Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2734 นิ้วเดียวไร้เทียมทาน
ตอนที่ 2734 นิ้วเดียวไร้เทียมทาน
คลื่นดาบวาววับดั่งหิมะที่ไล่หลังตามกันมา พลันปกคลุมร่างของหลี่ชิเย่เอาไว้ทั้งหมด เหมือนต้องการแยกร่างหลี่ชิเย่ให้เป็นชิ้นๆ ในพริบตาเดียวอย่างนั้น
บรรดาระดับบรรพบุรุษ และเจ้านิกายของนิกายหู้ซานจงต่างตกใจยิ่งนักภายใต้คลื่นดาบลักษณะเช่นนี้ ยิ่งกัวเจียหุ้ยที่อยู่ด้านข้างด้วยแล้วมีสีน้าที่ขาวซีดภายใต้คลื่นดาบเช่นนี้ นางพลันรู้สึกได้ถึงประกายดาบที่แสบเข้าไปในกระดูก พลันที่ประกายดาบปรากฏขึ้นมานั้น เสมือนดั่งเป็นการขูดกระดูกอย่างนั้น
เสี้ยววินาทีนี้เอง เห็นเพียงนิ้วมือนิ้วเดียวของหลี่ชิเย่ที่ผงาดโจมตีขึ้นมา หนึ่งนิ้วที่ผงาดฟ้าได้ทำลายช่องว่างจนแหลกละเอียด ทำลายทุกอย่างจนแหลกเป็นผุยผง
ได้ยินเสียงดังปุขึ้นมาเสียงหนึ่ง ช่องว่างแตกละเอียด ท่ามกลางเสียงปุที่ดังขึ้นแถมพกด้วยเสียงปังที่ดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ดาบยาวที่ฟันเข้าใส่หลี่ชิเย่พลันแตกหักละเอียดไปทั้งหมด ในขณะเดียวกัน บรรดาชายฉกรรจ์รูปร่างทะมักทะแมงที่ลงมือต่อหลี่ชิเย่ ทั้งหมดถูกบดขยี้จนกลายเป็นหมอกเลือดในพริบตาเดียว
ในพริบตาเดียวนั้นเอง เหมือนว่าภาพเหล่านั้นจะชะงักงันอย่างนั้น ดาบยาวแต่ละเล่มที่แหลกละเอียดเป็นผงในชั่วพริบตา ขณะที่ชายฉกรรจ์ที่เป็นยอดฝีมือแต่ละคนถูกบดขยี้จนกลายเป็นหมอกเลือด เศษชิ้นส่วนของดาบยาวที่ปลิวว่อน หมอกเลือดที่ตลบอบอวล สภาพของเหตุการณ์แลดูสะเทือนหวั่นไหวต่อจิตใจผู้คนเหลือเกิน
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ขณะมองเห็นภาพนี้นั้น ล้วนแล้วแต่อ้าปากกว้าง แค่ยื่นนิ้วมือออกไปนิ้วเดียวเท่านั้นก็บดขยี้ทุกอย่างจนแหลกละเอียด
“ฆ่า…” ในเสี้ยววินาทีนี้เอง ฝูคุนลงมือลอบโจมตี มือทั้งสองที่กำดาบพลันฟันช่องว่างจนแยกจากกันด้วยความชำนาญ ท่ามกลางเสียงของดาบที่ดังตึงขึ้นมา ฟันเข้าที่ศีรษะของหลี่ชิเย่เสมือนดั่งสายฟ้าแลบ
“ระวัง…” จังหวะที่ดาบยาวฟันใส่บริเวณศีรษะของหลี่ชิเย่ เฉินเหวยเจิ้งจึงได้มีฏิกิริยาสนองตอบในสิ่งที่เกิดขึ้น ร้องเสียงอันดังขึ้นมา แต่ มันสายเกินไปเสียแล้ว เนื่องจากดาบนี้รวดเร็วมากเหลือเกิน ได้ฟันเข้าที่บนศีรษะของหลี่ชิเย่แล้ว
แต่ว่า เวลาเหมือนหยุดนิ่งลงในทันทีอย่างนั้นเมื่อได้ยินเสียงตึงที่ดังขึ้นมา ทุกคนจ้องมองไปมองเห็นเพียงดาบยาวที่เดิมฟันเข้าที่ศีรษะของหลี่ชิเย่นั้น ไม่ได้ฟันลงแต่ถูกนิ้วมือของหลี่ชิเย่หนีบเอาไว้เท่านั้น
หลี่ชิเย่ยังคงนอนอยู่บนเก้าอี้ล้อเลื่อนโดยไม่ได้ลืมตาขึ้นมา นิ้วมือสองนิ้วของเขาได้หนีบดาบยาวเอาไว้อย่างง่ายดาย เหมือนว่าเป็นดาบยาวที่ยื่นไปยังช่องว่างระหว่างนิ้วมือของเขาอย่างนั้น
