Chapter 56 – ผนึกหัตถ์ทมิฬหนาวเหน็บ
“ตัดอนาคตของข้า?” เซี่ยวหยุนยิ้มเยาะขณะที่เขาตอบกลับไปว่า “ข้ากลัวว่าเจ้า ฝางเฮ่าจะไม่มีสิทธิ์ทำเช่นนั้น คนที่จะถูกตัดอนาคตทิ้งก็คือเจ้า ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นเองว่าบุรุษแห่งตระกูลเซี่ยวของพวกเราจะไม่ยอมถูกรังแก”
“เลิกไรสาระได้แล้ว ให้ข้าดูว่าเจ้าแข็งแกร่งแค่ไหน” ฝางเฮ่ากล่าวเย็นชาด้วยรอยยิ้มขณะที่เขากวาดมืออกไป บอลแก่นแท้แห่งปราณได้เปลี่ยนเป็นผนึกข้างหน้าของเขาขณะที่คลื่นมหึมาของแรงกดดันได้เล็ดลอดออกมาจากมัน
นี่คือตราประทับภูเขาหนัก เมื่อฝางเฮ่าควบแน่นมัน กลิ่นอายทรงพลังก็กวาดออกมา แต่เซี่ยวหยุนก็ยังคงยืนหยัดอยู่บนพื้น การไหลของอากาศเบื้องหน้าของเขาได้กลายเป็นบ้าคลั่ง ราวกับว่ามันมีภูเขาถล่มลงมาที่เขาจริงๆ
ตราประทับแบบนี้บ้าคลั่งและเหนือกว่าฝ่ามือสุดยอดทั้งแปดอยู่มากนัก และมันก็ปลดปล่อยความรู้สึกหนาวเหน็บที่จะสะกดข่มทุกสิ่งออกมา นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะฝางเฮ่าได้ก้าวเข้าสู่ขั้นกลางของขอบเขตต้นกำเนิด และการบ่มเพาะของเขาก็แข็งแกร่งยิ่งกว่าโจวหลิน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับตราประทับเช่นนี้ เซี่ยวหยุนก็แค่ยิ้มอย่างสงบเท่านั้น
“มังกรนาคาคู่พเนจร!” ดวงตาของเซี่ยวหยุนกระพริบ เขาไม่ได้ขวัญอ่อนเลยแม้แต่นิดเดียว มือของเขาเคลื่อนไหวขณะที่แก่นแท้แห่งปราณกวาดออกมาและสร้างการโจมตีไปยังฝางเฮ่า
แก่นแท้แห่งปราณละลายเข้าไปในการก่อรูปของมังกรและนาคา ถึงแม้ว่าพวกมันจะไม่ได้ดูสมจริง แต่พวกมันก็ยังดูเหมือนมีชีวิตอยู่มาก พวกมันปลดปล่อยบรรยากาศดุร้ายออกมา ราวกับว่าพวกมันสามารถขจัดภูเขาออกไปได้ ถ้าผู้ฝึกตนธรรมดาถูกโจมตีโดยพวกมัน มันก็เป็นไปได้ว่าพวกเขาจะถูกทับจนแบนเหมือนกับครึ่งไม้กระดานโดยหางของมังกรและนาคา
“ปราบปราม!” ดวงตาของฝางเฮ่าส่งประกายขณะที่ตราประทับวิเศษขนาดยักษ์เป็นรูปเป็นร่างขึ้น ตามมาด้วยการเคลื่อนไหวของมือเขา มันก็ได้เริ่มตกลงมาที่เด็กหนุ่มข้างเขา ตราประทับวิเศษที่ตกลงได้ทำให้อากาศเหนือเวทีเริ่มบ้าคลั่ง
การโจมตีที่ดุร้ายและเหนือกว่าเช่นนี้ได้ทำให้ทุกคนในปัจจุบันตกใจ คนรุ่นเยาว์ในระยะไกลจ้องมองด้วยความตกตะลึง – นี่มันไม่น้อยกว่าที่คาดหวังไว้จากคนที่อยู่ในขั้นกลางของขอบเขตต้นกำเนิดเลย!
บูม!
