉันคิดอยู่แล้วว่าที่นี่มันเงียบสงบเกินไป”
แม้ว่าเขาจะพอเดาเอาไว้แล้วแต่การเกิดขึ้นจริงนี่มันอะไรกัน? นี่มันทั้งทำให้เขาต้องอับอายแล้วก็ต้องเสียชื่อเสียงอย่างมากเลยนะ ยูอิลฮานได้กัดริมฝีปากเอาไว้ในขณะที่ปล่อยมานาของตัวเองไปให้ป้อมปราการลอยฟ้า
“มิสทิคเร็วเข้า! เร่งความเร็วสูงสุดเลย!”
[ถึงนายท่านไม่พอฉันก็เร่งความเร็วอยู่แล้ว!]
ป้อมปราการทั้งสองได้เร่งความเร็วขึ้นในทันทีทิ้งไว้แค่เพียงเส้นแสงจากพรของนายูนา ในตอนนี้เสาแสงได้เริ่มหายไปแล้ว แต่ว่ายูอิลฮานก็ได้ยืนยันแล้วว่าจุดนั้นคือตรงไหน ที่ตรงนั่นก็คือปราสาทเพลลาเดียว
“ฉันคิดว่ามิเรย์…”
“อย่าพูดอะไรที่นายคาดการณ์เอาไว้อีกเชียวนะอิลฮาน”
“ชู่ววว แบบนี้แล้วฉันจะใช้ชีวิตยังไงเนี้ย?”
ทันใดนั้นป้อมปราการลอยฟ้าก็หยุดอยู่กลางอากาศ ในตอนนี้ยูอิลฮานได้กางปีกกระโดดลงมาจากป้อมปราการโดยไม่ลังเลใดๆ ตอนนี้มันไม่มีเวลาให้เขาซ่อนตัวแล้วด้วยซ้ำไป
“อิลฮาน!?”
ในตอนนี้เองที่ระเบียงทางตะวันตกของปราสาทก็ได้เปิดขึ้นมาพร้อมคังมิเรย์ที่รีบวิ่งออกมาด้วย เมื่อได้เห็นเธอยูอิลฮานก็ได้รู้ทันทีว่าเธอได้เข้าสู่คลาส 4 ไปแล้วจากการที่มีออร่าที่ลึกลับมากๆอยู่รอบตัวเธอหลังจากเวลาผ่านไปไม่กี่ปี เขาได้หยุดลงที่ตรงหน้าของเธอ
“ไม่เจอกันนานเลยนะ”
“เป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน? นายคิดยูอิลฮานจริงๆน่ะหรอ? ตอนนี้ฉันเพิ่งจะสร้างวิธีไปหานายได้สำเร็จเองนะ…”
“มาหาฉันหรอ? นี่เธอ…”
ยูอิลฮานกำลังจะถามออกไปแต่แล้วเมื่อเขาได้มองเห็นสภาพภายในห้องผ่านระเบียงไป เขาก็ได้เห็นมานาลึกลับที่อยู่ภายในนั้น และตรงกลางมานานั่นก็มีวังวนมานาสีน้ำเงินดำที่น่าจะพาไปที่่ไหนซักแห่งอยู่
“…?”
เขารู้ได้ทันทีเลยว่าวังวนนั่นมันคืออะไร ครั้งหนึ่งวังวนพวกนี้เคยปรากฏขึ้นบนโลกของเขาจำนวนมาก แต่ยังไงก็ตามยูอิลฮานไม่รู้เลยว่าทำไมถึงได้มีวังวนนั้นมาอยู่ในห้องของคังมิเรย์ได้
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่อยากจะคิดว่ามันเป็นเรื่องจริง แต่ว่าที่ลานปาสนี่ได้เริ่มเดินไปในแนวทางการพัฒนาแบบเดียวกันโลกของเขาแล้วงั้นหรอ? หรือว่านี่เป็นสิ่งที่คังมิเรย์สร้างขึ้นมา? แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนมันก็ไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด
“มิเรย์นี่คือ…”
“อิลฮาน เป็นนายจริงๆ…”
ยังไงก็ตามคนที่น่าจะตอบคำถามเขาได้อย่างมิเรย์กลับดูเหมือนจะไม่อยากจะเจอว่าเขามาที่นี่ เธอเอาแต่มองมาที่หน้าเขาอย่างเดียวเท่านั้นเอง
“โอ้ น่าทึ่งมาก นี่ลูกทำมันขึ้นด้วยพลังของลูกหรอ มิเรย์?”
