Chapter 61 – หอกทำลายจิตวิญญาณ
“ช่างเป็นพลังวิญญาณที่ทรงพลัง”
ขณะที่พลังวิญญาณของเซี่ยวหยุนถูกยิงออกมาจากจิตใจของเขา เปลือกตาของฉินหยูเฉินก็กระตุก “สำหรับการที่ไอ้เด็กนี้มีพลังวิญญาณที่ทรงพลังเช่นนี้ เขาคงจะโดดเด่นมาก แม้แต่ภายในนิกายต้นกำเนิดสวรรค์มันก็แน่นอนว่าเขาต้องเป็นอัจฉริยะที่แท้จริง”
ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกแปลกใจมาก แต่ฉินหยูเฉินก็ไม่ได้เสียขวัญ “ฮึ่ม เจ้าต้องการใช้สิ่งนี้สังหารข้า? มันน่าเสียที่ยังไม่เพียงพอ” ฉินหยูเฉินหัวเราะเย็นชาราวกับว่าเขาคุ้นเคยกับพลังวิญญาณ
ก่อนที่เขาจะพูดเสร็จ มือของเขาก็ได้เคลื่อนไหวขณะที่คลื่นอันทรงพลังของแก่นแท้แห่งปราณพุ่งออกมาข้างนอก ปิดกั้นข้างหน้าร่างกายของเขาเหมือนกับโล่และหยุดพลังวิญญาณ ขณะที่พลังวิญญาณชนเข้ากับสิ่งที่ขวางกั้นอยู่ มันก็เป็นเพียงแค่ระลอกคลื่นเท่านั้น
“มันถูกป้องกันได้?” เซี่ยวหยุนขมวดคิ้ว
“ฮ่าฮ่า มาดูกันว่าเจ้ามีกลอย่างอื่นอีกรึไม่ แต่ถ้าหากเจ้าไม่มีอีกแล้ว ก็จงเตรียมตัวตายได้แล้ว” ฉินหยูเฉินหัวเราะ “ข้าไม่ได้มีประสบการณ์จากความรู้สึกที่ได้สังหารอัจฉริยะมาเป็นเวลานานแล้ว แม้แต่ภายในนิกายต้นกำเนิดสวรรค์ คนที่เหมือนเจ้าก็ยังหายากนัก!”
“ข้าจะต้องทุ่มสุดตัว!” เซี่ยวหยุนขมวดคิ้วแน่น ตอนนี้เขาได้รู้ว่าแล้วว่าจุดอ่อนของเขาคืออะไร
แม้ว่าพลังวิญญาณจะทรงพลัง แต่ผู้ฝึกตนขอบเขตแก่นแท้ที่แท้จริง ก็มีสัมผัสอันเฉียบแหลมและรู้สึกได้ถึงกลื่นอายอันตรายจากมันได้ทันที เมื่อรวมกับความจริงที่ว่าพวกเขามีความชำนาญในการควบคุมแก่นแท้แห่งปราณของพวกเขาแล้ว พวกเขาสามารถปกป้องตัวเองจากการโจมตีทางพลังวิญญาณของเขาได้อย่างง่ายดาย คงจะเป็นเรื่องยากลำบากเกินไปสำหรับเซี่ยวหยุนที่จะบรรลุได้ถึงชัยชนะแบบนี้
อย่างไรก็ตาม เซี่ยวหยุนไม่ได้ยอมแพ้ การแสดงออกของเขาหมองคล้ำลงเมื่อเขาหมุนเวียนพลังวิญญาณทั้งหมดภายในร่ายกายของเขาไปยังหอคอยกลืนกินสวรรค์ เขาต้องการจะเห็นสิ่งที่ถูกจารึกไว้บนผนังของหอคอย ด้วยเหตุผลบางประการ เขารู้สึกว่าสิ่งที่ถูกเขียนอยู่บนนั้นมันสำคัญอย่างมาก
บางทีพวกมันอาจจะสามารถพลิกสถานการณ์นี้กลับก็ได้
พลังวิญญาณของเซี่ยวหยุนมาถึงชั้นแรกของหอคอยกลืนกินสวรรค์ และถูกสั่นสะเทือนทันทีด้วยแรงต้านทานอันทรงพลัง ภายใต้ผลกระทบมหาศาลนี้ ร่างกายของเขาก็สั่นอย่างควบคุมไม่ได้
“ไม่! ข้าต้องเปิดผนึกนี้ด้วยกำลัง” เซี่ยวหยุนขบฟันของเขาขณะที่ควบแน่นพลังวิญญาณและส่งมันยิงออกไปยังผนึกอีกครั้ง เขาก็ไม่รู้ว่ามันทำไม แต่เขารู้สึกว่าผนึกนั้นค่อนข้างพิเศษ หลังจากทะลวงผ่านมันได้ เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขาสามารถควบคุมหอคอยกลืนกินสวรรค์ได้
ตูม!!
