Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 272
บทที่ 272
พยายามในหอคอยสืบทอดอีกครั้ง
“หลี่ฟู่เฉินกลับมาแล้ว?”
เกาชางเทียนและหวูฉิงเหม่ยได้ทราบข่าวนี้ในเวลาเดียวกัน
ผ่านมาครึ่งปีแล้วที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน
การที่พวกเขาได้อยู่ด้วยกัน หลักแล้วต้องขอบคุณหลี่ฟู่เฉิน
ถ้าหลี่ฟู่เฉินไม่ได้จัดการหยูเหวินเทียนและคนอื่นๆ หวูฉิงเหม่ยก็นึกสภาพของตัวเองในตอนนี้ไม่ออก
ความอัจฉริยะมักจะทำให้คนตาพร่ามั่ว และคนส่วนใหญ่ก็จะเลือกโครงกระดูกระดับ 5 ดาวมากโครงกระดูกระดับ 4 ดาว
“เขาเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลในทวีปนี้ไปแล้ว” เกาชานเทียนถอนหายใจ
หวูฉิงเหม่ยพยักหน้า ขณะที่ภาพของหลี่ฟู่เฉินปรากฏขึ้นในใจของเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ
เธอมีความรู้สึกซับซ้อนมากมายต่อหลี่ฟู่เฉิน และมีความชื่นชมเล็กน้อยในความรู้สึกเหล่านั้น
แต่เธอเห็นได้ชัดว่าหลี่ฟู่เฉินเป็นเหมือนก้อนเมฆที่ไม่มีใครสามารถเข้าใจได้ แม้ว่าพวกเขาจะติดตามเขา แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจเช่นกัน
อย่างไรก็ตามคนที่มีความรู้สึกซับซ้อนที่สุดคือกั่วเซี่ย
การกลับมาอย่างกะทันหันของหลี่ฟู่เฉินทำให้เธองงงวยอย่างแท้จริง
ก่อนที่เขาจะสูญเสียพรสวรรค์ของเขาไป ศักยภาพโดยกำเนิดของหลี่ฟู่เฉินยังคงมีอยู่เพียงเล็กน้อย ภายหลัง จู่ๆ เขาก็สูญเสียความสามารถและกลับมามีพรสวรรค์อีกครั้ง นอกจากนี้ เมื่อเวลาผ่านไป ศักยภาพโดยกำเนิดของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่ง ตอนนี้เขาราวกับเป็นแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ กลายเป็นมีชื่อเสียงในทวีปยูนิคอร์นตะวันออกขึ้นมา
“ข้าจะไม่เสียใจ” ดวงตาของกั่วเซี่ยเกิดประกายความมุ่งมั่น
ศักยภาพโดยกำเนิดของเธอไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร เพราะเธอมีโครงนวลวารีระดับ 4 ดาว เกือบจะแน่นอนแล้วว่าเธอจะสามารถไปถึงขอบเขตสวรรค์ได้ และหากพบพานกับชะตากรรมมากพอ เธอก็อาจจะก้าวไปสู่ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดได้ เมื่อเวลานั้นมาถึง เธอก็สามารถใช้ชีวิตตามที่เธอต้องการได้
“หลี่ชิตี๋ ในเวลาปกติแล้วเป็นคนเงียบๆ แต่เมื่อเขาสร้างความปั่นป่วน แน่แท้แล้วว่าทุกคนย่อมตื่นตกใจ!”
