Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2946 งานประมูล
ตอนที่ 2946 งานประมูล
ในครั้งนั้น เจ้ากระบือดำขนาดใหญ่ได้กินใบไม้หลายใบนั้นเข้าไป จะหลบหนีก็ยังไม่ทัน ไหนเลยมีเวลาไปชิมรสของมันอย่างละเอียด กลืนกินเข้าไปโดยไม่มีการแยกแยะอะไร ไม่สามารถจดจำได้อยู่แล้วว่าใบไม้หลายใบนั่นมีรสชาติเช่นใด
“ไม่รู้จักคุณค่าเลย” หลี่ชิเย่หัวเราะ ส่ายหน้า และกล่าวว่า “มิน่าเล่าปีศาจต้นไม้เฒ่าอยากฟันเจ้าให้ตาย หากเปลี่ยนเป็นข้า ก็จะฟันเจ้าให้ตายเช่นกัน นำมาทำเป็นสุกี้เนื้อ”
เจ้ากระบือดำขนาดใหญ่ถึงกับหัวเราะแห้งๆ ทีหนึ่ง แต่ยังคงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะแหะแหะหลายคำ สิ่งนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ลำพองใจมากที่สุดชั่วชีวิตของเขา จะอย่างไรเสีย สามารถชิงเอาใบไม้หลายใบนั้นจากมือของปีศาจต้นไม้เฒ่ามาได้ มันคือเรื่องที่ฝืนลิขิตสวรรค์อย่างยิ่งแล้ว
พันล้านปีที่ผ่านมา มีระดับปราศจากผู้ต่อกรจำนวนเท่าไรที่อยากได้ใบไม้หลายใบนี้มาก กระทั่งแม้แต่ระดับปฐมบรรพบุรุษก็เคยอยากได้อย่างยิ่ง แต่ว่า พวกเขาไม่เคยทำได้สำเร็จ
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ ในที่สุดก็ถึงคิวของพวกหลี่ชิเย่เข้าไปแล้ว พนักงานของห้างเจียวเหิงรับบัตรผ่านประตูมาแล้ว มองดูบัตรผ่านประตูที่อยู่ในมือ จากนั้นก็มองดูกระบือดำขนาดใหญ่นั่น
แม้ว่าเผ่าปีศาจที่เข้าร่วมงานประมูลมีเป็นจำนวนมาก แต่ว่า ส่วนใหญ่แล้วเผ่าปีศาจก็จะผ่านการแปลงร่างมา ไม่เหมือนเช่นกระบือดำขนาดใหญ่ที่ยังคงเป็นวัวตัวหนึ่ง ทำให้พนักงานของห้างเจียวเหิงถึงกับจ้องมองดูหลายครั้ง
“มองอะไร กระบือไม่สามารถเข้าร่วมการประมูลหรือไง?” เจ้ากระบือดำขนาดใหญ่พลันทำตาถมึงขึ้นทันที ตากระบือขนาดใหญ่จ้องมองไปที่พนักงานผู้นั้น
“เจ้าไปร่วมงานสุกี้เนื้อจะเหมาะสมมากกว่า” ขณะที่กระบือดำขนาดใหญ่กำลังของขึ้น หลี่ชิเย่ได้กล่าวเอ้อระเหยขึ้นมา
คำพูดนี้ทำให้พนักงานของห้างเจียวเหิงอยากจะหัวเราะแต่ไม่กล้าหัวเราะออกมา ได้แต่กลั้นเอาไว้ เขารีบบอกว่า “นายท่านผู้นี้ ไม่ ไม่ ข้าน้อยไม่ได้หมายความอย่างนั้น พวกท่านเชิญเข้าไป เชิญเข้าไปได้”
แม้ว่าเจ้ากระบือดำขนาดใหญ่จะไม่พอใจ แต่ว่า ก็ไม่ได้ถือสาหาความกับคนที่ไม่มีความสำคัญ บ่นซุบซิบทีหนึ่งแล้วก็ติดตามหลี่ชิเย่เข้าไปในบริเวณลานประมูล
