Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2984 สังหารหลวงจีนในหนึ่งกระบวนท่า
ตอนที่ 2984 สังหารหลวงจีนในหนึ่งกระบวนท่า
พลันที่อัจฉริยะบุคคลผู้นี้พูดเช่นนี้ขึ้นมา สายตาจำนวนไม่น้อยที่มองไปยังหลี่ชิเย่พลันเปลี่ยนไปทันที โดยเฉพาะผู้ที่มีความเป็นศัตรูต่อหลี่ชิเย่ก่อนหน้านั้นมาแล้ว ในเวลานี้ สายตาที่มองไปยังหลี่ชิเย่พลันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
“แหะคำพูดนี้ก็มีเหตุผล” มีผู้ที่แอบอยู่ท่ามกลางฝูงชนคอยเสี้ยมเขาควายให้ชนกัน หัวเราะแหะแหะและกล่าวว่า “เมื่อครู่ยังคุยโม้จนน้ำไหลไฟดับ ด้วยบุคลิกลักษณะอาจหาญยิ่งใหญ่ ไม่แน่นักอาจเป็นเพียงแค่คนไม่มีสมองเท่านั้น ยกหางตัวเอง ดีไม่ดีพลันที่ลงมือก็เผยไต๋ออกมาแล้ว”
คำพูดลักษณะเช่นนี้ฟังแล้วดูจะไม่สบายหูนัก และดูเหมือนก็ไม่ใช่การกระทำของสุภาพชน แต่ว่า เมื่อมีผู้ที่พูดออกมาเช่นนี้แล้ว สายตาที่มองไปยังหลี่ชิเย่ล้วนแล้วแต่ดูแปลกๆ ไปบ้าง
จะอย่างไรเสียคำพูดของคนผู้นี้ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล
“มีฝีมือก็ลองดูสักตั้ง จัดการเปิดหินก้อนนี้ออกมา ให้ผู้คนทั่วหล้าได้เห็นสักหน่อย” อัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่ส่งเสียงฮึเย็นชาขึ้นมา
ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่อิจฉาริษยาหลี่ชิเย่ตั้งแต่ก่อนหน้านี้มาแล้ว ในทัศนะของพวกเขามองว่าหลี่ชิเย่มีดีอะไร ถึงกับได้รับการโปรดปรานจากนางฟ้าแห่งเขาหวู่สิงซาน พวกเขามองว่าหลี่ชิเย่ไม่มีสิทธิ์อยู่แล้ว
เพียงแต่นางฟ้าแห่งเขาหวู่สิงซานอยู่ในเหตุการณ์ แม้ทุกคนจะรู้สึกอิจฉาริษยาอยู่ในใจ แต่ไม่กล้าพูดออกมาเท่านั้น เวลานี้มีโอกาสที่จะแกล้งหลี่ชิเย่ มีโอกาสกระทบหลี่ชิเย่ สามารถทำให้หลี่ชิเย่ต้องอับอายขายหน้าต่อหน้านางฟ้าแห่งเขาหวู่สิงซานแล้ว กล่าวสำหรับอัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่อิจฉาริษยาในหลี่ชิเย่ ผู้มีใจรักใคร่ในตัวนางฟ้าแห่งเขาหวู่สิงซานแล้ว ไหนเลยจะไม่ทำเล่า? ”
“ไม่มีอารมณ์” หลี่ชิเย่ยังคงเรียบเฉยอย่างยิ่ง สำหรับคำพูดที่เย็นชาเหล่านี้
“เปิดไม่ได้ก็พูดออกมาคำหนึ่ง ยังจะต้องชักช้าด้วยรึ? ” เสินกู่จ้านมองดูหลี่ชิเย่ด้วยสายตาเย็นชาทีหนึ่ง ยิ้มเยาะและกล่าวว่า “เป็นลูกผู้ชายทำอะไรให้มันกล้าหาญสักหน่อย การเปิดหินก้อนนี้ออกมาทำเพื่อประโยชน์สุขให้กับใต้หล้า”
“พี่กู่จ้าน ท่านมิเท่ากับไปทำให้ผู้อื่นเขาต้องลำบากใจรึ? ผู้อื่นเขาเพียงแค่สร้างภาพเท่านั้นเอง ท่านคิดว่าผู้อื่นเขามีฝีมือเช่นนี้จริงๆ รึ ท่านคิดว่าผู้อื่นเขาสามารถเปิดหินก้อนนี้ออกได้จริงรึ คนอื่นแค่ทำท่าทางดัดจริตเท่านั้น” ด้านข้างปรากฏผู้ที่กล่าวเยาะเย้ยสนับสนุนเสินกู่จ้านทันที
