Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 3097 ยังมีอีกคน
ตอนที่ 3097 ยังมีอีกคน
เสียงฮึน่าเกรงขามดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ฟ้าดินล้วนตระหนกตกใจ สุริยันจันทราดล้วนอับแสง เสียงฮึน่าเกรงขามเสียงหนึ่งเปี่ยมด้วยลักษณะอันน่าเกรงขามสูงสุด ภายใต้เสียงฮึน่าเกรงขามเสียงนี้ แม้แต่ราชันแท้จริงและเทพแท้จริงก็ต้องขวัญหนีดีฝ่อ
ทว่า ปฏิกิริยาของหลี่ชิเย่กับเสียงฮึน่าเกรงขามเช่นนี้กลับเรียบเฉยมาก มองเหมือนไม่มีตัวตน
นาทีนี้ได้ยินเสียงแว้งค์ดังขึ้นเสียงหนึ่ง ดวงดาวรวมตัวกัน แสงที่แปรปรวน ในพริบตาเดียวนั่นเอง ภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวปรากฏใบหน้าขึ้นมา ใบหน้าใบนี้ดูจะเหมือนในความฝันมาก ไม่สู้จะเป็นจริงนัก กระทั่งมองเห็นแล้วก็จะลืมเลือนไปทันที
ขณะที่มองเห็นใบหน้านี้จะรู้สึกว่าตนเองนั้นกำลังนอนหลับสนิทและฝันไปเท่านั้น แต่ว่า เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วก็จะจำรายละเอียดของความฝันนี้ไม่ได้ เพียงรู้สึกจำได้เลือนรางว่าตนเองได้ฝันไปเท่านั้น
ใบหน้าลักษณะเช่นนี้ รวมตัวกันแล้วสลายไปทันที ช่างรวดเร็วอะไรปานนั้น ทำให้ผู้คนตามไม่ทัน
“ทุกสิ่งกำเนิดขึ้นโดยใจมาร ทุกสิ่งกำเนิดจากความปรารถนาอยากได้สิ่งหนึ่งสิ่งใด ทุกสิ่งกำเนิดจากบุญคุณความแค้น” หลี่ชิเย่ยิ้มบางๆ ทีหนึ่ง เมื่อมองเห็นใบหน้าที่รวมตัวกันแล้วสลายตัวไปนั่น
“แล้วใจมารของท่านเป็นเช่นใดเล่า?” ในเวลานี้เอง บริเวณที่ลึกเข้าไปของช่องว่างนี้ปรากฎเสียงหนึ่งดังขึ้น เป็นเสียงที่แผ่วเบามาก เหมือนกำลังร้องขึ้นมาเบาๆ
ขณะที่ได้ยินเสียงลักษณะเช่นนี้ จะรู้สึกว่าตนเองนั้นไม่ได้อาศัยหูในการได้ยินเสียงๆ นี้ แต่เสียงๆ นี้ได้ก้องกังวานอยู่ในสมองของตน เหมือนตนเองกำลังพูดกับตนเองอย่างนั้น
เหมือนเสียงของตนเองที่ดังก้องกังวานอยู่ในสมองของตน คล้ายเป็นมายายิ่งนัก หากเป็นผู้ที่มีพลังแห่งสมาธิมีจิตตั้งมั่นไม่ดี จะต้องถูกสภาพการณ์เช่นนี้ทำให้ตื่นตระหนกจนเสียงสติได้
“ใจมารของข้า?” หลี่ชิเย่ไม่รู้สึกประหลาด หัวเราะทีหนึ่ง และกล่าวว่า “ใจมารของข้าก็คือตัวข้าเอง หนึ่งความนึกคิดเป็นมารเท่านั้น ไหนเลยต้องการสิ่งอื่นใด?”