ลานประมูลมีขนาดยักษ์โดยแท้จริง เมื่อเดินเข้าไปยังลานประมูลที่มีขนาดยักษ์ปราศจากผู้เทียบเทียม ไม่ว่าใครก็ตามล้วนแล้วแต่รู้สึกว่าตนเองนั้นเสมือนดั่งมดตัวหนึ่งเท่านั้น เมื่อมายืนอยู่ข้างในนั้น
ลานประมูลมีขนาดยักษ์อย่างแท้แจริง เพียงพอที่จะจุคนได้หลายแสนคน ด้วยลานประมูลที่มีขนาดใหญ่โตเช่นนี้ ลองจินตนาการว่ามันจะมีขนาดยักษ์เพียงใด
ลักษณะโดยรวมของลานประมูลเป็นรูปเรือ เวทีประมูลอยู่ตรงกลาง ถูกล้อมรอบด้วยแขกที่มางานประมูลทั้งสี่ด้าน ยิ่งตำแหน่งที่เข้าใกล้เวทีประมูลมากเท่าไรก็จะยิ่งแสดงถึงฐานะที่สูงส่งมากขึ้น
เมื่อพวกของหลี่ชิเย่เข้าไปยังลานประมูล ที่นั่นได้เต็มไปด้วยผู้คนแล้ว ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนนับไม่ถ้วนล้วนแล้วแต่นั่งอยู่กับที่นั่งของตน รอการประมูลที่จะเริ่มต้นขึ้น
หลังจากพวกของหลี่ชิเย่ได้เข้าไปในลานประมูลแล้ว ก็ได้ไปนั่งอยู่กับที่นั่งของตน ขณะที่เจ้ากระบือดำขนาดใหญ่ได้ยืนตรงขึ้นนั่งบนม้านั่ง ดีที่ม้านั่งของลานประมูลมีความแข็งแรง แต่ยังคงดูกน้ำหนักของกระบือดำขนาดใหญ่ทับจนมีเสียงดังเอี๊ยดดด เอี๊ยดดดขึ้นมา
ลองจินตนาการดู กระบือดำขนาดใหญ่ตัวหนึ่งยืนขึ้นและนั่งบนม้านั่ง ช่างเป็นภาพที่แปลกประหลาดนัก
แน่นอน ท่ามกลางลานประมูล มีเรื่องแปลกประหลาดมากมาย เช่น ปีศาจที่มีหัวเป็นเสือตัวเป็นคน บุรุษที่มีร่างสูงและร่างทั้งร่างคล้ายเป็นทองแดงโบราณ และยังมีมนุษย์ต้นไม้ที่มีใบไม้สีเขียนขึ้นอยู่บนตัว…
กล่าวได้ว่า ในงานประมูลครั้งนี้ได้มีการรวบรวมยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจากทุกแห่งในหล้า เรียกได้ว่าผู้บำเพ็ญตนแต่ละเผ่าในแดนลัทธิเซียนล้วนแล้วแต่มาร่วมงานประมูลในครั้งนี้
งานประมูลในลักษณะเช่นนี้ แทนที่จะบอกว่าเป็นงานประมูล มิสู้บอกว่าเป็นการรวมตัวครั้งยิ่งใหญ่ของหมื่นเผ่าพันธุ์ งานที่สามารถรวบรวมเผ่าพันธุ์จนครบทุกเผ่าพันธุ์ในแดนลัทธิเซียนได้ เกรงว่าคงมีแต่งานประมูลใหญ่ห้าปีครั้งของเจียวเหิงแล้วล่ะ
แน่นอน ไม่ว่าใครก็ตามล้วนแล้วแต่สามารถเข้าร่วมงานประมูลครั้งยิ่งใหญ่ห้าปีครั้ง ขอเพียงซื้อบัตรผ่านประตูใบหนึ่งก็ใช้ได้แล้ว ต่อให้เข้าร่วมก็ไม่จำเป็นต้องประมูลเสมอไป ถ้าหากไม่มีเงินก็แค่ซื้อบัตรผ่านประตูเข้าไปชม เป็นการเพิ่มความรู้ให้กับตนก็เพียงพอแล้ว
