Eternal Martial Sovereign - ตอนที่ 86 การโจมตีที่น่าตกใจ
ตอนที่ 86 การโจมตีที่น่าตกใจ
“ไปฆ่ามันซะ!!!!!” ผู้อาวุโสของตระกูลฉี โบกมือให้สัญญาณ และเซียนโดยกำเนิดทั้งหกคนของอาณาจักรพุ่งเข้าหาเซี่ยวหยุนทันที เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้กำลังทดสอบความแข็งแกร่งของเขา
“ฆ่ามัน!!!!” เมื่อเซียนทั้งหก อยู่ห่างออกไปไม่ถึงห้าเมตร พวกเขาก็กระโจนเข้าหาเซี่ยวหยุนและเหวี่ยงอาวุธของพวกเขา นักฆ่าดินแดนโดยกำเนิดสามารถปลดปล่อยพลังวิญญาณของพวกเขาได้แล้วและแสงของอาวุธของพวกเขาก็คมชัดอย่างไม่น่าเชื่อ!!!
พลังของเซียนทั้งคนที่โจมตีพร้อมกันนั้นค่อนข้างน่าตกใจมากทีเดียว พลังวิญญาณของคนในตระกูลฉีนั้นสืบเชื้อสายมาเหมือนใยแมงมุม เป็นพลังที่น่ากลัวอะไรอย่างนี้!!!!
“เนื่องจากนี่คือสิ่งที่พวกเจ้าเลือกแล้วอย่าโทษว่าข้าไร้ความปราณีก็แล้วกัน!!!” เซี่ยวหยุนหรี่ตาลงขณะที่คลื่นพลังวิญญาณที่ไร้ขอบเขตพุ่งออกจากร่างของเขา ทันทีที่สัมผัสกับพื้นดินร่างกายของเซียนทั้งหกคนก็แข็งตัวทันที
“นั้นมันพลังวิญญาณอะไรกัน?!” ไม่ไกลเกินไปลูกศิษย์ของเซียนยาพิษเฟิงพูดไม่ออกเมื่อเขาได้เห็นพลังวิญญาณที่ร้ายกาจ และเซียนยาพิษเฟิงก็ได้พึมพำขึ้นมาว่า “ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าฉีมู่จะถูกฆ่าโดยไทเจิ้นหลาน เจ้าเด็กนั้น! ใครจะคิดว่าเมืองเล็ก ๆอย่างเมืองแห่งหมอกทางตอนเหนือ จะมีคนที่มีพลังมากมายขนาดนี้อยู่!”
ฟรึบ! ฟรึบ! ฟรึบ!
ในขณะที่เซี่ยวหยุนขยับตัว ประกายของพลังวิญญาณที่ออกมาจากตัวของเขาเต้นเหมือนงูที่ว่องไวพุ่งเข้าไปปาดคอของเซียนทั้งหกคนได้ภายในช่วงเวลาหนึ่ง แต่กว่าที่เซียนทั้งหกจะรู้สึกตัวพวกเขารู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ได้รับพร้อมกับสติที่กลับมาของพวกเขา และจ้องไปที่บาดแผลของพวกเขาอย่างงุนงง
“อึก! เร็วอะไรขนาดนี้” เซียนทั้งหกเมื่อก้มลงไปดูบาดแผลของตัวเองก็ได้พึมพำขึ้นอย่างตกตะลึง!
เซียนทั้งหกพยายามที่จะบินหนีขึ้นไปในอากาศ แต่ขึ้นไปได้เพียงไม่กี่เมตรพวกเขาก็ตกลงมาตายทั้งหมด!
เมื่อเห็นเซียนทั้งหมดล้มลงกับพื้น คนอื่น ๆ ก็จ้องมองด้วยความตกใจ “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน!!!!”
“พวกเขาตายหมดแล้วงั้นรึ?!!” คนอื่น ๆในตระกูลฉี รู้สึกตกตะลึงอย่างสิ้นเชิงไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสักครู่สักนิด!!!
“เจ้าเด็กนั่นแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!!!!!”
“มะ…ไม่จริง!! จู่ๆเจ้าเด็กนั่นมันก็ฆ่าเซียนทั้งหกของเราได้อย่างไรกัน?!!”