ทันใดนั้น ผนึกก็สั่นและถูกทะลวงผ่านไปโดยพลังวิญญาณของเซี่ยวหยุน
สิ่งที่ถูกจารึกดูเหมือนจะบิดตัวไปมาและเคลื่อนไหวไปรอบๆ ราวกับพวกมันมีชีวิต หลังจากนั้นจารึกก็เริ่มบินเข้าไปในจิตใจของเขา และจากการหลอมรวมกับข้อมูลดังกล่าว เขารู้สึกว่าการเชื่อมต่อของเขากับหอคอยกลืนกินสวรรค์ได้แน่นแฟ้นขึ้น
ด้วยจิตวิญญาณอันทรงพลังของเขา เซี่ยวหยุนก็แทบจะประมวลผลข้อมูลทั้งหมดได้ในทันที
“หอกทำลายจิตวิญญาณ?” ชื่อที่สำคัญก็ได้โผล่ขึ้นมาในจิตใจของเขา นำเซี่ยวหยุนไปสู่การรู้สึกอันปิติยินดี
“ถ้างั้นมันก็มีอาวุธจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อยู่บนหอคอยกลืนกินสวรรค์…” เซี่ยวหยุนรวบรวมพลังวิญญาณของเขาไปในชั้นแรกของหอคอยกลืนกินสวรรค์โดยทันที และก็ได้พบกับหอกดำมืดกระพริบอยู่ด้วยอักษรรูนแปลกๆ
หอกนี้ดูเหมือนว่าจะก่อตัวขึ้นมาจากอักษรรูน ทำให้มันมีรูปลักษณ์มหัศจรรย์อันเหลือเชื่อ
“ฮ่าฮ่า เนื่องจากเจ้าไม่มีความแข็งแกร่งอันใดเหลืออีกแล้ว อย่างนั้นก็จงตายไปเสียเถอะ” ฉินหยูเฉินยิ้มเย้ยขณะที่เขาเดินไป
“นายน้อยฉิน โปรดหยุดมือของท่าน” ไม่ไกลเกินไป ดยุคหยานได้พุ่งไปและเขาก็ได้ปลดปล่อยกลิ่นอายอันมากด้วยพลังออกมา
“สหายเก่าคนนี้?” ฉินหยูเฉินขมวดคิ้ว รู้สึกได้ถึงสัมผัสแห่งความอันตรายจากกลิ่นอายของดยุคหยาน
“มันสายเกินไปที่เจ้าจะช่วยมันแล้ว” ฉินหยูเฉินไม่ได้ลังเลและยิงมือของออกไป ก่อตัวเป็นฝ่ามือสีน้ำเงินเข้มขนาดมหึมาซึ่งได้ตกลงไปยังเซี่ยวหยุน ถ้าเขาสามารถสังหารเซี่ยวหยุนได้ สถานการณ์ก็จะมั่นคงขึ้นและดยุคก็จะไม่กล้าลงมือกับเขาอีกต่อไป
เนื่องจากเขาเป็นศิษย์ของนิกายต้นกำเนิดสวรรค์ ใครจะกล้าล่วงเกินนิกายต้นกำเนิดสวรรค์ไปมากกว่าคนตายกันล่ะ?
