Eternal Martial Sovereign - ตอนที่ 55 – ข้าจะเอาชนะเจ้า
“นั่นเป็นช่องว่างระหว่างพวกเรา” เซี่ยวหยุนตอบกลับขณะที่มองไปยังโจวหลินอย่างจริงจัง
“เจ้าต้องการจะสู้กับข้าอีกครั้งรึ?”
ขณะที่เด็กหนุ่มกล่าว แรงกดดันไร้รูปร่างก็เล็ดลอดออกมาจากเขา นำเอากลิ่นอายแหลมคมและจิตสังหารออกมาด้วย ใครก็ตามที่รู้สึกถึงสิ่งนี้จะรู้สึกได้เลยว่าดวงวิญญาณของพวกเขากำลังสั่นเทา – นี่เป็นบรรยากาศของผู้ที่สังหารคนมาจำนวนมากและแม่น้ำแห่งเลือดอยู่ในมือของพวกเขา หลังจากที่เซี่ยวหยุนไปเสี่ยงภัยในภูเขาเมฆาม่วง เขาก็ได้สังหารผู้คนไปแล้วนับสิบคน
“ข้า…” โจวหลินตัวสั่น มันราวกับว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับปีศาจ เขารู้สึกได้ถึงสำนึกแห่งความหวาดกลัวภายในตัวของเขา และความไม่ยอมรับของเขาก็หายไปอย่างรวดเร็ว เพราะว่าไม่อย่างไรก็ตาม โจวหลินไม่เคยมีประสบการณ์การต่อสู้เป็นตาย และก็ไม่มีความแข็งแกร่งทางจิตเช่นเดียวกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ มันก็เป็นเรื่องธรรมชาติสำหรับการที่เขาจะต้องถอยหลังเมื่อเผชิญหน้ากับอันตราย
“ข้าแพแล้ว” โจวหลินกล่าวด้วยเสียงไร้พลังขณะที่เขาปิดเปลือกตาลง มันไม่ใช่เพียงแค่ผลกระทบจากกลิ่นอายของเซี่ยวหยุน – แต่หลังจากที่สงบลง เขาก็สังเกตได้ถึงอาการบาดเจ็บของตนเอง เพียงแค่การโจมตีครั้งเดียวจากเซี่ยวหยุน ซี่ของเขาก็หักอย่างน้อยสองสามซี่
“เซี่ยวหยุนชนะและจะเข้ารอบต่อไป!” ผู้ตัดสินคนหนึ่งประกาศเสียงดังออกมา เสียงของผู้ชายคนนั้นค่อนข้างต่ำ แต่กลับเติมเต็มได้ทั่วทั้งสนามกระทั่งทุกคนได้ยิน
“เซี่ยวหยุนชนะ?” ได้ยินคำพูดเหล่านี้ ทุกคนในปัจจุบันต่างก็ตกตะลึง
“เขาฟื้นคืนพรสวรรค์ของเขาแล้วจริงๆ?”
“เขาเอาชนะโจวหลินได้อย่างง่ายดาย? เป็นไปได้ไหมว่าเขาสามารถกวาดล้างใครก็ตามที่อยู่ขั้นต้นของขอบเขตต้นกำเนิดได้?” ความคิดนี้โผล่เข้ามาในจิตใจของคนนับไม่ถ้วน และพวกเขาก็ไม่กล้าที่จะดูถูกเด็กหนุ่มคนนี้อีกต่อไปแล้ว โดยยึดพลังการต่อสู้ที่เขาเพิ่งแสดงออกมาเป็นหลัก มันแน่นอนแล้ว่าเขาต้องไม่ธรรมดา
“เด็กหนุ่มคนนี้มีพลังเช่นนี้หรือ?” บนเวที ผู้ฝึกตนจากตระกูลใหญ่ทั้งหมดเปิดเผยความกังขาออกมา
“นี่เป็นเซี่ยวหยุนจริงหรือ?” ท่านหญิงหยานเฝ้ามองด้วยความตกใจ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เซี่ยวหยุนมักจะมาที่พักอาศัยตระกูลหยานอยู่บ่อยๆ และนางก็ได้คุ้นเคยกับสถานะของเขา มันเป็นไปได้ไหมว่าเขาได้กลายเป็นคนใหม่กะทันหันหลังจากไม่กี่เดือน และแม้กระทั่งสามารถเอาชนะอัจฉริยะจากตระกูลโจวไปได้ในการโจมตีเดียว?
