Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2982 ใครไขได้
ตอนที่ 2982 ใครไขได้
หมิงหวังฝอ และเทพสงครามจินเปี้ยนพวกเขาทั้งสองคนต่างก็มาโดยอาศัยร่างจำแลง โดยตัวจริงไม่ได้มาด้วย แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม ยังคงเป็นที่สนใจของทุกคน ทุกๆ คนต่างจ้องมองไปที่พวกเขา
“หลานรักทั้งสองท่าน การเดินทางไปยังท้องฟ้าด้านทิศเหนือได้เรื่องอะไรมาบ้างหรือไม่” ไท่อิ๋นสี่มองดูร่างจำแลงหมิงหวังฝอ และเทพสงครามจินเปี้ยน แล้วเอ่ยถามขึ้นมาช้าๆ
‘อมิตาพุทธ’ ร่างจำแลงหมิงหวังฝอประนมมือ และกล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “ข้ากับพี่จินเปี้ยนได้ตามหินอุกาบาดทันแล้ว เตรียมจะขึ้นไปบนนั้น”
ผู้คนจำนวนมากที่อยู่ในงานต่างมองตากันและกันเมื่อได้ยินคำพูดของหมิงหวังฝอ ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้ในเวลานี้ ต้องการฟังประสบการณ์ของหมิงหวังฝอ และเทพสงครามจินเปี้ยน
ทุกคนล้วนแล้วแต่นึกไม่ถึงว่า หมิงหวังฝอ และเทพสงครามจินเปี้ยนถึงกับเข้าไปยังท้องฟ้าด้านทิศเหนือเพื่อติดตามลูกอุกาบาดไป
ความจริงแล้ว ทุกคนก็ต้องการรู้อย่างยิ่งว่า ลูกอุกาบาดที่พุ่งโจมตีออกมาจากทะเลปุ๊ตู้ไห่นี้คืออะไรกันแน่ จะอย่างไรเสียไม่เคยมีสิ่งใดๆ บินออกมาจากทะเลปุ๊ตู้ไห่เลยในรอบพันล้านปีที่ผ่านมา ตลอดเวลาที่ผ่านมา มีเพียงการเข้าไปยังทะเลหุ๊ตู้ไห่ ไม่เคยพบเห็นว่ามีสิ่งใดๆ ออกมาจากทะเลปุ๊ตู้ไห่
มาคราวนี้ทันใดนั้นเอง ถึงกับมีลูกอุกาบาดขนาดใหญ่โตมโหฬารบินออกมาจากทะเลปุ๊ตู้ไห่ นับว่าสร้างความตระหนกแก่ผู้คนมากเหลือเกิน กระทั่งคิดว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อ เพียงแต่เวลานั้นผู้คนส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่ถูกลูกอุกาบาดที่มาอย่างกะทันหันทำให้ต้องตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ถูกลูกอุกาบาดที่พุ่งชนเข้ามาทำให้ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ
เมื่อทุกคนได้สติกลับมา ลูกอุกาบาดก็ได้พุ่งเข้าไปยังบริเวณท้องฟ้าด้านทิศเหนือที่กว้างใหญ่ไพศาลสุดลูกหูลูกตาไปแล้ว การรอดจากเคราะห์กรรมครั้งนี้กล่าวสำหรับผู้คนจำนวนเท่าไรแล้วมันคือเรื่องที่โชคดีมาก เกรงว่าคงมีเพียงคนส่วนน้อยที่เหมือนเช่นหมิงหวังฝอ และเทพสงครามจินเปี้ยนที่ไล่ติดตามลูกอุกาบาดไปเช่นนี้
“ลูกอุกาบาดบินออกมาจากทะเลปุ๊ตู้ไห่ย่อมต้องมีสาเหตุ เป็นไปไม่ได้ที่จะบินออกมาโดยไร้เหตุผล” เวลานี้เทพสงครามจินเปี้ยนได้กล่าวเสียงทุ้มต่ำขึ้นมา โดยที่ตัวของเทพสงครามจินเปี้ยนอยู่ท่ามกลางความประกายแสง ให้ความรู้สึกถึงกลิ่นอายที่ดุเดือดรุนแรงอย่างหนึ่งแก่ผู้คน เหมือนว่าเขาสามารถพร้อมรบทุกสถานการณ์ได้ตลอดเวลา เหมือนว่าเขาก็ได้เตรียมความพร้อมสำหรับสู้รบไว้แล้วไม่ว่าจะเป็นเวลาใดก็ตาม