“ก็ถูก อย่าไปทำให้คนอื่นต้องลำบากใจ ให้คนอื่นต้องปล่อยไก่มันไม่พดี ไม่ใช่การกระทำของสุภาพบุรุษ ไม่ใช่การกระทำของสุภาพบุรุษ” คนอื่นๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา
แต่ว่า หลี่ชิเย่ขี้คร้านจะไปสนใจสำหรับการหัวเราะเยาะ และยั่วยุของพวกเสินกู่จ้าน เพียงยิ้มๆ เท่านั้น และจ้องมองดูไท่อิ๋นสี่
ไท่อิ๋นสี่รีบคารวะต่อหลี่ชิเย่ และกล่าวว่า “ขอคุณชายได้โปรดลงมือ”
“ใต้เท้าอิ๋นสี่ ในเมื่อเขาไม่อยากลงมือ ผู้มีฝีมือใต้หล้ามากมายดั่งดอกเห็ด ยิ่งไปกว่านั้น ไม่เห็นว่าเขาจะมีความสามารถเช่นนี้” ผู้ยิ่งใหญ่รุ่นอาวุโสที่อยู่ด้านข้างกล่าวต่อไท่อิ๋นสี่
ผู้ที่มองหลี่ชิเย่แล้วขัดหูขัดตาไม่ได้มีเพียงอัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่เท่านั้น ผู้ยิ่งใหญ่รุ่นอาวุโสบางส่วนก็มองหลี่ชิเย่ขัดหูขัดตาเช่นกัน
“ผู้มีความสามารถใต้หล้าเป็นเพียงพวกสมองกลวงฝูงหนึ่งเท่านั้น” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมา และกล่าวว่า “ที่กล่าวกันว่าผู้กล้าใต้หล้า รวมตัวกันมากมาย แค่ก้อนหินก้อนหนึ่งยังเปิดไม่ออก ยังกล้าทำตัวเป็นพวกผู้หญิงที่วันๆ เอาแต่พูดนินทาอยู่ตรงนี้ นอกจากเป็นพวกสมองกลวงแล้วยังจะทำอะไรได้อีก? ”
เจ้า…ผู้ที่อยู่ในงานจำนวนไม่น้อยพลันถูกคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ทำให้โกรธ พวกเขาต่างเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังทั้งสิ้น กลับถูกหลี่ชิเย่พูดเสียไม่เอาไหนขนาดนี้ พวกเขาที่เป็นถึงผู้ยิ่งใหญ่ระดับนี้ถูกหลี่ชิเย่ชี้หน้าด่าว่าเป็นพวกสมองกลวง พวกเขาไหนเลยกล้ำกลืนความอัปยศนี้ได้
กลับจะเป็นราชันแท้จริงจุนหวง ราชันแท้จริงเซิ่นซวง พวกเขาหลายคนยังคงควบคุมอารมณ์เอาไว้ได้ ไม่ได้รู้สึกไม่สบายใจอะไร เพียงยิ้มเจื่อนๆ เท่านั้นเอง
อัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่หัวเราะเยาะ และกล่าวเหยียดหยามว่า “พูดไปแล้ว เหมือนว่าเจ้าสามารถเปิดก้อนหินก้อนนี้ออกมาได้อย่างนั้น”
“แค่ก้อนหินก้อนหนึ่งเท่านั้นเอง เปิดมันออกมาจะไปยากเย็นอะไร ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือเท่านั้น” หลี่ชิเย่ยิ้มบางๆ และกล่าวว่า “มีเพียงพวกไม่มีสมองจึงเปิดไม่ออก ทั้งยังพูดนินทาอยู่ตรงนั้นเสมือนผู้หญิง”
วาจาสามหาวมาก…พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำนี้ออกมา ผู้ที่อยู่ในงานจำนวนมากดูจะไม่ยอมรับ เวลานี้ไม่เพียงมีผู้คนจำนวนมากจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยความโกรธเท่านั้น ยังมีผู้ยิงใหญ่จำนวนไม่น้อยที่แย่งกันพูดตำหนิหลี่ชิเย่จนฟังไม่ได้ศัพท์