เมื่อตราประทับวิเศษได้ตกลงมาที่เป้าหมายของมัน มังกรและนาคาจากมือของเซี่ยวหยุนก็ฟาดหางของมันไปที่ตราประทับวิเศษ การโจมตีทั้งสองได้ปะทะซึ่งกันและกัน สร้างระลอกคลื่นอันบ้าคลั่งของแก่นแท้แห่งปราณออกมา ภายใต้การปะทะกันจากคลื่นกระแทก ตราประทับวิเศษก็สั่นสะท้านและถูกปิดกั้นไว้
ปัง!
หลังจากนั้นเสียงระเบิดก็ดังออกมา ทันใดนั้นตราประทับวิเศษก็พังครืน แต่อย่างไรก็ตาม มังกรและนาคาจากมือของเซี่ยวหยุนก็ถูกทำลายเช่นเดียวกัน และก็ไม่ได้รับประโยชน์อันใดจากการปะทะกันในครั้งนี้
คลื่นทรงพลังจากแก่นแท้แห่งปราณกวาดออกมาเหมือนกับสึนามิ และเด็กหนุ่มทั้งสองก็สั่นขณะที่พวกเขาถอยกลับอย่างไม่พอใจเพราะคลื่นกระแทกขนาดยัก เฉพาะหลังจากที่พวกเขาก้าวถอยไปหกก้าวแล้วเท่านั้นจึงจัดการให้ร่างกายของพวกเขามั่นคงได้อีกครั้ง
ก้าวแต่ละก้าวของฝางเฮ่านั้นหนักหน่วงอย่างไม่น่าเชื่อและเขาก็ฟื้นสมดุลของเขากลับมาได้ด้วยความยากลำบากอย่างมาก หลังจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วแน่นขณะที่เขามองไปยังเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงข้างกับเขา ตอนนี้ เซี่ยวหยุนก็ได้ทำให้ตัวเขาเองมั่นคงแล้วเช่นกัน จากการแลกเปลี่ยนการโจมตีนี้ มันเห็นได้ชัดว่าไม่มีพวกเขาคนไหนเหนือกว่า
“เจ้าก็ก้าวเข้าสู่ขั้นกลางขอบเขตต้นกำเนิดแล้วเช่นกัน?” ฝางเฮ่าถามขณะที่เขาจ้องไปที่เด็กหนุ่มตรงข้ามเขาด้วยความตกใจ
จากการปะทะกันเมื่อกี้ มันดูเหมือนว่าความหนาแน่นและความดุร้ายของแก่นแท้แห่งปราณจากเซี่ยวหยุนไม่ได้อ่อนแอกว่าตัวเขาเองเลย!
“เจ้าคิดว่ามีเพียงตัวเจ้าเท่านั้นที่สามารถก้าวเข้าสู่ขั้นกลางของขอบเขตต้นกำเนิดได้?” เซี่ยวหยุนตอบกลับอย่างสงบด้วยการแสดงออกที่หนาวเย็น
“อะไรนะ?! เซี่ยวหยุนก็ก้าวเข้าสู่ขั้นกลางของขอบเขตต้นกำเนิดแล้วเช่นกัน?” ทุกคนใต้เวทีร้องตะโกนออกมา
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาเหนือกว่าอัจฉริยะจากตระกูลต่างๆ ก็เพราะเขาก้าวเข้าสู่ขั้นกลางของขอบเขตต้นกำเนิดแล้วนี่เอง!”
“เซี่ยวหยุนยังเป็นมนุษย์อีกหรือ? สามเดือนก่อนเขาก็แค่ระดับ 6 ขั้นหลอมร่างกายเท่านั้น แต่เขาจะพุ่งไปถึงขั้นกลางของขอบเขตต้นกำเนิดได้อย่างไรกัน?”
“แม่เจ้าโว้ย! เขาไม่ใช่แค่อัจฉริยะอีกต่อไปแล้ว แต่เขาเป็นปีศาจ!” ผู้ฝึกตนจากตระกูลต่างๆไม่สามารถรักษาความใจเย็นไว้ได้อีกต่อไปแล้ว – ความเร็วการบ่มเพาะเช่นนี้มันอธิบายได้แค่น่าสะพรึงกลัวเท่านั้น ถ้าเซี่ยวหยุนได้เติบโตขึ้นต่อไปเช่นนี้ ฝางเฮ่าจะมาเอาอะไรมาเทียบกับเขาได้?
