Eternal Martial Sovereign - ตอนที่ 82 นั่นก็เพียงพอแล้ว
ตอนที่ 82 นั่นก็เพียงพอแล้ว
ไม่มีระบบการให้คะแนนหรือจัดอันดับสำหรับจิตวิญญาณการต่อสู้ แต่เซี่ยวหยุนก็สามารถรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนของจิตวิญญาณการต่อสู้ของเขา มันกำลังค่อยๆแข็งแกร่งขึ้นและทุกๆครั้งมันยิ่งทำให้เขามีกำลังมากขึ้น
แสงสีเขียวนวลดั่งหยกลอยอยู่ในอากาศเซี่ยวหยุนพยายามที่จะเชื่อมต่อจิตใจกับจิตวิญญาณการต่อสู้ของเขา เพื่อดูว่าเขาจะสามารถควบคุมมันได้ไหม
ซึ่งหลังจากเชื่อมต่อจิตใจกับจิตวิญญาณการต่อสู้ได้เรียบร้อยนั้น เซี่ยวหยุนก็ได้เสียงฉวัดเฉวียนของจิตวิญญาณการต่อสู้ อีกทั้งเซี่ยวหยุนยังรู้สึกว่าเขาและจิตวิญญาณนั้นค่อยๆหลอมรวมกันจนทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขานั้นเข้มแข็งขึ้น
เซี่ยวหยุนเสียเวลาตลอดทั้งคืนในการรวบรวมแสงสีเขียวที่ลอยอยู่ในอากาศ ซึ่งค่อยๆก่อตัวเพิ่มขึ้นเป็นรูปวงแหวนในตันเถียนของเซี่ยวหยุน
ซึ่งมันทำให้เซี่ยวหยุนรู้สึกว่าพลังวิญญาณของจิตวิญญาณการต่อสู้นั้นมีมากขึ้น เขาได้ตรวจสอบรูปวงแหวนภายในตันเถียนของเขา ซึ่งตอนนี้นั้นมีแสงสีเขียวนวลลางๆ และค่อยๆกิ่งก้านสาขา ออกไป อีกสามดวง
หลังจากนั้นเซี่ยวหยุนจึงค่อยๆลืมตาขึ้นจากสภาวะบ่มเพาะและขับพิษ
“ทำไมอากาศดูเหมือนจะค่อนข้างแปลก ….” เซี่ยวหยุนคิดระหว่างที่เขาเปิดตาและสูดลมหายใจเข้าไปเล็กน้อยและเริ่มรู้สึกวิงเวียน
“มันมียาพิษ ?” หัวใจของเซี่ยวหยุนนั้นหล่นไปที่ตาตุ่มเมื่อนึกถึงความเป็นไปได้นี้ เขารีบวิ่งออกไปทันทีในขณะที่ใช้จิตวิญญาณการต่อสู้ในการดูดซับพิษ หากแต่ว่าดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถแกพิษได้ เขารู้สึกราวกับว่าร่างกายของตัวเองกำลังถูกเผาไหม้
ความปราถนาอันแรงกล้าภายในจิตใจของเขาทำให้เขารู้สึกราวกับว่าถูกไฟเผา
ในขณะที่เขากำลังจะเปิดประตูออกจากห้องไปนั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งยืนรออยู่หน้าห้องก่อนจะผลักเขากลับเข้าไป และค่อยๆถอดชุดของเธอออกเหลือเพียงแต่ผ้าบางๆ
“ไทหรงเอ๋อ ?” เซี่ยวหยุนมองไปยังหญิงสาวด้วยความประหลาดใจ
……………………………………………………………………………………….
