Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 236
บทที่ 236
งานเลี้ยงน้ำชาฝนใบไม้
“เจ้าคือ หลี่ฟู่เฉิน?” ฮวงหยูเซียงแสดงออกอย่างประหลาดใจ
หลี่ฟู่เฉินตอบกลับ “มีอะไรหรือ?”
ฮวงหยูเซียงอธิบาย “มีอยู่ช่วงนึงที่ข้าเห็นประกาศจับของเจ้าในเมืองที่ข้าเคยอยู่ ในช่วงนึงคนจากนิกายสวรรค์ปีศาจเดินพลานไปทั่ว”
“เป็นเรื่องจริง?”
เมื่อได้ยินข่าวนี้ ฟานเฉียนสงและฟานเฉียนหยูถึงกับตกใจ
การเป็นที่ต้องการของนิกายนี้ไม่ใช่เรื่องที่ดี
หลี่ฟู่เฉินขมวดคิ้วของเขา ถ้าหากเขาไม่ได้เข้าใจผิด ที่มันเป็นแบบนี้ก็เพราะหลี่หวูเซี่ย
บางที่ผู้นำของนิกายสวรรค์ปีศาจอาจจะทำอะไรบางอย่างที่เป็นความลับกับหลี่หวูเซี่ย และเมื่อเขาตายลงไป เจ้านิกายก็รู้เรื่องนี้ นอกจากนี้แล้ว เขายังมีความขัดแย้งกับหลี่หวูเซี่ย ดังนั้นเขาจึงถูกระบุว่าเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยโดยเจ้านิกาย
ไม่ว่าจะมีหลักฐานใดๆ หรือไม่ มันก็ไม่สำคัญสำหรับเจ้านิกายสวรรค์ปีศาจอยู่ดี
ตราบใดที่หลี่ฟู่เฉินกระตุ้นความสงสัยใดๆ เขาก็สมควรถูกนำตัวกลับไปสอบปากคำ
ฮวงหยู่เซียงหัวเราและกล่าวต่อ “แต่นิกายสวรรค์ปีศาจก็ถอนหมายจับไปในท้ายที่สุด จากสิ่งที่ข้าเห็น มันมีข้อจำกัดในการออกใบประกาศจับ แต่เจ้าต้องระวัง ในศาลาตรงกันข้ามนี้เป็นศิษย์หลักระดับทองของนิกายสวรรค์ปีศาจทั้งสองคน หนึ่งในนั้นคือเสี่ยวไบ๋ ผู้ที่ได้รับการจัดอันดับ 101 ในการจัดอันดับดารา” ฮวงหยู่เซียงได้ชำเลืองมองไปยังศาลาตรงข้าม
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่ฟู่เฉินก็มองไปด้วยเช่นกัน
แต่ทว่าในทันทีที่หลี่ฟู่เฉินมองไป ดวงตาคู่หนึ่งบังเอิญมองมาที่ฝั่งของเขาเช่นกัน
ในอากาศ ราวกับมีสายฟ้าที่เย็นชาปรากฏขึ้น
“บุคคลผู้นี่คือเสี่ยวไบ๋?”