“นี่เป็นความจริงหรือ?” ขนตายาวของหลินเซี่ยวเหมากระพริบขณะที่ดวงตาของนางหดแคบลง ความตกใจถูกเขียนไว้เต็มใบหน้าของนาง นางไม่เคยคิดเลยว่าเซี่ยวหยุนจะสามารถเอาชนะโจวหลินได้อย่างง่ายดายเช่นแบบนั้น
เซี่ยวหยุนบรรลุถึงชัยชนะได้ง่ายดายราวกับหายใจ!
“ดู? ข้าบอกเจ้าแล้วว่าพี่ใหญ่เซี่ยวหยุนจะชนะ” ข้างๆนาง ความยินดีได้ปรากฏขึ้นในดวงตาของหยานซือหยันขณะที่นางมอบรอยยิ้มแห่งความสุขใจออกมา
“เจ้ายินดีอะไรกัน? เขาก็แค่เอาชนะโจวหลิน รอดูสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเขาต่อสู้กับนายน้อยฝางเฮ่าเถอะ” หลินเซี่ยวเหมายกคิ้วของนางขึ้น มีความเยาะเย้ยอยู่ในดวงตาของนาง แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อนางได้มองไปที่เด็กหนุ่มจากระยะไกลด้วยสายตาของนาง ก็มีความรู้สึกตกใจอยู่ภายในพวกมัน
“พรสวรรค์ของเขากลับมาอย่างแท้จริงแล้ว?” หลินเซี่ยวเหมาพึมพำอยู่ข้างใน
“ฮ่าฮ่า นายน้อยเซี่ยวหยุนได้รับชัยชนะแล้ว”
“อัจฉริยะของตระกูลเซี่ยวกลับมาในที่สุด!”
“ตราบเท่าที่เรามีนายน้อยเซี่ยวหยุน ตระกูลเซี่ยวของพวกเราจะต้องรุ่งเรืองอย่างแน่นอน!” ชัยชนะของเซี่ยวหยุนทำให้คนของตระกูลเซี่ยวเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เลือดของพวกเขากำลังเดือดพล่าน และพวกเขาก็ร้องออกมาด้วยความปิติยินดี ราวกับว่าพวกเขาระบายอารมณ์ที่ถูกอัดอั้นไว้ตลอดหลายปีออกมา
ตระกูลเซี่ยวได้ตกลงสู่ความเงียบมานานเกินไปแล้ว จนมันถึงจุดที่ฝางเฮ่ากล้าที่จะบุกอาณาเขตของพวกเขาและเยาะเย้ยพวกเขาแบบไม่มีชิ้นดี ตอนนี้เซี่ยวหยุนได้ฟื้นคืนการบ่มเพาะมาแล้ว ตระกูลเซี่ยวจึงได้เห็นร่องรอยของความหวังอีกครั้ง
“ใครจะไปคิดกันว่าหยุนเอ๋อจะทรงพลังขนาดนี้” แสงแปลกๆส่องประกายในดวงตาของเซี่ยวหง เขารู้ดีว่าการที่เซี่ยวหยุนเอาชนะเซี่ยวเฉิงได้อย่างง่ายดายนั้น พรสวรรค์ของเขามีแนวโน้มที่อาจจะกลับมาและเขาก็อาจจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิด อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยคาดเดาว่าเซี่ยวหยุนจะเอาชนะโจวหลินได้อย่างง่าย
เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ตาม โจวหลินนั้นก็เป็นอัจฉริยะของตระกูลโจวและมีชื่อเสียงค่อนข้างมากภายในเขตเมฆาม่วง!