“มารนี้หาใช่มารนั้น” เสียงที่ร้องขึ้นมาแผ่วเบามากจากบริเวณลึกเข้าไปในช่องว่างกำลังก้องกังวาน
“ไม่ กล่าวสำหรับข้าแล้ว มารนี้ก็คือมารนั้น” หลี่ชิเย่ยิ้มบางๆ และกล่าวเอ้อระเหยว่า “คำพูดปรัชญาเมธีพูดมีเหตุผล เมื่อใดที่บ้าคลั่งขึ้นมา แม้แต่ตัวข้าเองยังกลัวตัวเอง นี่แหละคือใจมารของข้า”
ผู้ที่อยู่ในบริเวณลึกเข้าไปในช่องว่างไม่ได้ส่งเสียงออกมา เหมือนกำลังไตร่ตรองถึงคำพูดของหลี่ชิเย่ และหรือไม่เห็นด้วยกับคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่
แต่ว่า หลี่ชิเย่ก็คือใจมารของตนเอง เขาไม่ได้หวาดกลัวตนเองจะกลายเป็นอะไร และไม่กังวลว่ามีการเปลี่ยนแปลงเพราะความเย้ายวนอะไร กล่าวสำหรับเขาแล้ว สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่คู่ควรจะกล่าวถึง
“ควรเป็นเวลาที่พวกเราต้องคุยกันแล้ว” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง กล่าวเอ้อระเหยว่า “เจ้าว่าอย่างนั้นหรือไม่?”
ผู้อยู่ในบริเวณลึกเข้าไปในช่องว่างเงียบเชียบไร้เสียง คราวนี้เขาคิดจะฉวยโอกาสไม่สำเร็จ แถมยังเสียเปรียบอีกต่างหาก เดิมทีเขาคิดจะฉวยก้อนหินก้อนนั้นให้ได้ นึกไม่ถึงว่ากลับไปหาเรื่องกับผู้ดำรงอยู่ในฐานะเช่นนี้ ที่เขานึกไม่ถึงยิ่งกว่าก็คือ หลี่ชิเย่เหมือนว่าได้เกินเลยการคาดเดาไปแล้ว กำลังความสามารถเช่นนี้ ลักษณะที่มีฐานะสูงสุดเช่นนี้ เขาไม่ได้พบเห็นมาเป็นเวลานาน นานมากๆ มาแล้ว
“สิ่งที่ข้าสามารถให้ได้มีน้อยมาก” สุดท้าย เสียงแผ่วเบาบริเวณลึกเข้าไปในช่องว่างได้ก้องกังวานอีกครั้ง
“อย่างนั้นรึ?” หลี่ชิเย่เผยอมุมปากทีหนึ่งแค่ยิ้มๆ เท่านั้นเอง กล่าวเรียบเฉยว่า “ข้าไม่คิดเช่นนี้ ถ้าเช่นนั้นข้าขอถามเจ้า ในบรรดาสามสิบหกนั้นเจ้าจัดอยู่อันดับที่เท่าไร?”
บริเวณลึกเข้าไปในช่องว่างมีแต่ความเงียบสงัด หลังจากผ่านไปนานมาก เสียงที่แผ่วเบาจึงดังก้องกังวานขึ้นว่า “เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนย่อมมีคน ความลึกซึ้งของสัจธรรมจะอยู่เหนือการจินตนาการของท่าน ต่อให้ท่านมีจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรสูงสุด ปราศจากผู้เทียบเทียมตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน แต่ว่า มีการดำรงอยู่ก็จะยิ่งสูงและกว้างไกลมากขึ้น ยิ่งไม่สามารถจินตนาการได้”
ขณะที่เสียงแผ่วเบาพูดคำพูดเช่นนี้ขึ้นมา ดูจะหนักแน่นจริงจัง ใช่เป็นการหาเหตุมาปฏิเสธ
ลองจินตนาการดู สระเฟยตี้ฉือนั้นดำรงอยู่ในฐานะน่าสยองขวัญเพียงใด แม้แต่ระดับปฐมบรรพบุรุษ ชั้นแดนลัทธิเซียนก็ไม่สามารถพาตัวเองกลับออกมาได้อย่างปลอดภัย ตัวเขาที่น่าสยองขวัญเพียงนี้แต่ยังคงหนักแน่นจริงจังเช่นนี้ ย่อมสามารถจินตนาการได้ถึงสิ่งที่เขาพูดแล้ว
ถ้าหากผู้ที่สามารถคิดได้ทะลุปรุโปร่ง สามารถทราบถึงความลึกซึ้งยอดเยี่ยมได้ ย่อมจะไม่ตัวสั่นดั่งลูกนกแน่นอน