เฉินฟางหัวรู้สึกตกใจ เพราะความก้าวหน้าในการฝึกฝนของเธอไม่ได้ช้าเลย และอยู่ในระดับที่ 3 ของขอบเขตปฐพีแล้ว แต่เมื่อเทียบกับหลี่ฟู่เฉิน ก็ยังมีช่องว่างอยู่มาก และเมื่อทุกอย่างราบรื่นช่องว่างนั้นก็มีแต่จะใหญ่ขึ้นเท่านั้น
การกลับมาของหลี่ฟู่เฉินทำให้เกิดการปะทุขึ้นในเหล่าศิษน์นิกายวารีคราม
เกือบทุกคนกำลังคุยกันเกี่ยวกับหลี่ฟู่เฉิน
ดาบคลั่ง ดาบพยัคฆ์ และ ดาบไร้อารมณ์เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว ดังนั้นทุกคนจึงไม่รู้สึกผิดปกติอะไร
แต่หลี่ฟู่เฉินเพิ่งเก่งกาจขึ้นมาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และคนส่วนใหญ่ก็เฝ้าดูความคืบหน้าของเขาจนถึงขั้นตอนนี้
โดยเฉพาะศิษย์สิบอันดับแรกของนิกายชั้นนอกในสมัยนั้น ซึ่งตอนนี้ทุกคนล้วนแต่มีอารมณ์ที่ซับซ้อน
***
บ้านพักของจ้าวหวูจิน …
อาวุโสเยว่หัวก็อยู่ที่นี่เช่นกัน
“หลี่ฟู่เฉิน ตอนนี้เจ้าเป็นบุคคลที่มีอิทธิพล แต่เจ้าต้องไม่หลงระเริงงกับชื่อเสียงฉาบฉวยเหล่านี้ ชื่อเสียงที่ไม่มีความสามารถก็ไม่ต่างอะไรจากภาพลวงตา เจ้าต้องฝึกฝนอย่างขยันขันแข็งให้มากยิ่งขึ้น” เยว่หัวกล่าวกับหลี่ฟู่เฉิน
หลี่ฟู่เฉินพยักหน้า “สิ่งที่ผู้อาวุโสเยว่กล่าวนั้นถูกต้องที่สุด ฟู่เฉินจะไม่ประมาท”
จ้าวหวูจินและเยว่หัวต่างก็ช่วยเขา และพวกเขาก็เป็นบุคคลระดับสูงของนิกายวารีครามที่เขาสนิทที่สุดอีกด้วย
จ้าวหวูจินหัวเราะ “เยว่หัว ข้าคิดว่าเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรเลย เจตจำนงของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าเจ้ามากนัก เขาชัดเจนมากว่ากำลังทำอะไรและอะไรสำคัญสำหรับเขา”
เยว่หัวหัวเราะเบาๆ “นั่นก็จริง ข้าไม่ควรจะกังวลมากเกินไป”
หลี่ฟู่เฉินผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่หกและเป็นคนแรกที่เข้าสู่ประตูแห่งโลก จิตวิญญาณของเขาจะอ่อนแอได้อย่างไร? อย่างน้อยที่สุดก็อยู่ในระดับของขอบเขตสวรรค์
ในระยะสั้น บรรดาอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงเหล่านี้ในทวีปยูนิคอร์นตะวันออกล้วนเป็นบุคคลที่โดดเด่น ซึ่งมีแนวโน้มที่จะก้าวหน้าไปสู่ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดได้
ในขณะที่เยว่หัวเป็นเพียงโครงกระดูก 4 ดาวเท่านั้น
“ฟู่เฉิน เจ้าเป็นหนึ่งในศิษย์หลักที่ดีที่สุดของนิกายวารีครามเรา ตระกูลหลี่ของเจ้าอาจจะไม่ปลอดภัยในโลกภายนอก มันยากที่จะกล่าวได้ว่ามีใครวางแผนต่อต้านตระกูลหลี่ของเจ้าอยู่หรือไม่” จ้าวหวูจินกล่าวขึ้น