ผิวของไทหรงเอ๋อนั้นดูขาวราวกับหิมะ รูปร่างสมส่วนเองก็มาพร้อมกับขาที่เรียวยาว หากใครได้มองเธอผ่านผ้าบางๆและเห็นทุกอย่างชัดเจนอย่างที่เซี่ยวหยุนเห็นนี้ รับรองว่าพวกเขาจะกระโจนเข้าใส่เธออย่างแน่นอน
หญิงสาวมองไปยังเซี่ยวหยุน ทั้งใบหน้าและแววตาของเธอปรากฎร่องรอยแห่งความอาย และลังเลเล็กน้อย
“เจ้าจะทำอะไร ?” เซี่ยวหยุนเอ่ยปากถามไทหรงเอ๋ออย่างสับสน เขาได้ใช้พลังวิญญาณตรวจสอบเธอแต่ก็ไม่พบอะไรที่ผิดปกติ พฤติกรรมที่แปลกประหลาดของหญิงสาวทำให้เขารู้สึกสับสนอย่างมาก
ไทหรงเอ๋อไม่ตอบแต่ยังคงเดินเข้าไปใกล้เซี่ยวหยุนมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกๆก้าวของเธอนั้นทำให้ผ้าบางเฉียบซึ่งเป็นเครื่องแต่งกายของเธอตอนนี้กระพือเล็กน้อย ซึ่งมันทำให้เซี่ยวหยุนแอบใจสั่น
เซี่ยวหยุนนั้นรู้สึกฟุ้งซ่านเหลือเกินหลังจากได้เห้นการกระทำของไทหรงเอ๋อ และรูปร่างของเธอ เขาพยามที่จะควบคุมตัวเองและสูดลมหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ
ตอนนี้ไทหรงเอ๋อค่อยๆเดินอย่างสง่างามเข้ามาใกล้เซี่ยวหยุน จนเซี่ยวหยุนนั้นสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นกายหอมอ่อนๆ จากร่างกายของเธอ
ชั่วขณะหนึ่งนั้นเซี่ยวหยุนลืมไปว่าเขามีพิษอยู่ในร่างกาย เขาเกือบจะปล่อยให้ความปราถนาเข้าครอบงำ แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ได้สติขึ้นมาก่อน
ไทหรงเอ๋อตอนนี้เดินมานั่งอยู่ข้างๆเซี่ยวหยุนบนเตียงเธอค่อยๆสางผมของตัวเอง ที่ทำให้เซี่ยวหยุนสัมผัสได้ถึงกลิ่นกายชวนหลงไหลของเธอ หาเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เซี่ยวหยุนนั้น พวกเขาคงจะถูกความปราถนาอันแรงกล้าเข้าครอบงำไปแล้วจากการกระทำของเธอ
“เจ้าต้องการอะไรกันแน่ ?”เซี่ยวหยุนถามขึ้นอย่างขุ่นเคืองในขณะที่เขาพยายามโคจรพลังวิญญาณในการขับพิษ
“นายน้อยเซี่ยวหยุน ชอบข้าไหม ?” ไทหรงเอ๋อยิ้มให้เซี่ยวหยุน มันเป็นรอยยิ้มของสาวงามที่สามารถล่มเมืองได้ มันทำให้แสงของดวงจันทร์นั้นดูมัวหมองไปเลยเมื่อเทียบกับรอยยิ้มของเธอ เธอค่อยๆลูบไล้ที่ใบหน้าของเซี่ยวหยุน และค่อยๆลงไปที่คอรวมถึงบริเวณลำตัว มันเป็นการกระทำที่ทำให้เซี่ยวหยุนสั่นสะท้าน
แค่การกระทำง่ายๆของเธอนั้นทำให้ฤทธิ์ของยาพิษในร่างกายของเซี่ยวหยุนค่อยๆเข้มแข็งขึ้น ถ้าไม่ใช่ว่าเขามีพลังจิตที่ทรงพลัง เขาคงจะสูญเสียเหตุผลไปนานแล้ว เพราะการกระทำอันงดงามแต่ละครั้งของเธอมีเสน่ห์มากเกินไป
“เจ้าวางยาข้าใช่ไหม ?” เซี่ยวหยุนเอ่ยปากถามขึ้น
“แล้วมันจะเป็นยังไง ถ้าข้าเป็นคนทำจริงๆ ?” ไทหรงเอ๋อยิ้มอย่างอ่อนหวาน ในขณะที่เธอลุกขึ้นและเล่นกับเส้นผมบริเวณไหล่ของเธอ
เซี่ยวหยุนนั้นพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะให้จิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาสกัดพิษออก และถอนหายใจ ในขณะที่เขาเองก็ลุกขึ้นยืน
ในระหว่างที่เซี่ยวหยุนลุกขึ้นยืนนั้นไทหรงเอ๋อก็จ้องมองไปที่เขาชั่วขณะหนึ่งด้วยสายตาแปลกใจ และไม่เชื่อที่เซี่ยวหยุนสามารถสงบสติอารมณ์ของตัวเองได้ มันจะมีสักกี่คนกันที่สามรถต้านทานพิษแบบนี้ได้ ?
