Eternal Martial Sovereign - ตอนที่ 73 – ศัตรูโจมตี
**ตระกูลชี่เปลี่ยนเป็นฉีนะครับ
Chapter 73 – ศัตรูโจมตี
ขณะที่เวลาได้ผ่านไป คนข้างนอกก็ได้เริ่มพากันกังวล
“ท่านผู้นำตระกูลที่สอง ท่านคิดว่าเขาจะสามารถชะลออาการของท่านหญิงสามได้จริงหรือ?” เด็กสาวชุดเขียวถามพร้อมกับหน้ามุ่ยขณะที่นางมองไปยังเต็นท์ ซึ่งมีความกระวนกระวายอยู่ในดวงตาของนาง นางไม่เชื่อว่าเด็กหนุ่มที่พวกนางได้พบโดยบังเอิญจะมีความสามารถเช่นนี้
“ข้าหวังว่าเขาจะทำได้” ผู้นำตระกูลที่สองกล่าวขณะที่เขาลูบเครา
“ทำไมถึงไม่มีเสียงอะไรดังออกมาเลยนานเช่นนี้?” เด็กหนุ่มที่ด้านถามขณะที่เขาขมวดคิ้ว “ท่านคิดไหมว่าเขาอาจจะทำอะไรไม่เหมาะสมกับท่านหญิงสาม?”
“เราควรเข้าไปดูหรือ?” ได้ยินสิ่งนี้ สายตาของเด็กหนุ่มคนอื่นก็เกือบจะเปลี่ยนเป็นสีแดงขณะที่ความกังวลได้ปรากฎขึ้นในดวงตาของพวกเขา
“ไร้สาระ” ชายชราตำหนิ “เจ้ากล้าพูดถึงท่านหญิงสามแบบนั้น?” ได้ยินสิ่งนี้ เด็กหนุ่มก็ตัดสินใจไม่พูดถึงสิ่งนี้อีกต่อไป
“ข้าหวังว่าเขาจะรู้ถึงขอบเขตของตัวเอง” ผู้นำตระกูลที่สองพึมพำด้วยดวงตาที่หดแคบลงของเขา
ใตปัจจุบัน ภายในเต็นท์ ผิวหนังของหญิงสาวค่อยๆ กลายเป็นสีขาวอีกครั้ง เซี่ยวหยุนกำลังมุ่งเน้นไปที่การใช้จิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาเพื่อสกัดพิษทั้งหมดไป
ไม่นานหลังจากนั้น เปลือกตาที่ปิดแน่นของหญิงสาวก็สั่นไหวและขนตายาวของนางก็สั่นสะท้านขณะที่จู่ๆ นางก็เปิดตาขึ้นมา
ดวงตาของหญิงสาวค่อนข้างพร่ามัวราวกับว่านางเพิ่งตื่นขึ้นมาจากการหลับลึก เมื่อเห็นเด็กหนุ่มที่ไม่คุ้นเคยอยู่ที่เบื้องหน้าของนาง นางก็รู้สึกค่อนข้างสับสนและถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
ไทหรงเอ๋อรู้สึกงงงวยอย่างไม่น่าเชื่อ
นางมองลงไปและหัวใจของนางก็แทบจะกระโจนออกมา นางรู้สึกอายและโกรธอย่างเหลือเชื่อ ตรงนั้นมันมีมือของเด็กหนุ่มที่ไม่คุ้นเคยกำลังแตะมันอยู่!
เกิดอะไรขึ้น?
จิตใจของนางว่างเปล่า และไม่สามารถจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนที่จะตื่นขึ้นมาในสถานการณ์เช่นนี้
“อ่าา!” ภายในความคิดที่วุ่นวาย นางร้องออกมาด้วยความตกใจ
“นางตื่นแล้ว?” เซี่ยวหยุนผู้ที่กำลังตั้งสมาธิไปที่การใช้จิตวิญญาณการต่อสู้เพื่อถอนพิษได้ตกใจและกลับมารู้สึกตัว
“เจ้าเป็นใคร?” ความโกรธได้ปรากฏขึ้นในสายตาของไทหรงเอ๋อขณะที่นางจ้องไปยังเด็กหนุ่มด้วยความโกรธเคือง
หวือ!