“เทียบกับสวรรค์โจรเป็นอย่างไรบ้าง?” ท่าทีหลี่ชิเย่สงบเงียบ ไม่ได้ต้องหนักแน่นเพราะคำพูดเช่นนี้ ยังคงเรียบเฉย และเป็นธรรมชาติ
“เทียบกันได้” บริเวณลึกเข้าไปในช่องว่างปรากฏเสียงก้องกังวานเช่นนี้ขึ้นมา
หลี่ชิเย่หรี่ตาทีหนึ่ง แววตาเต้นกระตุกทีหนึ่ง กล่าวเรียบเฉยขึ้นว่า “น่าสนใจ น่าสนใจจริงๆ”
“โลกที่กว้างใหญ่ มันจะเป็นสิ่งที่ท่านไม่สามารถจินตนาการได้” เสียงก้องกังวานดังออกมาจากส่วนที่ลึกเข้าไปในช่องว่าง และกล่าวว่า “แม้ว่าท่านจะได้รับบางสิ่งบางอย่างมาแล้ว แต่ว่า นั่นเป็นเพียงเริ่มต้นเท่านั้นเอง”
“ไม่ มันอยู่ในจินตนาการของข้าตลอดมา” หลี่ชิเย่ยิ้มบางๆ ทีหนึ่ง เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ตรงกันข้าม สิ่งนี้กล่าวสำหรับข้าแล้วเป็นเรื่องที่มีความหมายมากทีเดียว คุ้มค่าแก่การรอคอย หากมาได้เพียงเท่านี้ล่ะก็ มันช่างน่าเบื่อ ช่างน่าเปลี่ยวเหงาอะไรอย่างนั้น”
บริเวณลึกเข้าไปในช่องว่างนิ่งเงียบ หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นคงถูกทำให้ขวัญหนีดีฝ่อไปนานแล้ว
หลี่ชิเย่กลับพูดว่า หากไม่ได้มีเช่นนี้มันช่างน่าเบื่อ ช่างอ้างว้างอะไรอย่างนั้น
ยิ่งสูงยิ่งหนาว ความปราศจากผู้ต่อกรมักอ้างว้างเสมอ นี่แหละคือหลี่ชิเย่ เนื่องจากศัตรูของเขาหาใช่คนอื่นไกล ศัตรูของเขาก็คือตัวเขาเอง! นี่แหละคือเรื่องที่อ้างว้างมากที่สุด
“ท่านอยากได้อะไร?” ในที่สุด เสียงแผ่วเบาบริเวณลึกเข้าไปในช่องว่างดังกังวานขึ้นมา
“ที่ข้าต้องการน่ะหรือ ไม่มาก” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “สถานที่แห่งนี้ไม่เลว อยากจะขอยืมใช้สักหน่อยเท่านั้น หลอมกลั่นอาวุธสักนิด และพูดคุยเรื่องที่น่าสนุกบ้างก็เท่านั้นเอง”
“ไม่มีเรื่องสนุกบนโลก” เสียงก้องกังวานดังออกมาจากส่วนที่ลึกเข้าไปในช่องว่าง “มีเพียงเลือดกับน้ำตา”
“มันจะเป็นเช่นไร” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “เลือดและน้ำตามีมากเท่าไร มันก็เป็นเรื่องที่คู่ควรจะพูดคุย จะอย่างไรเสียข้าก็หาใช่ปราชญ์ ยิ่งไม่ใช่ผู้ที่เปี่ยมด้วยความเมตตาอะไร ไม่ได้มีอะไรน่าหวั่นเกรง เลือดและน้ำตาก็เป็นเรื่องที่น่าสนุกยิ่งเช่นกัน”
เสียงก้องกังวานดังออกมาจากส่วนที่ลึกเข้าไปในช่องว่างกล่าวว่า “ท่านมุ่งหวังสิ่งใด?” หลี่ชิเย่ไม่ได้ตอบคำถามของเขาตรงๆ หัวเราะและกล่าวว่า “ที่เจ้ากบดานอยู่ที่นี้มานานนับไม่ถ้วน แล้วสิ่งที่มุ่งหวังเป็นเช่นใด”
“ทัศนะต่างกัน” เสียงก้องกังวานดังออกมาจากส่วนที่ลึกเข้าไปในช่องว่าง
“อย่างนั้นรึ?” หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มที่แฝงด้วยความหมายลึกซึ้งขึ้นมา และกล่าวว่า “เพียงแค่ทัศนะต่างกันเท่านั้นเองรึ? ยืนยันว่าไม่ใช่แบ่งผลประโยชน์ไม่ลงตัวอะไรนั่น?”