แม้ว่าฝางเฮ่าจะมีจิตวิญญาณการต่อสู้น้ำแข็ง แต่ด้วยการบ่มเพาะที่ทรงพลังเช่นนี้ เซี่ยวหยุนก็ยังสามารถสะกดข่มเขาไว้ได้! ในโลกนี้ การบ่มเพาะเป็นรากฐานของความแข็งแร่ง จิตวิญญาณการต่อสู้ก็แค่ตัวสนับสนุนเท่านั้น
“เราไม่สามารถปล่อยให้ไอ้เด็กเหลือขอคนนี้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้” การแสดงออกอันรุนแรงปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผู้อาวุโสตระกูลฝางขณะที่เขาพวกเขารู้สึกได้สัมผัสแห่งอันตราย
“มันก้าวเข้าสู่ขั้นกลางของขอบเขตต้นกำเนิดแล้วจริงรึนี่?” แสงเย็นชาของเจตนาสังหารปรากฏขึ้นภายในดวงตาที่หดแคบลงของผู้นำคนก่อนตระกูลฝาง อัจฉริยะแบบนี้มันก็เพียงพอแล้วที่จะคุกคามตระกูลฝางของพวกเขา
ภายใต้เสียงเชียร์ของทั่วทั้งสนาม ฝางเฮ่าก็ยังรู้สึกได้ถึงสัมผัสแห่งความอันตรายเช่นเดียวกัน
“โชคดีที่เจ้าก็แค่ขั้นกลางขอบเขตต้นกำเนิดเท่านั้น มันยังมีเวลาอยู่ ตราบเท่าที่ข้าทำให้เจ้าพิการได้ในวันนี้ แล้วมันจะทำไมถ้าเจ้ามีศักยภาพอันน่าประหลาดใจ?” ฝางเฮ่าสูดลมหายใจเข้าออกลึกขณะที่แสงอันเย็นชาส่องประกายในดวงตาของเขา
“ฮ่าฮ่า เจ้าไม่ควรออกมาในที่สาธารณะหลังจากที่ฟื้นคืนพรสวรรค์ได้แล้ว ถ้าข้าเป็นเจ้า ข้าจะหลบซ่อนตัวในป่าหรือภูเขาจนกว่าข้าจะทรงพลังมากพอ แต่น่าเสียดายที่เจ้าไม่มีทางเลือกอีกต่อไปแล้ว ข้า ฝางเฮ่าเป็นอัจฉริยะเพียงคนเดียวเท่านั้นที่อาศัยอยู่ในเขตเมฆาม่วงได้” คำพูดของฝางเฮ่านั้นเย็นชาอย่างน่าเหลือเชื่อ และเขาก็ได้มีความโหดเหี้ยมอยู่บนใบหน้าด้วย
ดูจากการแสดงออกของเขา มันดูเหมือนว่าเขาจะอยากฆ่าแหล่งกำเนิดภัยคุกคามขณะที่เซี่ยวหยุนยังไม่ทรงพลังมากนักแน่นอน
“ซ่อนในป่าไม่ก็ภูเขา? ตลกดีนะ” เซี่ยวหยุนตอบกลับอย่างเย็นชาขณะที่จ้องเขม็งไปยังเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงข้ามเขา “เจ้าคิดว่าจะทำให้ข้าพิการได้? อย่าประเมินตัวเองสูงนัก วันนี้ข้าจะเอาชนะเจ้าและก็ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ข้าจะเข้าสู่นิกายต้นกำเนิดสวรรค์ด้วยเช่นกัน”
“เข้าร่วมนิกายต้นกำเนิดสวรรค์?” ฝางเฮ่าหัวเราะอย่างสงบ “เจ้ามันไร้เดียงสาเกินไป[1]”
“ลิ้มรสอำนาจแห่งจิตวิญญาณการต่อสู้น้ำแข็งของข้าดู” ดวงตาของฝางเฮ่าส่องแสงขณะที่คลื่นแห่งปราณเย็นเล็ดลอดออกมาจากร่างกายของเขา ในทันที มันทำให้รู้สึกราวกับว่าฤดูหนาวได้ลงมายังทั่วทั้งเวที และอากาศก็เกือบจะเริ่มแข็งตัวไป
ภายใต้การโจมตีจากปราณเย็น ผู้ฝึกตนที่อยู่ใกล้ก็ยังรู้สึกหนาวเหน็บจนไปถึงกระดูกเช่นกัน
“นี่เป็นกลิ่นอายจากจิตวิญญาณการต่อสู้น้ำแข็ง?”
