Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 333
บทที่ 333
พลังของดาบร่วมสวรรค์
เดินออกจากคฤหาสน์ หลี่ฟู่เฉินก็มาถึงถิ่นทุรกันดารที่กว้างขวางแห่งนึง เขาดึงดาบร่วมสวรรค์และถ่ายพลังฉีเพลิงโลกันต์แท้จริงลงเข้าไปในดาบ
5%, 10%
หลี่ฟู่เฉินรู้สึกประหลาดใจ ดาบร่วมสวรรค์กินพลังฉีไปประมาณ 10% ก่อนที่จะมันจะอิ่มตัว ซึ่งนั้นก็หมายความว่าเขาจะสามารถโจมตีได้ทั้งหมดสิบครั้งหากใช้ดาบร่วมสวรรค์ หลังจากดาบที่สิบ พลังฉีทั้งหมดของเขาจะถูกใช้ไป
‘ข้าสงสัยว่าพลังของมันจะเป็นอย่างไร?’ หลี่ฟู่เฉินสูดหายใจเข้าลึกและตวัดดาบออกไป
แคร็ก!
มันรู้สึกราวกับว่าแสงดาบขนาดใหญ่กำลังจะแยกห้วงอากาศออกจากกัน โดยมีหลี่ฟู่เฉินเป็นจุดเริ่มต้น แสงดาบเฉือนไปข้างหน้าอย่างรุนแรงตรงออกไปยังพื้นที่ถุรกันดาร
ฉึก!
พื้นผิวของพื้นที่ถิ่นทุรกันดารมีรอยแยกขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมาทันที ซึ่งมันมีความยาวหลายร้อยเมตรและกว้างมากกว่าสิบสองเมตร วัชพืชในถิ่นทุรกันดารได้กลายเป็นฝุ่นโดยดาบพลังฉีขนาดเล็กจำนวนนับไม่ถ้วน ส่งผลทำให้ดินแดนแห่งนี้โล่งเตียน
‘ทรงพลังยิ่ง มันมีพลังมากกว่าดาบแสงดำอย่างน้อยๆ ก็สามเท่า อาวุธระดับลึกลับขั้นสูงสุดธรรมดาๆ ก็อาจไม่ได้มีพลังถึงขั้นนี้’
หลี่ฟู่เฉินประหลาดใจ
การเฉือนนี้เป็นเพียงการเฉือนธรรมดา หากเขาระเบิดพลังทั้งหมดออกมา พลังของการตวัดดาบนี้เพิ่มขึ้นอย่างน้อยสิบเท่า
หลี่ฟู่เฉินจะรู้ได้อย่างไรว่าดาบร่วมสวรรค์ไม่ได้อยู่ในระดับลึกลับขั้นสูงสุด? มันอาจจะถูกปิดผนึกไว้อยู่ในระดับลึกลับขั้นสูงสุดก็จริงอยู่ แต่มันอยู่ในขั้นสูงสุดที่อยู่ในจุดสูงสุดอีกที และมันก็เหนือกว่าดาบประดิษฐ์ระดับลึกลับขั้นสูงสุดทั่วไป
แต่หากเปรียบเทียบกันแล้ว มันก็ใช้พลังฉีเป็นจำนวนมากเช่นกัน
โดยปกติแล้ว อาวุธระดับลึกลับขั้นสูงมีไว้สำหรับนักสู้ขอบเขตสวรรค์ขึ้นไป ในขณะที่อาวุธระดับลึกลับขั้นสูงสุดอย่างน้อยๆ ก็ต้องถูกใช้โดยนักสู้ขอบเขตสวรรค์ขั้นสูง เพื่อที่จะสามารถใช้พลังของมันได้อย่างเต็มที่
แต่คุณภาพพลังฉีของหลี่ฟู่เฉินนั้นเทียบได้กับระดับที่ 1 ของขอบเขตสวรรค์เท่านั้น ดังนั้นความจุของพลังฉีเขาจึงน้อยกว่าความต้องการที่จำเป็น ในการดึงพลังเต็มรูปแบบของดาบออกมา