เทพสงครามจินเปี้ยนคล้ายชื่อของเขาอย่างนั้น ตัวของเขาได้แผ่ปณิธานการสู้รบที่รุนแรงยิ่งออกมาสายหนึ่ง เมื่อเขาไปทำการต่อสู้อยู่ที่ตรงไหน ปณิธานการต่อสู้บนตัวของเขากดดันผู้คนจำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์จนหอบหายใจไม่ทัน
เทพสงครามจินเปี้ยนหาใช่เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเหตุการณ์ แต่ว่า ปณิธานการต่อสู้บนตัวของเขาทำให้ผู้คนอึดอัดมากเป็นพิเศษ ให้ความรู้สึกว่าไม่สามารถต่อกรกับเขา กลิ่นอายที่แผ่กระจายออกมาจากตัวเขาทำให้ผู้คนรับรู้ได้ว่าเขาเป็นผู้ที่ชอบการต่อสู้ เมื่อใดที่ไปยุ่งกับเขาล่ะก็ต้องไม่ตายไม่เลิกราอย่างแน่นอน
“ดังนั้น ข้ากับพี่หมิงหวังปรึกษากันแล้ว คิดว่าเศษชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่อยู่ในมือของใต้เท้ารักษาด่านจะต้องเป็นกุญแจสำคัญ ดังนั้น คาดหวังให้ใต้เท้ารักษาด่านร่วมไขปริศนากับผู้กล้าทั่วหล้า” ในเวลานี้ หลังจากที่เทพสงครามจินเปี้ยนหยุดนิดหนึ่งแล้ว ก็ได้พูดถึงแนวคิดของพวกเขาออกมา
“ที่แท้เป็นเช่นนี้” ผู้คนจำนวนไม่น้อยจึงได้เข้าใจเมื่อได้ยินคำพูดของเทพสงครามจินเปี้ยน มิน่าเล่าร่างจำแลงของเทพสงครามจินเปี้ยน และหมิงหวังฝอสองคนจึงได้กลับมา ที่แท้พวกเขาก็ต้องการเศษชิ้นเล็กชิ้นน้อยชิ้นนี้เหมือนกัน
“ข้าก็มีแนวคิดเช่นนี้เหมือนกัน” ไท่อิ๋นสี่พยักหน้า กล่าวกับทุกคนที่อยู่ในงานว่า “ทุกท่านก็ได้ยินคำพูดของหลานรักทั้งสองแล้ว ดังนั้น หากทุกท่านมีความคิดเห็นประการใด สามารถพูดออกมา แน่นอน ทุกท่านก็สามารถเข้าไปทดลองดูว่า สามารถไขความลึกซึ้งยอดเยี่ยมของเศษชิ้นส่วนชิ้นนี้ได้หรือไม่ บางทีอนาคตของแดนลัทธิเซียนผูกอยู่กับตัวของทุกท่านแล้ว”
เวลานี้ นาทีนี้บรรดาแขกผู้มีเกียรติจำนวนมากต่างลุกขึ้นยืน เมื่อได้ยินไท่อิ๋นสี่พูดเช่นนี้
“ทุกท่านลองดูก็แล้วกัน” ไท่อิ๋นสี่มองดูทุกๆ คน และกล่าวว่า “มีวิธีการอะไรล้วนสามารถงัดออกมาใช้ พวกข้าได้ทดลองมาแล้ว ชิ้นส่วนชิ้นนี้แข็งแกร่งยิ่งนัก ของวิเศษอาวุธวิเศษมากมายก็ผ่ามันออกมาไม่ได้”
ขนาดผู้ดำรงอยู่ในฐานะที่แข็งแกร่งยิ่งอย่างไท่อิ๋นสี่ยังบอกว่าชิ้นส่วนชิ้นเล็กชิ้นน้อยนี้มีความแข็งแกร่งอย่างยิ่ง และบ่งบอกว่าก่อนหน้านี้พวกเขาก็ได้ทดลองทุกๆ วิธีการมาแล้ว
“ข้าขอลองดู” ในเวลานี้ มีอัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่ลุกขึ้นยืน
