Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 346 ราชาปีศาจ
นิยาย Eternal Reverence
บทที่ 346 ราชาปีศาจ
บทที่ 346
ราชาปีศาจ
นิกายวารีคราม โถงใหญ่วารีคราม
โอหยางเหวินเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “ผู้อาวุโสเหลียงและผู้พิทักษ์ซ้ายได้จากไปท่านั้นจึงทําให้นิกายวารีครามของเราอ่อนแอลงอย่างมากโชคยังดีเราได้รับประโยชน์อย่างมากจากการเดินทางไปยังซากโบราณสถานนิกายนภาทมิฬฉันเสนอมอบชุดเกราะระดับปฐพีขั้นต่ำให้แก่ผู้อาวุโสโอหยางเกี่ย”
“ผู้อาวุโสสูงสุดโอหยางเกี่ยเป็นผู้เชี่ยวชาญอันดับ 1 ของนิกายวารีครามเรามันควรจะเป็นอย่างนั้น”ผู้อาวุโสกั่วตอบกลับ
โอหยางเหวินเยี่ยมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าของเขา ในขณะที่เขากล่าว “ถ้าอย่างนั้น
ชายชราผู้นี้จะยอมรับความเมตตาของทุกคน
เกราะระดับปฐพี่ขั้นต่นั้นมีค่ามากกว่าอาวุธระดับปฐพี่ขั้นต่ดินหลายเท่า
ด้วยชุดเกราะระดับปฐพี่ขั้นต่ำ เขาเชื่อว่าเขาก็คงจะสามารถต่อสู้กับนักสู้ขอบเขตหวนคทนต้นกําเนิดระดับที่ 4 ได้ แม้แต่กระทั้งผู้เชี่ยวชาญขอบเขตหวนคืนต้นกําเนิดระดับ 5 ก็ไม่สามารถเอาชนะเขาได้ในระยะเวลาอันสั้น พูดได้อีกอย่างว่าชุดเกราะระดับปฐพีขั้นต่ำนี้เพียงพอที่จะชดเชยความแข็งแกร่งที่ขาดหายไปจากผู้อาวุโสเหลียง และผู้พิทักษ์ซ้ำยังได้บางทีถึงกับมากกว่าที่หายไปด้วยซ้ำ
“สําหรับเทคนิคลับระดับ 5 ดาว เงาแดงอันนี้… เราจะฝึกฝนมันก่อนและตัดสินใจว่าควรจะส่งต่อหรือไม่ แน่นอนว่ามีบุคคลหนึ่งที่เราสามารถให้ลองก่อนได้และเขาก็คือหลี่ฟูเฉิน”โอหยางเหวินเทียนชื่นชมหลี่ฟูเฉินเป็นอย่างยิ่งเนื่องจากเขาเป็นอัจฉริยะที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติของนิกายวารครามทั้งยังมีการรับรู้ที่สูงเป็นพิเศษเขาคาดว่ามันน่าจะอยู่ที่ด้านบนสุดของทวีปยูนิคอร์นตะวันออกทั้งหมดด้วยซ้ำตราบใดที่เขามีเวลาพอที่จะเติบโต บางทีเขาอาจมีโอกาสได้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของทวีปยนิคอร์นตะวันออก
เมื่อได้ยินค่ากล่าวของโอหยางเหวินเทียน โอหยางเกี่ย และคนอื่นๆ ก็พยักหน้าด้วยการรับรู้ของหลี่ฟูเฉิน ความเร็วในการเข้าใจเทคนิคลับระดับ 5 ดาวของเขาก็คงจะไม่ช้ไปกว่าพวกเขา นอกจากนี้ด้วยเทคนิคเงาแดงหลี่ฟูเฉินก็จะมีกาลังมากขึ้นเพื่อปกป้องตัวเอง
