Eternal Martial Sovereign - ตอนที่ 75 – แปลกใจทั้งสองฝ่าย
*จิตวิญญาณการต่อสู้ไฟ = จิตวิญญาณการต่อสู้แห่งอัคคี
Chapter 75 – แปลกใจทั้งสองฝ่าย
ย้อนกลับเมื่อไปตอนนั้น พลังวิญญาณของเซี่ยวหยุนเพียงพอที่จะหยุดได้แค่ผู้ฝึกตนขั้นปลายของขอบเขตต้นกำเนิดอย่างพอดีเท่านั้น แต่ตอนนี้ หลังจากที่ได้ทะลวงผ่านอย่างต่อเนื่องจนไปถึงขั้นสมบูรณ์ของชั้นแรกของทักษะศักดิ์สิทธิ์ทำลายจิตวิญญาณแล้ว พลังวิญญาณของเซี่ยวหยุนก็ทรงพลังจนเหลือเชื่อ ขณะที่มันกวาดออกมา จิตใจของผู้ฝึกตนตระกูลฉีสองคนก็มีเสียงร้องหึ่งๆ
พวกเขาทั้งคู่รู้สึกราวกับว่าติดอยู่ในฟ้าผ่า และใบหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความตกใจกับความกลัว พวกเขายืนอยู่กับที่ ถูกแช่แข็งอยู่ในตำแหน่งของพวกเขาในขณะที่พวกเขาเตรียมตัวจะโจมตี
“พวกมันทั้งหมดกำลังหยุดอยู่รึ?” เมื่อเห็นสิ่งนี้ เด็กหนุ่มของตระกูลไทผู้ที่กำลังบาดเจ็บอยู่ก็จ้องมองไปด้วยดวงตาที่ปูดโปน นี่เป็นวิธีที่ผู้ฝึกตนคนอื่นของตระกูลไทเคยถูกสังหาร – พวกมันทั้ง 2 กำลังจะพบจุดจบแบบเดียวกันใช่ไหม?
ก็จริงนั่นแหละ เซี่ยวหยุนลงมือโจมตีในทันที กระบี่เหล็กสีดำได้ปรากฏขึ้นในมือของเซี่ยวหยุนซึ่งแทงออกไปเหมือนกันฟ้าแลบ ทำให้ผู้ฝึกตน 2 คนจากตระกูลฉีถูกสังหารไปทันที ลำคอของพวกเขาทั้งคู่ถูกเจาะไปในชั่วพริบตาและเมื่อได้เห็นการโจมอันเฉียบแหลมเหล่านี้จากเซี่ยวหยุน ผู้ฝึกตนของตระกูลไทก็ต้องตกใจอย่างเหลือเชื่อ
“คนนี้ค่อนข้างโหดเหี้ยมทีเดียว” ในเวลาเดียวกันคนของตระกูลไทก็เต็มไปด้วยอารมณ์อันร้อนแรง ทำให้พวกเขาต้องรู้สึกเกิดความสนใจอย่างเหลือเชื่อโดยเด็กหนุ่ม
เซี่ยวหยุนคนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เป็นแค่ผู้ฝึกตนขอบเขตต้นกำเนิดธรรดมา!
“เจ้าเด็กนี่คือใครกัน? ทำไมเราไม่เคยเห็นเขามาก่อน?” ผู้ฝึกตนของตระกูลฉีก็รู้สึกประหลาดใจอย่างเหลือเชื่อเช่นกัน ในแค่ไม่กี่ชั่วอึดใจ พวกเขาก็สูญเสียสมาชิกไปหลายคน ซึ่งมันมิอาจเชื่อได้เลย ยิ่งกว่านั้นเด็กหนุ่มคนนี้ก็ดูอายุ 16 หรือ 17 ปีเท่านั้น!
“ไสหัวไป!” เซี่ยวหยุนกล่าวอย่างสงบขณะที่เขามองไปยังคนรอบตัวเขา
“ฮึ่ม ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใครแต่วันนี้เจ้าจะต้องตายไปอย่างแน่นอน”
“จะไม่มีคนจากตระกูลไทรอดไปได้แม้แต่คนเดียวในวันนี้!”
