Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 211
บทที่ 211
การต่อสู้ด้วยเลือด
สุสานแห่งนี้กว้างใหญ่ไพศาล และการที่มาพบกับฟานเฉียนหยูได้นั้นถือเป็นเรื่องของโชคล้วนๆ สองชั่วโมงต่อมา ทั้งคู่ไม่พบใครแม้แต่ผู้เดียว รวมถึงห้องอื่นๆ ก็ไม่พบเช่นกัน
เมื่อพวกเขาเข้าลึกลงไปในสุสานพวกเขาก็สูญเสียประสาทในด้านการรับรู้ทิศทางไป
พวกเขาทำได้เพียงแต่พึ่งพาสัญชาติญาณของตนเองเท่านั้น
หลังจากนั้นอีกสองชั่วโมง ท้ายที่สุดแล้วทั้งคู่ก็ได้พบกับใครบางคน
น่าเสียดายที่มันเป็นคนที่พวกเขาไม่ต้องการพบเจอมากที่สุด
ดูเหมือนว่าที่จุดศูนย์กลางของสุสานนี้ มันจะเป็นอุโมงค์ที่แตกแขนงออกไปยังจุดต่างๆ และพื้นที่ๆ ใหญ่ที่สุดก็มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณร้อยเมตร หนึ่งในอุโมงค์เชื่อมต่อ ฟู่จงชานและหลี่หวูเซี่ยเดินออกมาอย่างช้าๆ
“หลี่ฟู่เฉิน ข้าต้องขอยอมรับ เจ้านั้นโชคไม่ดีเสียจริง เจ้ามักโคจรมาพบกับข้าอยู่ตลอด ดูเหมือนว่าสวรรค์เองก็ต้องการให้เจ้าตาย” หลี่หวูเซี่ยถากถาง ขณะที่เขาหยิบธงเลือดเล็กๆ ที่มีลักษณะเป็นริ้วสีเลือดขึ้นมา
หลี่ฟู่เฉินตอบกลับ “ก็ยังไม่แน่ว่าใครจะได้รับชัยชนะ บางทีอาจเป็นเจ้าทั้งคู่ที่ต้องตายก็เป็นไปได้”
“เจ้ากล้าโอ้อวดถึงเพียงนี้?! แม้ว่าเจ้าจะมีสิ่งประดิษฐ์มากมายแต่เจ้าก็ไม่อาจหลบหนีความตายได้ในวันนี้ไปได้” ฟู่จงชานจ้องไปที่หลี่ฟู่เฉินราวกับเห็นคนตาย
ในสายตาของเขา มันราวกับหลี่ฟู่เฉินด้ายไปเรียบร้อยแล้ว
หากเป็นฟานเฉียนสงที่อยู่ที่นี่ พวกนั้นอาจเป็นต่อพวกเขาอยู่บ้าง แต่ถ้าเป็นเพียงหลี่ฟู่เฉิน นั้นก็ไม่นับว่าเป็นอะไรแล้ว
“ฟู่จงชาน ข้าจะปล่อยหลี่ฟู่เฉินให้เจ้า ฝากฟานเฉียนหยูให้กับข้า” หลี่หวูเซี่ยค่อนข้างฉลาด เขามีของมีค่ามากมายเหลือเฟือ แต่ความสามารถพื้นฐานของเขาไม่เก่งพอ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถดึงศักยภาพสูงสุดของสิ่งประดิษฐ์เหล่านั้นออกมาใช้ได้ เขาไม่แน่ใจว่าเขาจะจัดการกับหลี่ฟูเฉินได้หรือไม่ แต่เขารู้ว่ามันเพียงพอสำหรับเขาหากจัดการฟานเฉียนหยู
“ไม่ต้องกังวล ข้าต้องการเพียงสิบดาบเท่านั้น” ฟู่จงชานตอบกลับอย่างมั่นใจ
ในความเป็นจริง หากหลี่ฟู่เฉินไม่มีสิ่งประดิษฐ์ใดๆ เขาจะใช้เพียงแค่สามดาบเท่านั้น สำหรับการกำจัดหลี่ฟู่เฉิน
หลี่ฟู่เฉินส่งข้อความลับไปยังฟานเฉียนหยู “เจ้าควรออกไปก่อน”
เขาไม่ต้องการให้ฟานเฉียนหยูตกอยู่ในอันตรายและเขาควรจะจัดการเรื่องของเขาด้วยตัวเอง หลังจากทั้งหมดแล้ว ฟานเฉียนหยูก็ไม่ใช้ฟานเฉียนสง มีความแตกต่างค่อนข้างมากในความสามารถระหว่างพวกเขา หากมีอะไรเกิดขึ้น
เขาจะหาเหตุผลมาตอบกับฟานเฉียนสงได้อย่างไร
ฟานเฉียนหยูส่ายหัวของเธอ “การต่อสู้ระหว่างชีวิตและความตายเป็นโอกาสสำหรับข้า นอกเหนือจากนี้ ข้าเองก็มีสิ่งประดิษฐ์ด้วยเช่นกันและอาจจะจัดการกับหลี่หวูเซี่ยได้”
เธออยู่ในระดับที่สี่ของขอบเขตปฐพี ในขณะที่หลี่หวูเซี่ยอยู่ในระดับที่สามของขอบเขตปฐพี หากเธอหนีไปโดยที่ไม่แม้แต่จะต่อสู้ พลังที่เธอบ่มเพาะมาตลอดนี้จะบ่มเพาะมาเพื่ออะไร?