วันรุ่งขึ้น หลี่ฟูเฉินได้รับเงาแดง
เงาแดงเป็นเทคนิคลับที่มีทั้งการป้องกันและการโจมตี เมื่อฝึกฝนมัน ร่างกายจะสามารถรวมกลุ่มก้อนเงาสีแดงเข้มไว้ในร่างของมนุษย์ได้ มันคล้ายกับอาชูร่าปีศาจสวรรค์ของนิกายปีศาจสวรรค์
มันส่งเสริมความสามารถในการป้องกันและการโจมตีเพิ่มขึ้นอย่างมาก
แต่เมื่อพูดความจริงแล้ว หลี่ฟูเฉินรู้สึกว่าน่าเสียดาย หากเงาแดงนั้นเหมือนกับพลังฉีหยางบริสุทธิ์ซึ่งเป็นเทคนิคลับในการเพิ่มพลังฉี มันก็อาจจะสามารถทับซ้อนกับเทคนิคศักดิ์สิทธิ์ฉีบริสุทธิ์เก้าโคจร และแก่นแท้ดาบทองแดงได้ หากเป็นไปได้เขาก็คงจะระเบิดพลังออกมาได้อย่างน่าตกใจ
แต่แน่นอนว่าเขาตอนนี้เองก็ไม่รู้ว่ามันจะซ้อนกันได้หรือไม่
นอกจากนี้ สถานการณ์ไม่เป็นอย่างที่เขาคิดก็ได้ ดังนั้น หลี่ฟูเฉินจึงไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้อีก
หลี่ฟูเฉินไม่ได้ฝึกฝนเงาแดงในทันที ขณะที่เขาใช้ความพยายามทั้งหมดของเขาในการฝึกฝนเทคนิคลับแก่นแท้ดาบทองแดงก่อน
ครึ่งปีผ่านไป ลวดลายดาบเหล็กดําบนกระดูกของเขาก็เกือบจะหายไปหมดแล้วในทางกลับกัน ลวดลายดาบทองแดงก็ปกคลุมกระดูกของเขาเกือบ 90%เหลือเพียง 10% เท่านั้น
ไม่ว่าเทคนิคลับไหน… เมื่อฝึกฝนข็งถึงขั้นสมบูรณ์แบบ จะก็จะมีความแข็งแกร่งขึ้นมาก
แก่นแท้ดาบทองแดงที่เสร็จสมบูรณ์ 99% และแก่นแท้ดาบทองแดงที่สมบูรณ์แล้วแม้จะเป็นช่องว่างเล็กน้อย
“ข้าสงสัยจังว่าพลังของแก่นแท้ดาบทองแดงระดับสมบูรณ์แบบจะเป็นอย่างไรหลี่ฟูเฉินตั้งตารอ
แก่นแท้ดาบทองแดงระดับสมบูรณ์แบบถือเป็นเทคนิคลับระดับ 6 ดาวที่ยอดเยี่ยมและมีพลังมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเทคนิคลับระดับ 5 ดาว
และกระบวนการฝึกฝนนี้ก็ใช้เวลาถึงสามเดือนเต็มเต็ม
ในช่วงสามเดือนนี้ หลี่ฟูเฉินได้ฝึกฝนเงาแดงเล็กน้อย
แต่ด้วยการรับรู้ของเขา เขาก็ยังคงฝึกฝนเงาแดงจนถึงระดับสมบูรณ์แบบย่อย
หลังจากที่เปิดใช้งานเงาแดง ร่างของเขาก่อตัวเป็นเงาสีแดงสดสูง 30 ฟุต
เงาแดงเพิ่มพลังป้องกันและพลังโจมตีของหลี่ฟูเงินประมาณ 30% ไม่ยากเลยที่จะจินตนาการว่าเมื่อขั้นที่ฝึกสําเร็จแล้ว พลังป้องกันและพลังโจมตีอาจจะเพิ่มถึงสองเท่า
หากการป้องกันและการโจมตีเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า มันก็หมายความว่าความแข็ง แกร่งของผู้ฝึกฝนจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเช่นกัน