แต่หลี่ฟู่เฉินไม่สนใจสิ่งทั้งหมดเหล่านี้ หลังจากที่เขาทำการตวัดดาบนี้ออกไป จิตใจของเขาก็มีข้อมูลเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
ข้อมูลตอนแรกนั้นยุ่งเหยิง แต่ในไม่ช้ามันก็ถูกจัดเรียงใหม่จนสำเร็จ
‘ทักษะดาบระดับลึกลับขั้นสูงสุด ทักษะดาบสวรรค์ลับ…’
หลี่ฟู่เฉินไม่แปลกใจเลยเมื่อตอนที่เขาได้รับข้อมูลมา
‘ดูเหมือนว่านี่จะเป็นมรดกชิ้นแรก และข้าต้องปลดผนึกชั้นที่หนึ่งเพื่อรับมรดกชิ้นที่สองต่อ แต่มรดกนี้ค่อนข้างดีอยู่แล้ว ทักษะดาบสวรรค์ลับดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าทักษะดาบเพลิงโลกันต์ ยิ่งไปกว่านั้น มันเข้ากันได้ดีกับดาบร่วมสวรรค์ หากทักษะถูกใช้ออกด้วยดาบร่วมสวรรค์ พลังของมันจะเหนือกว่าทักษะดาบเพลิงโลกันต์เสียอีก บางทีในทวีปยูนิคอร์นตะวันออกทั้งหมด ทักษะดาบนี้อาจเป็นทักษะต่อสู้ระดับลึกลับขั้นสูงสุดที่ยอดเยี่ยมที่สุด’ หลี่ฟู่เฉินคิดในใจ
ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบทักษะต่อสู้อย่างทักษะดาบนภากระจ่างหรือรูปแบบเทคนิคอย่างเทคนิคศักดิ์สิทธิ์ฉีบริสุทธิ์เก้าโคจร พวกมันทั้งสองล้วนแล้วแต่ได้รับมาจากภายนอก เป็นไปไม่ได้ที่หลี่ฟู่เฉินจะพึ่งพาพวกมันไปตลอดชีวิต
หลังจากผ่านด่านที่เก้าของเส้นทางดวงดาวมาแล้ว หลี่ฟู่เฉินได้รับพลังงานเส้นทางดวงดาวมาอีก 256 ส่วน ซึ่งนั้นก็เพียงพอที่จะผลักดันพลังฝึกฝนของเขาไปสู่ขีดจำกัดของขอบเขตปฐพี จากนั้นเขาก็จะอยู่ห่างออกไปเพียงหนึ่งก้าวจากการไปถึงขอบเขตสวรรค์
แน่นอน หลี่ฟู่เฉินเข้าใจว่ามันอาจจะเป็นเพียงแค่ก้าวเดียว แต่ก้าวนี้ก็เป็นก้าวที่ยากที่สุดเช่นกัน
พลังฝึกฝนของเขาก้าวหน้าเร็วมากเกินไป เขาอาจมีพลังจิตวิญญาณสูงและมีขั้นเทคนิคบ่มเพาะที่สูง ซึ่งสิ่งนี้ก็ทำให้พื้นฐานของเขามั่นคงมาก แต่เขาก็ยังขาดส่วนหนึ่งในการสะสมและส่วนหนึ่งของการทำความเข้าใจเกี่ยวกับขอบเขตสวรรค์
โชคยังดี ที่เขามีตราประทับเทพยุทธ์ชุบสวรรค์ ซึ่งจะช่วยชดเชยการขาดการสะสมทั้งสองอย่างได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ก็คงถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องก้าวเข้าสู่ขอบเขตสวรรค์
ในตอนเช้า หลี่ฟู่เฉินจะทำความเข้าใจทักษะดาบสวรรค์ลับ ในตอนกลางคืน หลี่ฟู่เฉินสวมหน้ากากและออกลาดตระเวน