“ละ…แล้วฝั่งตระกูลไทจะไม่มีคนแข็งแกร่งแบบนี้ใช่ไหม?” ไม่ไกลนักเหล่าคนของตระกูลฉีอื่น ๆ ก็พูดคุยกันเอง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” ผู้ใช้พลังวิญญาณของตระกูลฉีมองไปข้างหน้าพวกเขาด้วยความไม่เชื่อ
เด็กหนุ่มถือดาบยืนมองอย่างภาคภูมิใจพร้อมกับฉายแววความเย็นชาบนใบหน้าอันอ่อนเยาว์ของเขา เขาปล่อยอากาศที่ไม่สามารถต้านทานได้และออร่าที่เล็ดลอดออกมาจากเขาทำให้แม้แต่หนังศีรษะของผู้บ่มเพาะพลังวิญญาณยังมึนงง นี่เป็นบุคคลอันตรายแน่นอน!
“แก! แกมาจากที่ไหนกันแน่?!” ผู้อาวุโสของตระกูลฉีคนหนึ่งได้ถามขึ้นอย่างเย็นชา
ดวงตาของเซี่ยวหยุนหรี่ลงเล็กน้อย และแสยะยิ้มออกมา “ถ้ายังมีข้าอยู่ที่นี่ พวกเจ้าก็อย่าหวังเลยว่าจะทำอะไรคนของตระกูลไทได้!!!”
“ฮึ่ม! ข้าไม่เชื่อหรอก ว่าเจ้าจะสามารถจักการกับผู้ใช้พลังวิญญาณที่แท้จริงของตระกูลฉีได้สำเร็จ!!” ผู้อาวุโสของตระกูลฉีพูดเหวี่ยงออกไปอย่างเย็นชา
“ฮึ่ม! นี่! ผู้เฒ่า ถ้าเจ้าอยากจะสู้ ก็มาส็กับข้าซิ!!” หนึ่งในเซียนที่ใช้พลังวิญญาณของตระกูลไท กล่าวขณะที่เขาลุกขึ้น เขาได้รับพิษน้อยที่สุดและหลังจากกินยาแก้พิษเขาก็สามารถรักษาพิษในตัวเขาได้ ตอนนี้เขาค่อยๆทำความสะอาดตัวเองจากพิษและยืนอยู่ข้างๆเซี่ยวหยุน
ในตอนนี้ผู้นำที่สองของตระกูลไทและคนอื่น ๆ ก็พยายามกำจัดพิษของพวกเขาโดยเร็วที่สุด เมื่อมีเซียนผู้ใช้พลังวิญญาณอยู่เคียงข้างเขา เซี่ยวหยุนก็โล่งใจได้
“ดูเหมือนว่าถ้าอยากจัดการพวกตระกูลไท เราจะต้องฆ่าเด็กหนุ่มนั่นเสียก่อน” เซียนยาพิษเฟิงกล่าวขณะที่เขามองดูเซี่ยวหยุนด้วยสายตาที่เย็นชา เขาเดินไปหาเซี่ยวหยุนหยิบของวิเศษรูปสี่เหลี่ยมขึ้นมาอีกชิ้น พลังวิญญาณลึกลับที่ปล่อยออกมานั้นเพียงพอที่จะทำให้ความกลัวเข้าสู่จิตใจของทุกคนอย่างง่ายดาย
เมื่อเห็นว่าเซียนพิษเฟิงกำลังจะโจมตี เซียนผู้ใช้พลังวิญญาณของตระกูลฉีต่างก็ยืนอยู่ข้างเดียวกับเซียนพิษเฟิง
ทางด้านผู้ใช้พลังวิญญาณที่อยู่ข้าวเซี่ยวตอนนี้ต่างก็รู้สึกหวาดกลัว ทุกคนกลืนน้ำลายอย่างยากรำบาก เพราะพวกเขาเพิ่งจะได้รับบาทเจ็บจากพลังของสิ่งนั้นมาเมื่อไม่นานมานี้เอง!
“อาวุธนั่น นั่นเอง!” เมื่อเห็นอย่างนั้นรอยยิ้มเล็กน้อยปรากฏบนใบหน้าของเซี่ยวหยุน
“หลังจากฆ่าเจ้าแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะอยู่ในมือของข้า!!!” ดวงตาของเซียนพิษเฟิงฉายแววดุร้าย ขณะที่เขาส่งจิตของเขาเข้าไปในอาวุธวิเศษ
พรึ่บ!
แสงกระพริบขึ้นอย่างน่ากลัว เมื่อคำจารึกดูเหมือนจะมีชีวิตขึ้นมาและพลังลึกลับก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
“เราจะทำอย่างำรกันดี อาวุธนั่นมันทรงพลังเกินไป!!” เหล่าเซียนผู้ใช้พลังวิญญาณที่ยืนอยู่ข้างเซี่ยวหยุนเริ่มรู้สึกสั่นสะท้านขึ้น
“กลับมายืนก่อนเถอะ” เซี่ยวหยุนในตอนนี้ยังคงสงบนิ่ง ดวงตาของเขาได้จับจ้องไปทีเซียนพิษเฟิงอย่างไม่ละสายตา
“ตะ แต่เจ้า…” เซียนผู้ใช้พลังวิญญาณลังเล แต่เมื่อคิดว่าอาวุธที่ซ่อนอยู่นั้นทรงพลังเพียงใดเขารีบถอยกลับ
ไม่ไกลหนัก ไทหรงเอ๋อได้เฝ้ามองอยู่ด้วยความรู้สึกกังวล
หวืดดด!!!