“ยิงเขาให้ตาย!” บางคนจากตระกูลฉีออกคำสั่งขณะที่เขาจ้องไปยังเซี่ยวหยุนอย่างมุ่งร้ายและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงดุร้าย
“ขอรับ!” ข้างหลังเขา พลธนูของตระกูลฉีได้ง้างธนูของพวกเขาอีกครั้ง เพื่อเตรียมตัวจะยิงไปที่เซี่ยวหยุน
หวืด! หวืด!
ในชั่วพริบตา ลูกศร 20 ดอกหรือมากกว่านั้นก็เจาะทะลวงอากาศเข้ามา ซึ่งกำลังฉีกกระชากผ่านอากาศขณะที่พวกมันบินไปหาเซี่ยวหยุน
จากนั้นคนของตระกูลฉีก็ขึ้นท้ายลูกศรไปบนธนูของพวกเขามากยิ่งขึ้น แล้วยิงไปยังเซี่ยวหยุนอย่างต่อเนื่องขณะที่เขาถูกครอบคลุมไปด้วยห่าฝนของลูกศร
ลูกศรได้ตกลงมาอย่างหนาแน่นอยู่เรื่อยๆ ซึ่งเป็นภาพที่ทำให้ผู้พบเห็นต้องรู้สึกมึนงง แม้แต่คนที่อยู่ขั้นสมบูรณ์ขอบเขตต้นกำเนิดก็จะไม่สามารถป้องกันตนเองจากการโจมตีอันเฉียบคมเช่นนี้ได้ และจะทำได้แค่หลบลูกศรจากระยะไกลเท่านั้น แต่ท่าทีของเซี่ยวหยุนก็ยังคงเยือกเย็นและสงบ
“เนื่องจากนั่นคือสิ่งที่เจ้าเลือก ก็จงอย่าโทษข้าที่จะไร้ซึ่งความปราณี” ดวงตาของเซี่ยวหยุนกลายเป็นจริงขณะที่จู่ๆ เขาก็เคลื่อไหนว วิ่งไปข้างหน้าไปยังลูกศร แต่อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้มีร่องรอยของความกลัวบนใบหน้าของเขาเลย ทำให้คนของตระกูลไทและตระกูลฉีรู้สึกตกใจอย่างเหลือเชื่อ
“เด็กคนนี้กำลังจะลองตายหรือ?” ทุกคนที่เฝ้าดูได้ตกตะลึงไปโดยสมบูรณ์ เด็กหนุ่มขอบเขตต้นกำเนิดคนนี้กล้าที่จะกระโจนเข้าสู่ฝนแห่งลูกศร?
เซี่ยวหยุนรีบวิ่งไปข้างหน้าเพื่อกระโจนเข้าสู่ภายในสายฝนแห่งลูกศร ด้วยพลังวิญญาณอันทรงพลังของเขา เขาสามารถมองเห็นวิถีของลูกศรแต่ละดอกได้อย่างง่ายดายและก็หลบพวกมันอย่างคล่องแคล่ว
ฝ่ามือเมฆาปราพก!
ในเวลาเดียวกัน เซี่ยวหยุนก็ผลักฝ่ามือของเขาออกมา แล้วได้เปิดใช้งานจิตวิญญาณการต่อสู้เปลวไฟสีม่วงภายในร่างกายของเขา เมฆสีม่วงแห่งไฟได้มารวมตัวกันภายในมือของเขา จากนั้นก็ก่อตัวเป็นฝ่ามือขนาดมหึมาขณะที่มันพุ่งไปยังลูกศร
เปลวไฟอันแผดจ้าที่ดูเหมือนกับเมฆได้ทำให้อากาศรอบๆ ตัวมันต้องบิดเบี้ยวและหมุนกลับ ที่ใดก็ตามที่มันผ่านไปก็จะทำให้อุณหภูมิของอากศเพิ่มขึ้นอย่างมาก
เซี่ยวหยุนผลักฝ่ามือเมฆาปราพกออกไปอย่างสุดขีด แล้วจึงได้ปลดปล่อยการโจมตีอันน่าตกใจครั้งนี้ออกมา
“ช่างเป็นคลื่นความร้อนที่ร้อนยิ่งนัก!”
