Eternal Martial Sovereign - ตอนที่ 88 ช่องว่างบนท้องฟ้า
ตอนที่ 88 ช่องว่างบนท้องฟ้า
เซี่ยวหยุนมองไปที่เด็กคนหนึ่งที่เพิ่งอายุ 16 ปีเท่านั้น คนโดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเซียนที่มีพลังเซียนมาโดยกำเนิด เป็นคนที่พวกเขาสามารถกลั่นแกล้งได้ตามต้องการ พวกเขาเดินเข้าไปด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน
“นี่! เจ้าหนู หญ้าวิญญาณเพลิงที่เจ้าถืออยู่มันเป็นสิ่งที่พวกพี่ชายต้องการมากนะรู้ไหม? เร็บเข้าสิ! เอามันมาให้พวกข้าซะ!!” เด็กหนุ่มคนหนึ่งส่งยิ้มที่หยิ่งผยองมาให้ ขณะที่เขามองไปที่เซี่ยวหยุนอย่างเย็นชาและพูดอย่างอ่อนน้อม
“หื้มม…ไอ้เด็กสารเลวพวกนี้อยากขโมยของของนายงั้นเหรอ?” ก่อนที่เซี่ยวหยุนจะโกรธนกกระจอกที่กินสวรรค์ก็คำรามออกมา “หลินหยุนไปฆ่าพวกมันเพื่อฉัน ให้ตายซิ!ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายท่านจะตกต่ำจนทนกับเรื่องแบบนี้ได้!”
เซี่ยวหยุนยังคงสงบและไม่โกรธ เขาเลิกคิ้วและมองไปที่เด็กทั้ง 4 คนอย่างใจเย็นขณะที่เขาพูดว่า “ในเมื่อเราไม่มีความคับแค้นใจมาก่อน ดังนั้นจงไปซะก่อนที่ฉันจะโกรธมิฉะนั้นอย่ามาหาว่าข้าไม่เตือน” เซี่ยวหยุนไม่ต้องการสร้างปัญหา เพื่อตัวเขาเองดังนั้นเขาจึงไม่ได้โจมตีทันที
แต่ใครจะคิดละว่า การที่เซี่ยวหยุนสงบนิ่งแบบนี้จะให้เหล่าเด็กหนุ่มรู้สึกโกรธขึ้นมา
“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน?! อย่าหาว่าไม่เตือนงั้นหรือ? เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน หึ?!”
“เจ้าสารเลวนี่ตัดไร้สาระเสีนจริง! หากเจ้าไม่มอบหญ้าวิญญาณเพลิงมาให้พวกข้า เจ้าไม่รอดแน่!” เด็กสองคนตรงข้ามกับเซี่ยวหยุนจ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชา ขณะที่สายตาของพวกเขามืดลง ออร่าอันทรงพลังแผ่ออกมาจากพวกเขาและพวกเขาพุ่งเข้ามาโจมตีทันที
เมื่อฟังจบก็ทำให้เซี่ยวหยุนขมวดคิ้วทันที ดูเหมือนว่าเขาต้องพูดด้วยหมัดของเขาจนได้!
“ส่งมันมาซะ!” เด็กหนุ่มคนหนึ่งก้าวไปข้างหน้า แล้วมือของเขาก็กลายเป็นกรงเล็บขณะที่เขาพุ่งเข้าหาเซี่ยวหยุน!
เด็กหนุ่มคนนี้ดูเหมือนว่าจะอยู่ในช่วงสุดท้ายของการฝึกฝนพลังที่จะสืบทอดอาณาจักร เขาทำให้ได้เห็นละลอกคลื่นรอบ ๆนิ้วมือของเด็กหนุ่มคนนั้น จึงทำให้รู้สึกว่าอากาศได้ขาดหายไปชั่วขณะ เด็กคนนั้นทำให้ได้เห็นอย่างชัดเจนว่าพลังจากกรงเล็กของเขานั้นทรงพลังมาก และมันก็ได้พุ่งตรงมายังที่เซี่ยวหยุนอย่างรวดเร็ว!
เนื่องจากอีกฝ่ายกำลังจะพุ่งมาโจมตี เซียวหยุนก็เริ่มเย็นชาขณะที่เขาพูดเสียงเย็น “เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!” หลังจากพูดออกไปคลื่นพลังวิญญาณอันทรงพลังก็ระเบิดออกมา
เมื่อได้เห็นเด็กหนุ่มก็ชะงักทันที และความกลัวก็ได้ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้านั้น
ฟรึ่บ!
