Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 170
บทที่ 170
ตำแหน่งผู้นำตระกูล
ได้ยินเสียง นักสู้ตระกูลหลี่หลายสำรวจหลี่ฟู่เฉิน
ใบหน้าที่คุ้นเคย ใบหน้าที่คุ้นเคยมาก
“นายน้อยหลี่ฟู่เฉิน?” นักสู้ตระกูลหลี่คนหนึ่งถามด้วยความสงสัย
หลี่ฟู่เฉินเปลี่ยนมากเกินไป ไม่กี่ปีก่อน เขาสูงเพียง 1.6 เมตร ตอนนี้เขาสูง 1.8 เมตรแล้ว เขาไม่ได้ดูคล้ายกับหลายปีก่อนตรงที่ไม่ค่อยจะมีกล้ามเนื้อ เขาไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าเขาอ่อนแออีกต่อไป ใบหน้าที่บอบบางและอ่อนโยนตอนนั้น กลายเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความองอาจและแหลมคม
“ทำไม เพียงแค่ไม่กี่ปี เจ้าถึงกับจำข้าไม่ได้?” หลี่ฟู่เฉินถาม
“ดังนั้นมันจึงเป็นนายน้อยหลี่ฟู่เฉิน ยินดีต้อนรับกลับ ข้าจะไปแจ้งผู้นำตระกูลและ… ท่านเทียนฮาน”ผู้นำของกลุ่มผู้พิทักษ์ตระกูลหลี่รีบวิ่งเข้าไปในที่พักของผู้นำตระกูลหลี่
ลงจากหลังม้า หลี่ฟู่เฉินเดินเข้าไปในบ้านพักของผู้นำตระกูลหลี่ภายใต้สายตาของผู้พิทักษ์ตระกูล
***
ตอนนี้เป็นเวลาอาหารกลางวัน หลี่ไท่ซานและภรรยาของเขาซูหมิ๋งซานกำลังทานอาหารอยู่
“ข้าสงสัยว่าหยุนไห่ที่ฝึกฝนอยู่ที่นิกายวารีครามเป็นอย่างไรบ้าง?” ซูหมิ๋งซานกล่าวถาม
หลี่ไท่ซานตอบกลับ “อย่าได้กังวล ตอนนี้หยุนไห่เป็นศิษย์ชั้นในของนิกายวารีคราม ไม่มีอะไรให้เรากังวล”
หลังจากทั้งหมดแล้วหลี่หยุนไห่ก็มีโครงกระดูกระดับ 2 ดาว เขาเปลี่ยนจากศิษย์แรงงานไปเป็นศิษย์นิกายชั้นนอกเมื่อสองปีก่อน ปีนี้เขาบุกทะลวงไปสู่ระดับที่ 1 ของขอบเขตต้นกำเนิดได้แล้ว แม้ว่าเขาจะประสบปัญหาในระหว่างการทดสอบเป็นศิษย์นิกายชั้นใน เขาก็ยังคงผ่านการทดสอบมาได้และได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นศิษย์ชั้นใน
“พูดก็พูดเถอะ ทำไมหลี่ฟู่เฉินถึงก้าวหน้าได้รวดเร็วเช่นนั้น? สามเดือนก่อน เขามาถึงระดับที่ 7 ของขอบเขตต้นกำเนิดเรียบร้อยแล้ว ด้วยความเร็วของเขา เขาจะไม่บุกเข้าสู่ขอบเขตปฐพีก่อนอายุ 25 ปี?” ซูหมิ๋งซานไม่สามารถทำอย่างไรได้ ได้แต่กล่าวถาม