“นี่เป็นทักษะการตอ่สู้ที่ใช้ไฟ?”
“เป็นได้ว่าเด็กนี้สามารถควบคุมเปลวไฟแปรผันได้?” เหล่าคนที่สู้อยู่ใกล้ๆ ก็มองมาด้วยความตกใจ
ผู้ฝึกตนที่มีเปลวไฟมีเพียงหนึ่งในล้าน! คนเหล่านี้ทั้งหมดต่างก็เป็นอัจฉริยะที่มีชื่อเสียง – เด็กหนุ่มคนนี้มีความสามารถเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?
เกือบทั้งหมดของผู้ฝึกตนตระกูลไทก็แปลกใจเช่นกัน เด็กหนุ่มผู้ที่พวกเขาได้พบโดยบังเอิญกลับมีพลังขนาดนี้ไปได้
ใตรจะไปคิดว่าเราจะได้พบคนที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้!” ไทเฟิงร้องอุทานขณะที่คนอื่นต่างก็พาจ้องมองไปด้วยความหวาดหวั่น คนรุ่นเยาว์บางคนผู้ที่ได้ดูถูกเซี่ยวหยุนตอนก่อนหน้านี้ทั้งหมดก็ส่ายหัวของพวกเขาด้วยความละอายใจ พวกเขาทั้งหมดพากันคิดว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะใช้ประโยชน์จากท่านหญิงสาม แต่เมื่อเป็นอัจฉริยะแบบนี้แล้ว ทำไมเขาจำเป็นต้องสิ่งดังกล่าวด้วยล่ะ? คนนี้เช่นนี้หาได้ยากอย่างเหลือเชื่อ และก็จะมีสตรีนับไม่ถ้วนเต็มใจที่เป็นของของเขาด้วยซ้ำ
ขณะที่ทุกคนกำลังรู้สึกตกใจอย่างเหลือเชื่ออยู่นั้น ก็ได้ฝ่ามือสีม่วงแห่งไฟระเบิดออกมาเหมือนกับดอกไม้ไฟอันสุกสกาว
ปัง!
การระเบิดครั้งใหญ่นี้ได้ทำให้แม้แต่สวรรค์ต้องสั่นคลอน ทำให้สภาพแวดล้อมถูกปกคลุมไปด้วยแสงอันลุกโชติช่วงที่ร้อนเหมือนกันไฟ คลื่นความร้อนอันแผดจ้าได้ปะทุออกมาทั่วทุกทิศทาง ซึ่งได้ทำลายลูกศรที่อยู่กลางอากาศทั้งหมดไปโดยสิ้นเชิง ไฟนั้นดูราวกับว่ามันจะสามารถเผาผลาญได้แม้แต่สวรรค์และปฐพี และแม้แต่ลูกศรที่ถูกตีขึ้นมาจากเหล็กกล้าละเอียดก็จะถูกละลายไปในชั่วพริบตา
ในเวลาเดียวกัน คลื่นอันทรงพลังแห่งไฟก็ได้พุ่งไปข้างหน้า เพื่อจมพลธนูของตระกูลฉีทั้งหมดลงไป ราวกับว่าพวกเขาได้ถูกกวาดเข้าสู่ทะเลแห่งเปลวไฟและอากาศที่พวกเขาหายใจอยู่อยู่ก็ทำให้พวกเขารู้สึกว่าอวัยวะกำลังถูกทำเป็นอาหารอยู่
ภายใต้ความร้อนอันยิ่งใหญ่นี้ คนของตระกูลฉีได้เร่งถอยกลับก่อน
“ช่างเป็นเปลวไฟอันน่าหวาดกลัว! ภูเขาจะปะทุขึ้นมาได้หรือไม่?” คนของตระกูลฉีจ้องมองไปด้วยสายตาที่เบิกกว้าง ต้องการจะเห็นดูว่าเด็กหนุ่มคนนี้ดูมีลักษณะอย่างไร แต่อย่างไรก็ตาม แสงสีม่วงที่ร้อนเหมือนเปลวไฟนั้นสว่างไสวเกินไปจนพวกเขามิอาจจะมองเห็นสิ่งใดได้
“เปลวไฟเหล่านี้มาจากไหนกัน?” แม้แต่ผู้ฝึกตนขอบเขตแก่นแท้ที่แท้จริงผู้ที่ต้อสู้ในสนามรบใกล้ๆ ก็ต้องรู้สึกตกใจเมื่อได้เห็นเปลวไฟ
หลังจากคลื่นของเปลวไฟผ่านไป พวกมันได้มีไฟเพิ่มขึ้น แล้วก็ได้ปลดปล่อยจำนวนพลังอันน่าเหลือเชื่อออกมา
ขณะที่ทุกคนจ้องมองด้วยความตกใจ ก็ได้มีร่างวูบผ่านเปลวไฟสีม่วงไปอย่างรวดเร็ว
“บัดซบ” พลธนูของตระกูลฉีร้องออกมาขณะที่พวกเขาถูกบังคับให้ต้องล่าถอยไป
หวือ!