“พวกเราก็ไปดูกัน” ในเวลานี้ ผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นๆ ต่างทยอยกันเดินเข้าไปดู
ในเมื่อไม่อิ๋นสี่ก็ได้บอกแล้วว่า ทุกคนล้วนสามารถเข้าไปทดลองดูได้ ไม่ว่าใครก็ตามที่อยู่ในเหตุการณ์ย่อมจะไม่ปล่อยผ่านโอกาสนี้ไปอยู่แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น กล่าวสำหรับผู้คนส่วนใหญ่ที่อยู่ในงานนี้แล้ว นี่คือโอกาสที่จะได้โดดเด่นเหนือผุ้คน ถ้าหากหนึ่งในจำนวนพวกเขาสามารถไขปริศนาเศษชิ้นส่วนนี้ได้ล่ะก็ เช่นนั้นแล้วพวกก็จะกลายเป็นกระเรียนที่อยู่ท่ามกลางฝูงไก่ในทันที ไม่แน่นักก่อนที่ภัยพิบัติใหญ่จะมาถึง ตนเองสามารถชี้นำสถานการณ์ใต้หล้า สามารถนำพาทิศทางให้กับใต้หล้าได้
ในเวลานี้ ด้านหน้าของหินก้อนยักษ์ก้อนนี้มีผู้คนมุงดูเต็มไปหมด บรรดาผู้ยิ่งใหญ่ที่มาจากทุกทิศทุกทางในแดนลัทธิเซียน ต่างทำการพินิจพิเคราะห์ก้อนหินก้อนนี้
มีผู้ยิ่งใหญ่บางคนทำการวิเคราะห์ถึงคุณสมบัติของก้อนหินก้อนนี้ และมีผู้ยิ่งใหญ่บางคนทำการสืบเสาะค้นหาลวดลายที่อยู่บนหินก้อนนี้ และมีผู้ยิ่งใหญ่บางคนทำการเคาะตีหินก้อนนี้…
ในขณะนี้ ทุกคนต่างสำแดงอภินิหาร ทยอยกันงัดเอาวิธีการต่างๆ ของตนออกมา พวกเขาต่างต้องการไขความลึกลับของหินก้อนนี้
“ประหลาด ข้าไม่เคยพบเห็น ไม่เคยได้ยินกับลักษณะการก่อตัวขึ้นมาและเนื้อหินเช่นนี้มาก่อน” ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะผู้หนึ่งที่เชี่ยวชาญด้านหินแร่ถึงกับเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ “ข้าหลอมกลั่นโลหะมานานหลายหมื่นปี รู้จักสินแร่ สายแร่ทั้งหมดในแดนลัทธิเซียน แต่ว่า ก้อนหินก้อนนี้มันไม่ใช่ชนิดเดียวกันกับแร่ใดๆ หรือโลหะวิเศษใดๆ ที่มีอยู่ในแดนลัทธิเซียนขณะนี้”
“เกรงว่าจะไม่ใช่แค่ก้อนหินก้อนหนึ่งเท่านั้น บางที มันอาจได้รับการปลุกเสกผ่านปฐมบรรพบุรุษปราศจากผู้ต่อกรมาก่อน” และยังมีระดับปฐมบรรพบุรุษที่ยอดเยี่ยมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิกำลังครุ่นคิดพิจารณาถึงลวดลายที่อยู่บนหินก้อนดังกล่าว และกล่าวว่า “แม้ว่าลวดลายที่อยู่บนก้อนหินจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เหมือนกำเนิดเองตามธรรมชาติ แต่ว่า ดูเหมือนจะมีกฎเกณฑ์ที่จะตามรอยได้”
ขอข้าลองดู…หัวหน้าเผ่าปีกสวรรค์ผู้หนึ่งคำรามเสียงทุ้มต่ำคำหนึ่ง ในเวลานี้เขาได้กางปีกของตนออกทั้งสองข้าง
ได้ยินเสียงตึง ตึง ตึงดังขึ้น นาทีนี้ขณะที่ปีกซึ่งอยู่ด้านหลังของเขากางออก มองเห็นประกายสีทองระยิบระยับ ประกายเยือกเย็นข่มขวัญผู้คน