หลี่ไท่ซานเปล่งเสียงทางจมูก “นำตาของเจ้ามองไปให้ไกลขึ้นเถอะ เขาเป็นเพียงโครงกระดูกปกติและจะติดอยู่ที่ระดับ 9 ของขอบเขตต้นกำเนิดเป็นเวลานาน บางทีหยุนไห่อาจจะตามทันก่อนที่หลี่ฟู่เฉินจะฝ่าด่านด้วยซ้ำ”
ไม่ว่าในกรณีใด เขาก็จะไม่เชื่อว่าหลี่ฟูเฉินสามารถก้าวไปสู่ขอบเขตปฐพีได้
โครงกระดูกระดับ 2 ดาวมีโอกาสก้าวหน้า 20% เท่านั้น โอกาสของโครงกระดูกปกติในการก้าวหน้าเกือบจะใกล้เคียงกับศูนย์
“ข้าก็หวังเช่นนั้น!” ซูหมิ๋งซานพยักหน้า
“พ่อ แม่ ข้าพาไจ๋หยูมากับข้าด้วย” หลี่หยุนเห่อเดินเข้ามาในห้องอาหาร ข้างๆ เขาเป็นผู้หญิงที่ดูธรรมดาอายุราวๆ 20 ปี
หลี่ไท่ซานและซูหมิ๋งซานรีบวางตะเกียบของตนลงอย่างรวดเร็ว “หยุนเห่อ ไจ๋หยู ไปมาเป็นอย่างไร? ทิวทัศน์ของเมืองหมอกเมฆาเราเป็นอย่างไรบ้าง? แต่เจ้าเด็กน้อยคนนี้… ออกไปไม่นานแต่กลับมาแล้วตอนนี้ ไจ๋หยูต้องเหนื่อยแล้ว!”
พวกเขาสองคนมีความสุภาพต่อเซียงไจ๋หยูมาก แม้แต่กระทั้งแสดงคำเยินยอ
เซียงไจ๋หยูแสดงท่าทางเย่อหยิ่งและพยักหน้าชาญฉลาด
ซูหมิ๋งซานยิ้มและมองเซียงไจ๋หยู “ไจ๋หยู เจ้าอยากทานไรไหม? ข้าจะให้คนเตรียมให้” แม้ว่าอาหารบนโต๊ะจะยังไม่ได้ถูกบริโภคแบบจริงๆ จังๆ ซูหมิ๋งซานก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้แขกของพวกเขาทานของเหลือ
เซียงไจ๋หยูกล่าว “กลับไปที่ตระกูลเซียงของข้า อาหารมื้อหนึ่งมูลค่าหลายเหรียญทอง มันเป็นแค่เรื่องธรรมดา” เธอมาถึงที่ตระกูลหลี่เมื่อสองสามวันก่อน และได้รับการต้อนรับที่ดีจากตระกูลหลี่
“แม่ แม่ก็รู้อยู่แล้ว ไจ๋หยูไม่คุ้นเคยกับการกินอาหารตามค่าเฉลี่ย” หลี่หยุนเห่อกล่าว
อันที่จริงแล้ว เขาไม่ชอบเซียงไจ๋หยูเลยจริงๆ หลังจากทั้งหมดแล้ว เธอก็ดูธรรมดาเกินไป แต่ตระกูลเซียงเป็นตระกูลเจ้าเมืองของเมืองรวยเงิน(แร่เงิน) พวกเขามีภูมิหลังที่แข็งแกร่งและพี่ชายของลูกพี่ลูกน้องเซียงไจ๋หยูเป็นศิษย์หลักของนิกายวารีคราม สถานะที่น่านับถือของเขานั้นสูงกว่าของเจ้าเมืองทั่วไป ถ้าเขาสามารถแต่งงานกับเซียงไจ๋หยูได้ อนาคตของเขาจะดีขึ้นมาก บางทีเขาอาจได้รับพรจากสวรรค์ในการได้รับทรัพยากรที่เพียงพอเพื่อพัฒนาเข้าสู่ขอบเขตปฐพี
