Eternal Martial Sovereign - ตอนที่ 68 – กายศักดิ์สิทธิ์
Chapter 68 – กายศักดิ์สิทธิ์
หลังจากกลับมาที่ลานบ้านของเขาแล้ว เซี่ยวหยุนก็เข้าไปที่ห้องของเซี่ยวหลิงเอ๋อทันที ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนก็อยู่ที่ข้างเตียงแล้ว คิ้วของเขากำลังมีรอยย่นและก็มีท่าทีร้อนใจบนใบหน้าของเขา
ปราณเย็นทรงพลังจนน่าตกตะตึลงอย่างไม่น่าเชื่อ แม้แต่ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนก็พบว่าตัวเองไม่สามารถทำอะไรได้
ยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่เซี่ยวไห่ที่อยู่ขอบเขตแก่นแท้ที่แท้จริงก็ยังรู้สึกได้ความหวาดกลัวต่อปราณเย็น ซึ่งปราณเย็นนี้เพียงพอที่จะทำให้หัวใจของทุกคนต้องหวาดกลัว
“หยุนเอ๋อ เจ้ากลับมาแล้ว” เห็นเซี่ยวหยุนเดินเข้ามา ทุกคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก มีแค่เด็กหนุ่มคนนี้เท่านั้นที่จะสามารถแก้ไขสถานการณ์นี้ได้
เซี่ยวหยุนพยักหน้าและเดินไปที่เตียงของเด็กสาวทันที ในตอนนี้ได้มีชั้นของน้ำแข็งปกคลุมไปทั่วเตียงไม้สีม่วงและก็มีแม้แต่คริสตัลอยู่ที่ข้างเตียง ปราณเย็นไม่ใช่บางสิ่งที่กองไฟในห้องจะปัดเป่ามันไปได้ และแม้แต่ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนก็หมดหนทางกับมันโดยสิ้นเชิง
“รีบเร็วเข้า! น้องสาวของเจ้าจะไม่สามารถอยู่ได้นานนัก” ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนร้องออกมา
เซี่ยวหยุนเดินไปข้างหน้าและเมื่อตอนที่เขาได้เห็นเซี่ยวหลิงเอ๋อปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง เขาก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่กำลังฉีกกระชากหัวใจของเขาอยู่ เซี่ยวหลิงเอ๋อสลบไสลไปโดยสมบูรณ์ มือที่เหมือนหยกของนางนั้นเย็นและถูกแช่แข็งโดยคริสตัลน้ำแข็งโดยสมบูรณ์
เซี่ยวหยุนจับมือของเด็กสาวไว้และเริ่มดูดซับปราณเย็น จิตวิญญาณการต่อสู้ของเขากำลังดูดซับปราณเย็นเข้าไปอย่างรวดเร็ว แต่ผลกระทบของมันก็แค่อ่อนลงเล็กน้อยเท่านั้น
ปราณเย็นในเวลานี้แข็งแกร่งจนเกินไปและแม้แต่เซี่ยวหยุนก็รู้สึกกลัวต่อมัน ในขณะที่ดูดซับปราณเย็น เขาก็ยังจำเป็นต้องใช้จิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาเพื่อปกป้องร่างกายตัวเองไปด้วยเช่นกัน มิฉะนั้นเส้นลมปราณของเขาก็จะถูกแช่แข็งไปเพราะมัน
จิตวิญญาณการต่อสู้ของเซี่ยวหยุนไม่สามารถดูดซับปราณเย็นทั้งหมดได้ในครั้งเดียว ซึ่งทำให้จิตวิญญาณของเขาต้องสั่นสะเทือนราวกับว่ามันกำลังจะถูกแช่แข็ง มีความรู้สึกที่ไม่สบายอยู่ในจิตวิญญาณของเขา เซี่ยวหยุนได้เปิดใช้งานทักษะศักดิ์สิทธิ์กลืนกินสวรรค์ในทันที