เซี่ยวหยุนจับกระบี่ในมือของเขาแล้วพุ่งไปยังผู้ฝึกตนของตระกูลฉี แสงกระบี่วูบผ่านราวกับลิ้นของงูที่แลบออกมา ซึ่งได้เดินทางไปอย่างรวดเร็วจนมิอาจเชื่อได้ เมื่อใดก็ตามที่กระบี่ฟันออกมา มันก็จะนำพาชีวิตไปด้วย
เซี่ยวหยุนก็ยังส่งพลังวิญญาณของเขาออกไปเช่นกัน ทำให้จิตใจของเหล่าพลธนูต้องสั่นสะท้านขณะที่พวกเขาสูญเสียสติสัมปชัญญะไป
หวือ! หวือ!
ในไม่กี่ชั่วคู่ พลธนู 20 คนหรือมากกว่านั้นที่ถูกโจมตีโดยเซี่ยวหยุนก็ได้ตกลงบนพื้นและตายลง
แสงสีม่วงค่อยๆ หายไปขณะที่เปลวไฟได้ถูกดูดซัมกลับเข้าไปในร่างกายของเซี่ยวหยุน เลือดได้หลอดผ่านหุบเขาเหมือนกับลำธาร ถ้อยคคำเย้ยหยันและกลิ่นสาบเลือดไปคละคลุ้งไปทั่วอากาศ แม้แต่คนของตระกูลไทก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจของพวกเขากำลังจะกระโจนออกมาจากหน้าอก
ในชั่วพริบตา พลธนู 20 คนหรือมากกว่านั้นได้สูญเสียชีวิตของพวกเขาลงไป ใครกันที่จะสามารถบรรลุถึงฝีมือระดับนี้ได้?
แม้ว่าผู้ฝึกตนขอบเขตแก่นแท้ที่แท้จริงจะลงมือโจมตี แต่มันก็เป็นไปได้ว่าอาจจะมีสักหนึ่งหรือสองคนหลบหนีไปได้
เมื่อได้เห็นฉากนี้อยู่ตรงหน้าของพวกเขา ทุกคนในปัจจุบันก็ไม่อาจระงับความหวาดกลัวในหัวใจของพวกเขาได้
“เด็กคนนั้นมาจากไหนกัน?” ผู้ฝึกตนของตระกูลฉีได้ตั้งคำถามขณะที่พวกเขาทั้งหมดจ้องมองไปด้วยความกลัว
“ใครจะไปคิดว่าเจ้าเด็กคนนี้จะทรงพลังมากขนาดนี้กัน” คนของตระกูลไทรู้สึกว่าพวกเขากำลังอยู่ในฝัน เด็กหนุ่มที่พวกเขาได้พบโดยบังเอิญเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ซ่อนตัวอยู่ ผู้ฝึกตนของเขตต้นกำเนิดรู้สึกหวาดหวั่นเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าเขา
“เขาทรงพลังขนาดนั้นเลยรึ?” ท่านหญิงสามพึมพำกับตัวเองอยู่ในเต็นท์ขณะที่นางกระพริบตา ถึงแม้ว่านางจะรู้ดีว่าเด็กหนุ่มคนนี้มิได้ธรรมดาเลย แต่นางก็ไม่ได้คาดเดาว่าเขาจะน่าอัศจรรย์ถึงเพียงนี้ ด้วยพรสวรรค์เฉกเช่นนี้แล้ว ก็คงจะมิมีคนรุ่นเยาว์หน้าไหนในเมืองหมอกเหนือสามารถเทียบเทียมเขาได้
“เขามีจิตวิญญาณการต่อสู้แห่งอัคคีรึ?” ในระยะไกล ผู้นำตระกูลที่สองของตระกูลไทก็ยังมองไปด้วยความตกใจเช่นกัน