“เช่นนั้นก็ระวังตัวด้วย”
หลี่ฟู่เฉินไม่ได้พยายามโน้มน้าวใจเธอต่อ เพราะฟู่จงชานและหลี่หวูเซี่ยกำลังจะลงมือแล้ว หากเขายังคงดื้อดึงต่อ มันก็จะมีแต่เป็นการรบกวนพวกเขาเท่านั้น
“อือ” ฟานเฉียนหยูพยักหน้ารับ มีดจันทร์เสี้ยวคู่หนึ่งปรากฏขึ้นในมือของเธอ
“ฆ่า!”
หลี่หวูเซี่ยพุ่งไปหาฟานเฉียนหยูก่อนเป็นคนแรก เขามือของเขามีธงสีเลือดถือไว้อยู่ คลื่นพลังฉีสีเลือดแพร่กระจายตัวออกไปราวกับคลื่นน้ำตก
เห็นได้ชัดว่าธงสีเลือดนี้เป็นอาวุธพิเศษที่สามารถเพิ่มความสามารถของนักสู้ได้และยังเป็นตัวชดเชยระยะห่างระหว่างขอบเขต มันเพิ่มความสามารถให้หลี่หวูเซี่ยได้มากกว่าอาวุธอื่นๆ ธงสีเลือดนี้เห็นได้ชัดว่าอยู่ในระดับสูง อย่างน้อยๆ มันก็คือระดับลึกลับขั้นสูง
“แตกสลายไปซะ!”
แขนของฟานเฉียนหยูร่ายรำไปพร้อมๆ กับมีดจันทร์เสี้ยวในมือ สภาพแวดล้อมทั้งหมดข้างๆ เธอเต็มไปด้วยแสงดาบและค่อยเข้าตัดพลังฉีสีเลือดอยู่
“ข้าแนะนำให้เจ้ายอมแพ้และข้าจะคงสภาพศพไว้ให้ หากไม่เช่นนั้นแล้ว เจ้าจะไม่มีแม้แต่ศพเหลืออยู่เลย” ไม่แม้แต่จะมองหลี่หวูเซี่ยและฟานเฉียนหยู ฟู่จงชานกล่าวกับหลี่ฟู่เฉินอย่างเย็นชา
หลี่ฟู่เฉินถามกลับ “เจ้าคิดว่าข้าจะทำเช่นนั้นจริงๆ?”
ในขณะที่เขากล่าว หลี่ฟู่เฉินก็เปิดใช้งานเทคนิคลับมังกรเร้นลับ พลังฉีเพลิงโลกันต์แท้จริงถูกแปรสภาพเป็นของเหลวหนืดดังเช่นพลังฉีมังกรเร้นลับ
“ตาย!” ฟู่จงชานฟันลงไปที่หลี่ฟู่เฉิน
การฟันลงมาครั้งนี้รวดเร็วมากและไร้ซึ่งความปรานี มันราวกับว่าการฟันครั้งนี้จะสามารถแยกช่องว่างอากาศออกจากกันได้
เคร้ง!