“ข้าจะพูดตรงๆนะ เจ้าไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้เลย…” เซี่ยวหยุนพูดในขณะที่สูดลมหายใจเข้ามองไปที่ใบหน้าอันงดงามตรงหน้าเขา “ตั้งแต่ที่ฉันอาสาจะช่วยตระกูลเธอ นั้น ฉันก็จะช่วยอย่างเต็มที่”
“ข้าไม่ต้องการให้นายน้อยเซี่ยวหยุนเพียงแค่ช่วยครอบครัวข้า ข้าต้องการให้นายน้อยเซี่ยวหยุนช่วยกำจัดพวกตระกูลฉีด้วย !!!” ไทหรงเอ๋อจ้องมองเซี่ยวหยุนอย่างประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะเอ่ยปากตอบเซี่ยวหยุนอย่างมุ่งมั่นซึ่งปรากฎเห็นขึ้นเด่นชัดในดวงตาของเธอ “-ข้าต้องการให้พวกเขาจ่ายราคาแพงบ้าง สำหรับการกระทำของพวกมัน ข้าไม่อยากให้คนในตระกูลของข้าตายอย่างไร้ค่า และน้องชายคนเล็กของข้าต้องตาย!!!”
“ถึงอย่างนั้นเจ้าก็ไม่ควรละทิ้งร่างกายของตัวเองแบบนี้ !!!” เซี่ยวหยุนพยายามเอ่ยเตือน “ข้าได้ทำข้อตกลงกับเหล่าผู้อาวุโสในตระกูลของเจ้าแล้ว โดยเฉพาะลุงสอง!”
เมื่อเขารู้ว่าหญิงสาวทำด้วยเจตนาแบบนี้เขารู้สึกเศร้าเล็กน้อย แต่เขาก็สามารถเข้าใจได้ดีว่าไทหรงเอ๋อรู้สึกอย่างไร
ในความขัดแย้งระหว่างตระกูลนี้เธอต้องการที่จะใช้ทุกสิ่งทุกอย่างของเธอเพื่อช่วยเหลือตระกูล และเพื่อจับความหวังเพียงหนึ่งเดียวของตระกูลให้ช่วยเหลือตระกูลของเธอ เซี่ยวหยุนสามารถเข้าใจจุดนี้ได้เป็นอย่างดี
“ข้ารู้ !!” ไทหรงเอ๋อกล่าวตอบเซี่ยวหยุนในขณะที่เธอยิ้มอย่างมีเสน่ห์ไปทางชาบหนุ่ม
“เธอรู้ ?” เซี่ยวหยุนนั้นรู้สึกแปลกใจอย่างมาก ถ้าเธอรู้เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงทำแบบนี้
“ถ้าข้าบอกว่าส่วนหนึ่งข้าเห็นแก่ตัว เพราะกระทำเพื่อตัวเอง นายน้อยเซี่ยวหยุนจะยังสนใจข้าอยู่หรือปล่าว ?” ไทหรงเอ๋อยิ้มให้เซี่ยวหยุน
เซี่ยวหยุนเริ่มรู้สึกสับสน นอกจากเรื่องครอบครัวแล้ว ความเห็นแก่ตัวของเธอคืออะไร ?