ในขณะนั้น เซียนพิศเฟิงก็ได้โยนอาวุธเวทย์มนต์ไปที่เซี่ยวหยุน
ปัง!!!
เมื่อมันอยู่ห่างจากเซี่ยวหยุนในระยะห้าเมตร อาวุธเวทย์มนตร์ก็ระเบิดทันที ทำให้เศษโลหะที่ปกคลุมไปด้วยพิษถูกยิงออกมาใส่เซี่ยวหยุน
เศษโลหะเปล่งประกายด้วยแสงที่ดูเย็นยะเยือก เศษโลหะเหล่านั้นดูเหมือนอุกกาบาตที่บินอยู่บนท้องฟ้า เสียงของพวกมันที่ฉีกขาดในอากาศทำให้หัวใจของทุกคนตึงเครียดในขณะที่พวกเขากลั้นหายใจ ทุกคนรู้สึกราวกับว่าหัวใจของพวกเขาเต้นแรงและแม้แต่คนที่อยู่ห่างไกลก็ดูเป็นกังวล
“เจ้าเด็กนั่นจะหยุดการโจมตีของอาวุธที่มีพลังร้ายแรงนั่นได้อย่างไร ท้ายที่สุดแม้แต่ผู้เชี่ยวพวกเซียนที่ใช้พลังวิญญาณก็ไม่สามารถหลบการโจมตีด้วยอาวุธที่ซ่อนอยู่นี้ได้!!”
อย่างไรก็ตามในตอนนี้เซี่ยวหยุนดูสงบนิ่งอย่างไม่น่าเชื่อ ขณะที่เขายืนอยู่นั่น ทุกคนต่างก็จ้องหน้าเขาขณะที่เขารอโอกาสอยู่
“เจ้าเด็กนั่นมันจะไม่หลบรึ?” เมื่อเห็นว่าเซี่ยวหยุนไม่หลบในทันทีทุกคนก็รู้สึกสับสน เศษโลหะนั้นพุ่งมาเร็วมาก ถ้าเขาหลบไม่ทันเขาไม่มีทางรอดแน่!!!
ในขณะนี้นัยน์ตาของเซียนยาพิษเฟิงเป็นประกายออกมาอย่างชัดเจนมากบนใบหน้าของเขา “เป็นไปได้ไหมที่เจ้านั่นจะมีพลังวิญญาณที่ทรงพลังมาก?” เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาเริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมา
พรึ่บ!!
ในขณะที่เซียนยาพิษเฟิงกำลังคิดกับตัวเองอยู่นั้น เซี่ยวหยุนก็เริ่มที่จะขยับตัว
“ในที่สุดก็ขยับด้วยแล้วรึ?” เซียนยาพิษเฟิงได้จับตามองเซี่ยวหยุนอย่างไม่วางตา
ทุกสายตาจับจ้องไปที่เซี่ยวหยุนอย่างไม่กล้ากระพริบตา พวกเขาต้องการดูว่าเซี่ยวหยุนจะปิดกั้นอาวุธที่ซ่อนอยู่นี้ได้อย่างไร ซึ่งแม้แต่เซียนผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณที่แท้จริงก็สามารถป้องกันได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามสิ่งที่พวกเขาเห็นทำให้พวกเขาตกใจมาก
ร่างกายของเซี่ยวหยุนตอนนี้ได้กลายเป็นงูที่ว่องไวเคลื่อนตัวไปมาระหว่างเศษโลหะที่ยิงใส่เขาอย่างบ้าคลั่ง เขาจะหลบเศษเล็กเศษน้อยในแต่ละครั้งอย่างใกล้ชิดจนคนที่ดูอยู่เริ่มเหงื่อตก เมื่อเห็นเขาเคลื่อนไหวแบบนี้บางคนก็เริ่มสงสัยว่าเด็กหนุ่มคนนี้ จะรู้รูปแล้วหรือยังว่าอาวุธชิ้นนี้ยิงเงาโลหะออกมาไม่เช่นนั้นจะหลบพวกมันแบบนี้ได้อย่างไร? แม้แต่เซียนผู้ฝึกฝนวิชามาก็ไม่สามารถตอบสนองเช่นนี้ได้
ในชั่วอึดใจเซียวหยุนก็หลบเศษโลหะทั้งหมดได้ อย่างน่าเหลือเชื่อ!!!
