Eternal Martial Sovereign - ตอนที่ 51 – ทุกสิ่งได้พร้อมแล้ว
Chapter 51 – ทุกสิ่งได้พร้อมแล้ว
“ไม่เลว เจ้าได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้ที่แท้จริงแล้วสินะ” ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนได้เหลือบมองไปที่ลูกชายของเขา แล้วตรวจหาความเปลี่ยนแปลงในกลิ่นอายของเขา บรรยากาศของเซี่ยวไห่ได้ทรงพลังมากขึ้น และปลดปล่อยความรู้สึกของเซียนออกมา
“แน่นอน ตอนนี้หยุนเอ๋อได้เรียนรู้การกลั่นสกัดเม็ดยาแล้ว ตระกูลเซี่ยวของเราจะต้องผ่านการฟื้นฟูได้อย่างแน่นอน” เสียงของเซี่ยวไห่ฟังดูตื่นเต้นอย่างไม่น่าเชื่อ ดวงตาของเต้นรำด้วยแสง “พี่ใหญ่และเซี่ยวฮู่ได้ใช้เม็ดยาแก่นแท้บริสุทธิ์แล้วเช่นกัน แต่ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาจะประสบความสำเร็จในการทะลวงผ่านหรือยัง”
“โอ้” ได้ยินแบบนี้ หัวใจของผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนก็กระดอนไปมา “นั่นหมายว่าหยุนเอ๋อของเราไม่ใช่แค่นักกลั่นสกัดเม็ดยาธรรมดาทั่วไปแน่นอน”
จะมีใครสามารถกลั่นสกัดเม็ดยาแก่นแท้บริสุทธิ์ได้มากเช่นนั้นบ้าง? แม้แต่ปรมาจารย์หยวนก็ไม่สามารถทำสิ่งนั้นได้
“ธรรมดา” เซี่ยวไห่ตอบ “หยุนเอ๋อ ไม่ใช่ว่าเจ้าช่วยท่านปู่ของเจ้าด้วยการกลั่นสกัดเม็ดยาระบายลึกลับหรอกหรือ? รีบเอามันออกมาให้ท่านปู่ของเจ้าได้ร่วมแบ่งปันความสุขนี้ด้วยกัน ฮ่าฮ่า เขาต้องการเม็ดยาระบายลึกลับมาเป็นเวลานานแล้ว แต่มันเป็นเรื่องน่าเสียดายที่เม็ดยาเช่นนี้ยากจะพบเจอ แม้แต่ทั่วทั้งราชอาณาจักรจันทราวายุ!”
“เม็ดยาระบายลึกลับ?” ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนรู้สึกราวกับว่าหัวของเขากำลังหมุนอยู่ “ข้าไม่ได้ยินผิดไปใช่ไหม?”
“ท่านปู่ หลานชายของท่านกลั่นสกัดเม็ดยาลึกลับได้แล้วจริงๆ และมันอาจจะสามารถช่วยท่านให้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตแกนกลางแก่นแท้ได้” เซี่ยวหยุนยิ้มขณะที่เขาเก้าหัว เด็กหนุ่มคนนี้เป็นคนที่หนาวเย็นและโหดเหี้ยมต่อศัตรูของเขา แต่ก็ยังคงทำตัวไร้เดียงสาและอบอุ่นต่อท่านปู่ของเขา
“โอ้? รีบเอามันมาให้ปู่ดูเร็ว” ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนตื่นเต้นอย่างเหลือเชื่อและมองไปที่เด็กหนุ่มด้วยความคาดหวัง ถ้าหลานชายของเขากลั่นสกัดเม็ดยาระบายลึกลับได้จริงๆ ความสำเร็จประเภทใดกันที่เขาจะมีในอนาคต?