ด้วยทักษะศักดิ์สิทธิ์กลืนกินสวรรค์ ด้วยจิตวิญญาณการต่อสู้หยกสีเขียวและจิตวิญญาณการต่อสู้เปลวไฟสีม่วงก็ทำให้เซี่ยวหยุนสามารถรักษาความมั่นคงของสภาวะตัวเองได้
ในเวลาเดียวกัน กิ่งรองของจิตวิญญาณการต่อสู้ที่ล้อมรอบไปด้วยปราณเย็นก็เริ่มที่จะหนาและแข็งแรงขึ้นเช่นกัน
ความมุ่งมั่นนี้ได้ดำเนินไปเป็นเวลานานและหลังจากผ่านไป 4 ชั่วโมง เซี่ยวหลิงเอ๋อก็ตื่นขึ้นในที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม ปราณเย็นยังคงมีอยู่และอัตราที่จิตวิญญาณการต่อสู้ของเซี่ยวหยุนดูดซับปราณเย็นก็แทบจะไม่ทันกับอัตราการผลิตของมันในร่างของเด็กสาว ถ้ามันยังคงเป็นแบบนี้ต่อไป มันก็จะเป็นเรื่องยากอย่างไม่น่าเชื่อในการรักษานาง
“ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้?” เซี่ยวหยุนขมวดคิ้วแน่น ปราณเย็นมันทรงพลังขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?
ต้องรู้ว่าแม้แต่ปราณเย็นจากจิตวิญญาณการต่อสู้น้ำแข็งของฝางเฮ่าก็อ่อนแอกว่านี้มากนักและมันก็ไม่สามารถต่อสู้กับจิตวิญญาณการต่อสู้เปลวไฟสีม่วงของเซี่ยวหยุนได้เลย แต่อย่างไรก็ตาม ปราณเย็นภายในร่างกายของเซี่ยวหลิงเอ๋อทรงพลังกว่าของฝางเฮ่าหลายสิบเท่านัก
จากข้อมูลนี้ทำให้ทราบว่าร่างกายของเซี่ยวหลิงเอ๋อค่อนข้างพิเศษ
“บางทีร่างกายของน้องสาวข้าอาจจะเป็นสภาวะหนึ่งในล้านจริงๆ ก็ได้ แต่ทว่ามันเป็นร่างกายประเภทใดกันล่ะ?” เซี่ยวหยุนสงสัย
“สภาวะนี้ทรงพลังมาก” นกกระจอกกลืนกินสวรรค์ตอบ
“ทรงพลังขนาดไหนกัน?” เซี่ยวหยุนถาม
“ก่อนหน้านี้ข้าคิดว่ามันเป็นกายเย็นสุดขั้ว แต่ตอนนี้มันดูเหมือนจะไม่ง่ายเช่นที่ข้าคิด” นกกระจอกกลืนกินสวรรค์กล่าว
“โอ้?” เซี่ยวหยุนอุทานด้วยความประหลาดใจ
“มันอาจจะเป็นกายศักดิ์สิทธิ์!” นกกระจอกกลืนกินสวรรค์เปิดเผยออกมา
“อะไรนะ?! กายศักดิ์สิทธิ์?” เมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ จิตใจของเซี่ยวหยุนก็สั่น
มันหมายความอะไรกัน? กายศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งที่ดำรงอยู่บนระดับสูงสุดและก็พิเศษอย่างเหลือเชื่อด้วย
“ถูกแล้ว มันควรจะเป็นกายศักดิ์สิทธิ์” นกกระจอกกลืนกินสวรรค์กล่าวด้วยท่าทีจริงจัง “ยิ่งไปกว่านี้ ข้ายังสงสัยอีกว่าสภาวะของนางนั้นมีความคล้ายกับกายศักดิ์สิทธิ์ของวังพระเจ้าแห่งน้ำแข็งอีกด้วย”
“วังพระเจ้าแห่งน้ำแข็ง?” เซี่ยวหยุนถาม เห็นได้ชัดว่าเขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่การได้เห็นว่านกกระจอกกลืนกินสวรรค์จริงจังมากแค่ไหน มันก็ดูเหมือนจะน่าประทับใจมากขึ้นเท่านั้น แค่จากชื่อของมันอย่างเดียวก็ดูน่าเกรงขามมากแล้ว
วังพระเจ้า – ใครมันจะกล้าตั้งชื่อตัวเองแบบนี้กัน?