ขนนกของปีกทั้งสองบางเบาดั่งปีกจักจั่น แต่ก็มีความคมกริบและแข็งแกร่งอย่างยิ่ง เหมือนว่ามันสามารถผ่าทุกสิ่งได้อย่างง่ายดาย ภายใต้ปีกที่แข็งแกร่ง คมกริบยากจะหาใดเทียมนี้ ต่อให้เป็นสิ่งที่แข็งแกร่งมากกว่านี้ก็จะถูกตัดเฉือนออกมาเหมือนเต้าหู้อย่างนั้น
“ปีกทองคำของพี่หวินยิปราศจากสิ่งใดต้านทานได้” ยอดฝีมือจำนวนมากที่อยู่ข้างๆ ต่างทยอยกันถอยหลังออกห่าง และกล่าวด้วยความชื่นชมยิ่ง เมื่อเห็นปีกที่หัวหน้าเผ่าผู้นี้กางออกมา
เสียงตึง…ดังขึ้นเสียงหนึ่ง ในพริบตาเดียวนั่นเอง ปีกทั้งสองข้างของหัวหน้าเผ่าได้ฟันฉับลง พริบตาเดียวขนปีกแต่ละเส้นเสมือนดั่งได้กลับกลายเป็นใบมีดบางๆ ที่มีความคมมากที่สุด พลันตัดเฉือนลงไปบนหินดังกล่าวทันที
ปีกคู่ฟันฉับลงไปด้วยความเร็วที่ยอดเยี่ยมปราศจากผู้เทียบเทียม และมีดที่คมกริบปราศจากผู้เทียบเทียมเช่นนี้ขณะตัดเฉือนลงไปนั้น พลันเฉือนเอาช่องว่างแยกออก เหลือไว้เพียงเส้นผลึกขนาดเล็กจิ๋วแต่ละเส้น
ตึง ตึง ตึง…ในพริบตาเดียวนั่นเอง ปรากฏประกายไฟแตกกระจาย พลันมองเห็นขนแต่ละเส้นที่บางเบาเสมือนดั่งปีกจั๊กจั่นปลิวว่อน ภาพนี้คล้ายใบมีจำนวนมากมายที่ฟันลงไปยังสิ่งที่แข็งแกร่งปราศจากผู้เทียบเทียม ทำให้แตกหักไปทั้งหมดอย่างนั้น
โอ้แม่เจ้า…ขนนกทั้งหมดของหัวหน้าเผ่าผู้นี้ที่ฟันฉับลงบนก้อนหินแตกหักไปทั้งหมดทันที ขนนกทุกๆ เส้นของเขาเสมือนดั่งเป็นดาบทองอย่างนั้น มีความล้ำค่ายิ่งนัก แต่ว่า นาทีนี้ไม่เหลือไว้ซึ่งขนนกที่สมบูรณ์อีกเลย หากไม่แตกหักไปก็จะแหว่งเป็นช่วงๆ
หัวหน้าเผ่าผู้นี้ถึงกับร้องเสียงดังขึ้นมา รู้สึกเสียดายเป็นอย่างยิ่งเมื่อเห็นขนนกของตนหากไม่ใช่แตกหักก็คือขาดแหว่งเป็นช่วงๆ เนื่องจากขนนกก็คืออาวุธของเขา
“ก้อนหินที่แข็งมาก” ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างชมเปาะด้วยความตื่นตะลึงเมื่อมองเห็นภาพนี้ กล่าวด้วยความตระหนกว่า “ปีกทองคำของพี่หวินยิไม่เพียงเหนือมนุษย์ปุถุชนธรรมดาเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังได้ผสมสุดยอดโลหะจักจั่นทองหลอมสร้างขึ้นมา เคยฟันอาวุธจนขาดมาแล้วจำนวนนับไม่ถ้วน มาวันนี้ถึงกับแตกละเอียดง่ายๆ เช่นนี้.
หัวหน้าเผ่าผู้นี้รู้สึกเสียใจภายหลัง เจ็บปวดใจไปครึ่งค่อนวัน เนื่องจากปีกของเขาไม่เพียงต้องผ่านการฝึกฝนมาเป็นเวลานานนับไม่ถ้วน หลังจากขนนกได้ฝึกสำเร็จแล้วยังได้ผสมทองจักจั่นลงไปหลอมสร้าง
กล่าวได้ว่า ปีกคู่นี้ของเขาก็คืออาวุธที่แกร่งและแหลมคมที่สุดของเขา ไม่รู้ว่ามีศัตรูจำนวนเท่าไร อาวุธยอดฝีมือเท่าไรที่ถูกปีกคู่นี้ของเขาฟันจนขาด มาวันนี้กลับจะต้องมาเสียท่าให้กับก้อนหินก้อนนี้ ทำให้ขนนกทั้งหมดของเขาหากไม่ใช่แตกหักก็เป็นฟันแหว่ง ทำให้สูญเสียพลังไปเป็นอันมาก จะไม่ให้เขาต้องเจ็บปวดหัวใจได้รึ?