เด็กชายของตระกูลฝางก็ไม่มีค่าพอที่จะมาถือรองเท้าให้กับเขา
คิดไปถึงสิ่งนั้น ดวงตาของเขากลายเป็นพร่ามันและน้ำตาก็เกือบจะกลิ้งออกมา
“อือ” เซี่ยวหยุนตอบกลับ ขณะที่เขาเอาขวดหยกที่บรรจุเม็ดยาระบายลึกลับออกมา
“เป็นแก่นแท้แห่งปราณที่หนาแน่นเหลือเกิน นอกจากนี้ยังมีแก่นแท้สำคัญแห่งชีวิตตลอดจนสัมผัสแห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่ของสวรรค์และโลก” การแสดงออกของผู้นำตระกูลคนก่อนได้เปลี่ยนไปทันทีที่เปิดขวดหยก ดวงตาของเขาหดแคบลงขณะที่เขาสูดกลิ่นสมุนไพรเข้าไปลึกๆ
เซี่ยวไห่ก็รู้สึกตื่นมากเช่นกัน “เม็ดยาเม็ดนี้รู้สึกเหมือนว่ามันได้เชื่อมต่อกับธรรมชาติ เม็ดยาระบายลึกลับมักจะเช่นนี้หรือ?”
“เม็ดนี้…เม็ดยาเม็ดนี้ได้ถูกแก้ไขโดยหลานชายของท่าน ดันนั้นข้าจึงไม่แน่ใจเต็มที่ว่ามันจะสามารถช่วยท่านให้ทะลวงผ่านไปขอบเขตแกนกลางแก่นแท้ได้ไหม” เซี่ยวหยุนกล่าว “ถึงแม้ว่าหลานชายของท่านสามารถสัญญาได้ว่ามันสมบูรณ์ดีที่จะบริโภคได้ แต่ข้าแค่ไม่รู้ว่ามันจะมีผลกระทบอะไร”
“ไม่เป็น ชายชราคนนี้กล้าที่จะกินเม็ดยาใดก็ตามที่หลานชายของเขากลั่นสกัดอยู่แล้ว ฮ่าฮ่า มันไม่ใช่แค่เม็ดยาหรอกรึ?” ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนหัวเราะ “บวกกับที่ข้าสามารถบอกได้เลยว่าเม็ดยาเม็ดนี้ไม่ได้ธรรมดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแก่นแท้สำคัญแห่งชีวิตและความรู้สึกของธรรมชาติที่ปลดปล่อยออกมา มันพิเศษมากและแน่นอนว่ามันจะสามารถช่วยข้าก้าวสู่ขอบเขตแกนกลางแก่นแท้ได้ด้วยการช่วยเหลือในความหยั่งรู้ของข้าต่อเต๋าอันยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์และปฐพี”
“จริงรึ?” ได้ยินท่านปู่ของเขากล่าวแบบนี้ เซี่ยวหยุนจึงรู้สึกมั่นใจ ถึงแม้ว่าเขาจะเชื่อมั่นในเม็ดยาของตนเอง แต่คนที่จะกินมันเข้าไปก็คือปู่ของเขา ดังนั้นเขาจึงรู้สึกกังวลเล็กน้อย
“ถูกแล้ว ปู่ไม่โกหกเจ้าหรอก” ผู้นำตระกูลคนก่อนกล่าว “ก้าวเข้าสู่ขอบเขตแกนแกลางแก่นแท้จำเป็นต้องหยั่งรู้ถึงเต๋าอันยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์และปฐพี และตลอดปีที่ผ่านมานี้ ปู่ของเจ้าก็มักจะได้รู้ขึ้นเพียงแค่เล็กน้อย แต่เม็ดยาของเจ้ามีสัมผัสแห่งธรรมชาติที่หนาแน่นอย่างมาก และท่านปู่ก็รู้สึกได้ว่าตัวของเขานั้นมีโอกาสที่จะทะลวงผ่านได้”
“เอาล่ะ คุยกันพอเท่านี้เถอะ ท่านปู่ของเจ้าจะกลับไปปิดประตูฝึกตนแล้ว” ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนกล่าวขณะที่เขาหัวเราะ “ฮ่าฮ่า เมื่อท่านปู่ของเจ้าทะลวงผ่านไปขอบเขตแกนกลางแก่นแท้แล้ว เราจะไปทำตระกูลฝางด้วยกัน ไอ้พวกเวรนั้นกล้าที่จะระรานตระกูลของเราและต้องการชีวิตหลานชายของข้า?” หลังจากกล่าวเช่นนี้ เขาก็หันหลังและกลับไปปิดประตูฝึกตน
“ดูเหมือนว่าท่านพ่ออาจจะทะลวงผ่านในครานี้ได้จริงๆ” เซี่ยวไห่พึมพำ เมื่อเห็นว่าผู้นำตระกูลคนก่อนดูตื่นเต้นขนาดไหน
“ยังมีเวลาอีกไม่กี่วันก่อนที่จะถึงศึกประลองยุทธ์ เจ้าควรไปเตรียมตัวได้แล้ว” เซี่ยวไห่กล่าว “มีคนกล่าวว่าฝางเฮ่าได้ทะลวงผ่านไปยังขอบเขตต้นกำเนิดมาได้ตั้งนานแล้ว และด้วยจิตวิญญาณการต่อสู้ของเขามันจะเป็นความท้าทายอย่างมากสำหรับการที่เจ้าจะเอาชนะเขา!”