ขณะที่ห้างเจียวเหิงสามารถได้กำไรจากการขายบัตรผ่านประตูได้ก้อนใหญ่
“คราวนี้มีราชันแท้จริง และคงความเป็นอมตะตลอดกาลมาร่วมงานไม่น้อยเลยนะ” ในขณะนี้ ไป่จินหนิงอดจะเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าไม่ได้ ถึงกับพึมพำขึ้นมา
บนท้องฟ้าปรากฏที่นั่งวิเศษแต่ละตัว อาคารตึกสูงแต่ละหลัง และตำหนักโบราณแต่ละหลังที่ลอยอยู่
แม้จะกล่าวว่า ท่ามกลางงานประมูลนั้น ตำแหน่งที่อยู่ใกล้กับเวทีประมูลยิ่งมากเท่าไรก็จะสูงส่งมากเท่านั้น แต่ว่า ที่สูงส่งมากที่สุดยังคงไม่ใช่ตำแหน่งเหล่านี้ ที่สูงส่งมากที่สุดคือตำแหน่งที่ล่องลอยบอยู่บนท้องฟ้า
บนท้องฟ้า ชั้นที่อยู่ต่ำสุดปรากฎที่นั่งวิเศษแต่ละตัวลอยอยู่ โดยที่นั่งวิเศษแต่ละตัวเหล่านี้มีคนนั่งอยู่เกือบเต็มแล้ว ซึ่งที่นั่งวิเศษแต่ละตัวที่ลอยอยู่นั้น โดยปรกติแล้วผู้ที่มีสิทธิ์เข้าไปนั่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้ดำรงอยู่ในฐานะเทพแท้จริงขั้นอมตะ บุคคลเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่มีฐานะ ล้วนแล้วแต่มาจากเจ้าถิ่นที่ใดที่หนึ่ง หากไม่ใช่เป็นผู้อาวุโสผู้บุกเบิกของพรรคใดพรรคหนึ่ง ก็คือผู้เฒ่าของตระกูลขุนนางโบราณตระกูลใดตระกูลหนึ่ง…
ที่นั่งวิเศษที่ลอยอยู่ยังไม่ใช่สูงส่งที่สุด เหนือที่นั่งวิเศษขึ้นไปยังมีอาคารตึกสูงแต่ละหลัง ซึ่งมีอยู่จำนวนไม่น้อยที่มีผู้เข้าไปประจำอยู่แล้ว
อาคารตึกสูงแต่ละหลังเหล่านี้จะตั้งอยู่เดี่ยวๆ มีสาวใช้ของห้างเจียวเหิงคอยรับใช้ การไปอยู่ที่ตรงนั้นจะมีความสบายคล้ายอยู่ในห้องของตนเองอย่างนั้น
ผู้ที่สามารถเข้าไปอยู่ในอาคารตึกสูงล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลที่ยอดเยี่ยมทั้งสิ้น หากไม่ใช่ราชันแท้จริงปราศจากผู้ต่อกรก็คือ คงความอมตะตลอดกาลแล้ว
แต่ทว่า นี่ก็ยังไม่ใช่ชั้นสูงส่งที่สุด ที่สูงส่งที่สุดคือตำหนักโบราณแต่ละหลังที่อยู่เหนืออาคารตึกสูงขึ้นไป โดยตำหนักโบราณแต่ละหลังคล้ายเป็นพระราชวังอย่างนั้น การเข้าไปอยู่ในพระราชวังเช่นนี้ เสมือนหนึ่งเข้าพักอาศัยอยู่ในพระตำหนักสำหรับพักผ่อนเป็นการชั่วคราวของตนเองอย่างนั้น
โดยตำหนักโบราณแต่ละหลังมีการตกแต่งที่หรูหราอย่างยิ่ง ของใช้ทุกชิ้นล้วนแล้วแต่ล้ำค่าอย่างยิ่ง และได้รับการปฏิบัติด้วยอาหารเลิศรสที่ปราศจากผู้เทียบเทียมในหล้า