“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครรึ ถึงได้กล้ากล่าววาจาสามหาเช่นนี้” มีผู้ยิ่งใหญ่ถึงกับกล่าวด้วยความโกรธ
“ฮึวาจาสามหาวไม่เบาทีเดียว ออกจะคุยโวมากไปหน่อยแล้วกระมัง” เสินกู่จ้านหัวเราะเยาะและกล่าวว่า “แม้แต่พระอาจารย์จินกวงยังเปิดไม่ออก เจ้าอาศัยอะไรเปิดมันออกมา”
อาศัยที่ข้าเหนือกว่าพวกสมองกลวงเช่นพวกเจ้าฝูงนี้” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง
เจ้า…ไม่เพียงเสินกู่จ้านเท่านั้นที่โกรธ ผู้ยิ่งใหญ่จำนวนไม่น้อยที่อยู่ในงานต่างก็จ้องเขม็งหลี่ชิเย่ด้วยความโกรธ เมื่อถูกหลี่ชิเย่เรียกพวกเขาว่า ‘พวกสมองกลวง’ ครั้งแล้วครั้งเล่า หากไม่เป็นเพราะนางฟ้าแห่งเขาหวู่สิงซานนั่งอยู่ตรงนั้น เกรงว่าคงมีผู้ที่ก้าวออกมาท้าสู้กับหลี่ชิเย่แล้ว
“เชิญคุณชายลงมือจะเป็นเช่นไร? ” เวลานี้ไท่อิ๋นสี่ได้คารวะต่อหลี่ชิเย่
“นั่นสิ หากมีฝีมือก็เปิดออกมาให้พวกเราทุกคนได้เห็น อย่ามัวแต่คุยโม้โอ้อวดอยู่นั่น ฮึใครบ้างที่คุยโวโอ้อวดไม่เป็น” เวลานี้ผู้ที่อยู่ในงานจำนวนมากต่างพากันเอะอะโวยวายขึ้นมา
หลี่ชิเย่ขึ้คร้านจะให้ความสนใจสำหรับพวกที่เอะอะโวยวายขึ้นมาเหล่านั้น เขามองเพียงไท่อิ๋นสี่ และกล่าวเรียบเฉยว่า “ของฟรีไม่มีในโลก จะให้ข้าลงมือมันก็ไม่ยาก เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ถ้าหากข้าเปิดมันออกมา ของที่อยู่ข้างในเป็นของข้า ว่าไง”
เรื่องนี้…ไท่อิ๋นสี่พลันรู้สึกลำบากใจทันที สำหรับความต้องการเช่นนี้ของหลี่ชิเย่
“ใต้เท้านายด่าน ไม่ได้อย่างเด็ดขาด” ในเวลานี้เอง หลวงจีนต้าเจวี๋ได้ลุกขึ้นยืนทันที และกล่าวต่อไท่อิ๋นสี่ว่า “หากว่าคำทำนายปฐมบรรพบุรุษข้าเป็นจริง ของสิ่งนี้ก็จะให้ผู้อื่นไม่ได้ ของสิ่งนี้เกี่ยวพันถึงความสุขของแดนลัทธิเซียน เกี่ยวพันถึงอาณาประชาราษฎร์ใต้หล้า จะตกไปอยู่ในมือคนโหดไม่ได้อย่างเด็ดขาด มิฉะนั้นล่ะก็ ผลที่ตามมายากจะจินตนาการได้”
“เศษสวะ” หลี่ชิเย่เพียงมองหน้าหลวงจีนต้าเจวี๋ทีหนึ่ง กล่าวเรียบเฉยว่า “ทำหูทวนลมกับคำพูดของข้า ข้าให้โอกาสเจ้าลงมือ จะสังหารเจ้าในหนึ่งกระบวนท่า! ”
“อมิตาพุทธ สาธุ สาธุ” หลวงจีนต้าเจวี๋ไม่รู้สึกหวั่นเกรง ประนมมือและเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ประสก ใช่ว่าข้าจะพุ่งเป้าไปที่ท่าน ข้าเป็นห่วงใต้หล้า มุ่งแสวงหาความสุขให้กับอาณาประชาราษฎร์…”
เศษสวะ…หลี่ชิเย่ไม่ต้องการยืดเยื้อกับเขาต่อไป และกล่าวว่า “ลงมือ สังหารเจ้าในหนึ่งกระบวนท่า! ” กล่าวพลางได้ลุกขึ้นยืนช้าๆ