“อืม ข้าเข้าใจแล้ว” เซี่ยวหยุนพยักหน้า เขายังรู้อีกว่าคนจากนิกายต้นกำเนิดสวรรค์ได้มาถึงแล้ว – นั่นจะต้องเป็นเหตุผลที่ฉินหยูเฉินปรากฏตัวขึ้นที่นี่อย่างแน่นอน เนื่องจากเขาได้นำเม็ดยาแก้พิษมา บางทีเขาอาจะมีสิ่งอื่นภายใต้แขนเสื้อของเขาอีกก็ได้ ดังนั้นเซี่ยวหยุนจึงจำเป็นที่จะต้องแข็งแกร่งขึ้น
ครั้งนี้ เขาจะเอาชนะฝางเฮ่าได้อย่างแน่นอน
หลังจากกลับมาที่ห้องของเขา เซี่ยวหยุนก็เตรียมพร้อมยกระดับความแข็งแกร่งของเขาขึ้น
“ตอนนี้ข้าได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิดแล้ว ดังนั้นข้าควรจะลองทะลวงผ่านอีกครั้ง” เซี่ยวหยุนกล่าวขณะที่เขาเอาเม็ดยาออกมาและใช้มัน
นี่เป็นเม็ดยาระบายปราณ ซึ่งผู้ฝึกตนขอบเขตต้นกำเนิดใช้เพื่อดูดซับแก่นแท้แห่งปราณ เนื่องจากถ้าผู้ฝึกตนต้องการจะแข็งแกร่งขึ้น พวกเขาจำเป็นต้องดูดซับแก่นแท้ปราณและปรับแต่งตนเองอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม แค่การพึ่งพาการดูดซับแก่นแท้ปราณแห่งสวรรค์และปฐพีในเขตเมฆาม่วงนั้นไม่เพียงพอสำหรับบางคนที่จะทะลวงผ่านภายในระยะเวลาอันสั้น
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมคนจำนวนมากถึงติดอยู่ที่ขอบเขตต้นกำเนิดมาหลายสิบปีโดยไร้ความคืบหน้าเลย
อย่างไรก็ตาม เม็ดยาจะเอาชนะปัญหาเหล่านี้ไป นี่เป็นเพราะเม็ดยาถูกกลั่นสกัดด้วยส่วนผสมมากมายซึ่งดูดซับแก่นแท้ปราณแห่งสวรรค์และปฐพีเข้าไปมากและถูกควบแน่นทั้งหมดไว้ในเม็ดยา คลื่นอันหนาแน่นแห่งแก่นแท้ปราณกวาดออกไปทั่วทั้งร่างกายเซี่ยวหยุนเหมือนกับสัตว์ป่าดุร้าย นี่เป็นคลื่นของพลังงานที่สามารถทำให้อวัยวะของผู้ฝึกตนขอบเขตหลอมร่างกายแตกสลายไปได้ โชคดีที่เซี่ยวหยุนก้าวเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิดแล้วจึงสามารถทนต่อมันได้
เซี่ยวหยุนได้เปิดใช้งานทักษะศักดิ์สิทธิ์กลืนกินสวรรค์ หลังจากนั้นกระแสน้ำวนก็ปรากฏขึ้นที่ตันเถียนของเขา และแรงดึงดูดมหาศาลก็ปะทุออกมาจากมัน
หวือ!