“คุณแม่ก็ด้วย!?”
คิมเยซอลที่มาปรากฏตัวข้างหลังยูอิลฮานก็อุทานออกมาเมื่อได้เห็นวังวนภายในห้อง เมื่อดูจากการที่คิมเยซอลได้ลอยอยู่บนท้องฟ้าสบายๆก็สมแล้วกับคือเธอคือจอมเวทย์มิติเวลา และในตอนนี้้เองก็มีแขกไม่ได้รับเชิญโผล่ออกมาทำให้นายูนาต้องก้าวถอยหลังไป
[อย่าบอกนะว่าที่นี่… นี่มันเกิดขึ้นจากมนุษย์จริงๆ อืมม!?]
ปีกสีขาวบริสุทธิ์คู่หนึ่งกลางหลัง รวมไปถึงวงแหวนสีทองบนหัว นี่คือสิ่งที่พิสูจน์ถึงตัวตนเดียวเท่านั้น เหล่าแขนขาของกองทัพสวรรค์ ทูตสวรรค์นั่นเอง ในที่สุดแล้วพวกเขาก็เผยตัวมาที่นี่
แต่ถึงแบบนั้นยูอิลฮานก็ไม่ได้สนใจจะทำอะไรเลย!
[ฉะ ฉันไม่เคยคิดเลยนะว่านายจะกล้ามาเดินในโลกอื่นแบบนี้ยูอิลฮาน]
“แกเป็นคลาส 5 ใช่ป่ะ? จากการที่พวกลิ่วล้ออย่างแกรู้จักฉัน มันดูเหมือนฉันจะมีชื่อเสียงพอควรเลยสินะ”
แม้ว่ายูอิลฮานจะไม่รู้ว่าทูตสวรรค์ชายนี่มาหาคังมิเรย์ทำไมก็ตาม แต่ว่าทูตสวรรค์ที่มากลับตัวสั่นขึ้นมาเล็กน้อยหลังจากเห็นยูอิลฮานและเขาถึงกับต้องก้าวถอยหลังไป ในดวงตาของเขามีแต่ความกลัวที่มีต่อยูอิลฮาาน น้ำเสียงรวมไปถึงร่างกายของเขาก็ยังสั่นอีกด้วย
[ลิ่วล้อนี่มันอะไรกัน นี่นายหยาบคายมากๆเลยนะกะ กะ กับกองทัพสวรรค์]
“ฮึ่ม”
ทุกๆคนที่เป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงจะใช้พลังกับสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำได้ก็ต่อเมื่อเพื่อป้องกันตัวเองเท่านั้น ซึ่งมันหมายความว่าพวกเขาจะทำได้แค่โต้ตอบกลับไปหลังจากถูกโจมตีเท่านั้น
ตามปกติแล้วเรื่องนี้ไม่น่าจะใช่ปัญหาอะไรเพราะว่าไม่มีทางที่สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำจะไปทำอะไรสิ่งมีชีวิตชั้นสูงได้อยู่แล้ว แต่ว่ายูอิลฮานกลับเป็นตัวตนที่แหกสามัญสำนึกนั่น เขาไม่เพียงแต่สังหารคลาส 5 ได้เท่านั้นแต่เขายังสังหารคลาส 6 ได้อีกด้วย! ทูตสวรรค์ทำถูกแล้วที่ไม่เลือกหนีไปหลังจากเห็นเขา
ถึงแม้ว่าการที่เขาไม่หนีไปจะเป็นเพราะศักดิ์ศรีที่ครั้งหนึ่งเขาเคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกตัวเองก็ตาม
[ทะ ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่?]
