Eternal Martial Sovereign - ตอนที่ 54 – เปิดเผยพรสวรรค์อันโดดเด่น
Chapter 54 – เปิดเผยพรสวรรค์อันโดดเด่น
เด็กหนุ่ม 2 คนเผชิญหน้ากันและกันบนเวที ทั้งคู่นั้นไม่ยอมถอยกลับไปเลย
“ฮึ่ม เป็นความเย่อหยิ่งอะไรเช่นนี้ ข้าจะรอดูว่าเจ้าจะทำแบบนี้ได้ต่อไปอีกไหม” ฝางเฮ่าแค่นเสียงเย็นชาและเมินเซี่ยวหยุน แล้วค่อยจับสลากของเขา
เซี่ยวหยุนก็จับสลากเช่นเดียวกัน
ฝางเฮ่าหยิบบัตรไม้ออกมา “เวที 2 หมายเลข 4”
เซี่ยวหยุนก็เอาบัตรไม้ออกมาเช่นกัน ด้วยเวที เลข และคำสั่งของเขา “เวที 4 หมายเลข 5”
“ช่างน่าเสียดายที่เราไม่สามารถสู้กันได้ทันที ข้าหวังให้เจ้าจะไม่พ่ายแพ้ไปในทันทีละกัน” ฝางเฮ่ากล่าวขณะที่เขาให้เซี่ยวหยุนเหลือบมอง เขาไม่ได้พยายามจะปกปิดความดูถูกภายในสายตาของเขา ราวกับว่าเขาไม่ได้เอาเซี่ยวหยุนมาไว้ในสายตาเลย
“ไร้การศึกษา” เซี่ยวหยุนยามอย่างสงบและไม่ได้ให้ความสนใจต่อฝางเฮ่าอีก ตอนนี้พรสวรรค์ของเขาได้กลับมาแล้ว ใครกันที่เขาต้องกลัว? เพราะเช่นนี้เขาจึงไม่ได้พูดอะไรที่น่าเบื่ออีก
มีทั้งหมด 5 เวที และเนื่องจากสลากที่ถูกจับเสร็จแล้ว เหล่าผู้เยาว์ก็เริ่มประลองกัน
นี่เป็นการประลองที่น่าตื่นเต้นมาก – เพราะว่าพวกเขาทั้งหมดต่างก็มีพรสวรรค์ที่เหมาะสม และทั้งหมดก็เป็นอัจฉริยะภายในตระกูลของพวกเขา อย่างไรก็ตาม ผู้ที่อยู่ในขอบเขตต้นกำเนิดยังคงมีเป็นส่วนน้อย มีอยู่น้อยกว่า 20 คนที่ก้าวเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิด และคนอื่นทั้งหมดต่างก็อยู่ที่ระดับ 9 ขั้นหลอมร่างกาย บางคนก็เป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์จากตระกูลธรรมดาที่ก้าวเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิดด้วยความพยายามของพวกเขา
การต่อสู้ได้เกิดขึ้นพร้อมกันทั้งหมด 5 เวที และหลังจากแต่ละรอบ ผู้ฝึกตนขอบเขตหลอมร่างกายจะถูกกำจัดออกทีละคน ท้ายที่สุดในเวทีที่ 2 ฝางเฮ่าได้ก้าวออกมาจากการต่อสู้ คู่ต่อสู้ของเขาเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตต้นกำเนิดเช่นเดียวกัน เพียงแค่พวกเขาเริ่มต่อสู้ เขาก็เอาชนะอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดายโดยใช้เพียงแค่การโจมตีเดียว มันเห็นได้ชัดว่าฝางเฮ่าทรงพลังขนาดไหน
“ข้าแพ้” เด็กหนุ่มคนนั้นขมวดคิ้วขณะที่เขาถอนหายไป “พี่ฝางมีพรสวรรค์มากเกินไป และท่านก็ไม่ใช่บางคนที่ข้าสามารถเปรียบเทียบได้” คนๆนั้นออกไปจากเวที
“ฝางเฮ่าคนนี้แข็งแกร่งมาก!”