ด้วยหากพลังฝึกฝนเพิ่มขึ้น ความยากในการเพิ่มความแข็งแกร่งก็จะยากขึ้นเรื่อยๆถ้าหลี่ฟูเฉินอยู่ในขอบเขตหวนคืนต้นกําเนิด มันก็คงน่ายกย่องแล้ว หากเทคนิคลับระดับ 5 ดาวนี้สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาได้ 20% หรือ 30%
นี่เป็นเหตุผลว่าทําไมเทคนิคลับระดับ 4 ดาวจึงไม่ได้ผลสําหรับนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกาเนิด
ไม่เช่นนั้นแล้ว คงจะมีนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกําเนิดจานวนนับไม่ถ้วนที่โลภอยากได้เทคนิคลับแก่นแท้แห่งดาบของหลี่ฟูเฉิน
แน่นอนว่า พวกเขาเหล่านั้นคิดว่าเทคนิคลับแก่นแท้แห่งดาบของหลี่ฟูเฉินเป็นเทคนิคลับระดับ 4 ดาว ดังนั้น ถึงแม้ว่าจะสามารถซ้อนกับเทคนิคลับอื่นๆได้มันก็จะเพิ่มความแข็งแกร่งของพวกเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นถึงการได้เทคนิคลับมาจะเป็นสิ่งที่ดีแต่การไม่มีมันพวกเขาก็ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ
“ในที่สุด แก่นแท้ดาบทองแดงก็สมบรูณ์แบบ”
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา กระดูกภายในร่างกายของหลี่ฟูเฉินถูกทาบด้วยลวดลายดาบทองแดงอย่างสมบูรณ์แล้ว
ลวดลายดาบทองแดงที่ควบแน่นทําให้กระดูกของหลี่ฟูเฉินดูเหมือนงานศิลปะที่วิจิตรบรรจงทําขึ้นมาในขณะที่มันให้ความรู้สึกลึกลับและแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง
“ปรากฏ!”
หลังจากที่พลังฉีเพลิงโลกันต์แท้จริงถูกแปลงเป็นพลังดาบทองแดง ต่อมามันก็ปรากฏขึ้นนอกร่างกาย
พืบ!
เสียงที่ชัดเจนของดาบดังออกมาขณะที่ดาบทองแดงปรากฏขึ้น
“ไป!”
ด้วยการระเบิดสภาวะพลังฉี ดาบทองแดงก็พุ่งออกไป
ในอีกด้านหนึ่งมีแร่โลหะระดับลึกลับขนาดยักษ์ซึ่งเต็มไปด้วยรูมากมายลมรุนแรงและมันก็พังทลายลงทันที
“แข็งแกร่งมาก พลังนั้นสูงกว่าเมื่อก่อนอย่างน้อย 30%” ดวงตาของหลี่ฟูเฉินเป็นประกาย
แก่นแท้แห่งดาบทองแดง 99% และระดับสมบูรณ์แบบอาจห่างกันเพียง 1% แต่พลังนั้นมีความแตกต่างกันถึง 30%
“ข้าสงสัยว่าหากข้าใช้ไพ่ตายทั้งหมดของตัวเอง ข้าจะสามารถต้านทานการโจมตีของนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกาเนิดระดับ 1 หรือ 2 ได้ซักสองถึงสามครั้งหรือไม่?