ทันใดนั้นแสงจากดาบก็ได้สว่างวาบขึ้นมา เซี่ยวหยุนดึงดาบออกมาจากรอบเอวของเขาและได้ฟาดไปที่เด็กหนุ่มคนนั้นทันที!
ชึก!
แสงอันเย็นยะเยือกได้ปรากฏขึ้น และมือของเด็กหนุ่มคนนั้นก็ถูกตัดจนขาดออกมา
“อ๊ากกกก!!!!!”
เสียงร้องที่น่าเวทนาดังออกมาและใบหน้าของเด็กหนุ่มก็บิดเบี้ยว ดวงตาของเขาปูดขึ้นเมื่อเขามองไปที่มือที่ถูกตัดขาด เลือดไหลออกมาอย่างไม่หยุด ทุกคนที่เห็นฉากนี้รู้สึกหนาวสั่นในใจ mทำให้เด็กคนอื่น ๆ อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ
“เกิดอะไรขึ้น?” เด็กหนุ่มทุกคนแสดงความตกใจอย่างสุดซึ้ง ในตอนนั้นดาบของเซี่ยวหยุนนั้นเร็วเกินมาก จนพวกเขาแทบจะมองไม่เห็นอะไรเลย
“นี่เป็นบทเรียนสำหรับเจ้า และจำไว้ให้ดีว่าอย่าพยายามขโมยของของคนอื่นอีก!” เซี่ยวหยุนกล่าวขณะที่เขามองดูเด็กหนุ่มคนนั้นอย่างใจเย็น
เด็กหนุ่มคนหนึ่งพูดอย่างมืดมน “ดีมาก! เจ้าเป็นคนที่กล้าหาญมากที่กล้าทำร้ายแม้แต่คนจากครอบครัวชิวของพวกเรา ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีปัญหากับพวกเราแล้วหละ! สมาชิกในครอบครัวของเราทุกคนอยู่ใกล้ ๆ เจ้าควรยอมจำนนดีที่สุด”
เด็กหนุ่มคนอื่น ๆก็เตรียมที่จะต่อสู้เช่นกัน!
“คนของตระกูลชิวงั้นหรือ?” เซี่ยวหยุนขมวดคิ้ว “ ถึงว่าพวกเจ้าถึงได้หยิ่งผยองขนาดนี้”
เด็กหนุ่มคนนั้นกล่าวว่า “กลัวหรือไม่? ตระกูลชิวเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในอาณาจักรแห่งแสงจันทร์รีบคุกเข่าขอความเมตตาพวกเราซะ!” คำพูดของเด็กหนุ่มคนนี้หยิ่งผยอง แต่เขาไม่กล้าที่จะโจมตีอย่างบุ่มบ่าม หลังจากได้เห็นการโจมตีที่รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อของเซี่ยวหยุนก็ทำให้เขากลัวขึ้นมา
เซี่ยวหยุนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หนึ่งในสี่ตระกูลที่ใหญ่ที่สุดงั้นหรือ? เจ้ามีผู้อาวุโสที่ใช้นิกายต้นกำเนิดสวรรค์หรือไม่?”
เด็กหนุ่มคนหนึ่งตอบว่า “ถูกต้อง! และนั่นยังไม่ใช่ทั้งหมด ทุกครั้งที่นิกายต้นกำเนิดสวรรค์เลือกสาวก นั้นมันคือตระกูลชิวของพวกเราตอนนี้มีสิบคน แต่ถ้าไม่ใช่นิกายต้นกำเนิดสวรรค์ก็ยังมีอีกเป็นร้อย ๆ คน ฮึ่ม! และเจ้าก็กล้าที่ทำร้ายพี่ชายของข้า เอ้า!รีบ ๆ คุกเข่าซะสิ!”
“เจ้า! เกี่ยวข้องกับชิวหยูเฉินหรือไม่?” เซียวหยุนถามพร้อมหรี่ตา
เด็กหนุ่มคนหนึ่งพูดด้วยความประหลาดใจ “หยูเฉินหรือ? รู้สิเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้าเจ้าถามทำไมหรือ?”