เสียงฮึน่าเกรงขามดังขึ้นเสียงหนึ่ง ฟ้าดินล้วนตื่นตระหนก สุริยันจันทราและดวงดาวสั่นเทา เพียงแค่เสียงฮึน่าเกรงขามเสียงหนึ่ง ก็สามารถทำให้เหล่าเวไนยสัตว์และเหล่าเทพต้องสั่นเทากับสิ่งนี้
เสียงฮึเสียงนี้เปี่ยมด้วยความโกรธ สามารถฟันออกได้ว่า สิ่งที่ดำรงอยู่ในบริเวณลึกเข้าไปในช่องว่างไม่พอใจอย่างยิ่งกับคำพูดของผู้ที่ดำรงอยู่บริเวณลึกเข้าไปในช่องว่าง
แต่ว่า หลี่ชิเย่ยังคงเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนว่าไม่ได้ยินเสียงฮึน่าเกรงขามเช่นนี้
“จิตใจของคนต่ำต้อย!” สุดท้าย เสียงจากส่วนลึกเข้าไปในช่องว่างก้องกังวานด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เดิมทีข้าก็ไม่ใช่สุภาพบุรุษอะไรอยู่แล้ว” หลี่ชิเย่ยิ้มจางๆ และกล่าวว่า “เจ้ากล้าบอกหรือไม่ว่า ในห้วงเวลานั้นไม่เคยมีความคิดประมาณนี้? เท่าที่ข้ารู้ ไม่มีใครเป็นผู้เกรงกลัวเรื่องบาปบุญคุณโทษ”
“หากจะทำใยต้องรอถึงวันนี้” เสียงแผ่วเบาดังก้องกังวานจากบริเวณลึกเข้าไปในช่องว่าง
“เรื่องนี้น่ะหรือมันก็พูดยาก” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยว่า “ปลาตัวเดียวไหนเลยเทียบได้กับปลาเต็มบ่อเล่า ปลาน่ะหรือ แน่นอนที่สุดเลี้ยงให้โต เวลากินจึงมีรสชาติ ตัวเล็กเกินไปไม่พออุดขี้ฟัน”
เมื่อหลี่ชิเย่กล่าวมาถึงตรงนี้ได้หยุดนิดหนึ่ง กล่าวเอ้อระเหยว่า “ถ้าหากข้าเดาไม่ผิด ต้องเคยมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นแน่นอน และแนวความคิดเช่นนี้ก็เคยแวบผ่านสมองของเจ้ามาก่อน”
คำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ ได้ทำให้ผู้ดำรงอยู่ในบริเวณส่วนลึกของช่องว่างนิ่งเงียบ แม้ว่าเมื่อครู่ยังส่งเสียงฮึที่น่าเกรงขาม ดูจะโกรธเคืองอย่างยิ่ง
“ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า ขอเพียงกล้าที่จะคิด ทุกสิ่งล้วนมีความเป็นไปได้” หลี่ชิเย่ก็ไม่รู้สึกเหนือความคาดคิด เพียงยิ้มบางๆ ทีหนึ่งและกล่าวว่า “หากจะกล่าวว่า โลกนี้มีใครบ้างคู่ควรให้ไปเชื่อถือ ย่อมต้องเป็นสวรรค์โจรแล้วล่ะ”
“สวรรค์โจร?” สำหรับการประเมินค่าที่สูงเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ ผู้ดำรงอยู่ในบริเวณส่วนลึกของช่องว่างไม่เห็นว่าเป็นเช่นนั้น กล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า “มันแตกต่างอะไรกับพวกเรา!”