ถ้าเป็นเมื่อก่อน หลี่ฟูเฉินคงไม่กล้าคิดแบบนี้
แต่ตอนนี้ จู่ๆ เขาก็มั่นใจขึ้นมาก
ภูมิภาคภูเขาสีขาว ซากของนิกายนภาทมิฬ…
นิกายนภาทมิฬเป็นนิกายที่ที่เฟื่องฟูเมื่อ 2,000 ปีที่แล้ว นิกายมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทพยุทธ์วิญญาณหลายสิบคนและยังมีสิ่งมีชีวิตที่อยู่นอกเหนือขอบเขตเทพยุทธ์วิญญาณดํารงอยู่อีกด้วย ซากโบราณสถานนิกายแห่งนี้จึงไม่สามารถเทียบได้กับซาก โบราณสถานของนิกายทั่วไปแม้แต่กระทั่งผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของทวีปยูนิคอร์นตะวันออกก็ยังไม่สามารถสํารวจซากโบราณสถานของนิกายนภาทมิฬได้ทั้งหมด
ดังนั้นมันจึงมีผู้เชี่ยวชาญมาสํารวจทุกสามถึงห้าวัน บางคนมาจากร้อยนิกายและบางส่วนมาจากสิบภูมิภาคปีศาจ มีแม้กระทั่งนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกําเนิดจากกลุ่มเต่ปีศาจ
ในวันนี้ ร่างใหญ่สองร่างมาถึงทางเข้าของซากนิกายนภาทมิฬ พวกมันคือคชสารทลายผาและราชินีสาปศิลา
ไม่จําเป็นต้องกล่าวถึงคชสารทลายผาเพราะความแข็งแกร่งของเขาได้รับการพิสูจน์แล้วแต่มีคนไม่มากที่ได้เห็นราชินีสาปศิลาลงมือ
ว่ากันว่าความสามารถในการสาปให้คนกลายเป็นหินของเธอสามารถทําให้ผู้เชียวชาญระดับสูงของขอบเขตหวนคืนต้นกําเนิดกลายเป็นหินได้ทันทีการสาปให้กลายเป็นหินสามารถป้องกันได้ก็ต่อเมื่อผู้เชี่ยวชาญขอบเขตหวนคืนต้นกําเนิดหลายคนสร้างรูปแบบการต่อสู้ แต่พวกเขาก็สามารถป้องกันได้ในช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น ในช่วงสงครามมันคือสุดยอดผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายเทพอัสนี ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญอันดับ 1 ของทวีปยูนิคอร์นตะวันออกที่เป็นผู้จัดการกับราชินีสาปศิลาเป็นการส่วนตัว แต่หลังจากสงครามสิ้นสุดลงมีข่าวลือว่าสุดยอดผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายเทพอัสนี้ได้ปลีกตัวฝันฝนทันทีและดูเหมือนว่าเขาได้รับบาดเจ็บ
ราชินีสาปศิลาเป็นผู้หญิงที่มีรูปร่างและหน้าตาที่สวยงามมาก ดวงตาของเธอสามารถดึงดูดจิตวิญญาณผู้คนได้และมันก็ให้ความรู้สึกราวกับว่าหัวงเวลาได้หยุดนิ่งร่างกายส่วนล่างของเธอเป็นร่างงูหลากสีและปลายหางของเธอก็กระพริบด้วยแสงสีขาว
ทั้งคู่กําลังเตรียมที่จะเข้าสู่ซากโบราณสถานของนิกายนภาทมิฬ
“เอ๊ะ!” ราชินีสาปศิลาเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ขอบฟ้า
ที่ปลายขอบฟ้า กระแสแสงสีดํากําลังใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว
“มันเป็นมนุษย์!” คชสารทลายผายิ้ม
พวกเขาอาจมีสัญญาสันติภาพกันก็จริง แต่ถ้าคู่ต่อสู้มาคนเดียว คชสารทลายผาก็ไม่รังเป็นจที่จะก่าจัดพวกมัน สําหรับสัตว์ปีศาจ สัญญาที่เรียกก็เป็นเพียงกระดาษแผ่นหนึ่งที่มันสามารถฉีกเป็นชิ้นๆ ได้หากต้องการแต่มันมีความจําเป็นต้องทําเช่นนั้นหรือไม่?