“แน่นอน ฝางเฮ่าได้ปลุกจิตวิญญาณการต่อสู้ขึ้นมา ดังนั้นเขาจึงแข็งแกร่งยิ่งกว่าผู้ฝึกตนในระดับการบ่มเพาะเดียวกัน และสามารถกระทั่งต่อสู้ได้กับผู้ที่มีการบ่มเพาะสูงกว่าได้ด้วย”
“ดูเหมือนว่าฝางเฮ่าจะถูกกำหนดให้เป็นผู้ชนะ” ข้างล่างเวที ฝูงชนกำลังพูดคุยกันอย่างเผ็ดร้อน
“นายน้อยฝางเฮ่าสุดยอดมาก!”
“มันจะดีแค่ไหนกันนะถ้าข้าได้แต่งงานกับเขา” ในเวลาเดียวกัน หญิงสาวจำนวนมากก็จ้องไปที่ฝางเฮ่าด้วยความหลงใหล ในสายตาของพวกนาง ฝางเฮ่าเป็นความภาคภูมิใจของสวรรค์และเป็นเจ้าชายของพวกนางที่ทรงเสน่ห์
“นายน้อยฝางเฮ่าช่างน่าอัศจรรย์ ดูเหมือนว่าเขาจะก้าวเข้าสู่ขั้นกลางของขอบเขตต้นกำเนิดแล้ว” หลินเซี่ยวเหมากระพริบตาของนางขณะที่นางยิ้มอย่างพึงพอใจ “ฮ่าฮ่า ซือหยัน พี่ใหญ่เซี่ยวหยุนของเจ้าจะไม่สามารถรับแม้แต่การโจมตีเดียวจากฝางเฮ่าได้แน่นอน”
“ฮึ่ม เจ้ามันไร้ตา” หยานซือหยันกลอกตาของนางไปที่หลินเซี่ยวเหมาขณะที่นางกล่าวว่า “พี่ใหญ่เซี่ยวหยุนของข้าแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ”
“เขาแข็งแกร่ง?” หลินเซี่ยวเหมากลอกตาคืนบ้าง “เขาเสพยาหรือทำอะไรบางสิ่ง?”
“เจ้าสิเสพยา” หยานซือหยันกล่าวด้วยการแสดงออกที่ไม่ชอบใจ “ฝางเฮ่ามันมีอะไรดีกัน? เขาก็แค่ปลุกจิตวิญญาณการต่อสู้น้ำแข็งขึ้นมา? พี่ใหญ่เซี่ยวหยุนของข้าก็ยังมีจิตวิญญาณการต่อสู้…”
“ซือหยัน มันจำเป็นต้องพูดมากขนาดนั้นไหม?” ด้านข้างน้าง หยานซือเฟยยิ้ม “เราจะได้เห็นผลลัพธ์ในเวลาอันใกล้ ซึ่งมันจะบอกทั้งหมดเอง”
“โอ้” หยานซือหยันประกบริมฝีปากของนางเข้าด้วยกันและยิ้มขณะที่กล่าวว่าว “ฮี่ฮี่ ขอแค่เจ้ารอ”
“เซี่ยวหยุนจะต้องให้ยารักกับนางแน่นอน ข้าจำเป็นต้องปกป้องพวกนางจากการพบกันในอนาคต” หลังจากได้ยินการสนทนาระหว่างลูกสาวของนางและหลินเซี่ยวเหมา ความกังวลก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของท่านหญิงหยาน นางไม่เชื่อว่าเซี่ยวหยุนจะสามารถต่อต้านฝางเฮ่าได้ เมื่อนางคิดถึงข้อเท็จจริงที่ว่าเซี่ยวหยุนได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิดด้วยวิธีใดก็ตาม นางก็ส่ายหัวของนางและรู้สึกสับสนอย่างเหลือเชื่อ
ในขณะนี้ได้มีบางคนตะโกนออกมา “เซี่ยวหยุนกำลังขึ้นเวที!”