ในเวลาเดียวกัน ฝ่ามือของนางก็ได้ฟาดออกไปยังเซี่ยวหยุน แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาต่อมานางก็ได้รู้สึกว่ามือของนางกำลังถูกจับโดยบางสิ่งและนางก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวมันได้เลย
“ปล่อยข้านะ!” ไทรงเอ๋อคำราม ใบหน้าของนางเป็นสีแดงสดใสขณะที่นางจ้องมองไปยังเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงข้ามนางอย่างเต็มไปด้วยความเกลียดชัง นางกำลังดิ้นรนอย่างหมดท่าซึ่งต้องการที่จะหนีไป แต่ขณะที่นางเคลื่อนไหว มือของเซี่ยวหยุนก็สัมผัสไปที่ผิวของนาง
“บัดซบ” รูม่านตาของเซี่ยวหยุนหดแคบลง ขณะที่รู้สึกได้ถึงสถานการณ์อันเลวร้าย
“เจ้า!” ไทหรงเอ๋อทั้งอายและโกรธอย่างสุดขีด
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะฟื้นตัวได้ดีทีเดียว” เซี่ยวหยุนยิ้มขณะที่เขามองไปยังหญิงสาว
“ข้าจะสังหารเจ้า!” ไทหรงเอ๋อคำราม แต่อย่างไรก็ตาม ขณะที่นางเคลื่อนไหว มือของเซี่ยวหยุนก็ได้เคลื่อนไหวเช่นกัน มือที่ไม่คุ้นเคยบนร่างกายนางทำให้นางรู้สึกราวกับว่ามีสายฟ้าไหลผ่านร่างกายของนาง
สิ่งนี้ทำให้ไทหรงเอ๋อรู้สึกอับอายขายหน้าและโกรธซึ่งทำให้นางอยากจะหาหลุมโดดลงไป
“ท่านหญิง ข้าคิดว่าเจ้าเข้าใจผิดแล้ว” เซี่ยวหยุนกล่าว “ข้ากำลังสกัดพิษให้ตัวเจ้าอยู่”
“เข้าใจผิด?” ไทหรงเอ๋อจ้องมองไปที่เซี่ยวหยุนด้วยความสับสน
“แต่เจ้าก็ใช้ประโยชน์จากข้าอย่างชัดเจน ถ้าเจ้าไม่ปล่อยข้าไป ข้าก็จะเรียกคนให้มาเอง”
“หากไร้ซึ่งข้า เจ้าจะสามารถตื่นขึ้นมาได้?” เซี่ยวหยุนถามขณะที่เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย
ตามมาด้วยการที่เซี่ยวหยุนขยับมือของเขาออกจากภูเขาขนาดยักษ์และเผยให้เห็นซึ่งบาดแผล
“เจ้าไม่สามารถสัมผัสได้หรือว่าพิษภายในร่างกายของเจ้ากำลังลดน้อยลง?” เซี่ยวหยุนถามขณะที่เขาใช้จิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาสกัดพิษต่อ
“มันเป็นเรื่องจริง” หลังจากคิดเกี่ยวกับมัน ไทหรงเอ๋อก็กระพริบตาที่เผยให้เห็นท่าทีประหลาดใจ
“ข้าสกัดพิษให้เจ้าเพื่อช่วยชีวิตของเจ้าไว้ มันไม่ใช่แบบที่เจ้าคิดหรอกนะ” เซี่ยวหยุนกล่าว
“แต่อย่างไรก็ตามเจ้าจำเป็นต้องทำเช่นนี้?” ความโกรธของไทหรงเอ๋อค่อยๆ สูญหายไป แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นผิวหนังที่เปิดเผยออกมาของนาง นางก็ยังคงรู้สึกค่อนข้างขุ่นเคือง กับหญิงสาวผู้ที่ปฏิเสธการถูกแตะโดยคนแปลกหน้าแล้ว นางจะไม่โกรธได้อย่างไร? นางไม่ได้รู้จักเด็กหนุ่มคนนี้เลย!