เมื่อเวลาผ่านไป ความสามารถในวิชาดาบสวรรค์ลับของหลี่ฟู่เฉินก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน มันก็มาถึงขั้นดีเลิศย่อยแล้ว
มีสาเหตุหลักสองประการที่ทำให้เขาเข้าถึงขั้นดีเลิศย่อยได้อย่างรวดเร็ว ประการแรก หลี่ฟู่เฉินได้ฝึกฝนวิชาดาบเพลิงโลกันต์ระดับลึกลับขั้นสูงสุดและมันก็อยู่ในขั้นดีเลิศแล้ว ซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียงขั้นตอนเดียวจากการทำความเข้าใจเจตจำนงดาบเพลิงโลกันต์ ประการที่สอง เขามีดาบสวรรค์ร่วม ส่งผลทำให้เขาฝึกฝนวิชาดาบสวรรค์ลับได้เร็วขึ้นเป็นสองเท่า ในขณะที่ดาบร่วมสวรรค์เองก็บรรจุเจตจำนงแห่งดาบไว้ด้วยเช่นกัน แต่มันเพียงแค่ถูกซ่อนเอาไว้
ระหว่างพรมแดน ใต้ดินของแคว้นวารีครามและแคว้นสวรรค์ปีศาจ มีการประชุมขนาดเล็กที่กำลังดำเนินการอยู่
บนโต๊ะประชุม มีชายสวมหน้ากากกว่าโหลนั่งอยู่
มีชายสวมหน้ากากหนู ชายสวมหน้ากากไก่ ชายสวมหน้ากากกระต่าย ชายสวมหน้ากากลิง ชายสวมหน้ากากแพะ…
“ผู้คุมโถงแมวและผู้คุมโถงหมาต่างก็ตกตายอยู่ในพื้นที่รองที่เจ็ดของนิกายวารีคราม บอกรายละเอียดมา” ชายสวมหน้ากากกระทิงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา เมื่อนั่งลงตรงที่นั่งหัวหน้าที่โต๊ะประชุมแห่งนี้
ในฐานะหัวหน้าผู้คุมโถงใหญ่ของแคว้นวารีครามและแคว้นสวรรค์ปีศาจ สถานะของชายสวมหน้ากากวัวนั้นเหนือกว่าชายสวมหน้ากากคนอื่นๆ ตอนนี้เขาได้สูญเสียผู้คุมโถงไปสองคนแล้ว มันทำให้เขาหงุดหงิดมาก
ชายสวมหน้ากากลิงซึ่งปฏิบัติงานในเขตแคว้นวารีครามตอบว่า “ท่านผู้คุมโถงกระทิง ผู้คุมโถงแมวตกตายด้วยน้ำมือของผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายวารีคราม ในขณะที่ผู้คุมโถงสุนัขตายด้วยน้ำมือของชายสวมหน้ากาก ตอนนี้ชายสวมหน้ากากคนนั้นค่อนข้างมีชื่อเสียงในเขตรองอันดับที่เจ็ดของนิกายวารีคราม”
“ชายสวมหน้ากาก?” ชายสวมหน้ากากกระทิงพึมพำ
พวกเขาสวมหน้ากากด้วยเช่นกัน
“ความแข็งแกร่งของชายสวมหน้ากากคนนั้นเป็นอย่างไร?” ชายสวมหน้ากากกระทิงถาม
ชายสวมหน้ากากลิงตอบว่า “ทรงพลังมาก อ้างอิงจากผู้ใต้บังคับบัญชาของผู้คุมโถงสุนัข เมื่อเขามาถึง เขาทำให้ผู้คุมโถงสุนัขได้รับบาดเจ็บแทบจะทันที แถมยังบาดเจ็บเพราะดาบแค่ดาบเดียว หลังจากนั้น ไม่รู้ว่าเขาเปิดใช้งานเทคนิคลับแบบไหน แต่เขาฆ่าพวกระดับสูงและผู้คุมโถงทั้งหมดได้ด้วยการโจมตีครั้งเดียว”
สูด!