“บัดซบ เจ้าเด็กนั่นเป็นใครกัน? ทำไมเขาจึงเข้มแข็งนัก?” การแสดงออกของฉีจงมืดครึ้มลง เสียงของเขาช่างน่ากลัวและหนาวเย็นอย่างเหลือเชื่อ พวกเขาเกือบจะฆ่าคนของตระกูลไทได้อยู่แล้ว แต่มันกลับมีคนเช่นนี้ปรากฏตัวขึ้นมา
“คนคนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ได้อยู่ในตระกูลไท!” ฉีหมิงพึมพำอยู่ข้างๆ เขา
“ฮึ่ม ใครก็ตามที่กล้าคนตระกูลฉีของเราก็ถือว่ารนหาที่ตาย!” การแสดงออกอันมืดมนได้ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของฉีจงขณะที่เขาคำราม “จงไปสังหารเขา!”
“ใช่!” ดวงตาของฉีหมิงกลายเป็นจริงจังขณะท่เขากวาดออกไปราวกับนกอินทรีย์ยักษ์
แม้ว่าผู้นำตระกูลที่สองของตระกูลไทจะอยากหยุดเขา แต่เขาก็ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ภายใต้การจู่โจมของสองพี่น้องตระกูลฉี เขาก็ได้รับบาดเจ็บมาหลายครั้งแล้ว
“ตายซะเจ้าเด็กเหลือขอ” ฉีหมิงคว้ากระบองของเขาขณะที่จู่โจมไปยังเซี่ยวหยุน
หวือ!
ฉีหมิงได้หมุนควงกระบองเขาไปรอบด้าน ซึ่งได้ปลดปล่อยแสงอันเย็นชาออกมาขณะที่คลื่นอันแข็งแกร่งของพลังได้ตกลงไปยังเด็กหนุ่มข้างหน้าเขา
อำนาจแห่งผู้ฝึกตนของเขตแก่นแท้ที่แท้จริงน่าเกรงขามมาก แล้วการโจมตีอันรวดเร็วและรุนแรงก็ได้ปลดปล่อยแรงกดดันออกมาเหมือนกับภูเขา แค่แรงกดดันอย่างเดียวก็สามารถสะกดข่มผู้ฝึกตนขอบเขตต้นกำเนิดได้ แม้แต่เซี่ยวหยุนก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นการโจมตีเช่นนี้ ดังนั้นแล้วเขาจึงได้รีบล่าถอยออกไปสองเมตรก่อนที่จะทำให้ตัวเองมั่นคง
“บัดซบ ผู้ฝึกตนขอบเขตแก่นแท้ที่แท้จริงกำลังจะโจมตี” เมื่อเห็นฉีหมิงกระโจนออกมาโจมตี คนของตระกูลไทก็รู้สึกกังวลอย่างเหลือเชื่อ
“เขาจะสามารถหลบหนีได้หรือไม่?” หัวใจของท่านหญิงสามเต้นเหมือนกับคนบ้า แล้วนางยังรู้สึกเหมือนกับว่ามันติดอยู่ในลำคอของนาง
ฉีหมิงกระโจนไปข้างหน้าเหมือนกับอินทรีย์ตัวยักษ์ แล้วกวาดผ่านอากาศด้วยกระบองของเขา กลิ่นอายของเขานั้นน่าหวาดกลัวอย่างเหลือเชื่อ และแม้แต่ผู้ฝึกตนขอบเขตแก่นแท้ที่แท้จริงธรรมดาก็จะต้องดิ้นรนเพื่อป้องกันตัวเองจากการโจมตีอันรุนแรงดังกล่าว
“สังหารเขา!”