เยว่หัวพยักหน้า “นั้นก็ถูก มันเป็นการดีที่สุดที่จะให้ตระกูลหลี่ของเจ้ามาอยู่กับนิกายวารีคราม เนื่องจากเทือกเขาวารีครามมีขนาดใหญ่พอ เราจึงสามารถมอบหนึ่งในยอดเขาให้กับตระกูลหลี่ของเจ้าได้”
หลังจากได้ยินเช่นนั้น หลี่ฟู่เฉินก็มีสีหน้าค่อนข้างจริงจัง เพราะนี่คือสิ่งที่เขากังวล
ต้นไม้ที่โดดเด่นมักจะล้มก่อนเสมอ นี่เป็นวลีโบราณ และมันก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
“หากเป็นเช่นนั้น ข้าก็คงจะต้องรบกวนผู้อาวุโสทั้งสองเพื่อช่วยรายงานต่อระดับบนแล้ว ว่าข้าจะจัดการตระกูลหลี่ของข้าให้เปลี่ยนไปอยู่ภายใต้นิกายวารีคราม”
มีแต่ข้อดีสำหรับตระกูลหลีที่จะเปลี่ยนเข้าสู่นิกายวารีคราม
ตระกูลหลี่กำลังพัฒนาไปได้ดี และมีธุรกิจในหลายๆ เมือง รายได้ต่อปีของพวกเขาเพิ่มขึ้นจากกว่าแสนเหรียญทองเป็นมากกว่าหนึ่งล้านเหรียญทอง
แต่ความมั่งคั่งเป็นเพียงทรัพย์สินนอกกาย ความปรารถนาที่จะได้เหรียญทองคือเพื่อให้ลูกหลานในอนาคตของตระกูลหลี่เติบโตขึ้นได้อย่างแข็งแกร่งและยอดเยี่ยม หลังจากเปลี่ยนไปเป็นนิกายวารีครามแล้ว พวกเขาก็จะกลายเป็นตระกูลของนิกาย และจำนวนทรัพยากรที่พวกเขาสามารถหาได้นั้นไม่ใช่สิ่งที่โลกภายนอกจะเปรียบเทียบได้
ทรัพยากรจากนิกายเป็นสิ่งที่ไม่สามารถซื้อได้ด้วยเหรียญทองในโลกภายนอก
นอกจากนี้ ด้วยอิทธิพลของนิกายแล้ว คนรุ่นหลังของตระกูลหลี่ก็จะโดดเด่นกว่าตระกูลในโลกภายนอก และจะมีมุมมองต่อโลกที่ยิ่งใหญ่กว่า
มีตระกูลจำนวนนับไม่ถ้วนในแคว้นวารีครามที่ต้องการเป็นตระกูลนิกาย แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่มีคุณสมบัติ
แต่ตอนนี้ หลี่ฟู่เฉินมีคุณสมบัตินี้ และเนื่องจากตัวหลี่ฟู่เฉินเอง ตระกูลหลี่จึงมีคุณสมบัตินี้เช่นกัน
อาหารมื้อนี้เป็นไปอย่างร่าเริง ระหว่างนั้นจ้าวหวูจินทำท่าทีเล่นทีจริงเป็นแม่สื่อให้หลี่ฟู่เฉินและจ้าวหมิ๋งเยว่
หลี่ฟู่เฉินและจ้าวหมิ๋งเยว่ตระหนักได้ถึงเรื่องนี้
หลี่ฟู่เฉินไม่รู้ว่าจ้าวหมิ๋งเยว่คิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เขาไม่ต้องการนึกถึงเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ในระยะนี้
***
เบื้องบนทำงานได้ดีมาก และรับการอนุมัติให้ตระกูลหลี่กลายเป็นตระกูลนิกายทันที
นั่นเป็นที่แน่นอนอยู่แล้ว หลี่ฟู่เฉินเป็นอัจฉริยะชั้นยอดของทวีป และแม้ว่าอนาคตของเขาจะไม่สามารถคาดเดาได้ แต่ก็ยังมีโอกาสที่เขาจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในทวีปนี้
สำหรับโอกาสที่ดีเช่นนี้ นิกายจะพยายามอย่างเต็มที่ในการดูแลหลี่ฟู่เฉินและตระกูลหลี่