เมื่อได้ยินคำตอบชายสวมหน้ากากทุกคนก็สูดหายใจเย็นๆ เข้าไป
การที่สามารถสังหารพวกคนระดับสูงทั้งหมดพร้อมๆ กับผู้คุมโถงสุนัขได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว นั้นก็หมายความว่าความแข็งแกร่งของเขาย่อมต้องอยู่ในระดับสูงสุดของขอบเขตสวรรค์อย่างแน่นอน นอกจากนี้ มันจะต้องเป็นนักสู้ระดับสูงสุดของขอบเขตสวรรค์ที่ฝึกฝนเทคนิคลับระดับ 5 ดาว ไม่เช่นนั้นแล้ว เขาคงไม่สามารถบรรลุเป้าหมายนี้ได้
“ความแข็งแกร่งของคนๆ นี้คงไม่ด้อยไปกว่าข้า” ชายสวมหน้ากากกระทิงกล่าวอย่างช้าๆ
ในฐานะหัวหน้าผู้คุมโถงของสองแคว้น พลังฝึกฝนของเขาอยู่ในขอบเขตสวรรค์ระดับสูงสุด ในขณะที่เขาเองก็ได้ฝึกฝนเทคนิคลับเต๋าปีศาจระดับ 5 ดาว ส่งผลทำให้เขาเหนือกว่านักสู้ระดับสูงสุดของขอบเขตสวรรค์ธรรมดาๆ
“ชายสวมหน้ากากจะต้องถูกกำจัดมิฉะนั้นเขาจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของเรา ผู้คุมโถงหมาป่า ข้าจะทิ้งคนผู้นี้ให้เจ้าจัดการ” ชายสวมหน้ากากกระทิงกล่าวกับชายสวมหน้ากากหมาป่าที่อยู่ข้างๆ
ชายสวมหน้ากากหมาป่าลังเลและกล่าวว่า “ผู้คุมโถงหมาป่า เกรงว่าข้าอาจไม่สามารถจำกัดคนๆ นี้ได้ด้วยตัวของข้าเอง”
เขาเป็นรองหัวหน้าผู้คุมโถงของสองแคว้นและเป็นรองจากผู้คุมโถงกระทิงเพียงเล็กน้อย แต่เขาก็ยังไม่มั่นใจในการจำกัดชายสวมหน้ากากผู้นี้ด้วยตัวเองอยู่ดี
“ผู้คุมโถงลิง ผู้คุมโถงหนู เจ้าทั้งสองไปช่วยผู้คุมโถงหมาป่า” ชายสวมหน้ากากกระทิงกล่าวกับชายสวมหน้ากากลิงและชายสวมหน้ากากหนู
“เข้าใจแล้ว” ชายสวมหน้ากากลิงและชายสวมหน้ากากหนูพยักหน้า
ด้วยความแข็งแกร่งของบุคคลทั้วสามคน พวกเขามั่นใจว่าน่าจะสามารถกำจัดชายสวมหน้ากากผู้นั้นได้
แต่พวกเขามีข้อสงสัยว่าผู้คุมโถงสุนัขได้ใช้พลังของไข่มุกโลหิตหรือไม่
…
ตามปกติ หลี่ฟู่เฉินจะลาดตระเวนในพื้นที่เล็กๆ สามแห่งโดยมีพื้นที่รองที่เจ็ดเป็นจุดหลัก ในบางครั้งเขาจะขยายพื้นที่ลาดตระเวนของเขาเป็นพื้นที่รองลงมาคือพื้นที่รองที่ห้าหรือหก หากไม่ใช่เพราะเขาไม่เร็วพอ เขาก็ไม่รังเกียจที่จะลาดตระเวนพื้นที่หลักที่สี่ทั้งหมด
แม้ว่าหลี่ฟู่เฉินจะออกลาดตระเวนทุกวัน เขาก็ไม่ได้ละเลยที่จะฝึกฝนทักษะดาบสวรรค์ลับแต่อย่างใด
วันนี้ในช่วงเวลากลางคืน
หลี่ฟู่เฉินค่อยๆ ผ่อนลมหายใจและออกจากสมาธิ
“ข้าอยู่ห่าจากการบรรลุทักษะดาบสวรรค์ลับขั้นดีเลิศออกไปเพียงก้าวเดียว แต่ในแก่นแท้ของกระดูกข้ามีสีทองแดงไปแล้วมากกว่า 80%”
ด้วยบทดาบทองแดงที่ฉาบไปแล้วกว่า 80% มันก็ย่อมทำให้ดาบพลังฉีทองแดงแข็งแกร่งขึ้น หลี่ฟู่เฉินไม่กล้าพูดว่าเขาจะอยู่ยงคงกระพันเมื่ออยู่ต่อหน้านักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิด แต่เขาก็มั่นใจว่าเขาน่าจะมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะปกป้องตัวเองได้
หลังจากยืนขึ้น หลี่ฟู่เฉินก็สวมหน้ากากและทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
ครึ่งทางของการลาดตระเวนในพื้นที่รองที่เจ็ด หลี่ฟู่เฉินมาถึงบริเวณใกล้เคียงในเมืองลมหนาว
“หืม?”