“เอาหล่ะ ข้าจะขอให้ใครสักคนทำอาหาร” หลี่ไท่ซานไม่ได้มีศักดิ์ศรีหรือความกล้าหาญในฐานะผู้นำตระกูลใดๆ ตระกูลหลี่จะได้รับประโยชน์จากตระกูลเซียงหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับว่าหลี่หยุนเห่อและเซียงไจ๋หยูจะพัฒนาความรู้สึกของพวกเขาต่อไปได้หรือไม่
“ท่านผู้นำ ท่านผู้นำ”
ขณะเดียวกับที่หลี่ไท่ซานกำลังจะสั่งคนรับใช้ให้ทำอาหาร นักสู้คนหนึ่งก็รีบเข้ามาจากด้านนอกของโถงอาหาร
ใบหน้าของหลี่ไท๋ซานมืดมนลง “มีแขกอยู่ที่นี่ เจ้าอย่าได้แสดงท่าทีให้แขกต้องหวาดกลัว”
ผู้นี้เป็นผู้รักษาประตูที่หน้าประตูของตระกูลหลี่แน่นอน เขากล่าว “ท่านผู้นำ นายน้อยหลี่ฟู่เฉินกลับมาแล้ว ตอนนี้เขากำลังรออยู่ที่ห้องโถง”
“หลี่ฟู่เฉิน!” ดวงตาของหลี่ไท๋ซานเบิกกว้าง ขณะที่เขาปล่อยประกายแสงอันยะเยือกเย็นออกมาจากดวงตา
“หลี่ฟู่เฉิน!” หลี่หยุนเห่อมึนงง
เขาและหลี่ฟู่เฉินไม่ได้พบกันมาตั้งแต่สี่ปีที่แล้ว ในช่วงสี่ปีนี้ เขาจะได้รับข่าวของหลี่ฟู่เฉินทุกสองสามเดือน เขารู้และรู้สึกอิจฉาที่หลี่ฟูเฉินทำได้ดีในนิกายวารีคราม นี่เป็นสาเหตุที่เขาต้องการไล่ตามหญิงสาวจากตระกูลเซียง เซียงไจ๋หยู
“หลี่ฟู่เฉินผู้นี้คือใคร?” ด้วยสัญชาตญาณของเซียงไจ๋หยู ทำให้รู้ว่าหลี่ฟู่เฉินผู้นี้ไม่ใช่บุคคลธรรมดา
หลี่หยุนเห่อตอบ “เขาเป็นหนึ่งในสมาชิกตระกูลหลี่เรา ตอนนี้เขาเป็นศิษย์ชั้นของนิกายวารีคราม”
“เพียงแค่ศิษย์นิกายชั้นใน จำเป็นต้องให้ความนับถือหรือไม่?” เซียงไจ๋หยูกล่าวด้วยความรังเกียจ
เธอไม่ได้เห็นศิษย์ชั้นในอยู่ในสายตา รากฐานตระกูลเซียงเธอล้ำลึกกว่าของตระกูลเฉินตู่ ลุงคนโตของเธอคือท่านเจ้าเมืองของเมืองรวยเงิน ลุงคนสุดท้องของเธอเป็นผู้ดูแลชั้นในของนิกานวารีคราม สำหรับศิษย์ชั้นใน ตระกูลเซียงเธอมีมากกว่ายี่สิบคน โดยสรุปแล้ว สัมพันธ์ที่เธอมีต่อคนใสตระกูลเซียงเธอเป็นสิ่งที่ไม่มีตระกูลใดในเมืองเล็กๆ เช่นเมืองหมอกเมฆาจะสามารถเปรียบเทียบได้
เมืองรวยเงินเป็นเมืองขนาดกลางที่มีประชากร 600,000 คน
ได้ยินคำกล่าวของเธอ หลี่หยุนเห่อเริ่มมีความมั่นใจและตอบกลับไป “ไม่มีอะไรที่จะน่ายกย่อง”
***
ในลานที่ถูกทิ้งรางของผู้นำตระกูลหลี่
“ท่านเทียนฮาน ท่านเทียนฮาน”
ขณะเดียวกัน นักสู้ของตระกูลหลี่อีกก็คนมาถึงลานเล็กๆ
“มีเรื่องอะไร?”