“เจ้า…” เห็นว่าฉินหยูเฉินต้องการจะสังหารเซี่ยวหยุนโดยไม่ลังเลเลย ดยุคหยานก็ขมวดคิ้วแน่น เขาพึ่งจะมาถึงเวทีและมันสายเกินไปที่จะหยุดเขา หัวใจของดยุคหยานห่อเหี่ยวลงและเขาก็รู้สึกได้ความรู้สึกแห่งความสงสารอันยิ่งใหญ่
นี่เป็นอัจฉริยะท่ามกลางอัจฉริยะ และมันก็น่าสงสารกับการที่เขาจะตายลงไปแบบนี้
“เซี่ยวหยุน!”
“พี่ใหญ่เซี่ยวหยุน!”
“หยุนเอ๋อ!”
เห็นว่าหัตถ์ยักษ์ได้ตกลงไปยังเซี่ยวหยุน เสียงร้องนับไม่ถ้วนก็ดังออกมา หยานซือเฟยมีความเสียใจที่ท้วมท้นอยู่บนใบหน้าของนาง และดวงตาของนางก็เริ่มเปียกน้ำ
ผู้นำคนก่อนของตระกูลเซี่ยวโกรธแค้นโดยสมบูรณ์และเกือบจะเป็นบ้าไปแล้ว
“หลายชายของเจ้ากำลังจะตาย!” ผู้นำคนก่อนของตระกูลฝางหัวเราะเหี้ยมโหด
“ช่างน่าสงสาร!” ผู้ชมนับไม่ถ้วนถอนหายใจ ทุกคนรู้ว่าเซี่ยวหยุนได้รับบาดเจ็บและกำลังนอนแผ่อยู่บนพื้น เขาจะไปปกป้องตนเองจากการโจมตีของฉินหยูเฉินได้อย่างไรกัน?
“ฮ่าฮ่า เซี่ยวหยุนถึงแก่กรรมแล้ว!” ฝางเว่ยและคนอื่นจากตระกูลฝางกล่าวจนยิ้มกว้างจนเห็นไรฟัน
“เมื่อเซี่ยวหยุนตาย ตระกูลเซี่ยวมันจะไปมีอนาคตแบบไหนกัน? ทุกคน รีบมาช่วยชายชราคนนี้ทำลายตระกูลเซี่ยว!” ผู้นำคนก่อนของตระกูลฝางร้องออกมา ต้องการให้ผู้เชี่ยวชาญจากตระกูลอื่นช่วยเขาฆ่าเซี่ยวไห่และคนอื่น
ในขณะนี้ ดวงตาของเซี่ยวหยุนก็ได้เปิดขึ้นกะทันหันขณะที่แสงเปล่งกระกายอยู่ภายในพวกมันทำให้หัวใจของฉินหยูเฉินสั่นสะท้าน
“จงตายไปซะ!” ดวงตาของเซี่ยวหยุนส่งแสงขณะที่เขาคำราม “หอกทำลายจิตวิญญาณจงสังหารเขาให้แก่ข้า!”