“เหล่าผู้ที่มีจิตวิญญาณการต่อสู้ช่วงพิเศษอย่างแม้จริง มันเท่ากับว่าพวกเขาได้มีทักษะศักดิ์สิทธิ์เพิ่มขึ้นมา!”
ผู้ชมใต้เวทีร้องออกมาด้วยความตกใจขณะที่พวกเขามองไปยังฝางเฮ่าด้วยความยกย่องสรรเสริญในดวงตาพวกเขา วิธีอันไม่ธรรมดานั้นคือสิ่งที่จิตวิญญาณการต่อสู้เป็น – พวกมันจะมอบทักษะศักดิ์สิทธิ์ที่คนธรรมดาไม่มี เพียงสิ่งนี้สิ่งเดียวมันก็อนุญาตให้ผู้ที่ปลุกจิตวิญญาณการต่อสู้ขึ้นมาได้นั้นสามารถดูถูกผู้อื่นและเอาชนะเหล่าผู้ที่มีการบ่มเพาะสูงกว่าได้
“เซี่ยวหยุนจะสามารถป้องกันตนเองจากจิตวิญญาณการต่อสู้ของนายน้อยฝางเฮ่าได้หรือ?” รู้สึกได้ถึงออร่าเหมือนน้ำแข็ง ความตื่นเต้นก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเด็กหนุ่มบางคน พวกเขาทั้งหมดต้องการจะเห็นว่าวิธีการใดที่เซี่ยวหยุนจะใช้ป้องกันตนเองจากฝางเฮ่า เพียงกลิ่นอายจากจิตวิญญาณการต่อสู้น้ำแข็งก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้แม้แต่ผู้ฝึกตนขั้นปลายของขอบเขตต้นกำเนิดต้องเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ฮึ่ม เราจะได้เห็นว่าพี่ใหญ่เซี่ยวหยุนของเจ้าจะต่อต้านนายน้อยฝางเฮ่าอย่างไร!” หลินเซี่ยวเหมาที่เพิ่งจะจ้องมองด้วยดวงตาที่เบิกกว้างด้วยความตกใจ ก็ได้ยิ้มยินดีหลังจากที่รู้สึกได้ปราณเย็นที่เล็ดลอดออกมาจากร่างกายของฝางเฮ่าแล้วจึงมองไปยังเด็กสาวที่อยู่ข้างๆนาง
“เจ้าช่างเป็นสหายที่น่าเบื่อนัก” หยานซือหยันกลอกตาของนางไปที่หลินเซี่ยวเหมาและจ้องมองไปที่เวทีด้วยร่องรอยความกังวลใจในดวงตาของนาง นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการประลองที่แท้จริง – ผลมันจะออกมาเป็นอย่างไรกัน?