“ฮ่าฮ่าและนี่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดของความสามารถเซี่ยวหยุนหรอกนะ” เซี่ยวไห่กล่าวขณะที่เขาหัวเราะ
“โอ้” ความสับสนปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเซี่ยวหง “ไม่ใช่ทั้งหมดของความสามารถเซี่ยวหยุน?”
เป็นไปได้ว่านี่ยังไม่ใช่ขีดจำกัดของเซี่ยวหยุน? สิ่งนี้มันทำให้เขารู้สึกทึ่ง
“เพียงแค่รอดู” เซี่ยวไห่ยิ้มอย่างใจเย็นและดูเหมือนลึกลับ
ถึงแม้ว่าจะมีคำถามมากมายภายในหัวใจของเซี่ยวหง แต่เขาก็ไม่ได้ถามต่อ นอกเหนือจากเซี่ยวไห่ ก็มีคนอื่นน้อยมากที่จะรู้ว่าเซี่ยวหยุนนั้นได้รู้ถึงวิธีการกลั่นสกัดเม็ดยา
ขณะที่คนของตระกูลเซี่ยวเชียร์เสียงดัง ใบหน้าของคนในตระกูลฝางกลับหมองคล้ำลง
“ใครจะไปคิดว่าไอ้สารเลวนั้นจะฟื้นคืนพรสวรรค์ของเขาได้” ฝางเว่ยกล่าวขณะที่เขาขมวดคิ้ว
คนรุ่นเยาว์คนอื่นของตระกูลฝางก็ไม่พอใจต่อสิ่งนี้มากเช่นกัน สามเดือนที่แล้ว เด็กหนุ่มคนนี้ยังอยู่แค่ที่ระดับ 6 ขั้นหลอมร่างกายเท่านั้น และพวกเขาก็เรียกเขาว่าขยะ แต่มันเป็นไปได้อย่างไรที่จะบรรลุถึงการบ่มเพาะเช่นนี้ในช่วงเวลาเพียงแค่ไม่กี่เดือนและทิ้งพวกเขาไว้เบื้องหลังอันห่างไกล?
“ดูเหมือนว่ามีเพียงแค่นายน้อยฝางเฮ่าเท่านั้นที่จะสามารถจัดการกับเขาได้” พวกเขาบางคนถอนหายใจ
“ไอ้เด็กเหลือขอคนนี้ฟื้นคืนพรสวรรค์ของมันแล้ว?” ผู้นำคนก่อนของตระกูลฝางก็ยังมองไปด้วยการแสดงออกที่ตกใจเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม เขารีบฟื้นคืนความเยือกเย็นทันทีขณะที่ความน่ากลัวและโหดเหี้ยมปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา
เซี่ยวหยุนลงมาจากเวทีและเดินไปจับสลากอีกครั้ง
ฝางเฮ่าผู้ที่สู้เสร็จมานานแล้ว ยิ้มอย่างยั่วยุ
‘ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นเองว่าอัจฉริยะของจริงเป็นเช่นไร’
เซี่ยวหยุนเมินเฉยต่อการยั่วยุของฝางเฮ่าโดยสมบูรณ์ ไม่มีการโต้ตอบด้วยคำพูดที่ไร้ประโยชน์ในตอนนี้ – ผลลัพธ์เป็นหลักฐานที่ดีที่สุด
ไม่นานหลังจากนั้น การต่อสู้บนเวทีอื่นก็มาถึงบทสรุปของพวกเขา คนที่ได้ไปต่อก็ก้าวขึ้นไปเตรียมตัวและเตรียมพร้อมที่จะเข้าสู่รอบถัดไป หลังจากรอบแพ้คัดออก ก็มีคนเหลือแค่ 40 คน
หลังจากจับสลากอีกครั้ง เซี่ยวหยุนก็ยังคงไม่ได้จับคู่กับฝางเฮ่า