“เมื่อนายน้อยเซี่ยวหยุนช่วยครอบครัวของข้า เป็นครั้งแรกที่ข้ารู้สึกขอบคุณนายน้อยอย่างจริงใจ และเริ่มมีความรู้สึกชอบและรักให้นายน้อย อย่างไรก็ตามข้ารู้ว่านายน้อยเป็นคนพิเศษ และนายน้อยไม่ใช่ปลาที่จะถูกกักอยู่ในบ่อเล็กๆ แต่นายน้อยเป็นดั่งมังกรที่จะต้องบินผ่านไปในเก้าสรวงสวรรค์ ข้าจะเป็นได้เพียงคนผ่านทางของนายน้อยเท่านั้น แต่ข้าก็ตัดสินใจที่เติมเต็มความปราถนาของตัวเอง” ไทหรงเอ๋อยิ้มขณะค่อยๆกล่าว “และข้าก็หวังว่าการกระทำของข้า จะช่วยให้นายน้อยดูแลตระกูลไทของข้าดีขึ้น”
ไทหรงเอ๋อนั้นหลีกเลี่ยงการที่จะสบตากับเซี่ยวหยุน แต่จากน้ำเสียงและคำพูดของเธอเป็นไปได้อย่างมากที่เธอจะมีใจให้เขา ซึ่งนั่นทำให้เซี่ยวหยุนสูดหายใจเข้าลึกๆ
“ข้าไม่สามารถที่จะอยู่ในอาณาจักรจันทราวายุได้ตลอด”เซี่ยวหยุนถอนหายใจ “ข้าจะเข้าร่วมนิกายกำเนิดสวรรค์ และนั่นไม่ใช่เป้าหมายสุดท้ายของข้า เราจะพบกันอีกครั้ง ก็หลังหลายปีผ่านไปแล้ว ข้ากลัวว่าการที่ทำแบบนี้จะเป็นการทำร้ายเจ้าเท่านั้น”
“ข้ารู้” ไทหรงเอ๋อตอบ “แต่แล้วไงละ ? ถ้านายน้อยเซี่ยวหยุนยังจำข้าได้ แค่นั้นข้าก็ดีใจที่สุดแล้ว แม้ว่านายน้อยเซี่ยวหยุนจะลืมข้า ข้าก็จะยังคงรักและจำในความทรงจำอันแสนหวานตอนนี้ นายน้อยจะเป็นคนแรกและคนสุดท้ายของข้า”
เซี่ยวหยุนไม่แน่ใจว่าเขาควรจะพูดอะไรเพื่อตอบสนองกับการกระทำของหญิงสาวตรงหน้า เพราะเป้าหมายของเซี่ยวหยุนนั้นชัดเจนมาก เขาต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้นและกลายเป็นศิษหลักของนิกายกำเนิดสวรรค์ ด้วยวิธีนี้เขาจะมีหลักประกันในการคุ้มภัยให้ตระกูลเซี่ยวของเขา
“ไม่ต้องกังวลไปข้าจะจัดการปัญหาของตระกูลไทให้จนเรียบร้อย” เซี่ยวหยุนเอ่ยปากพลางมองไปที่ไทหรงเอ๋ออย่างลึกซึ้ง “ข้าหวังว่าข้าจะสามารถพบเจ้าอีกในอนาคต” เซี่ยวหยุนไม่สามรถคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรในอนาคต เขาจึงไม่อาจเอ่ยคำสัญญาใดๆได้มากไปกว่านี้
“แค่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับข้า” ไทหรงเอ๋อหายใจเข้าออกอย่างแผ่วเบาในขณะที่เธอกระพริบตาและมองไปยังเซี่ยวหยุน
ในขณะที่เซี่ยวหยุนมองเธอตอบกลับด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด เขาไม่รู้ว่าเขาควรจะพูดอะไร หญิงสาวตรงหน้าเขายอมเสียสละทุกอย่าง และบอกความรู้สึกของเธอเองกับเขา เพื่อต้องการให้เขาช่วยครอบครัวของเธอ มันเป็นหลายๆอย่างที่ไม่สามารถมองข้ามได้จริงๆ
การกระทำแบบนี้เกิดขึ้นในหลายๆตระกูลที่อ่อนแอและเข้มแข็งไม่พอ ในโลกนี้นั้นมีเพียงแต่ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะสามารถทำอะไรได้ตามใจตัวเอง ผู้อ่อนแอย่อมถูกผู้แข็งแกร่งกลืนกิน นี่เป็นดั่งสัจธรรม
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้นั้นความปราถนาที่จะแข็งแกร่งขึ้นของเซี่ยวหยุนก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น เขาจะต้องเป็นผู้แข็งแกร่งและกำหนดอนาคตของตัวเอง !!!