แก่นแท้แห่งปราณอันหนานแน่นถูกดูดไปยังตันเถียนของเขาและกลั่นสกัดพวกมันเป็นแก่นแท้แห่งปราณของตัวเขาเองอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่ามันจะบริสุทธิ์อย่างน่าเหลือเชื่ออยู่แล้ว และก็ไม่จำเป็นต้องกลั่นสกัดมากนักก็ตาม แต่ก็ยังคงมีพลังงานสมุนไพรบางส่วนตกค้างอยู่ในเส้นลมปราณของเขา
ขณะที่เซี่ยวหยุนใช้ทักษะศักดิ์สิทธิ์กลืนกินสวรรค์ กล้ามเนื้อและเซลล์ของเขาก็ดูดซับพลังงานสมุนไพรอย่างต่อเนื่อง
ฟู่ว!
ทันใดนั้น ร่างกายของเซี่ยวหยุนก็สั่นสะท้านขณะที่เขารู้สึกราวกับว่าความแข็งแกร่งของกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ขั้นกลางของขอบเขตต้นกำเนิด!” ดวงตาของเซี่ยวหยุนสว่างขึ้นขณะเขาหายใจออกมาลึกๆ ในที่สุดเขาก็ได้ก้าวเข้าสู่ขั้นกลางของขอบเขตต้นกำเนิด
เซี่ยวหยุนใช้เม็ดยาตัวอื่นเพิ่มอีก แต่การบ่มเพาะของเขาก็ยังไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนักในเวลานี้
ในไม่ช้าเขาก็ตระหนักได้ว่าทุกครั้งที่การบ่มเพาะของเขาเพิ่มขึ้น เขาจะต้องรอให้มันมั่นคงก่อน ซึ่งเขาจะไม่สามารถทะลวงผ่านอย่างต่อเนื่องได้ด้วยการพึ่งพาเม็ดยา
นอกจากนี้การบ่มเพาะเป็นบางสิ่งที่ต้องค่อยๆเพิ่มขึ้น การที่พึ่งพาเม็ดยานั้นหมายถึงว่าเขาจะไม่มีรากฐานที่มั่นคง ซึ่งจะส่งผลให้เกิดปัญหาในอนาคต
หลังจากเกือบเดือนแห่งการกลั่นสกัดเม็ดยา พลังวิญญาณของเซี่ยวหยุนก็ถูกกลั่นสกัดด้วยเช่นกัน สัมผัสของเขาแหลมคมกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่า และหลังจากที่ส่งพลังวิญญาณออกไป เขาก็รู้สึกว่าเขาได้เข้าใจบางส่วนของหอคอยกลืนกินสวรรค์ เขากระทั่งค้นพบว่ามีบางสิ่งเขียนอยู่บนด้านข้างของหอคอยกลืนกินสวรรค์
“นี่ควรจะเป็นทักษะบางอย่าง” เซี่ยวหยุนกล่าวกับตัวเอง
หอคอยมี 9 ระดับ และเซี่ยวหยุนก็ส่งพลังวิญญาณของเขาออกไป ซึ่งต้องการที่จะได้รับทักษะ ขณะที่พลังวิญญาณของเขาแตะไปที่ชั้นแรก เขาก็รู้สึกราวกับว่าภูเขากำลังกดทับลงมาที่เขา นี่ทำให้วิญญาณของเขาอึดอัดและไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่ถูกเขียนได้ชัดเจนเพียงพอ เป็นเช่นนี้ เซี่ยวหยุนจึงได้แต่ยอมแพ้ด้วยความขุ่นมัว และส่งพลังวิญญาณของเขาไปยังระดับสอง
“แรงดันชั้นนี้ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น” เมื่อพยายามแตะไปที่สิ่งที่เขียนบนระดับสอง แรงกดดันอันหนักหน่วงอย่างน่าเหลือเชื่อก็ได้เจาะลงมาที่เขา มันราวกับว่าท้องฟ้าจะถล่มลงมา ระเบิดพลังวิญญาณของออกไปและเกือบจะสลายวิญญาณของเขาไปด้วย
“ดูเหมือนว่าแรงกดดันจะเพิ่มขึ้นในแต่ละระดับ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ข้าในปัจจุบันสามารถแตะได้” เซี่ยวหยุนกล่าวด้วยการถอนหายใจขณะที่เขามองขึ้นไปที่สิ่งที่ถูกเขียนไว้อย่างลึกลับ “ข้าจะต้องรอจนกว่าข้าจะแข็งแกร่งขึ้นเพื่อตรวจสอบสิ่งนี้”
หลังจากถอยออกมาจากที่นั้น เซี่ยวหยุนก็เริ่มบ่มเผาทักษะทำลายจิตวิญญาณ เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วและเซี่ยวหยุนก็แทบจะทำแค่กินหรือนอนขณะที่เขาบ่มเพาะ
เขามีความอยากรู้อยากเห็นอันเหลือเชื่อต่อสิ่งที่ถูกเขียนไว้อย่างลึกลับบนหอคอยกลืนกินสวรรค์ และต้องการที่จะได้รับมันให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
หัาวันต่อมา เขารู้สึกว่าพลังวิญญาณของเขาได้ทรงพลังมากยิ่งขึ้นและก็กลับไปกำแพงของหอคอยกลืนกินสวรรค์อีกครั้งหนึ่ง
ฟู่ว!