“ตำนานกล่าวไว้ว่าผู้ก่อตั้งวังพระเจ้าแห่งน้ำแข็งเป็นลูกหลานของพระเจ้าแห่งน้ำแข็ง ทายาททั้งหมดของพวกเขาล้วนมีสภาวะที่พิเศษ เช่นเดียวกับสายเลือดของพระเจ้าแห่งน้ำแข็ง เมื่อมันได้ถูกปลุกขึ้นมา พวกเขาก็จะสามารถเป็นคู่แข่งของผู้ก่อตั้งได้และแม้ว่าพวกเขาจะปลุกพลังขึ้นมาได้แค่ส่วนเดียวเท่านั้น แต่พวกเขาก็จะสามารถกวาดผ่านไปทั่วทั้งดินแดนได้อย่างไม่จำกัด” นกกระจอกกลืนกินสวรรค์อธิบาย “สำหรับบรรดาผู้ที่มีสายเหล่านี้ล้วนอยู่ใกล้กับผู้ก่อตั้ง พวกเขาขนานนามมันว่ากายศักดิ์สิทธิ์ มันเป็นรูปแบบหนึ่งของสภาวะที่สามารถทำให้ผู้ที่มีมันกลายเป็นราชันแห่งสวรรค์และปฐพีได้!”
“ราชันแห่งสวรรค์และปฐพี!” ได้ยินสิ่งนี้ หัวใจของเซี่ยวหยุนก็สั่นและเขาก็รู้สึกตกใจอย่างไม่น่าเชื่อ น้องสาวเขามีสภาวะเช่นนี้จริงรึ? สิ่งนี้ไม่น่าเชื่อเลย
“มันเป็นการยากที่จะบอกได้ว่าน้องสาวของเจ้ามีกายศักดิ์สิทธิ์จริงรึไม่ แต่อย่างไรก็ตาม มันก็ขึ้นอยู่กับว่าปราณเย็นของนางทรงพลังขนาดไหน แต่ว่าร่างกายของนางจะต้องไม่ธรรมดาแน่นอนและอนาคตของนางก็จะไร้ที่สิ้นสุด แต่แน่นอนว่าถ้าหากไร้ซึ่งคำแนะนำ ครั้งต่อไปที่ปราณเย็นตื่นขึ้น แม้แต่เจ้าก็อาจจะไม่สามารถทำสิ่งใดกับมันได้อีกแล้ว” นกกระจอกกลืนกินสวรรค์กล่าวอย่างเคร่งขรึม
เซี่ยวหยุนถอนหายใจ มันควรจะเป็นพรแต่ตอนนี้มันกลับเป็นคำสาป ครั้งต่อไปแม้ว่าเขาจะทำอย่างดีที่สุด เขาก็อาจจะไม่สามารถช่วยชีวิตน้องสาวตัวเองได้!