แม้แต่ระดับราชันแท้จริงก็ไม่มีสิทธิ์เข้าพักในตำหนักโบราณแต่ละหลังเหล่านี้ มีเพียงปฐมบรรพบุรุษเท่านั้นที่มีสิทธิ์เข้าพักได้
“ผู้ยิ่งใหญ่มีมากเหลือเกิน” ณ ลานประมูล มีผู้คนจำนวนไม่น้อยทยอยกันแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า มองดูที่นั่งวิเศษแต่ละตัว อาคารตึกสูงแต่ละหลัง และตำหนักโบราณแต่ละหลังเหล่านั้น
กล่าวสำหรับ ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนเท่าใด บรรดาผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้ปรกติแล้วก็แค่เคยได้ยินชื่อเท่านั้นเอง ในทัศนะของผู้คนจำนวนเท่าใด บรรดาผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้ก็เหมือนดำรงอยู่ในฐานะตำนานอย่างนั้น มาวันนี้ถึงกับได้พบเห็นผู้ยิ่งใหญ่เหล่านั้นด้วยสายตาของตนเอง และมันเป็นการคุ้มค่าเพียงใดที่ได้พบเห็นผู้ยิ่งใหญ่จำนวนมากมาย กล่าวได้ว่า แม้จะไม่ได้ซื้ออะไรเลยสักอย่างก็คุ้มกับค่าบัตรผ่านประตูแล้ว กับการมาร่วมงานประมูลในครั้งนี้
ลองจินตนาการดู ปรกติแล้ว เมื่อใดจึงมีโอกาสได้พบเจอกับราชันแท้จริง คงความอมตะตลอดกาลมากมายเพียงนี้ ช่างเป็นเรื่องมีเกียรติอะไรอย่างนั้น
โดยปรกติ ผู้ที่นั่งที่อยู่ด้านหน้าล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลระดับหัวหน้าพรรค หรือฮ่องเต้ ซึ่งบุคคลลักษณะเช่นนี้กล่าวสำหรับผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากแล้ว ก็คือผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะที่ยอดเยี่ยมมากแล้วล่ะ
แต่ว่า มาวันนี้เมื่อแหงนหน้าขึ้นมองบรรดาบุคคลที่นั่งอยู่บนท้องฟ้าเหล่านั้นแล้วจึงพบว่า บรรดาหัวหน้าพรรค หรือหัวหน้าเผ่าอะไรนั่นเป็นเพียงนาย ก. นาย ข. ที่เดินผ่านไปผ่านมาตามถนนเท่านั้นเอง ช่างเป็นงานใหญ่ที่สร้างความหวั่นไหวต่อจิตใจเช่นใด
งานใหญ่ระดับนี้คงมีเพียงห้างเจียวเหิงเท่านั้นที่สามารถจัดขึ้นมาได้
“ดูนั่น กระบี่เหินเทียนเจียวก็อยู่ในนั้น” มีผู้ที่แหงนหน้าขึ้นมองอาคารตึกสูงบนท้องฟ้าแล้วร้องเสียงออกมาเบาๆ