“ข้าต้องขอโทษอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่มันก็เป็นเพราะว่าพิษของเจ้าอยู่ที่นั่น” เซี่ยวหยุนมีสิ้นท่าอยู่บนใบหน้าของเขาขณะที่เขายังอธิบายต่อไปว่า “แถมวิธีนี้ของข้าจำเป็นต้องให้ข้าสัมผัสกับบาดแผลของเจ้าโดยตรง ดังนั้นข้าจึงสามารถทำได้เพียงเท่านี้ มิฉะนั้นถ้าเรายอมเสียเวลาต่อไป มันก็จะเป็นเรื่องยากสำหรับเจ้าที่อยู่รอดได้อีก 2 ชั่วโมง”
ไทหรงเอ๋อมองไปยังมือที่เซี่ยวหยุนใช้สัมผัสกับผิวหนังของนางด้วยความสงสัยอันมากมาย มันส่องแสงหยกสีเขียวออกมา แต่สิ่งที่เขาพูดได้ทำให้ตระหนัก ดังนั้นนางจึงตัดสินใจที่จะไว้วางใจเขาอย่างน้อยก็ชั่วคราว มันก็แค่นางรู้สึกอายอย่างเหลือเชื่อในสถานการณ์เช่นนี้
“เจ้าเร็วกว่านี้ได้ไหม?” ไทหรงเอ๋อดูละเอียดอ่อนและสวยงาม กำลังหายใจอย่างลำบากขณะที่หูของนางเริ่มเป็นสีแดงจากความอาย เมื่อได้ยินเสียงของนาง ไม่ว่าใครก็ตามจะรู้สึกว่ากระดูกของพวกเขาได้อ่อนตัวลง
“อ่ะแฮม มันใกล้จะเสร็จแล้ว” เซี่ยวหยุนกล่าวขณะที่เขากระแอ็ม
“เกิดอะไรขึ้น?” ในเวลานี้ คนภายนอกก็ได้ยินเสียงวุ่นวายข้างในและต้องการจะรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ไม่มีอะไรมาก พิษของคุณหนูตระกูลพวกเจ้าได้เริ่มอ่อนแอลงแล้ว” เซี่ยวหยุนตอบกลับ
“ท่านหญิง ท่านเรียกอะไรหรือ?” เด็กสาวชุดเขียวที่ด้านนอกถามอย่างกังวล มันมีบางสิ่งผิดปกติเกี่ยวกับเสียงในตอนนั้น!
เป็นไปได้ไหมว่าสหายคนนี้มีเจตนาไม่ดีและพยายามที่จะทำ ‘สิ่งนั้น’ กับท่านหญิง? เมื่อคิดถึงสิ่งนั้น ใบหน้าของเด็กสาวชุดเขียวก็กลายเป็นเต็มไปด้วยความกังวล ข้างๆ นางเด็กหนุ่มบางคนก็ได้เดินไป พวกเขาก็ได้ยินเสียงร้องจากระยะไกลเช่นกัน
“ไม่มีอะไร” ได้ยินทุกคนถามว่าทุกอย่างเรียบร้อยไหม ภายในเต็นท์ การหายใจของไทหรงเอ๋อก็กลายเป็นติดขัดมากขึ้นขณะที่ยอดเขาของนางกระเพื่อมขึ้นลง เพราะการเคลื่อนไหวของร่างกายนาง เซี่ยวหยุนจึงแตะโดนส่วนที่นุ่มนวลอย่างช่วยไม่ได้
นี่ทำให้ไทหรงเอ๋อรู้สึกอายอย่างเหลือเชื่อ และแก้มของนางก็กลายเป็นสีแดงเข้ม
“ท่านหญิงตื่นแล้ว” ได้ยินเสียงจากข้างในเต็นท์ ความสุขก็ได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเด็กสาวชุดเขียว
“อืม” ไทหรงเอ๋อตอบ
“เยี่ยมไปเลย! ข้าจะไปตรวจท่านตอนนี้แหละ” เด็กสาวชุดเขียวกล่าวอย่างมีความสุข ซึ่งกำลังจะเดินเข้าไป
“อย่า!” ไทหรงเอ๋อรีบร้องออกมา ถ้าสมาชิกตระกูลเห็นนางสภาพแบบนี้แล้ว นางคงต้องละอายจนตาย!