ในคราวนี้ ฝ่ายตรงข้ามของเซี่ยวหยุนเป็นเด็กหนุ่มระดับ 9 ขั้นหลอมร่างกาย ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มต่อสู้กัน ฝ่ายตรงข้ามก็ได้ยอมแพ้ไปซะก่อน
เมื่อเวลาผ่านไป การแข่งขันก็คืบหน้าขึ้น รอบต่อรอบ
บนเวที เซี่ยวเฉียนในปัจจุบันกำลังต่อสู้กับฝางเฮ่า
“ไม่เลว – เจ้าได้ก้าวเข้าสู่ขั้นต้นของขอบเขตต้นกำเนิดแล้ว แต่ยังไงซะ มันก็น่าเสียดายนี้มันยังไม่เพียงพอ” ฝางเฮ่ากล่าวด้วยรอยยิ้มอันสงบ เขาไม่ได้ใช้จิตวิญญาณการต่อสู้ของเขา แต่กลับใช้ตราประทับภูเขาหนักของตระกูลฝางเอาชนะเซี่ยวเฉียนไปได้ทันที บรรยากาศที่การโจมตีของเขาปลดปล่อยออกมาทำให้มันดูเหมือนจะไม่สามารถขวางกันมั้นได้
“สุดท้ายข้าก็ยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับเขาได้!” เซี่ยวเฉียนตกลงบนพื้น มีการแสดงออกถึงความผิดหวังอยู่บนใบหน้าของเขา
เขาได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิดมานานแล้ว และหลังจากที่ใช้เม็ดยาระบายปราณจากเซี่ยวหยุน เขาก็ได้มาถึงจุดสมบูรณ์ของขั้นต้นขอบเขตต้นกำเนิด ในเร็วๆนี้เขาก็จะสามารถก้าวเข้าสู่ขั้นกลางของขอบเขตต้นกำเนิดได้แล้ว
แต่ถึงกระนั้น เซี่ยวเฉียนก็ยังไม่สามารถต่อกรกับฝางเฮ่าได้ และสิ่งที่เขายากจะยอมรับได้มากที่สุดก็คือการที่ฝางเฮ่าไม่ได้แม้แต่จะใช้จิตวิญญาณการต่อสู้ของเขา นั่นหมายความว่าฝางเฮ่าเหนือกว่าเขาไปไกลมาก!
“เซี่ยวเฉียนแพ้และฝางเฮ่าชนะ!” ผู้ตัดสินได้ประกาศออกมา
“นายน้อยฝ่างเฮ่าผู้ยิ่งใหญ่!”
“ชัยชนะถูกรับรองไว้ให้กับนายน้อยฝางเฮ่า!” คนของตระกูลฝางดีใจจนเหลือล้นและตื่นเต้นอย่างเหลือเชื่อ
“เขาควรจะขึ้นไปถึงจุดสมบูรณ์ของขั้นกลางขอบเขตต้นกำเนิดแล้ว” เซี่ยวเฉียนกล่าวกับเซี่ยวหยุนหลังจากลงมาจากเวที
“ไม่เป็นไร” เซี่ยวหยุนกล่าวอย่างสงบแล้วยักไหล่
เห็นว่าเซี่ยวหยุนมั่นใจขนาดไหน เซี่ยวเฉียนก็ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มอีกแล้วก็ถอยกลับไป
การประลองยังคงดำเนินต่อไป และผู้ฝึกตนจากตระกูลต่างๆก็ถูกกำจัดออกต่อไปเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตาม ทุกคนยังคงสู้ด้วยความแข็งแกร่งทั้งหมดของพวกเขา เพราะว่า 10 อันดับแรกจะได้รับเม็ดยาระบายปราณ สำหรับลูกหลานจากตระกูลธรรมดา เม็ดยาประเภทนี้เป็นสมบัติอันสูงค่า มันเป็นยาปาฏิหาริย์ที่พวกเขาได้แต่ฝันถึงเท่านั้น
เซี่ยวหยุนยังคงเอาชนะฝ่ายตรงข้ามต่อไปจนจบ
จากสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเขาและฝางเฮ่าจะไม่ได้ถูกจัดให้เผชิญหน้ากัน