“…”
ยูอิลฮานได้คิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาได้คิดว่าเขาควรจะบอกจุดประสงค์ที่เขามาหรือไม่ แล้วก็ควรจะฆ่าทูตสวรรค์คนนี้หหรือไม่ และแล้วเขาก็ได้สรุปออกมาว่าเขาจะไม่ฆ่าทูตสวรรค์คนนี้ ยกเว้นเขาจะถูกโจมตีก่อน
แม้ว่าการที่ยูอิลฮานได้ฆ่าสิ่งมีชีวิตชั้นสูงทั้งหมดไปในดาเรย์จะทำให้พวกนั้นเป็นศัตรูกับเขา แต่ว่าที่นี่มันไม่ใช่ดาเรย์ นอกไปจากนี้หากว่าทันทีที่เขาได้เห็นทูตสวรรค์เขาก็ฆ่าไปหมดเพราะการที่เขาไม่ชอบกองทัพสวรรค์ นั่นก็คงจะทำให้สมดุลของโลกพังไป
แน่นอนว่าเขายังคงไม่พอใจกับการที่สวรรค์ทิ้งโลกของเขาไป เขายังโกรธที่กองทัพสวรรค์มาเสนอเป็นพันธมิตรกับเขาทั้งๆที่เพิ่งทิ้งโลกเขาไปอย่างไร้ยางอายอีกด้วย
แต่ไม่ว่ายังไงก็ตามมันไม่ใช่ว่าทูตสวรรค์ทุกๆคนจะรู้ถึงเรื่องนี้ และในหมู่คนเหล่านั้นก็อาจจะมีทูตสวรรค์ที่ทำหน้าที่ของตนอย่างบริสุทธิ์ใจเหมือนกับที่เลียร่าเคยทำก็ได้ อย่างเช่นทูตสวรรค์ตรงหน้าเขาคนนี้
“…เอาเถอะ ถ้างั้นก็”
ยูอิลฮานไม่ได้หยิบอาวุธของเขาออกมา แต่แน่นอนว่ากองทัพสวรรค์ยังเป็นศัตรูของเขา แต่เขาไมได้มาที่นี่เพื่อฆ่าทูตสวรรค์ นี่คือสิ่งที่เขาตัดสินใจออกมา
“ฉันมาหาเพื่อนของฉัน แล้วฉันก็เจอเธอแล้วด้วย”
[เพื่อน… นายหมายถึงผู้หญิงคนนี้?]
“ใช่ มีอะไร?”
[งะ งั้นหรอ?]
หลังจากได้ยินคำตอบของยูอิลฮาน ทูตสวรรค์ก็ได้เริ่มหงื่อตกเพราะอะไรบางอย่าง ยูอิลฮานได้จ้องไปที่เขามากขึ้น ตอนนี้เป็นคังมิเรย์แล้วที่กลายเป็นสับสน
ไม่ใช่ว่ายูอิลฮานสนิทกับกองทัพสวรรค์เพราะเขามีทูตสวรรค์อยู่ข้างกายตลอดเวลาหรอกหรอ? ทำไมพอตอนนี้พวกเขาถึงดูมีความเป็นศัตรูกันล่ะ? เมือนึกดีๆแลวเธอก็ยังไม่เห็นทูตสวรรค์ที่ปกติมักอยู่ข้างๆเขาด้วย นี่มันมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นกับพวกเธองั้นหรอ?