หึ่งหึ่ง
ทันใดนั้น กระแสน้ำวนของอักษรรูนแห่งแสงก็ปรากฏขึ้นระหว่างคิ้วของเขาขณะที่ประตูสู่นรกได้ปรากฏขึ้น กลิ่นอันน่าสะพรึงกลัวรั่วไหลออกมา ทำให้จิตวิญญาณของทุกคนต้องสั่นสะท้าน
“นั่นคืออะไรกัน?” ความหวาดกลัวปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉินหยู่และเขาก็รู้สึกว่ามันไม่ง่ายอย่างมาก
ก่อนที่ฉินหยูเฉินจะได้ตอบสนอง หอกมืดก็ถูกยิงออกมาจากภายในกระแสน้ำวน
สิ่งนี่เป็นหอกสั้นที่ยาวประมาณ 30 เซนติเมตร มันส่องแสงสีดำมืดออกมา ซึ่งอักษรรูนนับไม่ถ้วนได้กระพริบและปลดปล่อยกลิ่นอายอันน่าสะพรึงออกมาเช่นกัน ทุกคนต่างก็รู้สึกกลัวเมื่อรู้สึกได้ถึงพลังจากหอกทำลายจิตวิญญาณเล่มนี้และอักษรรูนบนตัวมันที่มีความรู้สึกอันลึกซึ้งต่อพวกเขา เช่นเดียวกันกับอากาศแห่งการสังหาร
ฝ่ามือมหึมาของฉินหยูเฉินกำลังจะโดนเซี่ยวหยุน
ปัง!
หอกถูกยิงออกมาเหมือนกับดาวตกและแทงทะลุผ่านมือขนาดยักษ์ที่ก่อตัวขึ้นด้วยแก่นแท้แห่งปราณไป จากนั้นมันมุ่งหน้าไปที่หน้าผากของฉินหยูเฉินต่อ กลิ่นอายมหึมาที่มันปลดปล่อยออกมาทำให้หัวใจของเด็กหนุ่มต้องสั่นสะเทือน
รูม่านตาของฉินหยูเฉินหดแคบลงขณะที่เขาหอกมือได้แทงทะลุผ่านอากาศและเข้าไปในหัวของเขา
ในช่วงพริบตาถัดมา แสงสีดำส่องประกายอยู่ภายใต้อำนาจอันทรงพลังแห่งหอก ฉินหยูเฉินสูญเสียประสาทสัมผัสของเขาไปอย่างสมบูรณ์
หึ่งๆ
อักษรรูนประกายขณะที่หอกทำลายจิตวิญาณเจาะเข้าไปในหัวของฉินหยูเฉิน
“อ๊ากกก!!!”
หลังจากที่หอกทำลายจิตวิญญาณได้ตรึงตัวมันเองไว้ในหัวของเขา ฉินหยูเฉินก็ได้กรีดร้องเสียงเล็กแหลม
เสียงร้องของเขาแหลมคมอย่างไม่น่าเชื่อและมันก็ยังเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ขณะที่มันดังออกมา มันก็ได้ถูกตัดออกไปทันที
หลังจากนั้น หอกทำลายจิตวิญญาณก็ได้เปลี่ยนเป็นแสงสีมืดและกลับไปสู่จิตใจของเซี่ยวหยุน ภายใต้การควบคุมจากพลังวิญญาณของเขา มันก็ถูกส่งกลับไปที่หอคอยกลืนกินสวรรค์ ส่วนตอนนี้ฉินหยูเฉินได้หยุดหายใจแล้ว และร่างกายของเขาก็ได้นอนเงยหน้าบนเวที
ตามมาด้วยการสิ้นชีพของฉินหยูเฉิน แก่นแท้แห่งปราณอันบ้าคลั่งบนเวทีก็ได้มั่นคงลง
“ในที่สุดข้าก็ทำสำเร็จ” มองไปยังฉินหยูเฉินที่ร่วงหล่นลงมา เซี่ยวหยุนก็ถอนหายใจและหดแคบดวงตาของเขาลง เขากำลังนอนอยู่บนพื้น เริ่มที่จะฟื้นกลิ่นอายและเติมเต็มพลังงานวิญญาณ
จากนั้นเขาก็ทะลวงผ่านผนึกบนหอคอยกลืนกินสวรรค์และได้รับทักษะหอกทำลายจิตวิญญาณ อย่างไรก็นี้ สิ่งนี้ได้ใช้พลังวิญญาณทั้งหมดของเขาไป เขาใช้พลังจนหมดไปโดยสมบูรณ์ และจิตใจของเขาเองก็อ่อนแออย่างเหลือเชื่อ
การใช้หอกทำลายจิตวิญญาณนั้นต้องการพลังวิญญาณที่กว้างขวาง ซึ่งไม่ใช่บางสิ่งที่เซี่ยวหยุนในปัจจุบันจะสามารถใช้ได้ต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม แค่ได้กำจัดศัตรูที่ทรงพลังก็เพียงพอแล้ว
หลังจากฉินหยูเฉินตกลงบนพื้น ผู้ฝึกตนทั้งหมดก็จ้องมองไปด้วยตกใจ
“เกิดอะไรขึ้น?” ผู้คนนับไม่ถ้วนจ้องมองไปที่เวทีขณะที่พวกเขาซุบซิบกันเอง ในขณะนั้นฉินหยูเฉินเกือบจะโจมตีเซี่ยวหยุนจนถึงตาย แต่ทำไมมันถึงเป็นเขาที่ตกลงมาแทน?