เด็กหนุ่มคนอื่น ๆ ก็ดูสับสนเหมือนกัน อยู่ ๆเขาก็มีความรู้สึกร้อนขึ้นมาในสายตาของพวกเขาด้วยเหตุผลบางประการพวกเขารู้สึกค่อนข้างกลัวต่อคนตรงหน้าคนนี้เหลือเกิน
เซี่ยวหยุนยกยิ้มขึ้น แล้วพูดอย่างช้า ๆ ว่า “ข้า! เป็นคน! ฆ่า! เขา!”
“ว่าไงนะ! เจ้าเป็นคนฆ่าพี่หยูเฉิน?” การแสดงออกของเด็กคนนี้กลายเป็นจริงจังเมื่อพวกเขาถาม “งั้นเจ้าก็คือเซี่ยวหยุนแห่งเขตสีม่วงอย่างงั้นหรือ?”
“ใช่!” เซียวหยุนยกยิ้มขึ้น เป็นยิ้มที่ทำให้หัวใจของพวกเขารู้สึกเย็นวาวขึ้นมา
เยาวชนคนหนึ่งของตระกูลชิวตะโกนอย่างเย็นชา “ดีมาก!เจ้าฆ่าหยูเฉินแต่ยังกล้ามาปรากฏตัวที่นี่ เจ้ามันรนหาที่จายจริง ๆ”
“แล้วเจ้าก็มาจากตระกูลฉิว ข้าส่งเจ้าไปตายได้นะ” ดวงตาของเซี่ยวหยุนเป็นประกายขึ้นมา ขณะที่เขาก็ส่งคลื่นพลังวิญญาณที่ไร้ขอบเขตออกไป!
ฟรึ่บ!
เยาวชนของตระกูลชิวทั้งสี่ รู้สึกว่าจิตวิญญาณของพวกเขาสั่นสะท้านเมื่อพลังวิญญาณเข้าสู่จิตใจของพวกเขา
ฟิ๊ววว!
เซี่ยวหยุนเตรียมดาบของเขาขณะที่เขาพุ่งเข้าใส่คนเหล่านี้!
ฉึบ! ฉึบ! ฉึบ! ฉึบ!
ในไม่ช้าทั้งสี่คนก็ถูกสังหาร ผู้ฝึกฝนดินแดนโดยกำเนิดเหล่านี้ไม่สามารถต้านทานการโจมตีเพียงครั้งเดียวจากเซี่ยวหยุนได้เลย เปลวไฟสีม่วงสว่างวาบและทั้งสี่คนถูกเผาทันที
หลังจากกำจัดเด็ก ๆ แล้วเซี่ยวหยุนก็หยิบผ้าออกมาเช็ดเลือดออกจากดาบอ่อนของเขาแล้วก็พันรอบตัวเขาเหมือนเข็มขัดอีกครั้ง ดาบอ่อนนี้ค่อนข้างสะดวกในการพกพาจริง ๆ
“แล้ว…คนของตระกูลชิวอยู่ที่นี่งั้นหรือ?” หลังจากเก็บดาบอ่อนเสร็จ เซี่ยวหยุนก็หรี่ตาลงมองไปในระยะไกล หากตระกูลชิวส่งผู้เชี่ยวชาญมาจะกลายเป็นปัญหาสำหรับเขา
“เจ้าจะกลัวอะไรเล่ากับตระกูลชิว ถ้าตระกูลชิวส่งคนมาเราก็แค่มันก็แค่นั้น” นกกระจอกที่กินสัตว์นรกกล่าวอย่างหยิ่งผยอง
“หื้มม….เจ้างั้นหรือ?” เซี่ยวหยุนถามอย่างเย้นหยัน
“ฮ่าฮ่าฮ่า แต่ยังไงเจ้าก็ต้องช่วยข้าฟื้นฟูกำลังของข้าด้วย!” นกกระจอกผู้กลืนกินสวรรค์ยิ้ม
“เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่ทอดทิ้งเจ้า” เซี่ยวหยุนกลอกตาของเขาและนกกระจอกที่กลืนกินสวรรค์สร้างกระแสน้ำวนเพื่อกลืนกินหญ้าวิญญาณเพลิงและกระแสของธาตุไฟบริสุทธิ์ที่ไหลผ่านไปยังหอคอยแห่งการกลืนกิน
นกกระจอกที่กินสวรรค์เริ่มน้ำลายไหลและมันก็ค่อย ๆมาถึงมัน มันก็กลืนกินมันทั้งหมดทันที
“หญ้าวิญญาณเพลิงนี้ยังไม่เพียงพอมันคงจะดีถ้ามันมีอายุพันปี” นกกระจอกสวรรค์ถอนหายใจอย่างต่อเนื่อง “ฉันสงสัยว่าวังผู้รับมรดกนภาเพลิงมีอะไรบ้างบางทีมันอาจกำเนิดวิญญาณอัคคี”
“ไฟวิญญาณ?” เซี่ยวหยุนขมวดคิ้วรู้สึกสงสัย
นกกระจอกที่กินสวรรค์กล่าวว่า “มันเป็นสิ่งมีชีวิตทางจิตวิญญาณ มันมีหลายประเภทมาก”