“น่าเสียดายยิ่งนัก แล้วก็ช่างตลกร้ายเช่นกันที่สภาวะดังกล่าวกลับปรากฏขึ้นมาในสถานที่ต่ำต้อยเส็งเคร็งเช่นนี้นี้ มันเป็นสูญเสียศักยภาพของนางไปอย่างแท้จริง!” นกกระจอกกลืนกินสวรรค์คร่ำครวญ ถ้าคนเช่นนี้ได้รับการอุปถัมภ์ค้ำชูโดยผู้เชี่ยวชาญ พวกเขาก็จะต้องกลายเป็นราชันที่ทรงพลังอย่างแน่นอน และสามารถอยู่เหนืออะไรก็ได้ที่พวกเขาไป
“เฮ้อ” เซี่ยวหยุนถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้และก็ไม่คิดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป เขามุ่งเน้นทั้งหมดไปที่การสกัดปราณเย็นของเซี่ยวหลิง ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นในอนาคต อย่างน้อยเขาก็จะต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อช่วยชีวิตของน้องสาวตัวเองในตอนนี้
เช่นเดียวกันกับตอนเย็นที่เคลื่อนลงมาและพระจันทร์ก็ลอยสูงขึ้นไปบนฟ้าขณะที่ลมเย็นได้พัดผ่าน แต่อย่างไรก็ตาม เด็กหนุ่มก็ยังคงสกัดปราณเย็นจากร่างกายของน้องสาวเขาอย่างเงียบงัน ในไม่ช้าร่างกายของเซี่ยวหยุนก็ไม่สามารถรับมันได้อีกต่อไป ถึงแม้ว่าจิตวิญญาณการต่อสู้เปลวไฟสีม่วงจะทรงพลังมาก แต่มันก็อ่อนลงมากเมื่อเขาได้หลอมรวมกับมัน ดังนั้นมันจึงจำเป็นต้องใช้ความพยายามอย่างมากจากเขาเพื่อสกัดปราณเย็นอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานเช่นนี้
“หยุนเอ๋อ เจ้าตัวดูแลร่างกายตัวเอง!” ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนถอนหายใจออกมาอยู่ข้างๆ เขาอยากให้เซี่ยวหยุนหยุด แต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดมันออกมาอย่างไรดี
เนื่องจากเซี่ยวหยุนและเซี่ยวหลิงเอ๋อต่างพึ่งพาซึ่งกันและกัน แล้วก็ใกล้ชิดกันเกินกว่าจะเป็นพี่ชายและน้องสาวตามปกติ เขาไม่สามารถอดทนที่จะพูดมันได้ ในเวลาเดียวกัน เขาก็ยังรู้สึกสงสารอย่างมากต่อเด็กสาวสำหรับการที่นางมีประสบการณ์อันน่าขมขื่น
“พี่ใหญ่ อย่าห่วงข้าเลย” เซี่ยวหลิงเอ๋อหายใจเข้าด้วยความยากลำบากอันมากมายขณะที่นางมองไปยังเด็กหนุ่มที่อยู่นางด้วยดวงตาอันพร่ามัว “แม้ว่าข้าจะรอดในครั้งนี้ แต่ข้าก็จะไม่สามารถฟื้นตัวได้ อย่าทำร้ายตัวเองเพื่อข้าเลย”
“ไม่ ตราบเท่าที่พี่ใหญ่ยังมีลมหายใจเหลืออยู่ ข้าก็จะไม่ยอมละทิ้งเจ้า” ดวงตาของเซี่ยวหยุนช่างเด็ดเดี่ยวขณะที่เขาพูดด้วยฟันที่ขบกันอยู่
เซี่ยวหลิงเอ๋อกระพริบตาด้วยความยากลำบากอย่างมากและน้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตาของนาง แต่อย่างไรก็ตามเพราะว่าปราณเย็นที่หนาวอย่างสุดขั้วก็ได้ทำให้น้ำตาต้องแข็งตัวเป็นคริสตัลน้ำแข็งไปในทันที ใครก็ตามที่ได้เห็นนางในตอนนี้จะทำได้แค่ถอนหายใจด้วยความโศกเศร้าเท่านั้น
หวือ!