มากไปกว่านั้น เขาดูเหมือนจะไม่หายใจแล้ว!
“ฉินหยูเฉินตายแล้วหรือ?” ตอนนี้ดยุคหยานได้ขึ้นมาบนเวทีแล้ว สายตาของเขากลายเป็นจริงจังขณะที่เขามองไปด้วยความตกใจ เขาสามารถรู้สึกได้ถึงเจตนาสังหารของฉินหยูเฉิน – ผู้ฝึกตนขอบเขตต้นกำเนิดป้องกันการโจมตีเช่นนี้ได้อย่างไร?
อย่างไรก็ตาม ด้วยสัมผัสของเขา เขาสามารถยืนยันได้ว่าฉินหยูเฉินได้ตายไปแล้วจริงๆ
มีอยู่ 2 คนที่นอนลงอยู่บนพื้น มีฉินหยูเฉินที่ตายแล้ว แต่เด็กหนุ่มอีกคนกำลังหายใจไม่ลึกนัก และเห็นได้ชัดว่ากำลังมีชีวิตอยู่ ฉากนี้ได้เกินไปกว่าความคาดหวังของทุกคน และผู้อาวุโสจากตระกูลต่างๆก็ตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง
ทั่วทั้งสนามตกลงสู่ความเงียบ และทุกคนก็จ้องมองด้วยความไม่เชื่อต่อเวที
“เซี่ยวหยุน เจ้าสบายดีรึไม่?” ดยุคหยานถามขณะที่เขาเดินไปยังเด็กหนุ่มผู้ที่ยังหายใจอยู่
“อย่าได้กังวล ข้ายังไม่ตาย” ในที่สุดเซี่ยวหยุนก็ฟื้นฟูความแข็งแกร่งมาได้พอที่จะเหยียดเท้าของเขาแล้ว เขาใช้พลังวิญญาณจนมากเกินไป แต่เขาก็ไม่ได้รับบาดเจ็บหนักจนเลวร้ายเกินไป ดังนั้นเขาจึงไม่ได้อยู่ในสภาพที่เป็นอันตราย
“ขอบคุณความดี ขอบคุณความดี” ดยุคหยานมองไปที่เด็กหนุ่ม รู้สึกตื่นเต้นอย่างเหลือเชื่อ แต่นั่นเป็นทั้งหมดที่เขาพูดได้ ตอนนี้เขาไร้คำพูดไปแล้ว – เด็กหนุ่มในขอบเขตต้นกำเนิดได้สังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขตแก่นแท้ที่แท้จริงไปโดยตรง
“ขอบคุณท่านมากดยุคหยานที่ลงมือ” หลังจากที่ลุกขึ้นยืน เซี่ยวหยุนก็มองไปรอบๆ จากนั้นก็ป้องหมัดไปทางดยุคหยาน
“ข้ามาสายเกินไป” ดยุคหยานโบกมือของเขา เพื่อบ่งบอกว่าเขาไม่ควรค่าที่จะได้รับความขอบคุณ
“ฉินหยูเฉินคนนี้เป็นสมาชิกของนิกายต้นกำเนิดสวรรค์ ดังนั้นลุงหยานจึงต้องสงวนการกระทำกับเขา ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าใจ” ดยุคหยานกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ข้ารู้” เซี่ยวหยุนตอบกลับอย่างสงบ เขาเข้าใจได้โดยธรรมชาติถึงปมของเรื่องนี้
“เกิดอะไรขึ้นกัน? มีบางสิ่งผิดปกติกับตาข้า?” เห็นเซี่ยวหยุนลึกขึ้นมาคุยกับดยุคหยาน ฝูงชนก็ถูกส่งเข้าสู่ความบ้าขณะที่คนนับไม่ถ้วนถูตาของพวกเขา พวกเขารู้สึกว่าฉากนี้มันเป็นไปไม่ได้อย่างมากและรู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังฝันอยู่
“เซี่ยวหยุนคนนี้ยังเป็นมนุษย์อีกรึ?”