“เปิด…” สีหน้าของฝูคุนเปลี่ยนไปมากทีเดียว ระเบิดพลังขึ้นมาหวังจะดึงเอาดาบยาวของตนกลับคืน แต่ว่า ดาบยาวที่ถูกหนีบเอาไว้ระหว่างนิ้วมือของหลี่ชิเย่ถึงกับแข็งดั่งหินผา เขาไม่สามารถทำให้หวั่นไหวได้แม้แต่น้อย ซึ่งทำให้เขามีสีหน้าที่แดงก่ำขึ้นมา
ในพริบตาเดียวนั่นเอง ฝูคุนก็รู้ว่าสถานการณ์ไม่ดี จึงถอยหลังออกห่างทันที แต่ว่า ทุกอย่างได้สายไปเสียแล้ว
ได้ยินเสียงตึงดังขึ้น ดาบยาวพลันแตกละเอียดในพริบตา ฝูคุนยังไม่ทันได้หนีออกไปจากประตูตำหนัก มือขนาดยักษ์ที่คว้าจับเข้ามาทำให้ฝูคุนถึงกับร้องเสียงดังขึ้นมาด้วยความหวาดผวา พร้อมกับสำแดงของวิเศษที่อยู่บนตัวออกไป สำแดงสุดยอดเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งออกมา
แต่ว่า ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่ไร้ประโยชน์ ท่ามกลางเสียงปังที่ดังขึ้น ทั้งเคล็ดวิชา ของวิเศษทั้งหมดล้วนแล้วแต่แตกละเอียด ขณะที่เขายังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาสนองตอบได้ทัน ก็ถูกมือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่จับตัวเอาไว้แล้ว
ได้ยินเสียงกระดูกแตกละเอียดดังคร๊ากกก อ๊ากกกฝูคุนส่งเสียงน่าเวทนาดังขึ้น เลือดสดๆ แตกกระจาย และถูกหลี่ชิเย่จับตัวไปได้โดยที่ยังไม่ทันได้สติกลับมาในทันที
พริบตาเดียวนั้นเองฝูคุนรู้สึกว่าตนเองนั้นช่างเล็กจิ๋วอะไรขนาดนั้นเมื่อถูกหลี่ชิเย่จับไปอยู่ตรงหน้า เวลานี้นาทีนี้แม้ว่าหลี่ชิเย่จะนอนอยู่บนเก้าอี้ล้อเลื่อนเสมือนดั่งเป็นคนพิการ ก็ทำให้ภายในใจของฝูคันต้องสั่นเทาทีหนึ่ง
นาทีนี้ฝูคุนรู้สึกวาหลี่ชิเย่ที่นอนอยู่ด้านหน้าของตนนั้นหาใช่เป็นคนพิการที่นอนอยู่บนเก้าอี้ล้อเลื่อน แต่เป็นสัตว์ดุร้ายยุคดึกดำบรรพ์ที่กำลังนอนหลับใหลอยู่ เมื่อใดที่สัตว์ดุร้ายยุคดึกดำบรรพ์ตัวนี้ตื่นขึ้นมาล่ะก็ คือช่วงเวลาที่ฟ้าดินหมื่นอาณาจักรต้องสั่นเทา
ในเวลานี้เอง หลี่ชิเย่ได้ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ จังหวะที่หลี่ชิเย่ลืมตาขึ้นมานั้น ฝูคุนรู้สึกว่าทั่วทั้งช่องว่างเหมือนสั่นไหวดังปุขึ้นมาทีหนึ่ง
พริบตาเดียวนั่นเอง ฝูคุนเหมือนเห็นเป็นภาพลวงตาวา จังหวะที่หลี่ชิเย่ลืมตาก็คือกลางวัน เมื่อหลี่ชิเย่หลับตาลงก็คือกลางคืน
อย่างไรก็ตาม กลางคืนไม่ได้น่ากลัว กลับดูสงบเงียบและมีความปลอดภัย เมื่อใดที่เป็นกลางวัน เมื่อใดที่ทำให้สัตว์ดุร้ายยุคดึกดำบรรพ์อย่างหลี่ชิเย่ตื่นขึ้นมาล่ะก็ นั่นแหละเป็นเวลาที่คู่ควรให้ประชาขนนับล้านล้านต้องขวัญหนีดีฝ่อหวาดกลัว
“เจ้า เจ้า เจ้า เจ้าอย่าทำอะไรบุ่มบ่ามนะ” ในเวลานี้เอง ฝูคุนถูกทำให้ตกใจจนใบหน้าซีดเผือด
ร้องเสียงดังขึ้นมาว่า “ข้า ข้า ข้าคือผู้ตรวจการของแคว้นโบราณยันต์แปดทิศ เจ้าจะฆ่าข้าไม่ได้ แคว้นโบราณยันต์แปดทิศของข้า ข้ามีกองทัพสิบล้าน มีเทพแท้จริงนับล้าน มีเทพแท้จริงขั้นอมตะนับแสน…”