จนถึงตอนท้ายที่สุด
“รอบชิงชนะเลิศจะเป็นศึกของระหว่างเซี่ยวหยุนและเฝางเฮ่า!” ผู้ตัดสินวัยกลางคนประกาศออกมาบนเวทีรอบชิงชนะเลิศด้วยการเปรยของความตื่นเต้น เขาดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความหวาดหวังต่อการประลองครั้งนี้
“ใครจะไปคิดกันว่าเซี่ยวหยุนจะสามารถมาถึงรอบชิงชนะเลิศได้” สายเร่าร้อนของผู้คนนับหมื่นตกลงบนร่างเด็กหนุ่ม ผู้คนไม่สามารถปิดบังความเคารพและสรรเสริญที่พวกเขารู้สึกต่อเขาได้ – ในดวงตาของผู้คนในปัจจุบัน เด็กหนุ่มคนนี้เป็นความภาคภูมิใจของสวรรค์อย่างแท้จริง
นับจากนี้เป็นต้นไป จะไม่มีใครกล้าพูดว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นขยะอีกต่อไป
หลังจากเอาชนะจากตระกูลต่างๆอย่างต่อเนื่องจนมาถึงรอบชิงชนะเลิศ ใครมันจะยังกล้าไปเรียกเขาว่าขยะกัน?
“เซี่ยวหยุนคนนี้มาถึงขอบเขตต้นกำเนิดจากระดับ 6 ขั้นหลอมร่างกายในเวลาแค่ 3 เดือน เขาจะไม่ก้าวเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้ที่แท้จริงหลังจากผ่านไปอีกไม่กี่เดือนเลยหรือ?”
“เจ้าคิดว่าการก้าวเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้ที่แท้จริงนั้นมันง่ายหรือ? นั่นจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อเจ้าเข้าร่วมนิกายต้นกำเนิดสวรรค์” คนอื่นหัวเราะเย็นชา
“ฮ่าฮ่า ด้วยนายน้อยฝางเฮ่าในปัจจุบัน มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่เซี่ยวหยุนจะมีโอกาสเข้าสู่นิกายต้นกำเนิดสวรรค์? นายน้อยฝางเฮ่ามีจิตวิญญาณการต่อสู้”
“ถูกต้อง ด้วยจิตวิญญาณการต่อสู้ ฝางเฮ่าถูกกำหนดให้ทรงพลังมากกว่าคนอื่นๆในการบ่มเพาะเดียวกันไปมากโข” สมาชิกในตระกูลบางตระกูลที่มีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับตระกูลเซี่ยวใช้โอกาสนี้ในการเยาะเย้ยพวกเขา พวกเขาไม่ต้องการให้เซี่ยวหยุนแข็งแกร่งขึ้น ดังนั้นพวกเขาจึงตั้งความหวังไว้กับฝางเฮ่า
บนเวที ผู้อาวุโสจากตระกูลต่างๆมองไปที่เวทีด้วยความคาดหวัง (คือถ้าสับสนขอโทษนะครับ ถ้าไม่โอเคจะเปลี่ยนให้ครับ ตรงนี้เป็นเวทีที่เป็นที่นั่งกับเวทีที่พวกเซี่ยวหยุนสู้อยู่นะครับ)
มีเพียงแค่ผู้นำคนก่อนจากตระกูลฝางเท่านั้นที่มองดูสงบอย่างสมบูรณ์
“เขาต้องการจะเข้าสู่นิกายต้นกำเนิดสวรรค์?” ร่องรอยความเย็นชาปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของฉินหยูเฉิน
“นี่เป็นรอบชิงชนะเลิศ ผู้ชนะจะได้รับสิทธ์ไปยังนิกายต้นกำเนิดสวรรค์และเข้ารับการตรวจสอบ” ผู้ตัดสินกล่าวก่อนที่จะออกจากเวที ทิ้งไว้ให้เหลือเพียงแค่เด็กหนุ่มสองคนที่ยืนอย่างสง่างามซึ่งจ้องมองกันไปมา
ในช่วงเวลานั้น ทั่วทั้งสนามก็ถูกส่งลงสู่ความบ้าคลั่ง
ผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนตะโกนเสียงเชียร์ออกมา
ทุกคนสนทนาดุเดือดว่าใครจะเป็นผู้ชนะ
มีเพียงหนึ่งคนที่จะได้เป็นความภาคภูมิใจแห่งสวรรค์และถูกเรียกว่าอัจฉริยะที่หายากในรอบพันปี
ถึงแม้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะตกลงสู่ช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่พรสวรรค์ของเขาก็ได้หวนคืนมาแล้ว บางทีเขาอาจจะสามารถกลายเป็นผู้ชนะได้
ขณะที่อีกคนเป็นอัจฉริยะคนปัจจุบัน ผู้มีจิตวิญญาณการต่อสู้น้ำแข็งที่ได้รับการยกย่องจากทุกคนและมีพลังต่อสู้มหาศาล เขาจะสามารถสะกดข่มอัจฉริยะจากอดีตและรักษาความสง่าผ่าเผยของเขาไว้ได้หรือไม่?
คลื่นเสียงอันอึกทึกและดังโครมครามเหมือนกระแสคลื่นจากเหล่าผู้ชม
ภายในเสียงกึกก้องทั้งหมดนี้ จิตวิญญาณในประลองภายในดวงตาของเด็กหนุ่มทั้งสองคนเพิ่มขึ้นขณะที่พวกเขายังคงจ้องมองกันและกันอยู่ มันดูเหมือนว่าพวกเขาทั้งคู่กำลังจะเริ่มแล้ว
“ใครจะไปคิดว่าขยะเช่นเจ้าจะสามารถกลับมาได้?” สายตาของฝางเฮ่านั้นหนาวเย็นขณะที่มองไปที่เด็กหนุ่มตรงข้ามเขา
“มีทั้งการขึ้นและลงในชีวิต แล้วมันจะทำไมถ้าข้าจะอยู่ที่ก้นลำธารสักครู่?” ดวงตาของเซี่ยวหยุนหดแคบลง มีรอยยิ้มอันสงบบนใบหน้าของเขา “เจ้าก็มีเพียงแค่จิตวิญญาณการต่อสู้น้ำแข็งเท่านั้น แต่เจ้าก็ยังคิดว่าตัวเจ้าอยู่ยงคงกระพันและทำตัวหยิ่งยโสได้? วันนี้ ข้าจะเอาชนะเจ้าและแสดงให้เจ้าเห็นว่าอัจฉริยะที่แท้จริงเป็นเช่นไร ในสายตาของข้า เจ้า ฝางเฮ่าไม่มีอะไรเลย”
“ช่างเป็นคำพูดอันหยิ่งผยอง” ฝางเฮ่ายกคิ้วของเขาขึ้นด้วยความดูถูกบนใบหน้าของเขาขณะที่หัวเราะเย็นชา “เจ้าก็แค่ก้าวเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิด – นั่นเป็นบางสิ่งที่ไม่ควรค่าแม้แต่การกล่าวขวัญ บางคนเช่นเจ้า ผู้ที่มีเพียงแค่จิตวิญญาณการต่อสู้ขยะจะต้องไม่เคยประสบกับความทรงพลังที่จิตวิญญาณการต่อสู้ควรเป็น วันนี้ ข้าจะตัดอนาคตของเจ้าทิ้งเสีย”
ขณะที่เขาพูด ความกดดันอันทรงพลังก็กวาดออกมาจากฝางเฮ่า