“มนุษย์ผู้นี้ไม่ธรรมดา” ราชินีสาปศิลากล่าวอย่างเฉยเมย
เมื่อกระแสแสงสี่ตกลงมา มันก็เป็นชายร่างสูงสวมหน้ากากทองคํา สภาวะพลังฉีที่ปลดปล่อยออกมาจากร่างกายของเขากําลังครอบงําผู้คนและดูชั่วร้ายราวกับมีเทพเจ้าชั่วร้ายซ่อนตัวอยู่ในร่างกายของเขา
“ผู้เชี่ยวชาญเต๋ปีศาจ?” สีหน้าของคชสารทลายผาซีดเล็กน้อย
ฝ่ายเต่ปีศาจซ่อนตัวได้เป็นอย่างดี และระหว่างการต่อสู้สองครั้งก่อนกับร้อยนิกายสิบภูมิภาคปีศาจก็ประสบความสูญเสียอย่างมากเช่นกันนิกายหมัดปีศาจซึ่งเป็นผู้นําของกลุ่มเต๋ปีศาจนั้นมีความเอาแต่ใจและดุร้ายกว่าสัตว์ปีศาจเสียอีกยิ่งกว่านั้นแต่ละคนของพวกมันก็มีแต่พวกที่มีความสามารถแปลกๆ
“เจ้าคือใคร?” คชสารทลายผาถาม
“ช้งตัวเล็กๆ เช่นเจ้ามีคุณสมบัติที่จะกล่าวถามข้า?” ชายสวมหน้ากากทองค่ากล่าวอย่างเคร่งขรึม
“ถามหาความตาย”
คชสารทลายผาเป็นสัตว์ปีศาจและโกรธง่าย
ผู้ที่มีหัวเป็นช้างและร่างกายเป็นมนุษย์ก็กลายร่างเป็นสัตว์ปีศาจทันที มันใหญ่โตราวกับภูเขาและกาลังพุ่งเพื่อกระแทกชายสวมหน้ากากทองค่า
ในขณะนั้นเอง มันก็เกิดพายุและพื้นดินก็แยกออก หินรูปจานบินไปทั่วอากาศและมันก็ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเป็นวันสิ้นโลก
คชสารทลายผามั่นใจว่ามีไม่กี่คนหรอกที่สามารถต้านทานการกระแทกของมันได้ฝั่งนั้นจะต้องหลบเลี่ยงแทนที่จะปะทะกับมัน
“ประเมินตัวเองสูงเกินไปเสียจริง”
ชายสวมหน้ากากทองคําไม่ถอยหนีหรือหลบเลี่ยง เขากําหมัดและโจมตีคชสารทลายผา
บูม!
นี่เป็นหมัดประเภทไหน?
เมื่อหมัดถูกต่อยออกไป ความว่างเปล่าก็สันสะท้าน ดูเหมือนเทพมารที่กําลังคำรามกู่ก้องและร่ายรําอยู่ข้างหลังชายสวมหน้ากากทองคำท้องฟ้าได้มืดลงโดยที่ไม่ทันรู้ตัว
พื้นดินแยกออกและแสงที่มืดมิดก็ส่องประกายออกมา ส่งผลทําให้ตัวของคชสารทลายผาทั้งตัวกลายเป็นสีดา ร่างกายทุกส่วนของมันบินกลับในขณะที่เลือดสดไหลออกมาจากมุมปากของมัน
เพียงหมัดเดียวก็ทําให้คชสารทลายผาได้รับบาดเจ็บ
ไม่ได้มีเพียงแค่คชสารทลายผาจะตกใจกับความแข็งแกร่งของชายสวมหน้ากากทองคําเท่านั้น แม้แต่กระทั้งราชินีสาปศิลาก็ยังตกตะลึง
เห็นได้ชัดว่าชายสวมหน้ากากทองค่าไม่ปล่อยคชสารทลายผาออกไปง่ายๆก็ในเมื่อร่างกายของเขาเริ่มเปล่งประกาย มันให้ความรู้สึกราวกับว่าเขาขยับตัวและในทันทีก็มาถึงหน้าคชสารทบายผาอีกครั้งและชกอีกหมัดออกไป
“หยุดความอวดดีของเจ้าเสียเถอะ!”