“ท่านจะต้องทำให้มันพิการได้อย่างแน่นอน!” ฝางเว่ยและคนรุ่นเยาว์คนอื่นร้องออกมาอย่างเย็นชาขณะที่พวกเขาจ้องไปด้วยการแสดงออกที่โหดเหี้ยม
บนเวที ปราณเย็นที่กวาดออกมาและรูปร่างของฝางเฮ่านั้นเริ่มดูน่าขนลุกและแปลกประหลาดขึ้น มันมีปราณเย็นล้อมรอบเป็นบริเวณระหว่างดวงตาของเขา และคริสตัลน้ำแข็งก็เริ่มรวมตัวกันที่นั่น
“จิตวิญญาณการต่อสู้น้ำแข็ง?” รู้สึกได้กลิ่นอายเย็นๆ รอยยิ้มอันสงบได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเซี่ยวหยุน ปราณเย็นประเภทนี้น่าสะพรึงกลัวมากอย่างแท้จริง – มันอาจทำให้เท้าและขาของผู้ฝึกตนขอบเขตต้นกำเนิดรู้สึกชาได้ ราวกับว่าแก่นแท้แห่งปราณภายในร่างกายของพวกเขากำลังถูกปิดผนึกไว้ เมื่อหมุนเวียนแก่นแท้แห่งปราณของพวกเขา การไหลเวียนของมันก็จะช้าลงมากเช่นกัน
เช่นนี้ เมื่อคนปกติเผชิญหน้ากับฝางเฮ่า ไม่ใช่เฉพาะการเคลื่อนไหวของพวกเขาเท่านั้นที่เอื่อยเฉื่อยลง แต่แก่นแท้แห่งปราณในร่างกายของพวกเขาก็จะไม่สามารถควบแน่นในตอนที่สู้กับเขาได้เช่นกัน ด้วยข้อเสียเปรียบเช่นนี้ จะเป็นไปได้อย่างไรที่พวกเขาจะสู้กับฝางเฮ่า? แม้แต่ผู้ที่อยู่ขั้นปลายของขอบเขตต้นกำเนิดก็จะพบว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะสู้กับฝางเฮ่า และถ้าพวกเขาปล่อยให้การป้องกันของพวกเขาตกลง พวกเขาก็จะถูกเอาชนะได้ในการโจมตีเดียว
อย่างไรก็ตาม ปราณเย็นแบบนี้ไม่เพียงพอที่จะจัดการกับเซี่ยวหยุน ปราณเย็นที่เขาได้สกัดมันมาจากเซี่ยวหลิงเอ๋อครั้งล่าสุดมันยังแข็งแกร่งมากกว่าปราณเย็นที่ฝางเฮ่ากำลังปล่อยออกมาในปัจจุบันอยู่มากนัก!
“ข้าต้องการใช้ปราณเย็นเพื่อหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณการต่อสู้ของข้าจริงๆ ข้าจะใช้มันให้มากที่สุดเท่าที่เจ้าสามารถทำได้” ดวงตาของเซี่ยวหยุนจู่ๆก็หดแคบลงขณะที่เขาเริ่มเปิดใช้งานทักษะศักดิ์สิทธิ์กลืนกินสวรรค์ น้ำวนปรากฏขึ้นภายในตันเถียนของเขาและเริ่มดูดซับปราณเย็นเข้ามา
หลังจากนั้น จิตวิญญาณการต่อสู้ของเซี่ยวหยุนก็เคลื่อนไหว และกิ่งหยกสีเขียวก็ยืดออกไปสู่ตันเถียนของเขาขณะที่มันเริ่มดูดซับปราณเย็น
ทั้งหมดนี้ได้เกิดขึ้นในชั่วพริบตา และเซี่ยวหยุนก็ไม่ได้เปิดสัญญาณใดๆออกมา ดังนั้นจึงไม่มีใครตระหนักว่าพึ่งมีอะไรเกิดขึ้น เมื่อทุกคนมองไป พวกเขาก็จะเห็นว่าปราณเย็นเข้าสู่ร่างกายของเซี่ยวหยุนอย่างต่อเนื่อง และคิดว่าเขาคงจะถูกแช่แข็ง
ผนึกหัตถ์ทมิฬหนาวเหน็บ!
ดวงตาของฝางเฮ่าเปล่งประกายขณะที่จิตวิญญาณการต่อสู้ของเขายังคงมีปราณเย็นไหลออกมาจนดูเหมือนจะปกคลุมไปทั้งท้องฟ้า ปราณเย็นที่ขุ่นมัวคดเป็นวงกลมเหมือนกับงูยักษ์อันดุร้าย มันห่อหุ้มรอบๆร่างกายของฝางเฮ่า และควบแน่นเป็นผนึกวิเศษขนาดมหึมา ผนึกวิเศษนี้มหัศจรรย์อย่างยิ่งและก็ยังมีอักษรรูนมากมายพร้อมกับจารึกบนมัน ซึ่งทำให้มันดูลึกลับ
เช่นเดียวกับที่ผนึกวิเศษก่อตัวขึ้นมา มันได้ปล่อยความน่าสะพรึงกลัวของความรู้สึกกดดันออกมา ราวกับว่าคลื่นของความหนาวเย็นและความมืดมิดอันเหลือล้นได้จุติลงมา ผนึกวิเศษนี้เห็นได้ชัดว่าทรงพลังยิ่งกว่าตราประทับภูเขาหนัก
“ผนึกหัตถ์ทมิฬหนาวเหน็บ?” เซี่ยวหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกได้ว่าผนึกวิเศษนี้ทรงพลังแค่ไหน
“มันเป็นผนึกวิเศษอะไรกัน? มันจะสร้างมือขนาดใหญ่โตและสมจริงที่มีทั้งกลิ่นอายของความมืดและความหนาวเย็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน? จากความน่ากลัวมากเพียงใดกันที่มันโจมตีเข้าไปในหัวใจของผู้คน? มันควรจะเป็นทักษะการต่อสู้ชั้นสูงระดับสีดำหรือไม่ก็ทักษะการต่อสู้ระดับปฐพี ตระกูลฝางสามารถมีทักษะการต่อสู้เช่นนี้ได้อย่างไรกัน?”