พลันที่หลี่ชิเย่พูดขาดคำ ผู้คนทั้งหมดที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้ แม้ว่าทุกคนต่างมองหลี่ชิเย่ขัดหูขัดตา แต่ว่า เขาคือคนโหดที่สังหารพวกเขาราชันแท้จริงจินผู่ที่เป็นราชันแท้จริงทั้งสามนะ
“อมิตาพุทธ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อาตมาไม่เนจียมตนแล้ว” เวลานี้ หลวงจีนต้าเจวี๋ก้าวเดินออกมา เอ่ยนามพุทธองค์คำหนึ่ง ได้ยินเสียงแว้งค์ดังขึ้น พริบตาเดียวนั่นเอง ระฆังทองที่มี่ขนาดยักษ์ใบหนึ่งได้ครอบร่างของเขาเอาไว้ทั้งหมด ระฆังทองปรากฏอักขระยันต์จำนวนนับไม่ถ้วนลอยขึ้นมา เสมือนดั่งมีพระอรหันต์นับไม่ถ้วนปลุกเสกให้ มีหลวงจีนที่มีสมณะศักดิ์สูงคอยให้การปกป้อง
ในเวลานี้ ประกายพุทธะตลบอบอวล พระธรรมยิ่งใหญ่ไพศาล
มีผู้ยิ่งใหญ่ได้เอ่ยขึ้นมาช้าๆ เมื่อมองเห็นร่างกายของหลวงจีนต้าเจวี๋ถูกระฆังทองคำครอบเอาไว้ทั้งหมดว่า “ระฆังครอบทองคำ เคล็ดวิชาลับที่ไม่ถ่ายทอดของจักรวรรดิมี่เทียน”
“ดูท่า หลวงจีนต้าเจวี๋ได้ฝึกวิชาระฆังครอบทองคำจนมีฝีมืออยู่ในระดับสุดยอดแล้ว ฝึกจนถึงขั้นสูงสุดของมันแล้ว เกรงว่ายากที่จะทำลายได้” ระดับปฐมบรรพบุรุษผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นช้าๆ
“นั่นสิ มีระฆังครอบทองคำปกป้องกาย ข้าไม่เชื่อว่าสามารถสังหารได้ในหนึ่งกระบวนท่า” ระดับอัจฉริยะบุคคลผู้หนึ่งเยาะเย้ย
“ระฆังครอบทองคำทำลายยากมาก แม้แต่ราชันแท้จริงสิบสองลัคนาก็เป็นไปไม่ได้ที่ทำได้ว่าสังหารในหนึ่งกระบวนท่า” เทพแท้จริงขั้นอมตะอีกผู้หนึ่งก็ไม่เชื่อว่าหลี่ชิเย่สามารถสังหารหลวงจีนต้าเจวี๋ในหนึ่งกระบวนท่า
“ประสก ล่วงเกินแล้ว” หลวงจีนต้าเจวี๋รู้อยุ่แล้วว่าตนเองสู้หลี่ชิเย่ไม่ได้แต่ยังคงไม่ถอย มือทั้งสองทำท่ามุทราขึ้นมา
โฮ่ววว…เสียงสิงโตคำรามดังขึ้น หลวงจีนต้าเจวี๋เสมือนดั่งสิงโตเทพที่ส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธ เสียงคำรามทำลายดวงดาวบนท้องฟ้าจนแหลกละเอียด ในขณะเดียวกัน เสียงมุทราดังตูมขึ้นและตรงเข้าสยบสังหาร ภายใต้ท่ามุทราที่ดังสนั่นหวั่นไหว มองเห็นมังกรทองที่เหินฟ้า พระอรหันต์ปรากฏตัว ในพริบตาเดียวนั่นเอง มังกรทองและพระอรหันต์อาศัยท่วงท่าสูงสุดเข้าโจมตีเพื่อสังหารหลี่ชิเย่
‘วิชาสิงโตคำราม มุทรามังกร! ’ มีผู้ที่ร้องเสียงหลงขึ้น เมื่อเห็นกระบวนท่าที่โจมตีเข้ามา
ในพริบตาเดียวนั่นเอง เสมือนดั่งทุกสิ่งทุกอย่างภายใต้ท้องฟ้าล้วนถูกสยบเอาไว้ แม้แต่ผู้แข็งแกร่งเฉกเช่นราชันแท้จริงจุนหวงก็ยังมีท่าทางรู้สึกใจหาย
สิ่งนี้ย่อมจินตนาการได้ว่า การโจมตีของหลวงจีนต้าเจวี๋มีความแข็งแกร่งเพียงใดแล้ว