ราชินีสาปศิลาลงมือ หางของเธอตั้งขึ้นและมือของเธอก็พ่นแสงสีขาว ซึ่งพ่งเข้าหาชายสวมหน้ากากทองค่าครั้น!
ท้องฟ้าถูกแยกด้วยแสงสีดําและสีขาว
มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า 4 พื้นที่ด้านราชินีสาปศิลาเริ่มกลายเป็นหินสีขาวทันทีแต่ด้วยแรจากงหมัดของชายหน้ากากทอง หินสีขาวก็หยุดนิ่งและไม่สามารถขยายไปถึงชายสวมหน้ากากทองคําได้
ปัง!
หินสีขาวแตกเป็นเสี่ยง ๆ ขณะที่ชายสวมหน้ากากทองคํายืนอยู่ที่นั่นโดยไม่ขยับเขยื้อนไปไหนร่างของราชินีสาปศิลาสั่นคลอนเล็กน้อยขณะที่นางมีท่าทีประหลาดใจ
“เจ้าเป็นใครกันแน่” ราชินีสาปศิลาถามอย่างเคร่งขรึม
“ราชาปีศาจ”
ชายสวมหน้ากากทองค่าเพิ่มสํารวจราชินี้สาปศิลาและคชสารทลายผาอยู่แปปนึ่งร่างของเขาเปล่งประกายในขณะที่เขาเดินเข้าไปในซากโบราณสถานของนิกายนภาทมิฬ
“ราชาปีศาจ?” คชสารผลายพิมพ์
“ราชาปีศาจ?” ราชินีสาปศิลาเงยหน้าขึ้นทันทีและกล่าวว่า “ราชาชง เจ้าไม่แพ้อย่างเปล่าประโยชน์เขาคือผู้นํานิกายหมัดปีศาจ”
“ผู้นํานิกายหมัดปีศาจ?” คชสารทลายถูกทําให้เป็นใบ้
ผู้นํานิกายหมัดปีศาจทุกคนมีฉายาว่าราชาปีศาจ
เมื่อตอนที่นิกายหมัดปีศาจสร้างความหายนะให้กับทวีปยูนิคอร์นตะวันออก มันยังคงเป็นช้งตัวเล็กๆมันไม่อาจสัมผัสถึงความน่าสะพรึงกลัวของนิกายหมัดปีศาจได้และก็ได้ยินจากคนอื่นๆมาอีกที
ตอนนี้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทําไมนิกายหมัดปีศาจถึงสร้างความเสียหายให้กับทวีปยนิคอร์นตะวันออกและเกือบจะรวมทวีปทั้งหมดไว้ในมือได้
ความแข็งแกร่งนี้ก็เพียงพอที่จะทําลายสิบภูมิภาคปีศาจแล้วนับประสาอะไรกับร้อยนิกาย
“ข้าคิดว่ามนุษย์ไม่ได้มีผู้เชี่ยวชาญเช่นนี้อยู่ ดูเหมือนว่าข้าจะประเมินมนุษย์ต่ำไป”สีดําจางหายไปจากร่างของคชสารทลายผาและเขาก็มีท่าทางที่ดูหวาดกลัว
ราชินีสาปศิลากล่าว “ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของมนุษย์นั้นไม่ธรรมดา แต่พวกเขาก็ชอบสร้างความขัดแย้งแก่พวกกันเอง ทวีปเดียวมีหลายร้อยนิกายและเมื่อเพิ่มกลุ่มเต๋ปีศาจเข้าไปความแข็งแกร่งโดยรวมของพวกเขาก็แข็งแกร่งกว่าสิบภูมิภาคปีศาจของเรามาก