“เจ้าเด็กนั่นเป็นบ้าเหรอ?? ในนั้นมีของเหลวพิษที่ซ่อนอยู่มากมายนะ!” หลายคนร้องออกมาอย่างไม่น่าเชื่อ
อาวุธนั่นมีของเหลวพิษที่ปกปิดไว้ ใครบ้างละจะไม่รู้สึกตกใจเมื่อเห็นเซี่ยวหยุนวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่ยอมหยุด แม้แต่เซียนยาพิษเฟิงก็ยังตกตะลึง
เพีลงพิษแค่หยดเดียวในนั้นก็สามารถละลายกระดูกได้ เจ้าเด็กคนนั้นต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ!!!
นั่นคือเหตุผลที่เซียนยาพิษเฟิงเฝ้าดูอย่างใจเย็นหลังจากโยนอาวุธวิเศษออกไปโดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครลอบโจมตีเขาข้างหลัง ของเหลวพิษเป็นเหมือนโล่ขนาดใหญ่ปิดกั้นศัตรูทั้งหมดออกจากตัวของเขา!
“ ยาพิษอย่างนั้นรึ?” เซี่ยวหยุนยกยิ้ม ด้วยความคิดเล็กน้อยแสงสีเขียวจากหยกก็ส่องออกมา แสงสีเขียวจากหยกสว่างมากอย่างไม่น่าเชื่อและเข้าสู่สายตาของทุกคน ดูเหมือนว่ามันจะเป็นรัศมีสีเขียวหยกที่ส่องลงมาจากหัวของเซี่ยวหยุนปิดกั้นพิษทั้งหมด หากมองอย่างใกล้ชิดพวกเขาจะเห็นว่าของเหลวที่เป็นพิษถูกหยุดลงอย่างสมบูรณ์โดยแสงสีเขียวจากหยก นั่นมันเป็นเหมือนผ้ากันน้ำที่กันน้ำได้
“สิ่งนั้นมันคืออะไรกัน ทำไมมันถึงสกั้นกั้นพิษได้?!!!”
“เป็นไปได้อย่างไรพิษที่มีพลังมาถึงขนาดกัดกร่อนหินได้จะไม่สามารถผ่านแสงหยกเขียวนั้นได้อย่างไร” การสนทนาดังขึ้นรอบ ๆ พวกเขาและทุกคนจ้องมองด้วยความประหลาดใจ แม้แต่คนในตระกูลไทเอง ยังมองด้วยความไม่เชื่อ
” นี่มันพลังบ้าอะไรกัน? ” เซียนยาพิษเฟิงรู้สึกประหม่าอย่างมาก เขารู้ดีว่าพิษที่น่ากลัวในอาวุธเวทมนตร์นี้เป็นอย่างไร นี่เป็นยาพิษที่สามารถกลืนกินวิญญาณและกัดกร่อนกระดูกได้แถมยังหายากมาก เป็นยาพิษที่แม้แต่ยาแก้พิษแบบไหนก็ไม่สามารถรักษาให้หายได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นเด็กหนุ่มคนนี้สามารถปิดกั้นพิษอันมหึมานี้ได้อย่างไร?
“จิตวิญญาณการต่อสู้ของฉันแข็งแกร่งขึ้นอย่างแน่นอน” เซี่ยวหยุนค่อนข้างตกใจเช่นกัน แต่เขาไม่ได้เปิดเผยมัน ก่อนหน้านี้จิตวิญญาณของเขาสามารถปกป้องเขาจากถ้ำที่เต็มไปด้วยเปลวไฟสีม่วง หรือมันจะกลัวพิษนี้กัน? ท้ายที่สุดแล้วเปลวไฟสีม่วงเหล่านั้นอาจเป็นเหล็กชั้นดีได้
หลังจากที่เซี่ยวหยุนคิดกับตัวเองเสร็จ เขาก็จ้องมองไปที่เซียนยาพิษเฟิงด้วยสายตาที่จริงจังและเดินพุ่งตรงไปหาอย่างช้า ๆ
“ไอเด็กสารเลว!!!เจ้ากำลังรนหาความตายแล้ว!!” ใกล้ ๆนั้น ดวงตาของเซียนผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณคนหนึ่งของตระกูลฉีเปล่งวาจากล้าแกร่งออกมา และเตรียมตัวที่จะเข้าโจมตี
“คนที่จะตายคือเจ้าต่างหาก!!” ดวงตาของเซี่ยวหยุนเป็นประกายขณะที่คลื่นพลังวิญญาณรวมตัวกัน!!