“อะไรนะ? เซี่ยวหยุนกำลังจะขึ้นไป?” การจ้องมองจากสนามทั้งหมดได้ไปตกลงบนเวทีนั้น
เซี่ยวหยุนกระโดดขึ้นไปบนเวที มองดูเยือกเย็นและสงบอย่างเหลือเชื่อ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ ในเวลาเดียวกัน เด็กหนุ่มอีกคนก็ได้ปรากฏตัวตรงข้ามเขา
“นี่คือโจวหลิน อัจฉริยะของตระกูลโจว มีคนกล่าวว่าเขาได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิดแล้ว” ดวงตาของฝูงชนสว่างขค้น มองดูตื่นเต้นอย่างน่าเหลือเชื่อ “ฮ่าฮ่า เซี่ยวหยุนวิ่งไปหาโจวหลินในการต่อสู้แรกของเขา มาดูกันว่าเขาจะทำยังไง ถ้าเขาแพ้ที่นี่ทั้งหมดที่เขาพูดเกี่ยวกับพรสวรรค์ของเขาได้หวนคืนมาก็เป็นแค่เรื่องตลก”
“โจวหลินได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิดมานานแล้ว และควรจะอยู่ที่ขั้นกลางของขอบเขตต้นกำเนิดในอตนนี้ เซี่ยวหยุนจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน”
เสียงเยาะเย้ยดังออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่มีใครเชื่อเซี่ยวหยุนนั้น ผู้ที่เป็นขยะมานานถึง 8 ปี จะสามารถเอาชนะโจวหลินได้
บนเวที ดวงตาของโจวหลินหดแคบลงขณะที่เขายิ้มอย่างลดตัวลงมา “นี่ไม่ใช่อัจฉริยะของพวกเรา เซี่ยวหยุนหรอกหรือ? เป็นเรื่องบังเอิญที่เราได้พบกันในรอบแรก ได้โปรดอ่อนข้อให้ข้าด้วย!” โจวหลิพูดเสียงดังมาก และต้องการให้ไม่ใช่แค่เซี่ยวหยุนเท่านั้น แต่ให้คนอื่นๆเห็นว่าเขาดูถูกเซี่ยวหยุนมากขนาดไหน
“โจวหลินใช่ไหม?” เซี่ยวหยุนไม่ได้โกรธ และหลังจากมองไปที่เด็กหนุ่มเบื้องหน้าของเขา เขาก็เหยียดมือออกมาขณะที่เขากล่าวว่า “เจ้าสามารถโจมตีมาได้”
“ฮึ่ม ข้าจะสั่งสอนบทเรียนให้กับเจ้าเอง” โจวหลินรู้สึกเดือดดาลมากเมื่อเขาเห็นว่าเซี่ยวหยุนดูสงบและเยือกเย็นมากขนาดไหน
หลังจากที่พูดแล้ว ดวงตาของเขาก็กลายเป็นเย็นชา และร่างกายของเขาก็สั่นสะท้านขณะระเบิดแก่นแท้แห่งปราณอันโกรธขึงออกมาจากภายในร่างกายของเขา ขณะที่เขายิงฝ่ามือออกไป อำนาจของขอบเขตต้นกำเนิดก็ระเบิดออกมา คลื่นกระแทกทำให้อากาศด้านบนสั่นสะเทือน
ฝ่ามือสุดยอดทั้งแปด!