เซี่ยวหยุนพยักหน้าและวิ่งไปข้างหน้า เนื่องจากคนของตระกูลชิวอยู่ที่นี่จึงเป็นไปได้ว่าพวกเขาอยู่ที่นี่เพื่อพระราชวังผู้สืบทอดเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถอนุญาตให้พวกเขาไปที่นั่นก่อนได้ระหว่างทางเซี่ยวหยุนก็เปลี่ยนรูปลักษณ์ของเขาเล็กน้อย
นี่เป็นเทคนิคการปลอมตัวชนิดหนึ่งที่นกกระจอกผู้กลืนกินสวรรค์ได้สอนเขาไว้ว่าตื่นจากการเปลี่ยนตำแหน่งของกระดูก แม้ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แต่ก็ทำให้เซี่ยวหยุนสามารถเปลี่ยนรูปร่างใบหน้าของเขาได้ทำให้ไม่สามารถจำเขาได้ ตอนนี้ใบหน้าของเขาดูเรียวและคมอย่างไม่น่าเชื่อ
หลังจากเดินทางมาหนึ่งวัน สถานที่ที่เซี่ยวหยุนผ่านไปก็ร้อนขึ้นและร้อนขึ้นและบางครั้งเขาก็จะพบหญ้าวิญญาณตามทางที่เดินทาง
อย่างไรก็ตามยังมีผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนใหญ่เป็นนักผจญภัยจากครอบครัวใหญ่ที่เดินทางมาที่นี่เพื่อนำส่วนผสมยากลับไป
เซี่ยวหยุนมาถึงทะเลทรายที่เต็มไปด้วยหินและเห็นกลุ่มเซียน ในเวลาเดียวกันเขายังเห็นไฟพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าซึ่งส่งคลื่นหัวใจอันทรงพลังออกมาซึ่งรู้สึกแผดเผาอย่างไม่น่าเชื่อ
เซี่ยวหยุนส่งพลังวิญญาณของเขาออกไปเพื่อดูทุกสิ่งรอบตัวเขา มีช่องว่างลึกอยู่ข้างหน้าและเปลวไฟภายในนั้นพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าดูเหมือนทะเลเพลิง
ตำนานเล่าว่าเปลวไฟได้ตกลงมาบนสวรรค์ผลกระทบที่เกิดขึ้นทำให้เกิดเปลวไฟ ยิ่งไปกว่านั้นเนื่องจากผลกระทบ รูปร่างของที่ดินรอบ ๆ ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน
อย่างไรก็ตามเมื่อมองใกล้ ๆแล้วดูเหมือนว่าจะมีเซียนจากกลุ่มต่าง ๆ รอบ ๆ ขอบเขตของช่องไฟ ดูเหมือนพวกเขาจะปกป้องมันด้วย
เซี่ยวหยุนมีแผนที่ของพื้นที่และรู้โดยธรรมชาติว่าคนเหล่านี้กำลังปกป้องถนนที่นำไปสู่เหวไฟ
นี่คือถนนที่มีคนสร้างขึ้นเมื่อนานมาแล้ว ถ้าใครเดินลงมาจากหน้าผาลงมาตามเหวและข้ามสะพานโซ่ก็จะสามารถไปถึงวังผู้สืบทอดนภาเพลิงได้ดังนั้นทุกคนจึงรอโอกาส
ผู้คนส่วนใหญ่ที่รอคอยมาจากตระกูลใหญ่ของอาณาจักรจันทราลม
มีคนจากตระกูลฉี ตระกูลหยาน ตระกูลอู๋ และตระกูลหลิวทุกคนเฝ้าทางเดินอยู่ นอกจากพวกเขาแล้วยังมีแก๊งอีกสองสามคนด้วยเช่นกัน นอกเหนือจากเหวนี้แล้วก็ไม่มีทางลงไปได้อีก
หลังจากมาถึงสถานที่แห่งนี้เซี่ยวหยุนก็ไม่รีบร้อนและพบว่ามีสถานที่ที่ค่อนข้างห่างไกลอยู่ใกล้ ๆ เขานั่งไขว่ห้างและเริ่มฝึกฝน
สถานที่แห่งนี้มีความหนาแน่นมากดังนั้นจึงเป็นสวรรค์สำหรับการฝึกฝนพลังที่หายากสำหรับเขา อย่างไรก็ตามเนื่องจากมีผู้คนมากมายอยู่รอบ ๆ เขาจึงไม่ได้ฝึกฝนอย่างเต็มที่ มิฉะนั้นด้วยนกกระจอกที่กลืนสวรรค์ และความเร็วในการฝึกฝนของเขาจะทำให้โลกตกตะลึง!