“อย่างนั้นรึ” หลี่ชิเย่ลืมตาขึ้นเพียงพูดเรียบเฉยขึ้นคำหนึ่ง พูดได้เอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พูดได้ตามอารมณ์สบายอกสบายใจอะไรอย่างนั้น
หลี่ชิเย่เพียงพูดเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแค่นั้น ทำเอาฝูคุนถึงกับขวัญหนีดีฝ่อขึ้นทันที ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงทั้งตัว กล่าวขอให้ละเว้นตนขึ้นว่า “ผู้อาวุโส ไม่ ท่านปู่ปรมาจารย์ เป็น่ข้าน้อยที่เลอะเลือน เป็นข้าน้อยที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำล่วงเกินท่านผู้อาวุโส ท่านปู่ปรมาจารย์ ข้าเองก็เป็นศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมาร พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน และเป็นหลานของท่านผู้อาวุโส ขอท่านผู้อาวุโสเห็นแก่ที่เป็นครอบครัวเดียวกัน ละเว้นชีวิตให้ข้าน้อย…”
กล่าวสำหรับฝูคุนในเวลานี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นศักดิ์ศรีอะไร หน้าตาอะไร หรือชื่อเสียงใดๆ ล้วนแล้วแต่ไม่สำคัญแล้ว ที่สำคัญก็คือต้องรักษาชีวิตเอาไว้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน ถ้าหากไม่มีกระทั่งชีวิตยังจะพูดถึงศักดิ์ศรี ชื่อเสียงอะไรได้ ดังนั้น ในเวลานี้เขาจึงรีบยอมอ่อนข้อเพื่อขอให้ละเว้น
“เสียดาย ข้าไม่ได้มีหลานอย่างเจ้า” หลี่ชิเย่พูดเรียบเฉย โยนเขาลงพื้นตามอารมณ์
ในเวลานี้ หลี่ชิเย่ได้ชี้นิ้วไปทีหนึ่ง ได้ยินเสียงปังดังขึ้น พลันยิงทำลายวิชาของเขาทันที พลันทำลายทักษะยุทธทั้งหมดของเขา
“ไม่…” ฝูคุนร้องเสียงน่าเวทนาขึ้นมา ใบหน้าขาวซีด ร่างของเขาอ่อนระทวยอยู่กับพื้น นาทีนี้ตัวของฝูคุนเสมือนแก่ขึ้นเป็นร้อยปี
กล่าวสำหรับยอดฝีมืออย่างเขาแล้ว การถูกทำลายทักษะยุทธทั้งหมด ฆ่าเขาเสียยังจะทุกข์ทรมานน้อยกว่าเสียอีก
“ไสหัวไป” หลี่ชิเย่กล่าวน่าเกรงขามขึ้นมาว่า “ถ้าหากให้ข้าเห็นหน้าเจ้าอีก เห็นคนของแคว้นโบราณยันต์แปดทิศปรากฎตัวขึ้นที่นี่ล่ะก็ ฆ่าไม่มีละเว้น” กล่าวขาดคำ ค่อยๆ หลับตาลง
ฝูคุนที่อ่อนระทวยอยู่บนพื้นถึงกับร่างสั่นเทาทีหนึ่ง หวาดผวาจนล้มลุกคลุกคลานหนีไปทางด้านนอก แม้ว่าทักษะยุทธของเขาถูกทำลายทั้งหมด ชาตินี้ถือว่าจบเกมกันแล้วโดยสิ้นเชิง แต่ กล่าวสำหรับตัวเขาแล้วการมีชีวิตอยู่ไปวันๆ ยังดีกว่าต้องเสียชีวิต
ขณะที่เดินทางมาเรียกได้ว่ามีลักษณะอันน่าเกรงขามยโสโอหังอย่างยิ่ง เวลานี้หนีออกจากนิกายหู้ซานจงเสมือนดั่งหมดที่พึ่งไร้ญาติขาดมิตร อีกทั้งถูกทำลายทักษะยุทธได้ทำให้การเคลื่อนไหวของเขาไม่สะดวก และยากลำบากอย่างยิ่ง เสมือนดั่งมนุษย์ปุถุชนธรรมดาที่เป็นไม้ใกล้ฝั่งคนหนึ่ง ขณะที่ฝูคุนหนีไปนั้น ทางนิกายหู้ซานจงก็ไม่มีใครขัดขวางเขา