“โอ้” ได้ยินเสียงนี้ เด็กสาวชุดเขียวก็หยุดฝีเท้าของนาง
“เอาล่ะ เราจะรอข้างนอกต่อ” ผู้นำตระกูลที่สองกล่าวด้วยความปิติยินดีบนใบหน้าของเขา ซึ่งตามมาด้วยการที่สมาชิกของตระกูลไททั้งหมดถอยหลังกลับไป
เซี่ยวหยุนยังคงช่วยท่านหญิงสามของตระกูลไทสกัดพิษของนางต่อ แต่อย่างไรก็ตาม เขาไม่กล้าที่จะขยับซี้ซั้วด้วยความกลัวที่จะทำให้สถานการณ์มันน่าอึดอัดมากขึ้นกว่าเดิม
พิษไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้กับจิตวิญญาณการต่อสู้ของเซี่ยวหยุนได้เลย มันจึงสามารถถอนพิษออกไปได้อย่างง่าย เมื่อเวลาผ่านไป ท่านหญิงสามของตระกูลไทก็ค่อยๆ ฟื้นคืนความมันเงาบนผิวของนาง ความมืดบนผิวของนางได้หนีหายไปตั้งนานแล้ว และผิวหนังของนางก็กลายเป็นสีขาวราวกับหิมะอีกครั้ง ซึ่งปลดปล่อยกลิ่นหอมแห่งวัยหนุ่มสาวออกมา ผิวของนางได้กลายเป็นนิ่มนวลกับบรรจงอีกครั้ง และมันน่ารื่นรมย์มากที่ได้สัมผัสมัน
เซี่ยวหยุนปิดตาของเขาลง พยายามที่จะใช้จิตวิญญาณการต่อสู้เก็บพิษบางส่วนไว้ เมื่อเขาพบว่าจิตวิญญาณการต่อสู้สามารถดูดซับแก่นแท้สำคัญภายในสวรรค์และปฐพีทั้งหมดได้ ซึ่งได้แตกหน่อออกมาเป็นกิ่งรองแก่นแท้ปราณแห่งไฟและกิ่งรองปราณเย็น เขาสงสัยว่ามันจะสามารถสร้างกิ่งรองเพิ่มขึ้นมาได้อีกหรือไม่
แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็เก็บมาแค่ได้แค่ส่วนน้อยของพิษเท่านั้นเพื่อที่เขาจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน จิตวิญญาณการต่อสู้ของเขายังไม่ได้ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาอย่างเต็มที่ ดังนั้นความแข็งแกร่งของมันจึงยังมีจำกัดอยู่ เช่นนี้แล้วเขาจึงยังต้องรออยู่
“เหตุใดเขาจึงปิดตากัน?” เมื่อเวลาผ่านไป ท่านหญิงสามของตระกูลไทก็มองไปรอบๆ ด้วยความเบื่อหน่าย นางแอบมองไปยังเด็กหนุ่มแต่ก็ต้องพบว่าดวงตาของเขานั้นกำลังปิดอยู่ ซึ่งใบหน้าเยาว์วัยของเขาดูหล่อมาก
เขามีคิ้วที่ราวกับกระบี่และมีใบหน้าที่ดีอย่างชัดเจน มันมีบรรยากาศของวีรบุรุษอยู่รอบๆ ตัวของเขา ทำให้เขาดูเหมือนพิเศษอย่างมาก
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อได้เห็นดวงตาที่ปิดอยู่ของเขา ท่านหญิงสามของตระกูลไทก็ต้องขมวดคิ้ว ถ้ามันเป็นคนอื่น พวกเขาจะพยายามแอบมองร่างกายของนางให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้!
“เหตุใดเขาจึงไม่มอง?” ท่านหญิงสามของตระกูลไทจึงได้คิดด้วยความสับสน นางได้มีความอับอายอันน่าเหลือเชื่อ แต่ตอนนี้นางกลับรู้สึกโกรธมากกว่ารู้สึกอาย
นางเป็นหญิงสาวที่งดงามที่สุดในเมืองหมอกเหนือและมีเด็กหนุ่มนับไม่ถ้วนได้ไล่ตามนาง แต่เหตุใดเขาจึงไม่พยายามมองมาที่นาง?
“เป็นไปได้ว่าเขาก็อาจจะอายเช่นกัน?” ท่านหญิงสามของตระกูลไทได้ขมวดคิ้ว แต่หลังจากที่คิดเกี่ยวกับมันแล้ว เขาจะอายหลังจากที่เขาวางมือไว้ตรงนั้นจริงหรือ? เป็นไปได้ไหมว่าเขาคิดว่าข้าไม่สวยหรือมีเสน่ห์เพียงพอ ดังนั้นเขาจึงไม่แม้แต่จะมองมาที่ข้า?
คิดถึงเรื่องนี้ ท่านหญิงสามของตระกูลก็ได้โกรธขึ้นมา
“ช่างเป็นสหายที่ไร้รสนิยม”
ชวิ้ง! ชวิ้ง!