เมื่อพลังวิญญาณของเขาเกือบจะแตกกับสิ่งที่เขียน มันก็ถูกระเบิดออกไปอีกครั้งด้วยคลื่นกระแทกที่ทรงพลัง
“มันยังไม่เพียงพออีกหรือ?” เซี่ยวหยุนขมวดคิ้ว เขาไม่เคยคิดเลยว่าหอคอยกลืนกินสวรรค์จะจัดการได้ยากลำบาก เขาทำได้เพียงถอนหายใจและยอมแพ้ชั่วคราวเท่านั้น
หลังจากที่ปิดประตูฝึกตนมาเป็นเวลานานเช่นนี้ มันก็เป็นเวลาที่เขาจะต้องออกไปแล้ว มิฉะนั้นพี่สาวใหญ่ซือเฟยจะไม่มีความสุข!
เมื่อเขาเดินออกมาที่ลานบ้านที่อยู่ติดกัน เขาก็พบหยานซือเฟยนั่งอยู่กับหยานซือหยัน
“พี่ใหญ่เซี่ยวหยุน” หยานซือหยันวิ่งมาหาด้วยรูปลักษร์ของความไม่มีสุขบนใบหน้าของนาง
“เกิดอะไรขึ้น” เห็นว่าเด็กหญิงดูโกรธขนาดไหน เซี่ยวหยุนก็สงสัยว่าเขาไปทำอะไรผิดสักอย่างกับนาง
“ฮึ่ม เจ้าตัวเหม็นเซี่ยวหยุน เจ้าไปที่ภูเขาเมฆาม่วงและมอบเถาวัลย์ม่วงให้กับพี่สาวใหญ่ แล้วทำไมเจ้าถึงไม่นำอะไรกลับมาเป็นของขวัญให้ข้าด้วยล่ะ?” หยานซือหยันบุ้ยปาก ดวงตาชื้นแฉะของนางมองไปที่เซี่ยวหยุนขณะที่พวกมันกระพริบอย่างต่อเนื่อง
“เจ้าต้องการของขวัญ? จริงๆแล้วข้าได้นำชิ้นนึงกลับมาสำหรับเจ้า!” เซี่ยวหยุนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“มันคืออะไร?” ดวงตาของหยานซือหยันสว่างขึ้นด้วยความคาดหวังบนใบหน้าของนาง
“มันเป็นจิ้งจอกม่วงอันแสนน่ารักอย่างไม่น่าเชื่อ” เซี่ยวหยุนตอบกลับ
“เชอะ แค่นั้น?” หยานซือหยันดูผิดค่อนข้างผิดหวัง “เจ้ามอบจิตวิญญาณการต่อสู็ให้กับพี่สาวใหญ่ แต่เจ้าคาดหวังให้ข้ามีความสุขด้วยจิ้งจอกม่วง? ข้าไม่ต้องการมัน ข้าต้องการจิตวิญญาณการต่อสู้เช่นเดียวกัน มิฉะนั้นข้าจะไม่หยุดรังควานเจ้า”
“จิตวิญญาณ?” เซี่ยวหยุนกลอกตาของเขา
“ข้าต้องหนึ่งดวง” หยานซือหยันกล่าวขณะที่เขาคว้าแขนของเซี่ยวหยุนไว้
“ข้าจะคิดถึงเรื่องนี้ให้” เซี่ยวหยุนตอบกลับด้วยความขุ่นมัว
“จำไว้ เจ้าติดหนี้จิตวิญญาณข้า”
“เมื่อไหร่กันที่ข้าเริ่มเป็นหนี้เด็กหญิงคนนี้?”