แม้ว่าหลี่ฟู่เฉินจะไม่สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในอนาคต แต่นิกายวารีครามก็ไม่เสียอะไรอยู่ดี
ตระกูลหลี่สามารถใช้ทรัพยากรจากนิกายได้เท่าไหร่? มันคงเป็นเพียงหยดน้ำในมหาสมุทร
โอหยางเหวินเทียนให้ความเห็นชอบกับเหล่าชนชั้นนำในนิกาย ผู้อาวุโสชั้นในและผู้อาวุโสชั้นนอกหลายคนต่างก็ออกเดินทางไปยังตระกูลหลี่ ความรับผิดชอบของพวกเขาคือการคุ้มกันตระกูลหลี่และป้องกันคำครหาใดๆ
หลี่ฟู่เฉินก็อยู่ในกลุ่มผู้คุ้มกันเช่นกัน
ด้วยความช่วยเหลือจากสัตว์วิญญาณอากาศ ทุกคนเดินทางด้วยความเร็วสูงสุดโดยใช้เวลาเพียงสองวันเพื่อมาถึงเมืองหมอกเมฆา
เมื่อตระกูลหลี่รู้ว่าพวกเขากำลังจะกลายเป็นตระกูลนิกาย ก็ไม่มีใครคัดค้าน ซ้ำทุกคนยังดูตื่นเต้นมาก
การกลายเป็นตระกูลของนิกายเป็นความฝันที่เหนือความคาดคิดสำหรับตระกูลนับไม่ถ้วน และวันนี้มันก็เป็นจริงแล้วสำหรับตระกูลหลี่
การย้ายตระกูลไม่ใช่เรื่องง่าย และหลี่ฟู่เฉินต้องการอยู่ในตระกูลสองสามวันก่อนที่จะกลับไปยังนิกายวารีคราม
การแข่งขันการจัดอันดับดารากำลังใกล้เข้ามา และด้วยความสามารถในปัจจุบันของเขา มันยังไม่เพียงพอที่เขาจะเข้าทดสอบได้อย่างปราศจากความกังวล
สาเหตุหลักมาจากระดับการฝึกฝนของเขาซึ่งอยู่ในระดับที่ 6 ของขอบเขตปฐพีเท่านั้น แม้ว่าเขาจะก้าวไปสู่ระดับที่ 7 ของเขตปฐพี เขาก็ยังคงเป็นระดับล่างสุดของผู้เข้าร่วมทั้งหมด
ในช่วงเวลาของการแข่งขัน ระดับที่ 9 ของขอบเขตปฐพีควรเป็นระดับการฝึกฝนโดยเฉลี่ยและจุดสูงสุดของระดับที่ 9 ขอบเขตปฐพีคือระดับการฝึกฝนชั้นยอด ซ้ำอาจจะมีผู้เข้าร่วมบางคนที่ก้าวเข้าสู่ครึ่งก้าวขอบเขตสวรรค์ได้แล้ว
“ให้ข้าไปลองที่หอคอยสืบทอดอีกครั้ง”
เมื่อหลี่ฟู่เฉินกลับมาที่นิกาย หลี่ฟู่เฉินก็มุ่งหน้าไปยังหอคอยสืบทอดเป็นอันดับแรก
ครั้งก่อน ก่อนที่เขาจะออกจากนิกายเขาสามารถผ่านชั้นสองของหอคอยได้ คราวนี้เป้าหมายของเขาคือชั้นสามและไปดูที่ชั้นสี่ด้วย
ชั้นที่สองและสามของหอคอยสืบทอด มีค่ายกลที่สร้างสัตว์ปีศาจระดับ 3 ขั้นสูงขึ้นมา
แต่ชั้นสองเป็นสัตว์ปีศาจระดับ 3 ขั้นสูงที่อ่อนแอ ในขณะที่ชั้นสามเป็นสัตว์ปีศาจระดับ 3 ขั้นสูงที่น่าเกรงขาม
มีศิษย์หลักไม่กี่คนที่มาที่นี่เพื่อทดลองหอคอยสืบทอด เมื่อพวกเขาเห็นหลี่ฟู่เฉิน ทุกคนต่างก็ตื่นเต้น
“หลี่ชิเซียงมาที่นี่เพื่อทดลองหอคอยสืบทอด ข้าได้ยินมาว่าผลของหลี่ชิเซียงเมื่อครั้งก่อนคือชั้นสอง คราวนี้เขาจะผ่านชั้นสามได้หรือไม่”
“เจ้าต้องล้อข้าเล่นแน่ๆ แน่นอนว่าเขาต้องทำได้ แค่ขึ้นอยู่กับเรื่องของเวลาที่เขาใช้ก็เท่านั้น”
ติดตามได้ก่อนใครที่เพจ indynovels