เปลวไฟจากช่องว่างพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ทำให้ท้องฟ้ากลายเป็นสีแดงและทำให้กลางคืนดูเหมือนกลางวัน
ในวันรุ่งขึ้น ความปั่นป่วนก็ได้เกิดขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น??” ทันใดนั้นเซี่ยวหยุนก็ลืมตาขึ้นอย่างตื่นตระหนก และเผลอปล่อยพลังวิญญาณออกมา
“ทะเลเพลิงกำลังจะมอดลง วังผู้สืบทอดนภาเพลิงกำลังจะปรากฎขึ้นมา!”
“ทะเลเพลิงอันไร้ขอบเขตเช่นนี้ กำลังค่อยๆถอยร่นไป เป็นไปได้หรือไม่?ที่มีต้นตอของเพลิงอยู่ที่นั่น?!” ที่ขอบเขตของปล่องไฟผู้ฝึกฝนหลายครอบครัวร้องไห้ออกมาเผยให้เห็นถึงความตกใจที่นั้น
เซี่ยวหยุนยังค้นพบสิ่งนี้โดยใช้พลังวิญญาณของเขา ทะเลเพลิงกำลังค่อยๆลดระดับลงและพระราชวังขนาดมหึมาก็เริ่มถูกเปิดเผยขึ้นมาทีละเล็กน้อย
“วังผู้สิบทอดปรากฏแล้วไปกันเถอะ” ผู้อาวุโสของตระกูลต่าง ๆพูดขึ้นมา
“ใช่!” ผู้อาวุโสพาผู้คนจากครอบครัวของพวกเขาลงไปที่ปล่องไฟโดยปล่อยให้ผู้เชี่ยวชาญบางคนคอยปกป้องเขตแดนเอาไว้
จากแต่ละครอบครัวมีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่ต้องการมัน พวกเขาทุกคนรู้ดีว่าวังผู้สืบทอดนภาเพลิงนั้นไม่ควรถูกดูถูก หากพวกเขาส่งคนไปมากเกินไปพวกเข้าก็จะต้องโทษคนพวกนั้นเป็นแน่!
ผู้อาวุโสของตระกูลชิวกล่าวว่า “ไปกันเถอะ” ร่างของเขากระพริบแม้ในอากาศและเขาก็ค่อยๆลอยลงไปในเหวไฟแทนที่จะเดินไปตามขั้นบันได ทุกคนก็รู้สึกตกใจ!
“นั่นคือผู้อาวุโสชิวฉวนเฟิง เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาณาจักรแห่งวิญญาณ”
“พวกเขาส่งผู้เชี่ยวชาญดินแดนด้านอาณาจักรแห่งวิญญาณออกไปด้วย ดูเหมือนว่าตระกูลชิวมุ่งมั่นที่จะได้รับสมบัติในวังผู้สืบทอดนั้น”
“ว่ากันว่ามีอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้ปรากฏตัวในตระกูลชิวและมีร่างวิญญาณเพลิงทำให้เขาไม่สามารถลืมธาตุไฟฉีทั้งหมดในสวรรค์และโลกได้ เขามาเพื่อรับอาวุธจิตวิญญาณเพลิงจากวังผู้รับสืบทอดบนท้องฟ้าแห่งนี้” ผู้คนใกล้เคียงพูดคุยกับคนอื่น ๆ อย่างต่อเนื่องเผยให้เห็นความลับที่น่าตกใจ