ในวิสัยทัศน์ของหลี่ฟู่เฉิน ชายหนุ่มผู้ที่ยืนอยู่บนราวบันไดชั้นสองของศาลาตรงข้ามกับเขา จากรูปลักษณ์ของเขา เขาไม่ควรอายุเกิน 30 ปี บางทีอาจจะอายุประมาณ 25 ปี ซึ่งดูแล้วคล้ายคลึงกับดาบไร้อารมณ์ เซี่ยเฟิง
ชายหนุ่มคนนั้นมีผมยาวพาดผ่านไหล่ ดวงตาแหลมคมราวกับใบมีด และการฝึกฝนของเขาก็ได้มาถึงระดับที่ 8 ของขอบเขตปฐพีแล้ว เขามีสภาวะพลังฉีที่น่ากลัวผิดปกติและหนาแน่นกว่าหลายเท่าเมื่อเทียบกับ ฟูจงชาน
เห็นได้ชัดว่าเขาจำหลี่ฟูเฉินได้
สายลับของนิกายสวรรค์ปีศาจได้ส่งข่าวลับมาให้เขาว่า เมื่อพบเจอหลี่ฟู่เฉิน ให้กำจัดหลี่ฟู่เฉินในทันที
“ระดับที่ 5 ของขอบเขตปฐพี ดูเหมือนว่ามีข้อผิดพลาดบางอย่างในรายงาน!” เสี่ยวไบ๋คิดอยู่ในใจของเขา
ข้อมูลของฝ่ายสายลับระบุไว้ว่าหลี่ฟู่เฉินอยู่ที่ระดับที่ 2 ของขอบเขตปฐพีเท่านั้น แต่ตอนนี้มันแตกต่างไปถึงสามระดับ
“เขาต้องไปที่เขตแดนของเส้นทางดวงดาวและต้องกินยาบางประเภทเข้าไปแน่นอน” ความคิดของเสี่ยวไบ๋แวบผ่านเข้ามาในใจ
ขอบปากของเขามีรอยยอ้มที่ดูเป็นอันตราย จากนั้นเสี่ยวไบ๋ก็ถอนสายตาของเขาออกมา
ตั้งแต่ที่เขาพบกับหลี่ฟูเฉินแล้ว เขาจะไม่อนุญาตให้เป้าหมายออกจากที่นี่ไปเป็นแน่ และตั้งแต่ที่โชว์กำลังจะเริ่มขึ้น เขาจึงไม่จำเป็นต้องรีบร้อน
“เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญ” หลี่ฟู่เฉินขมวดคิ้ว
ถ้าเสี่ยวไบ๋อยู่อันดับ 101 การจัดอันดับดารา นั่นย่อมหมายความว่าความสามารถของเขานั้นเหนือกว่า ดาบไร้อารมณ์ เซี่ยเฟิง และเหนือกว่าแม้แต่กระทั่งศิษย์อันดับ 1 ของนิกายวารีคราม ดาบคลั่ง ซึ่งเป็นอันดับที่ 105 ในการจัดอันดับดารา
แน่นอนว่า การจัดอันดับนี้ได้รับการตัดสินจากเมื่อปีที่แล้ว และตอนนี้ มันอาจไม่แม่นยำอีกต่อไป เจ้าอาจได้รับการจัดอันดับ 101 ในการแข่งขันจัดอันดับดาราล่าสุด แต่มันไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะได้อันดับ 101 ในการแข่งขันถัดไป มีโอกาสที่เจ้าจะเลื่อนอันดับขึ้น หรืออาจจะเลื่อนอันดับลง
หลังจากทั้งหมดแล้ว จากการแข่งขันจัดอันดับดาราทุกครั้ง อัจฉริยะจำนวนมากจะก็เกิดขึ้นมา
งานเลี้ยงน้ำชาได้เริ่มขึ้นแล้วและเมื่อละอองฝนโปรยปราย ทุกคนก็เริ่มสนุกกับการดื่มน้ำชา
สำหรับระยะห่างของแต่ละศาลา ไม่อาจถือได้ว่าเป็นระยะห่างสำหรับทุกคนที่นี่
พวกเขาต้องปลดปล่อยพลังฉีเพื่อฟังการสนทนาของทุกคน
หากพวกเขาไม่ต้องการให้คนอื่นได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูด พวกเขาสามารถใช้พลังฉีเพื่อส่งเสียงของพวกเขาได้
“หยางเทียนหยู หนึ่งเดือนที่แล้ว เจ้าได้ทำให้ชิตี๋จากนิกายของข้าได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าคิดว่าเรื่องนี้จะไม่ถูกเอาเรื่อง? ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้!”
มีร่างที่เดินออกมาจากศาลา และร่อนลงไปบนเวทีศิลปะการต่อสู้ ในขณะที่เขากำลังชี้อย่างโกรธเคืองไปที่ศาลาอีกฝั่ง
“เจิ้งยี่ เจ้าคงกินดีเสือเข้าไป ถึงได้กล้ามาท้าทายข้าเช่นนี้”
ชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อหยางเทียนหยูไม่ได้ดูมีความสุข ในขณะที่เขากระโดดเข้าสู่เวทีศิลปะการต่อสู้
“เจ้าพูดเก่งเสียจริง รับหมัดวายุศักดิ์ของข้า!”
“ใครกลัวเจ้ากัน!”