“ข้ามีเพลิงดึกดำบรรพ์เจินจิ่งอยู่ขวดหนึ่ง ให้ข้าทดสอบดู” เวลานี้ มีราชันแท้จริงสามลัคนาผู้หนึ่งกล่าวเสียงทุ้มต่ำขึ้นมา
ผู้คนจำนวนมากที่อยู่ในงานต่างทยอยกันถอยหลังออกไป ทุกคนต่างมีท่าทางหวั่นเกรงเมื่อได้ยินคำพูดของราชันแท้จริงผู้นี้
ขณะนี้ ราชันแท้จริงสามลัคนาผู้นี้ได้หยิบเอาขวดโบราณมาใบหนึ่ง ขวดโบราณใบนี้ได้ปลุกเสกด้วยอักขระยันต์จำนวนนับไม่ถ้วน ย่อมไม่ต้องสงสัยว่า ขวดโบราณใบนี้ก็เป็นของวิเศษที่ยอดเยี่ยมมาก มีเพียงการปลุกเสกด้วยพลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ มันจึงสามารถบรรจุเพลิงดึกดำบรรพ์เจินจิ่งได้
เพลิงดึกดำบรรพ์เจินจิ่ง…ผู้ยิ่งใหญ่รุ่นอาวุโสถึงกับชมเปาะด้วยความตื่นตะลึง เมื่อเห็นขวดโบราณที่อยู่ในมือของราชันแท้จริงผู้นั้น และกล่าวว่า “เล่าลือกันว่า ไฟดังกล่าวเคยเผาราชันแท้จริงสิบสองลัคนาจนเสียชีวิตมาก่อน”
ได้ยินเสียงปุดังขึ้นเสียงหนึ่ง ในเวลานี้เอง ราชันแท้จริงผู้นี้ได้เปิดจุกขวดขึ้นมาแล้ว พลันที่จุกขวดถูกเปิดออก ปรากฏคลื่นความร้อนที่ยากจะทานทนได้สายหนึ่งเข้ามาปะทะใบหน้าทันที เหมือนว่ามันสามารถเผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างในพริบตา
เสียงจี๊ด จี๊ด จี๊ดดังขึ้น เพลิงดึกดำบรรพ์ในขวดยังไม่ทันได้ถูกเทออกมา ช่องว่างก็ถูกอุณหภูมิสูงที่น่ากลัวนี้เผาจนวอด ทำเอาผู้คนตกใจจนต่างทยอยกันก้าวถอยหลัง รักษาระยะห่างเอาไว้
“พาลเหลือเกิน เพลิงดึกดำบรรพ์ที่ทรงพลังมากเหลือเกิน” ทุกคนต่างรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง เมื่อรับรู้ถึงอุณภูมิที่สูงน่ากลัวเช่นนั้น
ทุกคนต่างมองออกว่า ขณะที่เพลิงดึกดำบรรพ์เจินจิ่งถูกผนึกเอาไว้ภายในขวดโบราณ อานุภาพของมันถูกสยบเอาไว้ แต่ว่า ยังคงมีอุณหภูมิที่สูงน่ากลัว ย่อมจินตนาการได้ว่า ถ้าหากเพลิงดึกดำบรรพ์เจินจิ่งไม่ได้ถูกสยบเอาไว้ล่ะก็ อานุภาพของมันจะแข็งแกร่งเพียงใด และน่าสยองขวัญเช่นใด
เสียงจี๊ด…ดังขึ้นเสียงหนึ่ง ในเวลานี้ราชันแท้จริงสามลัคนาผู้นี้ได้เทเพลิงดึกดำบรรพ์เจินจิ่งออกมาแล้ว
มองเห็นเพลิงดึกดำบรรพ์เจินจิ่งเสมือนดั่งลาวาถูกเทราดลงบนหินนั่น และไหลไปช้าๆ เสียงจี๊ด จี๊ด จี๊ดดังขึ้นไม่ขาดสาย ควันดำพุ่งขึ้นตลอดเวลา
แต่ว่า ต่อให้เพลิงดึกดำบรรพ์เจินจิ่งมีอานุภาพมากไปกว่านี้ ยังคงไม่สามารถทำอะไรก้อนหินก้อนนี้ได้ อย่างดีแค่ทั้งร่องรอยที่บางๆ เอาไว้เท่านั้นเอง
“แข็งขนาดนี้ มันคือเนื้ออะไรกันแน่” ราชันแท้จริงสามลัคนาผู้นี้ถึงกับตกใจ เมื่อมองเห็นเพลิงดึกดำบรรพ์เจินจิ่งของตนก็ทำอะไรไม่ได้
………………………………………………………………………………………………