ถ้าแบบนั้นคังมิเรย์คงจะเศร้ามากเพราะพวกเธอนั้นได้ช่วยคังมิเรย์อย่างมาก ยังไงก็ตามนี่มันก็หมายความว่าที่ข้างๆเขาว่างลงแล้ว แล้วนี่ก็เป็นโอกาสของเธอเหมือนกันสินะ? ทำไมเธอถึงได้คิดเรื่องที่น่ากลัวแล้วก็น่ารังเกียจนี่ขึ้นมาเป็นสิ่งแรกกันนะ? นี่เธอกลายเป็นคนไม่ดีไปแล้วหรอ? แต่ถึงแบบนั้นเธอก็ไม่คิดจะหยุดตัวเองเอาไว้จากหัวใจที่เต้นแรงขึ้นเมื่อเธอได้คิดว่าเธอจะไดยืนเคียงข้างเขา
บางทีการที่เขามาหาเธอก่อนที่เธอจะไปหาเขา นั่นก็เพราะเขาอยากจะเจอเธองั้นหรอ? ถ้างั้น ถ้ามันเป็นแบบนี้ล่ะก็…
ความสงสัยนับไม่ถ้วนและอารมณ์มากมายที่ระบุไม่ได้ได้โผล่ขึ้นมาภายในใจของเธอและทำให้คังมิเรย์สับสนไป ในตอนนี้เองก็ได้มีอะไรบางอย่างโผล่ขึ้นมา มิสทิคที่ได้ตัดสินใจว่ายูอิลฮานกับคังมิเรย์นานเกินไปแล้วทำให้เธอยกเลิกการซ่อนตัวออกมา
“โอ้ววว!”
[โว้วววว!]
“มิเรยยยยยยย์”
“เฮ้อ”
และนายูนาได้กระโดดลงมาทั้งๆที่เธอไม่มีความสามารถจะบินได้เลยด้วยซ้ำ นี่ทำให้ยูอิลฮานต้องถอนหายใจออกมาและขึ้นไปรับเธอเอาไว้บนท้องฟ้า นายูนาที่ถูกยูอิลฮานรับเอาไว้เหมือนเจ้าหญิงได้โบกมือให้กับคังมิเรย์พร้อมสียงหัวเราะคิกคักของเธอ
“ฉันอยากจะเจอเธอนะมิเรย์!”
“….เธออยากจะมาเจอฉันหรือว่าแค่อยากให้อิลฮานอุ้มกันแน่”
คังมิเรย์ได้แต่หัวเราะออกมาอย่างไร้ความหมาย ความเพ้อฝันของคังมิเรย์ได้แตกสลายหายไปทั้งหมดในทันที
การที่นายูนาอยู่ที่นี่มันหมายความว่ายูอิลฮานก็แค่กำลังไปรวบรวมพรรคพวกของเขา แล้วนี่ก็ยังหมายความว่าเธอมีลำดับความสำคัญที่น้อยกว่ายูนา… ตอนนี้เธออยากจะหนีไปร้องไห้ในที่ไหนซักแห่งจริงๆ
นายูนาที่ได้เห็นแบบนี้ได้เข้ามาปลอบคังมิเรย์ทันที
“ฉันเข้าใจนะว่าเธอคิดอะไรมิเรย์ แต่ว่ามันไม่ใช่แบบนั้นหรอก ฉันได้ส่งข้อความขอความช่วยเหลือไปให้อิลฮานก่อนนะ นั่นเป็นเหตุผลที่เขาไปหาฉันคนแรก มันไม่ใช่ว่าฉันมีความสำคัญมากกว่าอะไรแบบนั้นหรอกนะ!”
“อ่อ นี่มันปลอบฉันได้มากเลย… แล้วงั้นทุกๆอย่างเป็นยังไงบ้าง? พี่ฮาจินล่ะ?”