“แม้แต่ฉินหยูเฉินก็ตายภายใต้มือของเขา เด็กหนุ่มคนนี้เป็นสิ่งที่ต่อต้านสวรรค์!”
“เมื่อเซี่ยวหยุนคนนี้โตขึ้น เขาจะสามารถกระแทกสวรรค์และสั่นสะเทือนปฐพีได้ มันแน่นอนว่าเขาจะเป็นบางคนที่คนธรรมดาจะเปรียบเทียบกับตัวเองได้” ทั่วทั้งสนามเต็มไปด้วยการพูดคุยและผู้ฝึกตนจากตระกูลต่างๆก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจของพวกเขากำลังกระโดดออกมาจากทรวงอกของพวกเขา
เด็กหนุ่มขอบเขตต้นกำเนิดสังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขตแก่นแท้ที่แท้จริงได้ทันที สิ่งนี้มันหมายถึงอะไรกัน?
มันไม่ยากที่จะจินตนาการเลยว่ามันจะน่าสะพรึงกลัวแค่ไหนเมื่อเด็กหนุ่มได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้ที่แท้จริง
“โชคดีที่เราไม่ได้โจมตี!” ผู้อาวุโสจากบางตระกูลรู้สึกโล่งใจอย่างเหลือเชื่อ ถ้าพวกเขาโจมตีและล่วงเกินตระกูลเซี่ยว พวกเขาจะไม่สามารถหนีได้จากการแก้แค้นของเด็กหนุ่มคนนี้ได้ และที่ตามมามันก็ไม่อาจจะจินตนาการได้
“ฮ่าฮ่า ไอ้ผีเฒ่าตระกูลฝาง หลานชายของข้ามีโชคชะตาอันดีที่เต็มไปด้วยสวรรค์ และเขาก็ถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะต้องพิเศษในอนาคต เจ้าคิดว่าตระกูลฝางของเจ้าจะสามารถสังหารเขาได้รึ?” เห็นว่าหลานชายของเขาไม่ได้ตาย ผู้นำคนก่อนของตระกูลเซี่ยวหัวเราะดังลั่นและสามารถที่จะผ่อนคลายได้แล้ว
“ถึงเวลาตายของเจ้าแล้ว”
มังกรนาคาก่อร่าง!
การโจมตีจากผู้นำคนก่อนของตระกูลเซี่ยวได้เริ่มรุนแรงมากขึ้นและมากขึ้นไปอีก เลือดภายในร่างกายของเขากำลังเดือดพล่าน เขาได้ปลดปล่อยสัมผัสที่ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งเดียวกับสวรรค์และปฐพีออกมา
คำราม!!
เสียงคำรามดังออกมา และมันก็ปรากฏตัวขึ้นราวกับว่าเป็นมังกรและนาคาตัวจริงที่ได้ปรากฏตัวขึ้นโดยผู้นำคนก่อนของตระกูลเซี่ยว
MANGA DISCUSSION