ผู้คนจำนวนไม่น้อยมองไปยังอาคารตึกสูงที่กระบี่เหินเทียนเจียวนั่งอยู่ มองเห็นกระบี่เหินเทียนเจียวที่นั่งอยู่ภายในอาคารตึกสูงกำลังเช็ดถูกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ในมืออย่างละเอียด กระบี่ศักดิ์สิทธิ์เล่มนั้นส่งประกายที่แสบตา ทำให้ผู้คนไม่กล้าจ้องมองตรงๆ และรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงในใจ
กระบี่เหินเทียนเจียวมีทีท่าที่หยิ่งผยองอย่างยิ่งขณะนั่งอยู่ที่ตรงนั้น ท่าทางเย็นชา มองผู้คนที่นั่งอยู่ข้างล่างเสมือนดั่งมดปลวกอย่างนั้น
“ฝ่าบาทจุนหวงก็อยู่ตรงนั้น” มีผู้ชี้ไปยังอาคารตึกสูงอีกหลังหนึ่ง ผู้คนจำนวนไม่น้อยมองตามไป เห็นราชันแท้จริงจุนหวงนั่งอยู่ริมหน้าต่าง ท่าทางดูเป็นธรรมชาติ เวลานี้กำลังเล่นหมากรุกกับผู้อื่น โดยผู้ที่นั่งเล่นหมากรุกเป็นเพื่อนกับเขาคือระดับผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของห้างเจียวเหิง
“อาคารตึกสูงหลังนั้นเป็นผู้ใดเล่า?” มีผู้คนมองเห็นอาคารตึกสูงหลังหนึ่งมีป้ายแขวนอยู่ แสดงว่ามีคนเข้าอยู่แล้ว แต่ว่า อาคารตึกสูงหลังนี้ปิดประตูแน่นหนา ทำให้ไม่สามารถมองเห็นสภาพภายในนั้นได้
แต่ว่า มียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่แข็งแกร่งอาศัยการรับรู้ที่ละเอียด สุดท้ายได้กล่าวเสียงแผ่วเบาว่า “เป็นพลังที่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก หรือว่าจะเป็นราชันแท้จริงเซิ่นซวงแห่งหอจรัสศักดิ์สิทธิ์?”
“พี่ท่านยอดเยี่ยมมาก คนผู้นี้คือราชันแท้จริงเซิ่นซวงของสถาบันศึกษาเป่ยเยี่ยนนั่นเอง” มีผู้บำเพ็ญตนที่ทราบเรื่องนี้พยักหน้าและเอ่ยขึ้นมา
“ราชันแท้จริงเซิ่นซวงก็มาแล้ว เยี่ยมมาก ได้ยินมาว่านางคือราชันแท้จริงสิบเอ็ดลัคนามานานแล้ว กระทั่งมีผู้ที่บอกว่าเวลานี้นางคือราชันแท้จริงสิบสองลัคนา” ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกฮือฮาเมื่อได้ยินว่าราชันแท้จริงเซิ่นซวงได้มาแล้ว
“หอจรัสศักดิ์สิทธิ์นับว่ายอดเยี่ยมมาก สามารถให้กำเนิดราชันแท้จริงที่ปราดเปรื่องปราศจากผู้ต่อกรเช่นราชันแท้จริงเซิ่นซวงขึ้นมาได้ พลังจรัสที่ศักดิ์สิทธิ์นับว่ายิ่งใหญ่ไพศาลอย่างยิ่ง” ผู้บำเพ็ญตนรุ่นอาวุโสที่เคยพบเจอราชันแท้จริงเซิ่นซวงมาก่อนต่างอดที่จะชมเปาะด้วยความตื่นตระหนกไม่ได้
“ไม่เพียงแค่ราชันแท้จริงเซิ่นซวงที่มาเท่านั้น” มีผู้ที่แหงนหน้าขึ้นมอง มองเห็นอาคารตึกสูงหลังหนึ่ง และกล่าวว่า “กุมารซ้ายหมิงหวัง และกุมารขวาหมิงหวังก็อยู่นั่นมิใช่รึ?”