แม้ว่าคังมิเรย์จะโมโหนายูนาอยู่ แต่ว่าคังมิเรย์ก็เป็นห่วงถึงความปลอดภัยของพี่ชายเธอ นายูนาได้ยิ้มขึ้นมาและผงกหัวให้เธอ
“ทุกๆอย่างกำลังไปด้วยดีเลย แล้วก็พี่่ฮาจินก็ปลอดภัยเหมือนกัน ถึงตอนนี้พี่เขาจะกำลังอยู่ในช่วงช็อคอยู่ แต่ว่าโดยรวมก็ไม่มีปัญหาอะไร! แล้วนี่วังวนน่ากลัวในห้องนั่นมันอะไรกัน?”
[ใช่แล้ว วังวนนั่น! ประตูมิติที่ใช้ข้ามไปที่อื่น!]
ทูตสวรรค์ที่ถูกทำให้ไร้ตัวตนไปจากการรวมตัวกันของยูอิลฮาน คิมเยซอลและนายูนาได้พูดขึ้นมา
[พวกเราต้องการพลังนั่น! กองทัพสวรรค์กำลังตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน]
“โอ้ เข้าใจแล้ว นั่นมันไม่ใช่เรื่องของฉันอยู่แล้ว แต่ว่านะการที่จะเอาสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำไปในสนามรบของสิ่งมีชีวิตชั้นสูงมันจะไม่เป็นอะไรงั้นหรอ เธอคิดยังไงมิ..”
ยูอิลฮานได้หันไปมองมิเรย์และถามความคิดเห็นของเธอ แต่เขาก็ต้องตกใจ เขาคิดว่าเธอกำลังคุยกับนายูนาอยู่ซะอีก แต่ว่านี่เธอกลับจ้องนิ่งมาที่ตัวเขา
“มิ มิเรย์?”
“อ๊ะ ว่าไงนะ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าอิลฮานมาอยู่ตรงหน้า…”
“…”
ไม่สบายใจเลย
นี่มันไม่สบายใจเลย แม้ว่าเขาจะคิดว่านี่มันไม่เข้าท่าก็ตามแต่ว่าเธอก็อาจจะมีความรู้สึกบางอย่างกับตัวเขาก็ไดด้ ถ้ามันเกิดขึ้นมาครั้งหนึ่งแล้ว มันก็ไม่น่าจะมีอีกสิ แต่ว่าถ้ามันเกิดขึ้นมาเป็นครั้งที่สองล่ะ มันจะเกิดขึ้นอีกจริงๆงั้นหรอ?
นายูนาที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาได้มองมาด้วยสายตาที่เตือนเขา มันราวกับว่าเธอกำลังจะบอกว่า ‘นายคิดถูก’ ซึ่งนี่ทำให้เขาอึดอัดใจมากๆและหันไปถามคังมิเรย์อีกครั้งโดยไม่สนใจนายูนา
“เธอคิดยังไงล่ะมิเรย์? ดูเหมือนทูตสวรรค์คนนี้ต้องการพลังของเธอ”
“ใช่แล้ว มนุษย์ช่วยทีเถอะนะ! นี่คือโอกาสที่จะสร้างผลงานให้กับกองทัพสวรรค์!”
คังมิเรย์ได้พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มสดใสที่สุดที่เธอทำได้
“ฉันได้รับพลังนี้มาเพื่อที่จะเจอกับยูอิลฮาน ดังนั้น… ฉันก็อยากจะใช้พลังนี้เพื่อเขาเหมือนกัน”
[…โอ้ บ้าเอ้ย]
ทูตสวรรค์ได้ถอนหายใจออกมา ยูอิลฮานก็ยังเป็นคนที่อยากจะถอนหายใจออกมา
“ฟุฟุ ดูเหมือนลูกจะได้เลือกแม่ไปเยอะเลยน้า”
จะมีก็แค่คิมเยซอลที่มองคังมิเรย์ ‘เป็นหนึ่งในผู้ลงแข่งชิงการเป็นสะใภ้คนที่สี่’ ด้วยรอยยิ้มสดใสเท่านั้น