การแสดงออกของหลี่ฟู่เฉินเปลี่ยนไปเย็นชาทันที ในขณะที่เขาเองก็ไม่ได้คิดเลยว่ากองกำลังเต๋าปีศาจจะหน้าด้านขนาดนี้ และกำลังเข้าโจมตีพื้นที่รองที่เจ็ดเป็นครั้งที่สาม นอกจากนี้ หัวหน้ากลุ่มนี้คือชายสวมหน้ากากหมาป่า และที่อยู่เคียงข้างเขา เป็นชายสวมหน้ากากลิงและชายสวมหน้ากากหนู
“ผู้คุมโถงหมาปา เขาอยู่ที่นี่แล้ว” ชายสวมเหน้ากากลิงรายงาน
“ข้าจะไปทดสอบเขา เจ้าทั้งสองหาโอกาสใช้พลังจากไข่มุกโลหิตและใช้ท่าสังหารของตัวเอง”
“เข้าใจแล้ว”
ชายสวมหน้ากากลิงและชายสวมหน้ากากหนูพยักหน้าพร้อมกับพลิกข้อมือ พวกเขาแต่ละคนถือไข่มุกโลหิตระดับต่ำไว้
บินไปทางหลี่ฟู่เฉิน ชายสวมหน้ากากหมาป่ากล่าวถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าเป็นคนสังหารผู้คุมโถงสุนัข?”
หลี่ฟู่เฉินตอบ “ข้าไม่รู้ว่าผู้คุมโถงสุนัขที่เจ้ากล่าวถึงผู้นี้เป็นใคร ข้ารู้เพียงแค่ว่าการเข้ามายังแคว้นวารีครามของพวกเจ้านั้นเป็นความผิดพลาด”
“พูดใหญ่โตโอ้อวด ตาย!”
ชายสวมหน้ากากหมาป่าเปิดใช้งานเทคนิคลับเต๋าปีศาจระดับ 5 ดาว ซึ่งทำให้ร่างกายของเขาปรากฏริ้วสีเลือดขึ้น ด้วยการปรับปรุงจากลายสีเลือดที่ปรากฏ สภาวะพลังฉีของชายสวมหน้ากากหมาป่าจึงเพิ่มขึ้นอย่างมาก ด้วยการชี้นิ้วทั้งห้าของเขา ชั้นสีเลือดจึงปรากฏออกมา ซึ่งทั้งหมดมันพุ่งตรงเข้าไปห่อหุ้มหลี่ฟู่เฉิน
หลี่ฟู่เฉินไม่กล้าประมาทเพราะชายสวมหน้ากากหมาป่าคนนี้ไม่เพียงแต่มีระดับพลังฝึกฝนที่สูงกว่าชายที่สวมหน้ากากสุนัขเท่านั้น เขาแม้แต่กระทั้งได้รับการปรับปรุงจากเทคนิคลับที่น่ากลัว มากไปกว่านั้น ความสามารถด้านทักษะต่อสู้ของเขาเองดูเหมือนจะแข็งแกร่งมากด้วยเช่นกัน
ใช้รูปแบบเทคนิคศักดิ์สิทธิ์ฉีบริสุทธิ์เก้าโคจรแทนที่เทคนิคเพลิงโลกันต์แท้จริง พลังฉีเพลิงโลกันต์แท้จริงของหลี่ฟู่เฉินจึงถูกแปรเปลี่ยนไปเป็นพลังฉีบริสุทธิ์เก้าโคจรอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะต่อจากนั้นจะเปลี่ยนไปเป็นดาบพลังฉีทองแดง ซึ่งในตอนท้ายที่สุดพลังฉีก็ถูกถ่ายเทลงไปในรูปแบบต่อสู้ทักษะดาบนภากระจ่าง
กระบวนการทั้งหมดอาจดูซับซ้อน แต่มันก็ใช้เวลาเพียงครู่เดียว
หลังจากที่เกิดรอยแยกขึ้นที่ชั้นของสีเลือด ดาบแสงสีดำของหลี่ฟู่เฉินก็ระเบิดพลังออกมาพร้อมๆ กับสนามพลังสองประเภท เข้าไปห่อหุ้มชายสวมหน้ากากหมาป่า
“ไม่ดีแล้ว มีสนามพลังที่มองไม่เห็นสองสนามพลังกักตัวข้าไว้”
ชายสวมหน้ากากหมาป่าตกใจ ในที่สุดเขาก็เข้าใจได้แล้วว่าชายสวมหน้ากากสุนัขตายได้อย่างไร
ภายใต้พันธนาการของพลังที่มองไม่เห็น มันเป็นเรื่องที่น่ายกย่องแล้วหากสามารถใช้พลังได้ถึง 50% หรือ 60% จากความแข็งแกร่งดั่งเดิม
ร่างของเขาถอยกลับไปอย่างเร่งรีบ มือของชายสวมหน้ากากหมาป่าปรากฏไข่มุกโลหิตมากกว่าเดิม พลังเต๋าโลหิตที่ไร้ขอบเขตพุ่งเข้าสู่ร่างกายของเขา ส่งผลทำให้สภาวะพลังฉีของชายสวมหน้ากากหมาป่าเพิ่มพูนขึ้นอีกครั้ง การตวัดมือของเขาอาจจะดูช้า แต่ความจริงๆ แล้ว มันเร็วมากๆ มันเข้าไปปะทะกับแสงดาบที่เข้าปกคลุมท้องฟ้า
เช้ง เช้ง เช้ง เช้ง!