โจวหลินกวาดฝ่ามือไปรอบๆ ทำให้แก่นแท้แห่งปราณหมุนวนไปรอบๆ มันกลายเป็นฝ่ามือที่ดูสมจริงขณะที่ถูกยิงออกมา
การโจมตีของฝ่ามือปลดปล่อยอากาศที่เกรียงไกรออกมา และแก่นแท้แห่งปราณก็เหมือนกับคลื่นลูกใหญ่ ความกลัวอันน่าตะลึงได้อยู่ในใบหน้าของใครก็ตามที่เผชิญหน้ากับมัน
ในชั่วพริบตา โจวหลินก็ยิงออกมาอีกเกือบ 6 ฝ่ามือ ฝ่ามือดูเหมือนจะผสานกันเข้าเป็นหนึ่งเดียว ปลดปล่อยความรู้สึกที่น่าประทับกว่าเดิมออกมา มันดูเหมือนสัตว์ร้ายที่โหดร้ายกลางมหาสมุทรที่ไม่สามารถหยุดได้โดยสิ้นเชิง
“นี่เป็นฝ่ามือสุดยอดทั้งแปดและเป็นทักษะการต่อสู้ที่ทำให้ตระกูลโจวมีชื่อเสียง ทุกรูปนั้นทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ และแต่ละฝ่ามือที่โจมตีจะทรงพลังมากกว่าฝ่ามือก่อนหน้า ซึ่งจะนำเอาพลังเต็มที่ของผู้ใช้ออกมา มีคนกล่าวว่าถ้า 8 ฝ่ามือของฝ่ามือสุดยอดทั้งแปดถูกปลดปล่อยออกมาทั้งหมด พลังประเภทนั้นจะสามารถกวาดล้างทุกคนในการบ่มเพาะเดียวกันไปได้โดยสมบูรณ์” ฝูงชนร้องออกมาเมื่อพวกเขาเห็นฝ่ามือทั้งหมดที่โจมหลินปลดปล่อยออกมา
“ที่โจวหลินคนนี้สามารถปลดปล่อยได้ 6 ฝ่ามือได้พร้อมกัน พรสวรรค์ประเภทนี้ต่ำกว่าเพียงแค่เหล่าผู้ที่ปลุกจิตวิญญาณการต่อสู้ขึ้นมาเท่านั้น”
“โจวหลินแบไต๋ของเขาตั้งแต่เริ่มต้นเลย มันดูเหมือนว่าเขาจะพยายามเอาชนะเซี่ยวหยุนในการโจมตีเดียว!”
“ฮ่าฮ่า เซี่ยวหยุนคนนี้จะต้องพ่ายแพ้แน่นอน ด้วยฝ่ามือสุดยอดทั้งแปดโจวหลินสามารถเป่าใครก็ตามที่อยู่ขั้นต้นของขอบเขตต้นกำเนิดไปได้” ฝูงชนเริ่มบ้าคลั่งและพวกเขาก็คำรามออกมาเหมือนกับอสนีบาตจากสวรรค์ ทำให้ทั่วทั้งสนามได้เข้าสู่ความบ้าคลั่ง
ภาพของฝ่ามือนั้นรวดเร็วอย่างเหลือเชื่อ และก่อนที่ฝ่ามือแรกจะมาถึง ส่วนที่เหลือก็ได้มาหุ้มเป็นชั้นๆเหนือมัน ปลดปล่อยความรู้สึกที่ทำให้รู้สึกว่ามันไม่สามารถปิดกั้นได้ เซี่ยวหยุนรู้สึกกดดันมหาศาล
6 ฝ่ามือที่โจมตีมาไม่ใช่แค่มาเป็นเส้นตรง แต่แก่นแท้แห่งปราณอันบ้าคลั่งก็ยังปิดผนึกทางหนีของเซี่ยวหยุนทั้งซ้ายและขวาเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าโจวหลินต้องการจะจบการต่อสู้ของเขาในการโจมตีเดียว
“ฝ่ามือสุดยอดทั้งแปดก็ดีพอใช้ได้” เผชิญหน้ากับการโจมตีที่ทรงพลังเช่นนี้ ดวงตาของเซี่ยวหยุนยังคงหลงเหลือความสงบ แม้ว่าการโจมตีของโจมหลินจะรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อและปล่อยแรงกดดันอันมหาศาลออกมาก็ตาม เขาไม่ได้ดูตื่นตระหนกอะไรเลย
พลังวิญญาณของเซี่ยวหยุนทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ และทันทีที่การโจมตีของโจวหลินมาถึง เขาก็เข้าใจแล้วว่าแก่นแห่งปราณตรงไหนอ่อนแอที่สุด ภายใต้การตรวจพบของพลังวิญญาณของเขา เกือบทั้งหมดของช่องว่างในการโจมตีของโจวหลินถูกเปิดเผยออกมา
“เจ้าต้องการล้มข้าในการโจมตีเดียวเพื่อที่จะทำให้ความโง่ออกมาจากข้า? ดีมาก ข้าจะส่งมันกลับไปให้เจ้า” ดวงตาของเซี่ยวหยุนเริ่มรุนแรงขึ้น และขณะที่ภาพของฝ่ามือได้กวาดมายังเขา ร่างกายของเขาก็กระพริบ เขาได้ลอดผ่านไปจากภาพฝ่ามือเหมือนกับมังกรที่ว่องไวและยิงฝ่ามือของเขาออกไป
มังกรนาคาคู่พเนจร!