“ดูท่า พวกเจ้าไม่พอใจกับสวรรค์โจรมากทีเดียวนะเนี่ย” หลี่ชิเย่ยิ้มเอ้อระเหย ดูผ่อนคลายเป็นธรรมชาติ
“สิ่งที่ทำ มีต้นกำเนิดเดียวกัน” ผู้ดำรงอยู่ในบริเวณส่วนลึกของช่องว่างส่งเสียงเย็นชาขึ้นมา
“อย่างนั้นรึ?” หลี่ชิเย่กลับไม่เห็นเป็นเช่นนั้น และกล่าวว่า “กินปลาตัวหนึ่ง กับฆ่าปลาตัวหนึ่ง เจ้าคิดว่ามีข้อแตกต่างหรือไม่?” แน่นอน การเปรียบเทียบเช่นนี้ไม่เหมาะสมนัก แต่ว่า ก็มีส่วนเชื่อมถึงกันได้
บริเวณส่วนลึกของช่องว่างส่งเสียงเย็นชาขึ้นว่า “ล้วนเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นจุดมุ่งหมายอะไร สิ่งที่ทำไปมันแตกต่างกันตรงไหน”
“ดูท่าเจ้าแค้นเคืองต่อสวรรค์โจรไม่น้อยทีเดียว” หลี่ชิเย่หัวเราะขึ้นมา และกล่าวเอ้อระเหยขึ้นมาว่า “พูดแบบนี้ เจ้าคงได้รับความลำบากมาไม่น้อย”
บริเวณส่วนลึกของช่องว่างเพียงส่งเสียงฮึเย็นชาขึ้นมาเท่านั้น ปราศจากคำพูดอะไรอีก
รอยยิ้มของหลี่ชิเย่ดูจะลึกซึ้งมากขึ้น หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่จึงได้ซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ ท่าทางดูเคร่งและเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ช่างเถอะ เรื่องของสวรรค์โจรพวกเราไม่ไปเอ่ยถึงก็ได้ จะอย่างไรเสียมันก็เป็นเรื่องเก่าแก่นมนานมาแล้ว คุยเกี่ยวกับคนๆ นั้นที่เจ้าเอ่ยถึงดีมั้ย?”
“ไม่ทราบ” ผู้ดำรงอยู่ในบริเวณส่วนลึกของช่องว่างปฏิเสธทันควันในคำพูดของหลี่ชิเย่
“ดูท่า เจ้าน่ะหวั่นเกรงยิ่งนัก” สายตาของหลี่ชิเย่เพ่งไปข้างหน้า และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “เปรียบเทียบกับผู้ที่อยู่ทะเลปุ๊ตู้ไห่ผู้นั้นเป็นอย่างไร?”
“เด็กๆ เท่านั้นเอง” ขณะผู้ดำรงอยู่ในบริเวณส่วนลึกของช่องว่างพูดคำๆ นี้ออกมา เรียกว่าตัดจบตรงๆ โดยไม่ต้องมีการไตร่ตรอง บ่งบอกว่าเขาได้กำหนดทิศทางที่ชัดเจนมากในใจแล้ว
“น่าสนใจ” หลี่ชิเย่ถูมือและหัวเราะ กล่าวเอ้อระเหยว่า “นี่แหละคือสูงสุด น่าสนใจ”
“หากจะสูงสุดก็มีเพียงหนึ่งเดียว” เสียงแผ่วเบาดังก้องกังวานจากบริเวณส่วนลึกของช่องว่าง “อย่างเจ้าก็ไม่สามารถเทียบเคียงได้”
“อย่างนี้นะเนี่ย” หลี่ชิเย่ไม่ได้แสดงความโกรธสำหรับคำพูดลักษณะเช่นนี้ ตรงกันข้ามกลับแฝงด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง ครุ่นคิด และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “บนโลกปราศจากเซียน”
“หากมีเซียน ก็นั่นแหละ” เสียงแผ่วเบาจากบริเวณส่วนลึกของช่องว่างดังก้องกังวานอยู่ในสมองของหลี่ชิเย่
“หากมีเซียนแท้จริง” หลี่ชิเย่ถูฝ่ามือ ดูหนักแน่นจริงจัง และกล่าวว่า “เช่นนั้นแล้ว ข้ายิ่งสมควรพบสักหน่อย แต่ทว่า โลกนี้หากมีเซียนจริงๆ ไหนเลยปล่อยให้เซียนเก๊อย่างพวกเจ้าดำรงอยู่ได้!”
อย่างไรก็ตาม ผู้ดำรงอยู่ในบริเวณส่วนลึกของช่องว่างกลับไม่ได้มีอาการโกรธกับคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ เพียงพูดเสียงเย็นชาว่า “หากเป็นเซียนเท้จริงไหนเลยเป็นสิ่งที่ท่านสามารถศึกษาอย่างละเอียดได้!”
“อย่างนั้นรึ?” หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าขึ้นมา และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ข้าสนใจ พบได้ไหม”
“ไม่มีผู้ใดรู้ร่องรอย” สุดท้าย ผู้ดำรงอยู่ในบริเวณส่วนลึกของช่องว่างเพียงพูดคำนี้คำเดียวเท่านั้น
………………………………………………..