“หยุนเอ๋อ” ในขณะนี้มีเสียงที่คุ้นเคยดังออกมา
“ลุงสอง” ดวงตาของเซี่ยวหยุนสว่างขึ้นแล้วมองไปยังทิศของเสียงนั้นจากมา
เซี่ยวไห่เดินเข้าด้วยความปิติยินดีบนใบหน้าของเขา แล้วยังคนอีกไม่กี่คนมากับเขาด้วย – ลุงใหญ่ของเซี่ยวหยุน เซี่ยวหงและผู้ฝึกสอนต่อสู้เซี่ยวอู่ก็มาเช่นเดียวกันกับเซี่ยวเฉียนและคนรุ่นเยาว์คนอื่นอีกไม่กี่คน
พวกเขาทั้งหมดยิ้มกว้างและดูดีใจจนเหลือจน
“พวกเจ้าทั้งหมดทะลวงผ่านแล้ว?” หลังจากมองไปลุงใหญ่และผู้ฝึกสอนต่อสู้เซี่ยวฮู่ที่ยิ้มหน้าแป้น เขาก็ตระหนักถึงบางสิ่งได้ทันที
เซี่ยวหงพยักหน้าและยืนยันว่า “ทุกอย่างต้องขอบคุณเจ้าแล้ว!”
“น้องชายเซี่ยวหยุน” เซี่ยวเฉียนเดินมาด้วยความกตัญญูบนใบหน้าของเขา ผู้เยาว์คนอื่นก็ยิ้มใหญ่บนใบหน้าของพวกเขาเช่นกัน
ผู้คนเหล่านี้ทั้งหมดได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิดขณะที่พวกเขาอายุเพียง 16 ปีเท่านั้นซึ่งเนื่องจากเม็ดยา
“พี่ใหญ่เซี่ยวเฉียน” เซี่ยวหยุนตอบกลับ
ผู้เยาว์เหล่านี้ทั้งหมดเป็นสมาชิกตระกูลที่มีพรสวรรค์ที่ดี และไม่ได้เยาะเย้ยเซี่ยวหยุนเฉกเช่นที่เซี่ยวเฉิงกระทำ
“พรุ่งนี้ก็เป็นศึกประลองยุทธ์ของตระกูลใหญ่ในเขตเมฆาม่วงแล้ว เจ้าพร้อมแล้วรึยัง?” เซี่ยวไห่ถามขณะที่เขายิ้ม
“พรุ่งนี้เป็นศึกประลองยุทธ์?” ดวงตาของเซี่ยวหยุนหดแคบลง เข้าใจแล้วว่าทำไมทุกคนถึงได้เข้ามาหาเขา
“อืม” เซี่ยวไห่ตอบกลับ “พรุ่งนี้ เราจะพึ่งพาเจ้าเพื่อนำเกียรติยศมาให้กับตระกูลเซี่ยวของเรา”
“อย่ากังวลเลยลุงสอง ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกท่านทั้งหมดโดนดูถูก” ความรุนแรงปรากฏขึ้นในดวงตาของเซี่ยวหยุนขณะที่เขากำมือเป็นกำปั้น
“ฝางเฮ่า มันถึงเวลาชำระแค้นของเราแล้ว” คิดย้อนกลับไปว่าตระกูลฝางได้พยายามบังคับให้เขาตายไปอย่างไร เซี่ยวหยุนก็กำกำปั้นของเขาอย่างช่วยไม่ได้ ความมุ่งหวังปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา – มันถึงเวลาแล้วที่เขาจะล้างความอับอายทิ้งไป!
ทุกสิ่งได้พร้อมแล้ว ตอนนี้เขาก็แค่ต้องรอศึกประลอง!