หลังจากนั้นชั่วครู่ก็ได้มีลมกรรโชกพัดผ่านขณะที่กลิ่นอายอันทรงพลังได้ตกลงมายังห้อง
“ช่างเป็นปราณเย็นที่ทรงพลัง” โฉมงามผู้ราวกับมาจากโลกอื่นที่สวมใส่ชุดชาววังได้ปรากฎตัวขึ้นในอากาศ เสื้อผ้าสีขาวของนางพลิ้วไปมาโดยที่ไม่มีลม รูปลักษณ์อันสวยงามของนางทำให้นางดูเหมือนกับผู้ที่สืบเชื้อสายมาจากสรวงสวรรค์
ผู้หญิงในชุดชาววังได้มองลงไปที่ห้องของเซี่ยวหยุนหลิงเอ๋อ
“ปราณเย็นนี้มีต้นกำเนิดมาจากร่างกายของเด็กสาวนั้น ดูเหมือนว่านางจะมีกายเย็นสุดขั้ว!” นางอุทานออกมาด้วยความดีใจแล้วพูดต่อว่า “ถ้าเราพานางกลับไปที่วังได้และดูแลนางอย่างเหมาะสม อนาคตของนางก็อาจจะเป็นเหมือนอัจฉริยะเหล่านั้นได้”
หลังจากคิดนางก็เริ่มลอยลงมา
“ใครกัน?” การลงมาเงียบๆของนางนำมาซึ่งบรรยากาศของการสะกดข่ม ซึ่งผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนที่กำลังจะออกมาจู่ๆ ก็ได้ค้นพบความผิดปกติ เขาไปที่ลานบ้านแล้วมองขึ้นไปซึ่งทำให้ได้เห็นผู้หญิงในชุดชาววังที่กำลังลอยลงมาเหมือนกับเทพธิดา
“ใครกัน?” เมื่อได้เห็นหญิงสาวนางนี้ การแสดงออกของผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนก็กลายเป็นจริงจัง เขารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายอันแข็งแกร่งมาก ราวกับว่าเขากำลังเผชิญหน้าอยู่กับภูเขาขนาดยักษ์ ในความจริง เขารู้สึกได้ว่ามันเป็นกลิ่นอายที่เขาไม่สามารถหยุดมันได้เลย
ผู้หญิงในชุดชาววังได้ลอยลงมาถึงพื้น แต่ก็ไม่ได้ดูเหมือนว่ายืนอยู่บนพื้น กลับกันมันได้มีแสงอยู่ใต้เท้าช่วยให้นางลดต่ำลงมา
นางมองไปยังคนในลานบ้านด้วยความสงบก่อนที่จะเดินไปยังห้องของเซี่ยวหลิงเอ๋อ
“เจ้าเป็นใคร?” ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนปิดกั้นเส้นทางข้างหน้าของนางขณะที่ถามด้วยเสียงต่ำ
“ขอบเขตแกนกลางแก่นแท้?” ผู้หญิงในชุดชาววังได้ยกคิ้วขึ้นและกวาดมือของนางออกขณะที่คลื่นกระแทกล่องหนได้ชนเข้ากับชายชรา
ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนรู้สึกราวกับว่าคลื่นลูกใหญ่ได้ถล่มลงมาที่เขาแล้วจึงรีบถอยกลับไป
“ทรงพลังมาก” หลังจากทำให้ร่างกายตัวเองมั่นคงแล้ว ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนก็รู้สึกตกใจอย่างเหลือเชื่อ การโจมตีแบบสบายๆ ได้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของผู้หญิงคนนั้น มันไม่ยากที่จะจินตนาการเลยว่านางต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญที่เหนือกว่าขอบเขตแกนกลางแก่นแท้แน่นอน
ผู้หญิงในชุดชาววังเดินไปที่ห้องของเซี่ยวหลิงเอ๋อย่างประณีต และกลิ่นอายอันทรงพลังก็ได้เล็ดลอดออกมาจากร่างกายของนาง ทำให้ผู้ที่เข้าใกล้นางต้องรีบถอยออกไป พวกเขาไม่แม้แต่จะกล้าหายใจเสียงดังออกมาและทำได้แค่เฝ้ามองผู้หญิงคนนี้เข้าไปในห้อง