มีร่างสองร่างที่อยู่ตรงกันข้ามบนเวทีศิลปะการต่อสู้ ขณะที่ทั้งคู่นั้นระเบิดะพลังฉีของตนเองออกมา
จะมีความขุ่นเคืองระหว่างนิกายและอาจมีความเศร้าโศกเสียใจด้วยเช่นกัน เมื่อศิษย์ของนิกายทั้งสองเผชิญหน้ากัน พวกเขาสองคนก็จะต่อสู่ตัดสินเป็นตาย และมันก็ชัดเจนแล้ว บุคคลทั้งสองคนนี้ที่ยืนอยู่บนเวทีศิลปะการต่อสู้มีความขุ่นเคืองต่อกัน
หลังจากการแลกเปลี่ยนกันไปหลายสิบกระบวนท่า ชายหนุ่มที่ชื่อหยางเทียนหยูนั้นยอดเยี่ยมกว่าเล็กน้อย เขาใช้การเคลื่อนไหว เพื่อทำลายการป้องกันของคู่ต่อสู้และกำลังจะลงมือสังหาร
“จะไม่มีการสังหารกันในงานเลี้ยงน้ำชาฝนใบไม้ โปรดไว้หน้าข้าและหยุดกันเสียตั้งแต่ตอนนี้ได้หรือไม่?”
ในขณะนี้เอง ร่างที่สง่างามและเปล่งประกายขึ้นไปบนเวทีแล้วกล่าว
“ตาย!” หยางเทียนหยูแสดงออกอย่างไร้ความปราณีและไม่มีความตั้งใจที่จะหยุด
คนที่มีรูปร่างที่สง่างามนางนั้นเป็นหญิงสาวงดงามราวกับภาพวาด เธอขมวดคิ้วและแกว่งมือของเธอ ดอกไม้สดเบ่งบานในอากาศ ขัดขวางหยานเทียนหยู
“ฮึ่ม เจิ้งยี่ ข้าจะปล่อยเจ้าไปเพราะฉินเคอชือ หากในอนาคตข้ายังเจอเจ้าอีก ข้าจะสังหารเจ้าทิ้งเสีย” หยางเทียนหยูส่งเสียงอึกอักและมุ่งหน้ากลับไปยังศาลา
ฉินเคอชือเป็นบุคคลสำคัญในการจัดอันดับดาราและหากเธอต้องการลงมือ เขาก็คงจะไม่มีโอกาส
“เวรเอ้ย”
สีหน้าของเจิ้งยี่กลายเป็นซีดเผือก เขาเป็นคนที่ริเริ่มการต่อสู้กับหยางเทียนหยู แต่เขาก็เป็นคนที่พ่ายแพ้ ซึ่งทำให้เขาขายหน้า
“ฉินเค่อชือ ทักษะของเจิ้งเหมานั้นช่างไร้ความสามารถ ข้าต้องขอลาแล้ว”
(หมายเหตุ TL: ‘เหมา’ ที่นี่เป็นวิธีที่ผู้คนใช้เพื่อพูดกับตัวเองอย่างถ่อมตนราวกับว่าพวกเขาเป็นคนอื่นที่ไม่รู้จักกัน)
เจิ้งยี่ป้องมือของเขาและออกจากยอดเขาฝนใบไม้
หยางเทียนหยู่ต้องการไล่ตาม แต่หลังจากคิดแล้ว เขาก็ยอมแพ้
ฉินเค่อชือถอนหายใจและไม่กล่าวอะไรอีกเลย เธอก้มมองพื้นผิวดินและกลับไปที่ศาลาของเธอ
“ฉินเค่อชือใช้ชีวิตตามชื่อเสียงของเธอ”
หลี่ฟู่เฉินยืนอยู่ข้างๆ ขณะที่ฮวงหยูเซียงชมเชย
ฟานเฉียนหยูกล่าวด้วยอาการชื่นชม “ฉินเค่อชืออยู่ในอันดับที่ 88 ในการจัดอันดับดารา และน่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญอันดับต้นๆ ในงานเลี้ยงน้ำชาใบไม้ร่วง เมื่ออยู่ใกล้ๆ เธอ มันก็ไม่ควรมีผู้เสียชีวิตใดๆ เกิดขึ้น”
“นั่นเป็นเรื่องธรรมชาติ หากไม่เช่นนั้นแล้ว งานเลี้ยงน้ำชาครั้งนี้ก็คงจะไม่มีเธอเป็นเจ้าภาพ”ฟานเฉียนสงพยักหน้า
“อันดับที่ 88 จากการจัดอันดับดารา หือ?” หลี่ฟูเฉินเป็นพยานให้กับฉินเค่อชือได้เพราะเนื่องจากการเคลื่อนไหวของเธอเมื่อครู่นี้