ในขณะนี้ได้มีเสียงของอากาศที่ฉีกขาดดังออกมา
“ระวังตัว มีศัตรูโจมตี”
“มันเป็นคนของตระกูลฉี!” หุบเขาก็ได้ระเบิดเสียงอึกทึกออกมาทันทีขณะที่ผู้คนเริ่มพากันร้องออกมา
ทุกคนในตระกูลไทถืออาวุธของตัวเองไว้ เพื่อก่อตัวเป็นขบวนป้องกันอย่างหนาแน่น
ในขณะนี้ ผู้นำตระกูลที่สองของตระกูลไทได้ยืนอยู่ที่หัวขบวนของคนตระกูลไท เขาถือกระบี่ใหญ่ไว้และเครายาวของเขาก็แกว่งไปมากับสายลมขณะที่เขาปลดปล่อยกลิ่นอายอันแหลมคมออกมา เขาจ้องมองอย่างเย็นชาไปที่ข้างหน้าเหมือนกับราชสีห์ผู้เดือดดาลที่พร้อมจะต่อสู้ได้ตลอดเวลา
แต่อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ลงมืออย่างผลีผลาม เพราะว่าทั้งสองด้านของหุบเขาได้มีกลุ่มผู้ชายสวมใส่ชุดรัดรูปสำหรับการต่อสู้กำลังเดินใกล้เข้ามา พวกเขาทั้งหมดต่างก็ถือธนูอาบยาพิษ ซึ่งเตรียมพร้อมที่จะยิงได้เมื่อพวกเขาเข้าใกล้เพียงพอ
เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้เป็นคนของตระกูลฉี ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ตระกูลไทได้พบเจอกับการโจมตีที่คล้ายๆ กันซึ่งทำให้พวกเขาสูญเสียคนไปจำนวนมาก
“ท่านผู้นำตระกูลที่สอง เราควรทำอย่างไรดี?” ชายวัยกลางคนเดินเข้ามาและดูค่อนข้างกังวลมากขณะที่เขากล่าวว่า “พวกมันได้พาคนมามากยิ่งขึ้นในครั้งนี้!”
“ข้าไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะไล่ตามเราได้เร็วขนาดนี้” ผู้นำตระกูลที่สองถอนหายใจขณะที่เขาขมวดคิ้วลึก พวกเขาได้เตรียมพร้อมที่จะออกเดินทางในยามรุ่งสาง แต่พิษของท่านหญิงสามกลับแสดงอาการออกมาอีกครั้ง ซึ่งการสกัดพิษได้ใช้เวลาไป 1 ชั่วโมง ซึ่งทำให้พวกเขาต้องตกลงสู่วิกฤตินี้
ที่ด้านหน้าของพวกเขา สองผู้ฝึกตนได้ลงมาจากเนินเขา
“ฮ่าฮ่า ผู้นำตระกูลที่สองของตระกูลไท ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเจ้าทั้งหมดแล้วล่ะที่จะหนีไปได้ในครั้งนี้” สองคนที่ลงมาได้มีคนหนึ่งอยู่ที่ด้านหน้าและอีกหนึ่งคนอยู่ที่ด้านหลัง
“ฉีจง ฉีหมิง!” ผู้นำที่สองของตระกูลไทคำรามเมื่อได้เห็นพวกเขา
“มอบเหรียญนภาอัคคีให้แก่เราหรือไม่งั้นพวกเจ้าทั้งหมดก็ต้องตายที่นี่วันนี้” ฉีจงกล่าวขณะที่เขาเดินไปข้างหน้า เขาเกือบจะอายุ 40 ปีแล้วและก็ไม่ได้ตัวสูงมากนัก แต่อย่างไรก็ตาม ดวงตาของเขาก็คมและแหลมเหมือนกับดวงตาของนกอินทรี แล้วเขายังได้ปลดปล่อยกลิ่นอายอันทรงพลังออกมาอีก
“ฮึ่ม กับอีแค่พวกเจ้าสองคน? ถ้าเจ้าอยากทำร้ายคนตระกูลไทของข้า เจ้าก็จะต้องเสียค่าตอบแทน”
ผู้นำตระกูลที่สองของตระกูลไทกระแทกกระบี่ใหญ่ของเขาขณะที่กลิ่นอายอันทรงพลังได้ปะทุออกมาจากร่างกายของเขา
“ฮ่าฮ่า เหตุใดพวกข้าจึงต้องใช้กำลังเต็มที่กับเจ้าด้วยเล่า?” พี่น้องตระกูลฉีหัวเราะเย็นชาขณะที่พวกเขาเดินไปยังค่ายของตระกูลไท
พวกเขาโบกมือขณะที่พวกบุรุษคนอื่นได้รวมตัวกันเข้ามา พวกเขาได้ง้างคันธนูกลับไปที่ข้างหลัง บนธนูของพวกเขาแต่ละคนได้มีศรอาบยาพิษที่ส่องแสงอยู่