แม้แต่ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนก็จ้องอยู่ชั่วขณะก่อนที่จะเดินเข้ามาด้วยท่าทีจริงจัง
“แหล่งที่มาของปราณเย็นนี้ดูเหมือนจะถูกปลุกขึ้นและยังดูเหมือนจะทรงพลังมากอีกด้วย ร่างกายนี้ต้องเป็นกายเย็นสุดขั้วที่หายากได้มากอย่างแน่นอน” หลังจากที่ผู้หญิงชุดชาววังเดินเข้ามาในห้อง ดวงตาของนางก็ส่งประกายขณะที่นางไปมองยังเด็กสาวผู้ที่ถูกล้อมรอบด้วยปราณเย็น นางพิศวงใจอย่างช่วยมิได้ “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าจะได้พบต้นอ่อนชั้นยอดในการเดินทางครั้งนี้ แม้ว่าข้าจะไม่ได้รับข้อมูลก็ตามแต่ข้าก็ไม่ได้มาสูญเปล่า”
“เจ้าเป็นใคร?” เมื่อผู้หญิงชุดชาววังเข้ามา ดวงตาของเซี่ยวหยุนก็เปล่งประกายซึ่งตระหนักว่ามีบางคนเข้ามา
“เจ้าดูดซับปราณเย็นนี้ได้สินะ แต่การทำแบบนี้มันก็ไม่ได้ช่วยชีวิตนายเลย และกลับกันมันจะทำให้นางสูญเสียแก่นแท้สำคัญแห่งชีวิต ปราณเย็นนี้เหมือนกับแก่นแท้เลือดของคน โดยพื้นฐานแล้วเจ้ากำลังเอาแก่นแท้เลือดของนางไป ซึ่งถือเป็นการทำร้ายรากฐานของนาง” ผู้หญิงคนนั้นกล่าว
“ร่างกายของน้องสาวข้าถูกแช่แข็งโดยปราณเย็น ถ้าหากข้าไม่ลบมันทิ้งไป นางก็จะตาย” เซี่ยวตอบกลับขณะที่เขามองกลับไปยังผู้หญิงในชุดชาววังด้วยท่าทีที่ระมัดระวัง “แล้วเจ้าเป็นใคร? ทำไมถึงมาที่นี่?” จากบรรยากาศที่นางปลดปล่อยมา เซี่ยวหยุนบอกได้เลยว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา
“ข้าเป็นใครน่ะเหรอ?” ผู้หญิงชุดชาววังยิ้มหวาน “ข้าเป็นคนที่สามารถช่วยชีวิตน้องสาวของเจ้าได้”
“จริงรึ?” ความประหลาดใจและความหวังปรากฏขึ้นในดวงตาของเซี่ยวหยุน
“ตามนั้น” ผู้หญิงชุดชาววังช่างงดงามและสง่างาม แล้วยังได้ปลดปล่อยกลิ่นอายที่เหมือนกับมาจากสรวงสวรรค์และคนละโลกออกมา
“ให้ข้าลองดู ข้าจะช่วยนางนำปราณเย็นกลับสู่ตันเถียนของนางเพื่อที่นางจะได้ใช้มันกับตัวเอง ด้วยวิธีนั้น นางจะสามารถรวบรวมแก่นแท้สำคัญได้ ซึ่งจะช่วยเรื่องการบ่มเพาะของนางในอนาคตอย่างมากแล้วยังจะกลายเป็นรากฐานของนางด้วย ตอนนี้เจ้าแค่กำลังทำร้ายนางอยู่” ผู้หญิงชุดชาววังเดินเข้ามา เสื้อผ้าของนางโบกสะบัดถึงแม้ว่าจะไม่มีลม ขณะที่ความกดดันไร้รูปร่างได้เคลื่อนมาที่เซี่ยวหยุน
หลังจากนั้นนางก็เหยียดมือที่เหมือนหยกของนางออกไปที่แขนของเซี่ยวหลิงเอ๋อ เพื่อช่วยนางนำปราณเย็นเข้าตันเถียน
“แข็งแกร่งนัก” หลังจากถูกเคลื่อนไปที่ด้านข้าง เซี่ยวหยุนก็รู้สึกตกใจอย่างเหลือเชื่อ เมื่อตอนนั้นผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ทำร้ายเขาอย่างแท้จริง – นางก็แค่โบกมือของนางเท่านั้น มันก็ได้เคลื่อนเขาไปด้านข้างโดยที่ไม่ได้ทำร้ายเขาเลย มันเหมือนกับลมอันอ่อนโยน! สำหรับคนที่มีการควบคุมที่ลึกซึ้งเช่นนี้กับกลิ่นอายของพวกเขา การบ่มเพาะขอบเขตใดกันที่พวกเขามี?