ในเวลานี้ ระดับผู้อาวุโสนิกายหู้ซานจงที่อยู่ภายในตำหนักทั้งหมดล้วนแล้วแต่อ้าปากกว้าง ไม่สามารถเรียกสติกลับมาเป็นเวลานาน แม้ว่าพวกเขาจะรู้แล้วว่าหลี่ชิเย่นั้นแข็งแกร่งมาก แต่ยังคงทำให้พวกเขาต้องหวั่นไหวยิ่งนัก
แม้ต่อระดับเทพแท้จริงขึ้นสู่สวรรค์ชั้นที่สามอย่างฝูคุนยังสู้ไม่ได้เลย เสมือนดั่งเป็นมดปลวกอย่างนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าหลี่ชิเย่ แค่นิ้วมือนิ้วเดียวก็สามารถบดขยี้สังหารเขาได้แล้ว
ขณะที่ผู้อาวุโสทั้งหมดยังไม่ทันได้สติกลับมานั้น กัวเจียหุ้ยได้เข็นหลี่ชิเย่จากไปอย่างเงียบๆ แล้ว
“เกือบไป” ครั้นหลี่ชิเย่จากไปได้ครู่ใหญ่แล้ว มีผู้อาวุโสที่ได้สติกลับมาถึงกับเหงื่อเย็นไหลโทรมกาย
ในเวลานี้ ผู้อาวุโสจำนวนไม่น้อยได้จ้องมองตากันและกัน ในขณะนี้พวกเขานึกดูอีกที ครั้งนั้นขณะพวกเขาล่วงเกินหลี่ชิเย่นั้น มันช่างเป็นเรื่องที่อันตรายเพียงใด หากไม่เป็นเพราะหลี่ชิเย่เห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าก่อนล่ะก็ แค่นิ้วมือนิ้วเดียวก็สามารถบดขยี้พวกเขาได้ นิ้วมือนิ้วเดียวก็สามารถทำลายนิกายหู้ซานจงได้ทั้งหมด
ยังดีที่หลี่ชิเย่เห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าก่อน จึงไม่ได้ทำลายล้างนิกายหู้ซานจงของพวกเขา มิฉะนั้นล่ะก็ คงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะได้มายืนอยู่ตรงนี้ นิกายหู้ซานจงของพวกเขาคงหายวับไปกับตาในพริบตาแล้ว
เมื่อบรรดาผู้อาวุโสรู้สึกถึงตรงนี้แล้วต่างถึงกับเหงื่อเย็นไหลโทรมกาย
“ทุกท่าน พยายามต่อไปเถอะ ท่านปรมาจารย์ตั้งความหวังพวกเราไว้สูง อย่าได้ทำให้ความปรารถนาดีของท่านปรมาจารย์ต้องผิดหวัง” หลังจากเฉินเหวยเจิ้งได้สติกลับมาแล้ว จึงเอ่ยขึ้นช้าๆ
“เจ้านิกายวางใจ พวกเราจะต้องก้าวไปข้างหน้าด้วยความห้าวหาญยิ่งขึ้น เพื่อพัฒนาสำนักให้เจริญรุ่งเรือง” ผู้อาวุโสจำนวนไม่น้อยทยอยกันกล่าวขึ้น เพื่อเป็นการรับรอง
เฉินเหวยเจิ้งพยักหน้าเบาๆ มองดูรอยเลือดที่อยู่บนพื้น สั่งการไปว่า “ให้ใครมาทำความสะอาดที” จากนั้นก็เดินจากไป
ภายในใจของเฉินเหวยเจิ้งมีความสุขอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้เขามองเห็นความหวังที่จะพัฒนานิกายหู้ซานจงให้เจริญรุ่งเรือง มีหลี่ชิเย่คอยให้การคุ้มครองแล้ว หากนิกายหู้ซานจงของพวกเขายังไม่พยายามและผงกหัวขึ้นมาไม่ได้ ก็สมควรที่จะต้องเสื่อมสลายไปแล้วล่ะ
ช่วงเวลาที่หลี่ชิเย่รั้งอยู่ที่นิกายหู้ซานจงนั้น เวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลังจากจัดการกับพวกของฝูคุนแล้วน้อยครั้งที่จะตื่นขึ้นมา ได้นำเอาจิตเทพทั้งหมดใช้กับการหลอมกลั่นผู้ดำรงอยู่ในฐานะน่ากกลัวนั่น แม้ว่าผู้ดำรงอยู่ในฐานะน่ากลัวจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แม้ว่าจะไม่อยู่ในช่วงมีกำลังขั้นสูงสุด แต่ว่า การที่หลี่ชิเย่ต้องการบดขยี้ทำลายเขาก็ใช่เป็นเรื่องง่ายดาย