พริบตาเดียวนั่นเองหลวงจีนต้าเจวี๋ได้สำแดงสุดยอดเคล็ดวิชาทั้งสามของจักรวรรดิมี่เทียนของพวกเขาออกมา ได้แก่ระฆังครอบทองคำที่เป็นตัวป้องกัน เคล็ดวิชาสิงโตคำรามที่เป็นอำนาจสยบ และมุทรามังกรที่สยบสังหาร
เสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหว พลังที่ยิ่งใหญ่ไพศาลปราศจากผู้ต่อกรได้เข้าสังหารหลี่ชิเย่ หลวงจีนต้าเจวี๋ในเวลานี้เสมือนดั่งวัชระพิโรธ สยบมังกรปราบมาร
หลี่ชิเย่ไม่ได้เลิกกระทั่งหนังตา ขณะเผชิญกับการโจมตีที่แข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกร ประกายบนตัวแวบวับทีหนึ่ง ยกมือขึ้นและกำหมัดดังขวาน และฟันสับลงง่ายๆ ตรงๆ หนึ่งหมัดที่สับลงมาเบิกฟ้าดิน ตัดขาดหมื่นชาติ
ตูม…เสียงดังสนั่นดังขึ้นเสียงหนึ่ง ได้ยินเสียงร้องน่าเวทนาเสียงหนึ่ง มุทรามังกรพลันถูกฟันจนขาดสองท่อน ท่ามุทราแตกละเอียด ได้ยินเสียงตึงดังขึ้นเสียงหนึ่ง เหมือนเป็นการโจมตีเอาระฆังเข้าให้จริงๆ
ภายใต้การสับลงมาในครั้งนี้ ท่ามกลางเสียงตึงที่ดังสนั่น ระฆังทองพลันแตกละเอียดไปทันที
เสียงปัง…ดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง หนึ่งหมัดที่ดั่งขวานได้ฟาดฟันลงบนตัวของหลวงจีนต้าเจวี๋ ได้ยินเสียงปุเสียงหนึ่ง มองเห็นกายเนื้อของหลวงจีนต้าเจวี๋พลันถูกฟันจนกลายเป็นหมอกเลือดไป กระเด็นไปทุกทิศทุกทาง
ในพริบตาเดียวนั่นเอง ได้ยินเสียงแว้งค์ดังขึ้น ท่ามกลางหมอกเลือดประกายสายหนึ่งพลันพุ่งออกมา สิ่งนี้ก็คือชะตาแท้ของหลวงจีนต้าเจวี๋เอง หวังจะบินหลบหนีไป
เสียดาย พลันที่ชะตาแท้ของหลวงจีนต้าเจวี๋พุ่งออกมา มือหลี่ชิเย่ปานสายฟ้าแลบพลันจับมันเอาไว้ได้ ด้วยการบีบเอาไว้แน่น
“แค่ร่ำเรียนมาเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น โกหกหลอกลวงก็ให้แล้วกันไป ยังกล้ามาอวดวิชาต่อหน้าข้า รนหาที่ตายเอง” หลี่ชิเย่มองดูเรียบเฉยทีหนึ่ง นิ้วมือพลันบีบเข้าไป
“อ๊ากกกเสียงน่าเวทนาดังขึ้น ในพริบตาเดียวนั่นเอง ชะตาแท้ของหลวงจีนต้าเจวี๋ได้ถูกหลี่ชิเย่บดขยี้สังหารไปทันที
ชะตาแท้ถูกบดขยี้ทำลาย หมอกเลือดลอยกระจายออกไป เพียงชั่วพริบตาเดียว ราชครูที่ปราศจากผู้เทียบเทียมแห่งยุคก็หายวับไปกับตาในพริบตาเดียว
ภาพตรงหน้าเช่นนี้พลันสร้างความสะเทือนหวั่นไหวต่อทุกคน ผู้คนจำนวนเท่าไรที่อยู่ใหเหตุการณ์ต้องใจหายใจคว่ำ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีผู้ที่มีใบน้าขาวซีดไปในทันที
ลองนึกภาพดู หลวงจีนต้าเจวี๋คือผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะแข็งแกร่งเพียงใด เป็นราชครูรุ่นก่อนหน้าของจักรวรรดิมี่เทียน ผู้ยิ่งใหญ่จำนวนเท่าไรล้วนวางตัวเองอยู่ในฐานะผู้เยาว์เมื่ออยู่ต่อหน้าของเขา เวลานี้กลับถูกหลี่ชิเย่สังหารในกระบวนท่าเดียว
…………………………………………………………..