บนเวทีที่ยกสูง ผู้อาวุโสบางส่วนตกใจอย่างเหลือเชื่อ
แม้แต่ผู้ฝึกตนขอบเขตแก่นแท้ที่แท้จริงก็ประหลาดอย่างไม่น่าเชื่อ
“ใครจะไปคิดว่าฝางเฮ่าจะมีทักษะการต่อสู้เช่นนี้” เซี่ยวหงขมวดคิ้วแน่นลึก เปิดเผยร่องรอยของความกังวลออกมา
“นี่เป็นทักษะการต่อสู้ของนิกายต้นกำเนิดสวรรค์” จุดใกล้เคียง ฉินหยูเฉินผู้ที่เงียบมาตลอดเวลาจนถึงตอนนี้ได้พูดขึ้นขณะที่เขายิ้มเล็กน้อย
“ทักษะการต่อสู้ของนิกายต้นกำเนิดสวรรค์?” ทุกคนจ้องมองไปด้วยความประหลาดใจก่อนที่จะอุทานว่า “ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไม! นอกเหนือจากตระกูลที่ทรงพลังมากๆไม่กี่ตระกูลแล้ว ก็มีเพียงแค่นิกายที่เหมือนนิกายต้นกำเนิดสวรรค์เท่านั้นที่จะมีทักษะการต่อสู้ชั้นสูงระดับสีดำ ตระกูลธรรมดาอย่างมากสุดก็มีแค่ทักษะการต่อสู้ชั้นกลางระดับสีดำเท่านั้น”
“ตาย!” ฝางเฮ่าหัวเราะเย็นชาและใช้มือของเขาผลักผนึกวิเศษที่เต็มไปด้วยปราณเย็นออกไปกระแทกเซี่ยวหยุน จากระยะไกล มันจะดูเหมือนว่าหัตถ์ของพระเจ้าได้มาจากสวรรค์เพื่อปราบปรามโลกไว้
“ทักษะการต่อสู้ชั้นสูงระดับสีดำ?” ดวงตาของเซี่ยวหยุนหดแคบลง จ้องมองไปที่มือยักษ์ขณะที่ความคึกคะนองปรากฏขึ้นภายในพวกมัน “ดีมาก มาให้ข้าทดสอบดูว่าทักษะการต่อสู้ของเจ้ามันทรงพลังขนาดไหนกัน” หลังจากกล่าวเช่นนี้ มือของเซี่ยวหยุนก็กวาดออกขณะที่เขาเคลื่อนไหวเพื่อไปเผชิญหน้ากับการโจมตี
“เซี่ยวหยุนคนนี้กำลังวางแผนจะรับการโจมตีตรงๆเลยรึ?” ทุกคนเปิดเผยการแสดงออกที่แปลกใจและตกใจอย่างมาก
ผนึกหัตถ์ทมิฬหนาวเหน็บถูกห่อหุ้มไปด้วยปราณและมันก็แช่แข็งอากาศที่มันผ่านไป มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะการโจมตีตรงๆเช่นนี้?
ไม่ใช่ว่าเซี่ยวหยุนรนหาที่ตายในการทำเช่นนี้?
มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะจินตนาการเลยว่าเมื่อถูกโจมตีโดยผนึกหัตถ์ทมิฬหนาวเหน็บ เด็กหนุ่มจะต้องถูกแช่เข็งด้วยปราณเย็นอันเหลือล้นแน่นอน
MANGA DISCUSSION