เศษหินบินวอนกระจายไปทั่ว ขณะที่ดาบของฟู่จงชานพลาดเป้าหมาย
“หือ?!” ฟู่จงชานรู้สึกว่าความเร็วของหลี่ฟู่เฉิน นั้นเร็วกว่าตอนที่เขาสู้กับซูเหยชานที่ในเมืองหมอกหนาเสียอีก
“เจตจำนงเทคนิคตัวเบาและเจตจำนงเทคนิคลูกเตะ” ฟู่จงชานขมวดคิ้ว
ด้วยการใช้เจตจำนงทั้งสอง ความเร็วและความคล่องตัวของเขาไม่ได้เพียงขึ้นเพียงแค่เล็กน้อย แต่มันเพิ่มขึ้นอย่างน้อยก็สองเท่า
ด้วยการโคจรย่างก้าวเงาวายุและใช้ลูกเตะไร้เงา ปัจจุบันหลี่ฟู่เฉินเองก็ไม่ต่างากภูติผีมากนัก
ไม่ว่าจะเป็นบนพื้นดิน ผนัง หรือเพดาน มันเป็นเหมือนพื้นราบลื่นสำหรับหลี่ฟู่เฉิน มันราวกับไม่มีอุปสรรคหรือตัวยึดเหนี่ยวใดๆ ที่จะเกาะติดเขาได้อีกแล้ว
ขณะที่เจตจำนงย่างก้าวเงาวายุและลูกเตะไร้เงารวมเข้าด้วยกัน หลี่ฟูเฉินก็เพิกเฉยต่อการมีอยู่ของน้ำหนักใดๆ
เนื่องจากจุดแข็งของฟู่จงานคือความแข็งแกร่ง หลี่ฟู่เฉินจึงต้องละทิ้งเทคนิคเพลิงโลกันต์แท้จริงไป มันจะไม่มีโอกาศชนะหากเขายังฝืนต่อไปทั้งๆ แบบนี้ ด้วยเหตนี้ ทำไมไม่เสี่ยงเลือกโคจรย่างก้าวเงาวายแทน เพื่อเพิ่มความเร็วและความคล่องแคล่วว่องไวของเขาซะเลยเสียละ
เขาเชื่อว่าในช่วงเวลาสั้นๆ เขาจะไม่โดนดาบของคู่ต่อสู้ของเขาแน่นอน
“ข้าไม่ใช่ซูเหยชาน หากเจ้าคิดว่าข้าไม่มีวิธีจัดการกับเจ้าในปัจจุบัน เช่นนั้นเจ้าก็คิดผิดแล้ว”
ร่างกายของฟู่จงชานไม่ได้ขยับเขยื่อนเลยแม้แต่นิ้วเดียว เขาเพิ่มความจดจ่อไปที่ประสาทหูและตาของเขา ใช้พวกมันถึงขีด จำกัดเพื่อรับรู้วิถีการเคลื่อนไหวของหลี่ฟู่เฉิร
“ตรงนั้น!”
ฟู่จงชานฟังลงไปในความว่างเปล่า
ในความว่างเปล่านั้น ร่างหนึ่งได้ปรากฏขึ้น แต่ร่างนั้นก็กลับตัวกลางอากาศอย่างรวดเร็วเพื่อหลบเลี่ยงการฟันครั้งนี้
วืด วืด วืด วืด…
ฟู่จงชานฟันออกไปสิบดาบติดต่อกัน ทุกๆ ดาบเล็งไปที่ๆ หลี่ฟู่เฉินจะเคลื่อนที่ไป แต่หลี่ฟู่เฉินมีปฏิกิริยาตอบโต้ที่ดีกว่า ซึ่งเขาก็สามารถตรวจสอบวิถีดาบของฟู่จงชานได้ตลอดเวลา
“สิบดาบผ่านไปแล้วนะ” เสียงของหลี่ฟู่เฉินถูกกล่าวออกมาจากอากาศในทุกทิศทาง
“ฮึ่ม!” ฟู่จงชานส่งเสียงคำรามในคอและไม่พอใจ
“ตาข่ายสวรรค์!”
ฟูจงชานใช้ท่าสังหารของเขา ด้วยกระบวนดาบนี้ ที่ช่องว่างนั้นเต็มไปด้วยแสงดาบคล้ายกับตาข่ายที่มีพลีงฉีหนาแน่น ลอมรอบหลี่ฟู่เฉินไว้ทุกทิศทาง
และเวลานี้เอง ประสาทสัมผัสของหลี่ฟู่เฉินก็ถูกกระตุ้นขึ้นมาสุดขีด ร่างกายของเขาขยับในแนวนอน บิดร่างกาย และขดตัว ภายในชั่วพริบตานี้ ร่างกายของหลี่ฟู่เฉินก็ขยับไปแล้วกว่าแปดรูปแบบ
ตึง ตึง!