ไทหรงเอ๋อค่อยๆเดินไปบริเวณกองเสื้อผ้าของเธอ และค่อยๆหยิบเหรียญสีแดงขนาดใหญ่ออกมาจากกระเป๋าของเธอ มันมีขนาดพอๆกับฝ่าของเธอและหนักมาก
“นี่คือเหรียญอัคคีผลาญฟ้า” ไทหรงเอ๋ออธิบายขณะส่งมอบให้เซี่ยวหยุน “ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เหล่าผู้อาวุโสในตระกูลของข้าได้รับข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับพระราชวังอัคคีผลาญฟ้า ซึ่งทำให้เราสามารถหาคำใบ้เกี่ยวกับเหรีญนี่ได้”
เซี่ยวหยุนค่อยๆส่งพลังวิญญาณเข้าไปตรวจสอบหลังเหรียญที่เขาได้รับมา และพบว่ามันไม่ธรรมดาอย่างมาก มันมีจารึกและอักขระที่ซับซ้อนถูกสละอยู่ การใช้พลังวิญญาณเข้าไปตรวจสอบนั้นทำให้เขาค้นพบว่ามันเหมือนกับมีจักรวาลอยู่ภายใน ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันไม่ธรรมดา
“ตอนนี้มันไม่มีประโยชน์สำหรับตระกูลไทของข้า มันรังแต่จะนำปัญหามาเท่านั้น ดังนั้นข้าจึงขอมอบมันให้ท่าน” ไทหรงเอ๋อกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“อืม สิ่งนี้มันค่อนข้างจะพิเศษจริงๆ “เซี่ยวหยุนกล่าวในขณะที่พยักหน้าจากกลิ่นอายที่เหรียญได้ปล่อยออกมานั้น เซี่ยวหยุนสามารถรู้ได้ทันทีว่ามันเป็นสมบัติที่ผู้เชี่ยวชาญบางคนได้ทิ้งเอาไว้
“นอกจากนี้ ข้ายังมีแผนที่ ที่ระบุถึงที่ตั้งของพระราชวังอัคคีผลาญฟ้าด้วย” ไทหรงเอ๋อหยิบแผนที่ออกมาให้เซี่ยวหยุน ในขณะที่เธอค่อยๆกล่าว “ตามคำอธิบาย เวลาที่ดีที่สุดจะเข้าสู่พระราชวังอัคคีผลาญฟ้าจะมาถึงเร็วๆนี้”
เซี่ยวเมื่อได้รับแผนที่มานั้นเขามีความสุขอย่างมาก ตราบใดที่เขามีความแข็งแกร่งมากพอ เขาก็จะสามารถรับประกันความปลอดภัยในการเดินทางได้มากขึ้น
“ขอบคุณ” เซี่ยวหยุนกล่าว
ไทหรงเอ๋อยิ้มอย่างสง่างามตอบเซี่ยวหยุนและไม่ได้พูดอะไรอีกต่อไป ในขณะที่เธอมองไปยังชายหนุ่มด้วยความเศร้าโศกเล็กน้อย เธอรู้ว่าอีกไม่นานพวกเขาจะต้องจากกัน