หอกทำลายวิญญาณ!
ในครั้งนี้เขาต้องการที่จะใช้หอกทำลายวิญญาณวางแผนที่จะฆ่าเซียนยาพิษเฟิงด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว!
เมื่อพลังวิญญาณอันยิ่งใหญ่กวาดออกไป อากาศรอบ ๆ ก็ดูเหมือนจะแข็งตัว แรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวทำให้ดูเหมือนว่าจะมีเทพลงมาที่โลก ซึ่งทำให้คนรอบข้างสั่นสะเทือน นี่คือผู้ทำลายดินแดนด้วยพลังวิญญาณที่แท้จริง ซึ่งเป็นเพียงการโจมตีที่แข็งตัวในจุดนั้น ๆเท่านั้น!
แม้แต่ปรมาจารย์พิษเฟิงก็ยังมองด้วยความกลัวพลางคิดกับตัวเองว่า “นี่หนะหรือพลังวิญญาณที่ทรงพลัง”
“พลังวิญญาณของข้าคนนี้ก็ไม่ได้อ่อนแอเช่นกัน” และเซี่ยวหยุนก็ยกหอกทำลายวิญญาณฟันไปที่หัวของเซียนยาพิษเฟิงทันที!
ในเวลาเดียวกันเขาก็ควบคุมแสงสีเขียวจากหยกเพื่อสะบัดของเหลวที่เป็นพิษบนพื้นไปยังเซียนผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณของตระกูลฉีด้วย!
เหล่าเซียนที่พยายามป้องกันก็ไม่สามารถป้องกันได้เลย เนื่องจากพลังวิญญาณของเซี่ยวหยุนนั้นแข็งแกร่งมาก ในขณะที่ของเหลวที่เป็นพิษตกลงมาบนตัวพวกเขา เหล่าเซียนของตระกูลฉีก็ร้องออกมาทันที เพราะว่ากระดูกของพวกเขาโดนพิษกัดจนสึกกร่อนและมีหลุมหลายพันแห่งเป็นแผลเหวอะหวะตามร่างกายเต็มไปหมดอย่างน่ากลัว!
พรึ่บ!
ในทันใดนั้นหอกทำลายวิญญาณก็ได้ฟันไม่ที่หัวของเซียนยาพิษเฟิง!
“อ๊ากกกก!!!!!!!!” เซียนยาพิษเฟิงกรีดร้องขึ้น! ขณะที่ดวงตาของเขากลอกไปมาและสติของเขาก็หายไป แม้ว่าพลังวิญญาณของเขาไม่ได้อ่อนแอมาก แต่ก็น้อยเกินไปที่จะสามารถป้องกันพลังของหอกทำลายวิญญาณได้
หลังจากทำลายวิญญาณของเซียนยาพิษเฟิงแล้วเซียวหยุนก็เอาหอกทำลายวิญญาณกลับคืน จากนั้นร่างไร้วิญญาณของเซียนยาพิษเฟิงก็ล้มลงกับพื้น
ใกล้ ๆ นั้นเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลฉีก็กรีดร้องอย่างต่อเนื่อง เพราะว่าพิษยังคงกระจายอยู่ในร่างกายของพวกเขา เวลาในตอนนี้มันค่อนข้างดึกและลมในตอนเเย็นทำให้ทุกคนรู้สึกแย่ เพียงไม่กี่อึดใจเซียนของตระกูลฉีก็สูญเสียความสามารถในการต่อสู้และปรมาจารย์พิษเฟิงก็เสียชีวิต
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นทำให้ทุกคนต่างรู้สึกสับสน และตกตะลึงเป็นอย่างมาก
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดล้วนเป็นฝีมือของเด็กหนุ่มคนนั้นทั้งหมด
เหล่าเซียนของตระกูลไทต่างเฝ้ามองดูอยู่ห่าง ๆ พวกเขารู้สึกทำตัวไม่ถูก ทุกสิ่งทุกอย่างน่าสับสนไปหมด
เซียนยาพิษเฟิงผู้ซึ่งตระกูลไทไม่สามารถต่อกรได้นั้น ได้เด็กหนุ่มคนนี้ฆ่าเสีย แบบนี้…มันหมายความว่าอะไรกัน? ไม่ได้หมายความว่าเด็กหนุ่มที่ชื่อเซี่ยวหยุนคนนี้น่ากลัวกว่าตระกูลไททั้งครอบครัวหรือ?