“ทุบเขาให้เละ!” ผู้ฝึกตนที่เหลือของตระกูลฉีร้องออกมาขณะที่พวกเขาขบฟัน เด็กหนุ่มคนนี้ทรงพลังเกินไปและพวกเขาก็รู้สึกเกรงกลัว พวกเขาจะต้องฆ่าเด็กหนุ่มให้รวดเร็วที่สุดเพื่อความสบายใจของตนเอง
“ขั้นต้นของขอบเขตแก่นแท้ที่แท้จริง?” เซี่ยวหยุนยกคิ้วขึ้น เขารู้สึกกดดัน หัวใจของเขากำลังบีบรัดอยู่ แต่นั่นก็คือทั้งหมดแล้ว
“ฮ่าอ่า พลังของเจ้ายังห่างไกลกว่าจะพอสังหารข้าได้” เซี่ยวหยุนยิ้มจางๆ ขณะที่สายตาของเขากลายเป็นจริงจัง กระแสน้ำวนรวมตัวกันอยู่ระหว่างคิ้วของเขาขณะที่คลื่นพลังวิญญาณอันทรงพลังได้ไหลออกมา
หวือ!
ทันทีที่พลังวิญญาณถูกยิงออกมา อากาศก็สั่นสะเทือนราวกับว่ามีระลอกคลื่นที่มองไม่เห็นผ่านมันไป
ขณะที่คลื่นกระแทกไร้รูปกระเพื่อมออกมา ดวงตาของฉีหมิงก็เบิกกว้าง เขารู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันยิ่งใหญ่ภายในวิญญาณของเขา ราวกับว่าท้องฟ้าได้ถล่มลงมาและผูกมัดมันไว้ นี่ทำให้เขารู้สึกอ่อนแอและไร้พลังอย่างเหลือเชื่อ
แต่อย่างไรก็ตาม การบ่มเพาะของฉีหมิงก็อยู่ที่ขั้นต้นของขอบเขตแก่นแท้ที่แท้จริง และเกือบจะอยู่ที่ขั้นกลางแล้ว เขาเตรียมพร้อมเศษสุดท้ายของความคมชัดในจิตใจของเขาอย่างเต็มที่ แล้วการแสดงออกอันโหดร้ายก็ได้ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขาขณะที่เขายังคงตีไปที่เด็กหนุ่มด้วยกระบองของเขา
ถ้าเขาสามารถสังหารเด็กหนุ่มคนนี้ แรงกดดันทั้งหมดบนคนของเขาก็จะหายไป
เซี่ยวหยุนไม่ได้ตื่นตระหนกและยกหัวของเขาขึ้นขณะที่ยิ้มหนาวเย็น
“หอกทำลายวิญญาณ สังหารเขาให้ข้า!”
ก่อนที่เด็กหนุ่มจะพูดจบ หอกสั้นที่เรืองแสงมืดมิดก็เริ่มยื่นออกมาจากน้ำวนระหว่างหน้าผากของเขา มันได้เจาะทะลุผ่านอากาศไปทันทีขณะที่มันถูกยิงไปยังฉีหมิง ซึ่งได้ปลดปล่อยกลิ่นอายที่ทำให้มันดูราวกับสามารถสังหารผู้ที่มาจากสวรรค์และทำลายเหล่าเทพได้
อักษรรูนได้กระพริบบนหอกทำลายจิตวิญญาณ ซึ่งปลดปล่อยความรู้สึกลึกซึ้งและคลุมเครือออกมา คลื่นกระแทกดูเหมือนจะแช่แข็งได้ทั้งสวรรค์และปฐพีได้ ซึ่งได้สร้างบรรยากาศอันแปลกประหลาดออกมาราวกับว่ามันได้ปิดตายทุกสิ่งในสถานที่แห่งนี้เอาไว้
เมื่อรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายจากหอก ฉีหมิงก็รู้สึกราวกับวิญญาณของเขากำลังสั่น หอกนี้มิอาจหยุดมันได้! มันราวกับมนุษย์ตัวจ้อยที่ได้พบกับพระเจ้า ความแตกต่างระหว่างพวกเขาคล้ายกับเหล่าเมฆและฝุ่นผง