ผู้คนจำนวนไม่น้อยมองไปที่นั่น เห็นอาคารตึกสูงหลังหนึ่งคือกุมารซ้ายหมิงหวัง และกุมารขวาหมิงหวังนั่นเอง พวกเขายืนอยู่ซ้ายขวา เพียงแต่ไม่เห็นหมิงหวังฝออยู่ภายใจอาคารตึกสูง แค่จัดวางพระพุทธรูปไว้องค์หนึ่งเท่านั้นเอง
“ร่างจริงของหมิงหวังฝอไม่ได้มาด้วย” ผู้บำเพ็ญตนเฒ่าผู้หนึ่งมองดูนิดหนึ่ง ส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “แต่ว่า เขาได้เข้าร่วมงานประมูลในครั้งนี้แล้ว”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้” หลายคนจึงได้เข้าใจเมื่อได้ฟังคำเช่นนี้แล้ว
กล่าวสำหรับระดับปฐมบรรพบุรุษแล้ว พวกเขาไม่แน่เสมอไปว่าจะมีเวลามาร่วมงานประมูลเช่นนี้ แต่ว่า แม้ร่างจริงของพวกเขามาไม่ได้ก็ยังคงสามารถเข้าร่วมงานประมูลได้เช่นกัน ขอเพียงมีผุ้ที่ช่วยเสนอราคาให้กับพวกเขาเป็นใช้ได้ ราชันแท้จริงหรือปฐมบรรพบุรุษสามารถรับรู้สภาพความเคลื่อนไหวของการประมูลได้ตลอดเวลา
ในเวลานี้ ผู้คนจำนวนไม่น้อยทยอยกันมองขึ้นไปบนท้องฟ้า กล่าวสำหรับทุกคนแล้ว แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่ที่นั่งอยู่บนที่นั่งศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่เพียงพอที่จะดึงดูดสายตาได้อีกแล้ว
ที่ทุกคนให้ความสนใจคือบรรดาราชันแท้จริงปราศจากผู้ต่อกร ระดับคงความอมตะตลอดกาลที่อยู่ภายในอาคารตึกสูงเหล่านั้น
“ดูนั่น พวกท่านเห็นหรือไม่ มีตำหนักโบราณหลังหนึ่งได้สว่างไสวขึ้นมาแล้ว” ในเวลานี้เอง มีผู้มองเห็นบนท้องฟ้าบริเวณสูงสุดปรากฏตำหนักโบราณหลังหนึ่งพลันสว่างไสวขึ้นมา
“เป็นปฐมบรรพบุรุษ มีปฐมบรรพบุรุษมาร่วมงานประมูลด้วยรึ?” เกิดความฮือฮาไปทั่วทั้งลานประมูล ในเวลานี้ทุกคนได้ลุกขึ้นยืน ทุกคนล้วนตั้งตาคอย
“เป็นปฐมบรรพบุรุษมาร่วมงานประมูลจริงๆ รึ?” ในเวลานี้ ทุกคนล้วนแล้วแต่รู้สึกหวั่นไหวอย่างรุนแรงในใจ สายตาทั้งหมดล้วนตกไปอยู่ที่ตำหนักโบราณนั่น
สมควรทราบว่า ตำหนักโบราณเช่นนี้มีเพียงระดับปฐมบรรพบุรุษเท่านั้นที่สามารถเข้าไปอาศัยได้
“เป็นปฐมบรรพบุรุษผู้ใดนะ? พระอาจารย์จินกวง หรือปราชญ์อัจฉริยะหลันซู?” ในเวลานี้ ทุกคนต่างวิพากวิจารณ์กันต่างๆ นานา เนื่องจากในยุคปัจจุบันปฐมบรรพบุรุษที่เป็นที่ทราบกันก็มีเพียงพระอาจารย์จินกวง กับปราชญ์อัจฉริยะหลันซูเท่านั้น
…………………………………………………..