แม้ว่าเขาจะอยู่ในระดับที่ 5 ของขอบเขตปฐพีแล้ว แต่เขาก็ยังรู้สึกได้ว่าฉินเคอชือยังคงดูน่าเกรงขามเกินจริง
ความสามารถของหยางเทียนหยูนั้นไม่ด้อยไปกว่าฟูจงชานเลย และด้วยการโจมตีสุดกำลังของเขา ฉินเค่อชือกลับหยุดได้อย่างไม่ต้องตั้งใจใดๆ แล้วไม่ต้องใช้เทคนิคลับใดๆ
‘เจตจำนงของเธอเป็นระดับลึกลับขั้นกลางและยังเป็นปริศนา ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการต่อต้านการโจมตี เจตจำนงด้านเทคนิคของเธอนั้นสูงมาก และไม่ควรต่ำกว่าขั้นที่ 15’
หลี่ฟู่เฉินไม่คิดว่าเขาเป็นเพียงผู้เดียวที่เข้าถึงเทคนิคระดับลึกลับขั้นที่ 15 ซึ่งเป็นขั้นสูงสุด เทคนิคเพลิงโลกันต์แท้จริง การรับรู้ของเขาอาจจะสูง แต่เขายังต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจและฝึกฝน ฉินเคอชือคนนี้มีอายุมากกว่า 20 ปีและฝึกฝนมากกว่าเขาหลายปี ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เธอจะสามารถฝึกฝนเทคนิคระดับลึกลับจนถึงขั้นสูงสุดที่อยู่ในขั้น 15 หรือมากกว่านั้น หลังจากการแข่งขันนัดแรก ศิษย์หลักระดับทองอีกหลายคนขึ้นไปบนเวทีเพื่อแลกเปลี่ยนกระบวนท่า และแลกกันชี้นิ้วหากัน
พวกเขาทั้งหมดเป็นศิษย์หลักระดับทองของนิกาย และพวกเขาก็เป็นอัจฉริยะ เมื่อพวกเขาเริ่มแลกเปลี่ยนกระบวนท่า สภาวะพลังฉี ทักษะการต่อสู้ และเทคนิคลับทั้งหมดล้วนอยู่ในระดับสูงซึ่งสิ่งนี้ก็ทำให้หลี่ฟู่เฉินได้เปิดหูเปิดตานัก
“หูหมิ๋ง ขึ้นไปบนเวทีและท้าทายหลี่ฟูเฉิน ข้าต้องการรู้ความสามารถของเขา” เสี่ยวไบ๋กล่าวเสียงเบากับชายหนุ่มข้างๆ เขา
หูหมิ๋งเลียริมฝีปากของเขา “เสี่ยวไบ๋ชิเซียงโปรดวางใจ ภายในสิบกระบวนท่า ข้าจะทำให้เขาบาดเจ็บสาหัญ น่าเสียดายที่เราไม่สามารถสังหารเขาในงานเลี้ยงน้ำชาฝนใบไม้ได้”
“อย่าประมาท แน่นอน หากมีโอกาสที่จะฆ่า เช่นนั้นก็จงทำมัน ข้าไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงในแผนของข้า”
เสี่ยวไป๋ไม่ได้เห็นหลี่ฟู่เฉินอยู่ในสายตา และถ้ามันไม่ได้เป็นเพราะฉินเค่อชือ เขาคงจะลงมือเพื่อกำจัดเป้าหมายของเขาไปแล้ว
เมื่อพิจารณาถึงตัวเขาที่กำลังต้องไปท้าทายหลี่ฟู่เฉิน เขากลัวว่าหลี่ฟู่เฉินอาจจะปฏิเสธเขา
หลังจากทั้งหมดแล้วเขาก็เป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญที่ได้รับการจัดอันดับดารา ไม่มีใครโง่พอที่จะยอมรับการท้าทายของเขา
“เสี่ยวชิเซียง นี่ไม่จะไม่แย่เอาหรือ?” หูหมิ๋งลังเล
เสี่ยวไบ๋กล่าวอย่างเฉยเมย “หากเจ้าสังหารเขา ฉินเค่อชือก็จะสังหารเจ้าหรืออย่างไร?”