(คู่มังกรงูพเนจรจากตอนที่ 11 เปลี่ยนเป็นเชื่อนี้ครับ)
ปัง!
ฝ่ามือของเซี่ยวหยุนกวาดออกมาวาดเป็นรูปโค้งสองวงซึ่งชนไปยังจุดที่การโจมตีของโจวหลินอ่อนแอที่สุด จากนั้นก็ทะลวงผ่านมันไป
ในชั่วเวลาลมหายใจเดียว เซี่ยวหยุนก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าต่อตาโจวหลิน
เนื่องจากโจวหลินได้ใช้ 6 รูปแบบของฝ่ามือสุดยอดทั้งแปดอย่างต่อเนื่อง กลิ่นอายของเขาจึงไม่เสถียรมากนัก และเขาก็พยายามที่จะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
“เจ้าทะลวงผ่านฝ่ามือสุดยอดทั้งแปดของข้ามาได้อย่างไรกัน?!” ทันใดนั้น รูม่านตาของโจวหลินก็หดตัวลงขณะที่เขาจ้องมองไปด้วยความตกใจ เขามีความเชี่ยวชาญอย่างยิ่งกับฝ่ามือสุดยอดทั้งแปด และถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถใช้ได้ทั้งหมด 8 รูปแบบ แต่พลังที่การโจมตีของเขาปลดปล่อยออกมามันก็ไม่ได้อ่อนแอเลย คนธรรมดาจะทะลวงผ่านมันไปได้อย่างไรกัน? แต่เด็กหนุ่มคนนี้ตรงหน้าของเขาได้ทำลายมันไปแล้ว และก็มาอยู่ตรงหน้าของเขา!
เซี่ยวหยุนตอบกลับ “มันจะไปยากอะไรกันกับแค่การทะลวงผ่านทักษะฝ่ามือของเจ้า? เหนือสวรรค์ยังมีสวรรค์อยู่ และเหนือคนก็ยังมีคนอยู่อีก เจ้าคิดตัวเองมิอาจถูกเอาชนะได้?” (เหนือสวรรค์ยังมีสวรรค์ เหนือคนก็ยังมีคน = ของบ้านเราก็เหนือฟ้ายังมีฟ้าครับ แต่ผมไม่เปลี่ยนมาใช้เพื่อให้ตรงกับที่แปลมาที่สุดครับ)
เด็กหนุ่มกล่าวออกมาด้วยความใจเย็นอย่างไม่น่าเชื่อ และเมื่อเขาพูดคำสุดท้ายเสร็จ มือของเขาก็เคลื่อนไหวขณะที่ลมของแก่นแท้แห่งปราณกระโชกออกมาเหมือนกับงูพิษที่กำลังเกรี้ยวกราด โจวหลินสามารถรู้สึกได้ถึงเพียงแค่สายลมทรงพลังที่กวาดมายังเขาก่อนที่แรงอันทรงพลังจะทุบลงบนร่างกายของเขาอย่างอำมหิต
ปัง!