ต่อให้หลี่ชิเย่ได้ใช้ชะตาดั้งเดิมโลกดึกดำบรรพ์มาบดขยี้ทำลายผู้ดำรงอยู่ในฐานะน่ากลัวนี้แล้ว แต่ว่า คิดจะบดขยี้ทำลายเขายังต้องอาศัยเวลาที่ยาวนานมาก
สมควรทราบว่า ความแข็งแกร่งของชะตาดั้งเดิมโลกดึกดำบรรพ์นั้นสุดจะจินตนาการได้ มันเป็นสิ่งที่น่ากลัวปราศจากผู้เทียบเทียม ต่อให้เป็นระดับปฐมบรรพบุรุษก็ไม่อาจทนต่อพลังทำลายลักษณะเช่นนี้ได้ เมื่อใดที่ถูกบดทำลายโดยชะตาดั้งเดิมโลกดึกดำบรรพ์ จะถูกทำลายจนหายวับไปกับตาในพริบตาอย่างรวดเร็ว
ทว่าเจ้าสิ่งที่ดำรงอยู่ในฐานะน่ากลัวยิ่งนี้ยังคงสามารถรองรับกับพลังของชะตาดั้งเดิมโลกดึกดำบรรพ์เอาไว้ได้ ย่อมสามารถจินตนาการได้ถึงความแข็งแกร่งของเขาได้แล้ว
แน่นอนที่สุด กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้วเขาไม่ได้รีบร้อน เขามีเวลาอย่างเหลือเฟือ ขอเพียงจัดการทำลายเจ้าผู้ดำรงอยู่ในฐานะน่ากลัวยิ่ง ทำการชิงเอาทุกสิ่งทุกอย่างของเขาไป ก็จะได้รับดอกผลที่อุดมสมบูรณ์อย่างยิ่ง
อีกทั้ง สิ่งนี้ได้ทำให้หลี่ชิเย่ได้รู้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกับสิ่งที่ดำรงอยู่ในฐานะความน่ากลัวนี้ และมีความเข้าใจในตัวสิ่งที่ดำรงอยู่ในฐานะความน่ากลัวได้มากยิ่งขึ้น
ดอกผลลักษณะเช่นนี้กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้วเป็นพียงการเริ่มต้นเท่านั้น ในอนาคตยังคงเต็มไปด้วยความยากลำบาก ยังคงเต็มไปด้วยความโหดร้ายอันตราย จะอย่างไรเสีย นี่เป็นเพียงผู้ดำรงอยู่ในความน่ากลัวเพียงคนเดียวเท่านั้น
บนเก้าชั้นฟ้าที่ห่างไกลออกไป บนสวรรค์ยังคงมีเงาทมิฬที่ยิ่งใหญ่แต่ละตนยึดครองอยู่ที่ตรงนั้น ยังคงมีสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกำลังก้มมองดูประชาชนเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน หมื่นอาณาจักรทั่วหล้า
ในอนาคตเขาต้องการสู้รบให้จนถึงที่สุด หากเขาต้องการได้รับชัยชนะกลับมา จะต้องมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงผู้ดำรงอยู่ในความน่ากลัวเช่นนี้ มีเพียงรู้เขารู้เรา จึงสามารถรบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง
ภายในจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของหลี่ชิเย่ สิ่งที่ดำรงอยู่ในฐานะความน่ากลัวนี้ก็ไม่ได้อยู่เฉยรอรับความตาย ได้มีการขัดขืนการสยบและทำลายของหลี่ชิเย่ครั้งแล้วครั้งเล่า
น่าเสียดายภายในจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของหลี่ชิเย่นั้น การต่อสู้ทุกอย่างล้วนไม่เป็นผล เขายังคงถูกพันธนาการเอาไว้อย่างมั่นคงภายในจิตแห่งการบำเพ็ญเพียร ถูกสยบเอาไว้อย่างแน่นหนาด้วยชะตาดั้งเดิมโลกดึกดำบรรพ์
………………………………………………..