ตาข่ายดาบนั้นตัดพื้นหินทั้งหมด แต่หลี่ฟู่เฉินก็ยังคงไม่ได้รับความเสียหายใดๆ
“เป็นไปได้ยังไง?” ฟู่งชานดูตกใจ
เขาไม่เคยเห็นใครที่สามารถหลบตาข่ายสวรรค์ได้อย่างสมบรูณ์แบบเช่นนี้มาก่อน แม้ว่าจะมีใครบางคนที่สามารถทำได้ มันไม่สมควรเป็นหลี่ฟู่เฉิน แต่สมควรเป็นผู้เชี่ยวชาญประเภทชูมู่หยูมากกว่า
ดวงตาของหลี่ฟู่เฉินกระจ่างใส ตาข่ายสวรรค์ดูเหมือนจะไร้ที่ติก็จริง แต่ในความเป็นจริงแล้ว แสงดาบนั้นมาพร้อมกันแต่ไม่ได้ถูกใช้งานพร้อมกัน ถ้ามันถูกใช้งานพร้อมกับด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว เขาก็ไม่มีทางที่จะหลบได้อย่างแท้จริง
“ตอนนี้แหละ!” ดวงตาของหลี่ฟู่เฉินเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร ทันใดนั้นมือของเขามีหน้าไม้ปรากฏและมันเต็มถูกบรรจุด้วยศรทลายปีศาจ เขาผลาญพลังฉีลงไปในหน้าไม้ และจังหวะเดียวกันก็จะได้ยินเสียง ติ้ว ขณะที่ศรทลายปีศาจถูกยิงออกไป
“ไม่ดีแล้ว” ขนของฟู่จงชานลุกชันขึ้น
มันมีทั้งข้อดีและข้อเสียเมื่อใช้กระบวนท่าสังหารออกไป เขาต้องการเวลาในรวบรวมความแข็งแรงและเมื่อใช้ไปก็ต้องใช้เวลากว่มันจะกลับคืนมา ก่อนที่พลังฉีของเขาจะกลับมา ความเร็วในการเคลื่อนที่ของเขาก็จะช้าลงเล็กน้อยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“สลายไปซะ!”
รู้ว่าเขาไม่มีเวลาที่จะนำดาบออกมาป้องกันแล้ว ฟู่จงชานเพิ่มความหนาของเกราะพลังฉีที่ปกป้องอยู่รอบกายของเขา ตอนนี้มันหนาอย่างน้อยหนึ่งฟุต มันเป็นเหมือนกำแพงพลังฉีที่ถูกสำรองเอาไว้ และพยายามปิดกั้นศรทลายปีศาจที่กำลังมาถึง
ปิส!
ศรทลายปีศาจถูกสร้างขึ้นเจาะเกราะป้องกันพลังฉี ศรลูกเดียวก็เพียงพอที่จะเจาะผ่านเกราะป้องกันพลังฉีของฟู่จงชานแล้ว มันเจาะลึกเข้าไปในร่างกายของฟูจงชาน ส่งผลทำให้เลือดปะทุสาดออกไปทั่ว
“หลี่ฟู่เฉิน ข้าปราถนาความตายของเจ้า!” ฟู่จงชานคร่ำครวญและก็ลงมือห้อมล้อมหลี่ฟู่เฉินด้วยแสงดาบนับไม่ถ้วนอีกครั้ง
“นั่นเป็นผลลัพธ์ที่ค่อนข้างดูดีดีทีเดียว” หลี่ฟูเฉินหลบด้วยความเร็วสูง
เหตุผลที่หลี่ฟู่เฉินไม่ได้ใช้ประโยชน์จากเศษอาวุธระดับปฐพีก็คือเขาไม่ได้เข้าใจความสามารถของเศษอาวุธนี้ได้อย่างสมบูรณ์ แต่ศรทลายปีศาจนั้นแตกต่างกัน ตราบเท่าที่เขาพบช่องว่างของศัตรู ศรลูกเดียวก็จะแทงทะลุผ่านการเกราะป้องกันพลังฉีไปได้ในเก้านับจากสิบครั้ง
ปิสส!
ทันใดนั้นเอง แสงดาบก็ผ่านเข้ามา มันถูกเร่งความเร็วราวกับแสง
หลี่ฟู่เฉินพยายามอย่างดีที่สุดที่จะหลบหนี แต่ท้ายที่สุดก็ยังมีรบาดแผลจากแสงดาบนี้ ส่งผลทำให้หน้าอกซ้ายของเขามาเลือดออก
สายตาที่ดูลองลอยของฟู่จงชานหวนกลับมาดังเดิมอีกครั้ง สภาวะพลังฉีของฟู่จงชานเองก็มาถึงจุดสูงสุดอีกครั้งเช่นกัน
เห็นได้ชัดว่าศัตรูของหลี่ฟู่เฉินได้เปิดใช้งานเทคนิคลับเข้าแล้ว