ประกายไฟพวยพุ่งไปทั่วทุกทิศ มันจุดประกายไฟบนท้องฟ้า
ปิส!
ชายสวมหน้ากากหมาป่าอาเจียนออกมาเป็นเลือดและบินถอยหลังกลับ
ภายใต้การสะกดข่มจากสนามพลังทั้งสองประเภท เขาจึงไม่สามารถบังคับใช้พลังของตัวเองไปจนถึงขีดจำกัดได้ ดังนั้นแล้วม่านสีเลือดที่เขาปล่อยออกไปมันจึงถูกทำลายในทันที
“อะไรนะ? ฟาดดาบเพียงครั้งเดียวก็สามารถทำให้ผู้คุมโถงหมาป่าบาดเจ็บ?”
ชายสวมหน้ากากลิงและชายสวมหน้ากากหนูตกใจ พลังเต๋าโลหิตจากไข่มุกโลหิตได้ไหลเข้าสู่ร่างกายของพวกเขาก่อนที่พวกเขาจะรีบบินเข้าไปเพื่อให้ความช่วยเหลือและต่อสู้กับหลี่ฟู่เฉิน
“ความแข็งแกร่งของบุคคลนี้ไม่เพียงแต่เหนือกว่าชายสวมหน้ากากสุนัข ข้าไม่อาจสังหารเขาได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว”
ในตอนนี้ หลี่ฟู่เฉินมีความเข้าใจเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของตัวเองลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น
ชายสวมหน้ากากสุนัขอยู่ที่ระดับ 8 ของขอบเขตสวรรค์ ในขณะที่ชายสวมหน้ากากหมาป่าอยู่ในระดับสูงสุดของขอบเขตสวรรค์ ความแตกต่างของความแข็งแกร่งอาจมีเพียงหนึ่งหรือสองระดับเท่านั้น แต่มันก็มีความแตกต่างกันอย่างมาก ความแข็งแกร่งของชายสวมหน้ากากหมาป่าเองก็ไม่น่าจะด้อยไปกว่าผู้อาวุโสใหญ่ของนิกายวารีคราม จ้าวหวูจิน หลังจากทั้งหมดแล้ว เขาเองก็ได้รับการปรับปรุงจากไข่มุกโลหิตและเทคนิคลับเต๋าปีศาจที่ทรงพลัง
“ไม่จำเป็นต้องเสียเวลากับพวกเขา”
เก็บดาบแสงดำลงปลอก หลี่ฟู่เฉินดึงดาบร่วมสวรรค์ออกมา
ด้วยดาบร่วมสวรรค์ในมือของเขา หลี่ฟู่เฉินฟาดดาบใส่ศัตรูทั้งสาม
ครั้งนี้ แสงดาบที่รุนแรงและแหลมคมปรากฏออกมา มันไม่ได้แข็งแกร่งขึ้นเพียงแค่สองหรือสามเท่า มันแข็งแกร่งจนแม้แต่กระทั้งเฉือนผ่านได้ทุกสิ่ง
ปิสส ปิสส!
แม้แต่ชั่วพริบตาเดียว ชายสวมหน้ากากลิงและชายสวมหน้ากากหนูก็ไม่สามารถต้านทานได้ พวกเขากลายเป็นขี้เถ้าในทันที ชายสวมหน้ากากหมาป่าทนอยู่ได้นานกว่าทั้งสอง แต่เขาก็หนีไม่พ้นความตายเช่นกัน ร่างกายทั้งหมดของเขากลายเป็นรังผึ้งหลังจากถูกเจาะด้วยดาบขนาดเล็กจำนวนนับไม่ถ้วนก่อนที่ตัวเขาจะระเบิดออกเป็นกลุ่มหมอกเลือดอันเข้มข้น
ติดตามได้ก่อนใครที่เพจ INdyNovel