เสียงระเบิดอู้อี้ดังออกมาและโจวหลินก็รู้สึกราวกับว่าเขาโดนฟาดโดยหางอันใหญ่โตของมังกรนาคา กระดูกของเขาได้ร้าวและป่นละเอียด เขาถูกส่งบินไปข้างหลังเหมือนกับว่าวขาด และเขาก็รู้สึกหวานละมุนในลำคอขณะที่เขากระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง
ใบหน้าของโจวหลินขาวซีดอย่างยิ่งและเลือดก็ไหลออกมาจากปากขณะที่เขาล้มลง
“นี่…” เมื่อเห็นฉากนี้ ผู้คนที่หัวเราะเซี่ยวหยุนก็เงียบไปทันที
“เกิดอะไรขึ้นกัน?” ฝูงชนตกใจอย่างน่าเหลือเชื่อ และทั่วทั้งสนามก็ตกลงสู่ความเงียบ มันราวกับว่าคนเหล่านี้ไม่เชื่อในสิ่งที่พวกเขาพึ่งเห็น
เห็นได้ชัดว่าโจวหลินใช้ทักษะการต่อสู้ระดับสีดำ ฝามือสุดยอดทั้งแปด ซึ่งทรงพลังเหลือแสน ดังนั้นเขาจะพ่ายแพ้ไปได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น เขาได้พ่ายแพ้ต่อขยะผู้ที่ไม่คืบหน้าเลยตลอด 8 ปีที่ผ่านมา สิ่งนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึงอย่างเหลือเชื่อ
ปัง!
เฉพาะเมื่อพวกเขาเห็นและได้ยินเสียงที่โจวหลินตกลงไปบนพื้นอย่างหนักหน่วงแบบนี้ บรรยากาศแปลกๆก็หายไป
เฉพาะเมื่อพวกเขาเห็นเด็กหนุ่มกรีดร้องอยู่บนพื้นจึงทำให้ฝูงชนตระหนักว่าโจวหลินได้พ่ายแพ้ไปแล้วอย่างแท้จริง และเซี่ยวหยุนก็อยู่ที่นั่น
หวือ!
เกือบทุกในสนามได้หายใจเข้าอย่างรุนแรง
หลังจากนั้นทุกคนก็มองไปที่เด็กหนุ่มที่ยังคงยืนอยู่บนเวทีด้วยความกังขา เด็กหนุ่มยืนอยู่ตรงนั้นกับความหนาวเย็นบนใบหน้า แขนของเขาไพล่หลังขณะที่เขามองอย่างสงบไปยังโจวหลินที่กำลังนอนแผ่มอมแมมอยู่บนพื้น “เจ้าแพ้แล้ว”
คำพูดของเซี่ยวหยุนนั้นหนาวเย็นอย่างยิ่งและก็มีบรรยากาศของความเชื่อมั่นอยู่
เซี่ยวหยุนเหมือนกับราชาผู้ที่กลับมาและต้องการประกาศให้โลกนั้นรู้ว่าเขาได้กลับมาแล้ว
“มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเอาชนะโจวหลินด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว!
ทุกคนพึมพำขณะที่พวกเขาจ้องมองไปที่เด็กหนุ่มบนเวที “นี่เป็นไอ้ขยะเซี่ยวหยุนจริงหรือ?”
“มันเป็นไปได้อย่างไรที่เจ้าจะเอาชนะข้าได้?” โจมหลินพยายามดิ้นรนเพื่อลุกขึ้น มีความไม่ยอมรับอยู่บนใบหน้าของเขา เขามองอย่างโหดเหี้ยมไปที่เซี่ยวหยุนเหมือนกับสัตว์ที่บาดเจ็บ ความอัปยศอดสูจากการพ่ายแพ้ทำให้เขาเกือบจะสูญเสียสติ ราวกับว่าเขาได้ตกลงสู่ก้นร่องเขาลึก ความรู้สึกนั้นเกือบจะทำให้เขาสติวิปลา