หลี่เทียนฮานและเฉินหยูหยานเดินออกมา พวกเขาพบว่ามันแปลกที่คนเฝ้าประตูของตระกูลหลี่ตามหาพวกเขา ก็ในเมื่อมันเกิดขึ้นน้อยมาก
“ท่านเทียนฮาน นายน้อยฟู่เฉินกลับมาแล้ว ตอนนี้เขากำลังรออยู่ที่ห้องโถง”
“พูดว่าอะไรนะ?” หลี่เทียนฮานคว้าแขนยามแล้วเขย่า
“นายน้อยฟู่เฉินกลับมาแล้ว เขาเพิ่งมาถึง” ทำอะไรไม่ถูก ยามไม่มีทางเลือกนอกจากต้องพูดย้ำกับตัวเอง
“ฮ่าฮ่า! ฟู่เฉินกลับมาแล้ว หยูหยาน มา ไปดูฟู่เฉินกันเถอะ” หลี่เทียนฮานสั่นด้วยความตื่นเต้น สี่ปีแล้วที่ทั้งคู่เห็นเขาครั้งสุดท้าย และพวกเขาคิดถึงเขามาก
เฉินหยูหยานเช็ดตาของเธอ “เด็กนี่ ในที่สุดก็พร้อมที่จะกลับมาหาแม่ของตัวเองแล้ว”
ทันใดนั้นเอง ตระกูลหลี่ทั้งหมดก็เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ แม้แต่กระทั่งผู้อาวุโสตระกูลหลี่ทั้งหมดก็มุ่งหน้าไปยังห้องโถง สำหรับผู้ก่อตั้งตระกูลที่กำลังนั่งสมาธิอยู่อย่างเงียบๆ ก็ยังมีคนถูกส่งไปแจ้งให้เขาทราบ
ในห้องโถงรับรอง หลี่ฟู่เฉินค่อยๆ จิบชาของเขาอย่างช้าๆ ด้านขวาและซ้ายของเขามีสาวใช้สองคนยืนอย่างอยากรู้อยากเห็น
“ฟู่เฉิน!”
หลี่เทียนฮานและเฉินหยูหยานเป็นคู่แรกที่มาถึงห้องโถง พวกเขาเห็นชายหนุ่มที่ดูคุ้นเคย แต่ก็ไม่คุ้นเคย หลี่เทียนฮานและเฉินหยูหยานเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนอยู่ชั่วครู่ แต่เฉินหยูหยานจู่ๆ ก็ร้องไห้ด้วยความดีใจ
“พ่อ แม่!” หลี่ฟู่เฉินยืนขึ้น ขณะที่ยิ้ม เขาเดินไปหาทั้งสองคน “ฟู่เฉินกลับมาแล้ว”
มายืนต่อหน้าร่างกายของพวกเขา เขากอดพวกเขาทั้งคู่
หลี่เทียนซานและเฉินหยูหยานแข็งค้างอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นไม่นานก็โผล่เข้ากอดหลี่ฟู่เฉินแน่นทันที
“พ่อ แม่ ข้าไม่ได้ไปที่ลานบ้านเพื่อตามหาพ่อกับแม่ก่อน จะไม่โกรธข้าใช่มั้ย?” หลี่ฟู่เฉินกล่าว
หลี่เทียนฮานตอบกลับ “ข้าจะต้องโกรธอะไร? ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าก็ไม่รู้อยู่ดีว่าเราอยู่ที่ไหน แค่นี้แม่เจ้ากับข้าก็มีความสุขมากแล้ว”
ฟู่เฉินก็ยังเป็นฟู่เฉิน สิ่งเดียวที่ไม่คุ้นเคยคือใบหน้าของเขา สภาวะพลังของเขาก็ยังดูคุ้นเคยอยู่เช่นกัน
“พ่อ แม่ พวกท่านนั่งลงก่อน”
ปล่อยทั้งคู่ออก หลี่ฟูเฉินชี้ไปยังตำแหน่งผู้นำตระกูลในห้องโถงรับรอง
“ฟู่เฉิน?” หลี่เทียนฮานกลายเป็นตกใจ
“พ่อ ในใจของข้า ท่านเป็นผู้นำตระกูลหลี่อยู่เสมอ”