Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2656 อ่างหินลึกลับ
ตอนที่ 2656 อ่างหินลึกลับ
ต้นกำเนิดสัจธรรมคือรากเง่าของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิๆ หนึ่ง ถ้าหากระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิๆ หนึ่งปราศจากกระทั่งต้นกำเนิดสัจธรรมแล้วล่ะก็ เช่นนั้นแล้วระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธินั้นจะต้องหายวับไปกับตาในพริบตา ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิทั้งหมดจะต้องล่มสลายในชั่วข้ามคืน สิ่งมีชีวิตจะต้องตายไปทั้งหมด
ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า สำหรับระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิๆ หนึ่งแล้ว ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าต้นกำเนิดสัจธรรมอีกแล้ว กล่าวสำหรับระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิหนึ่งลัทธิใดก็ตาม ขอเพียงต้นกำเนิดสัจธรรมยังคงอยู่ เช่นนั้นแล้วระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิๆ นั้นก็ยังคงเปี่ยมด้วยความน่าจะเป็นนับไม่ถ้วน เมื่อใดที่ต้นกำเนิดสัจธรรมเหือดแห้งหรือตายไป เช่นนั้นแล้วระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธินั้นๆ ก็ถูกลิขิตแล้วว่าจะต้องตาย และติดตามมาด้วยการล่มสลาย
การเสื่อมลงของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นเป็นเรื่องที่รับรู้กันทั่วหล้า และทั่วทั้งแดนลัทธิราชันก็รับรู้ถึงเรื่องนี้ แต่ว่า ที่น่าแปลกก็คือระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นเสื่อมลงแล้ว แต่มันยังคงรั้งอยู่ที่แดนลัทธิราชันได้
ด้วยเหตุนี้เองมีปฐมบรรพบุรุษเคยกล่าวเอาไว้ว่า ต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นยังคงอยู่ อีกทั้งต้นกำเนิดสัจธรรมไม่ได้อ่อนแอลง และด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นยังคงสามารถรักษาให้คงอยู่ในแดนลัทธิราชันต่อไปได้
เรื่องแบบนี้พูดไปแล้วออกจะเป็นตรรกะอยู่บ้าง กระทั่งทำให้ผู้คนรู้สึกว่ามันไม่สอดคล้องกับสภาพของความเป็นจริง
สมควรทราบว่า ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิๆ หนึ่ง ระหว่างศิษย์ทั้งหมดของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิและสิ่งมีชีวิต กับต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิต่างประกอบขึ้นมาและเสริมส่งซึ่งกันและกัน กระทั่งสามารถกล่าวได้ว่าเป็นการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน
กล่าวสำหรับศิษย์คนหนึ่งของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิแล้ว ในขั้นตอนทั้งหมดเกี่ยวกับ เคล็ดวิชาของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิที่เขาฝึกปรือ การเกิดแรงบันดาลใจ ตระหนักและเข้าถึงพลังสัจธรรมของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธินั้นๆ ทำให้เขาสามารถได้รับการหล่อเลี้ยงจากผืนแผ่นดินทุกๆ ตารางนิ้วที่อยู่ด้านล่าง กระทั่งสามารถได้รับการบำรุงจากพลังต้นกำเนิดสัจธรรม
ขณะที่กล่าวสำหรับระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิๆ หนึ่ง สำหรับต้นกำเนิดสัจธรรมแล้ว จากการที่ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิมีศิษย์ที่แข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิก็จะมีความคึกคักมีชีวิตชีวามากขึ้น เมื่อเป็นเช่นนี้ พลังสัจธรรมจากเหล่าศิษย์ของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิๆ นี้ พลังลมปราณที่คึกคักมีชีวิตชีวา ก็จะย้อนกลับไปหล่อเลี้ยงระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิ และบ่มฟักต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิๆ นั้น
อาจกล่าวได้ว่า ระหว่างระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิกับผู้เป็นศิษย์ต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ต่างหนุนส่งกันและกัน ถ้าหากต้นกำเนิดสัจธรรมคึกคักมีชีวิตชีวา ศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิก็จะแข็งแกร่งตามไปด้วย ขณะที่ศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิอ่อนแอ ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิก็จะเสื่อมลงตามไปด้วย
ผู้คนทั่วหล้าต่างก็รู้ว่า ระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นได้ตกต่ำลงยุคแล้วยุคเล่า ในห้วงกาลเวลาที่ยาวนานที่ผ่านมา ศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นมีจำนวนน้อยลงทุกวันๆ ยอดฝีมือที่ปรากฎขึ้นมาของระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นอ่อนแอลงยุคแล้วยุคเล่า
เรียกได้ว่าทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นทั้งหมดไม่ได้รับการหล่อเลี้ยงจากยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนอีกต่อไป ตามหลักแล้ว ต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นควรจะอ่อนแอมากกระทั่งแห้งเหือดไปแล้วจึงจะถูก
แต่ว่า มองไปที่อ่างหินในเวลานี้ มองเห็นต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นยังคงปรากฏประกายเซียนที่แวบวับ พลังสัจธรรมที่อยู่ภายในต้นกำเนิดสัจธรรมได้รวมตัวกันจนกลายเป็นน้ำแก่นสัจธรรม และน้ำแก่นสัจธรรมดังกล่าวมีความเข้มข้นจนแทบจะแยกไม่ออกแล้ว
ที่เหลือเชื่อยิ่งกว่าก็คือน้ำแก่นสัจธรรมดังกล่าวมีความแท้และเข้มข้นอย่างยิ่ง มีกลิ่นอายดึกดำบรรพ์ เหมือนว่ามันได้ผ่านการตกผลึกมานานนับพันล้านปี ผ่านการหลอมกลั่นมานานนับพันล้านปีมาแล้ว มันได้กลับกลายเป็นน้ำแก่นสัจธรรมที่แท้และเข้มข้นมากที่สุดในโลก แม้เพียงน้ำแก่นสัจธรรมเพียงหยดเดียวเมื่อเจือจางแล้วก็สามารถทำให้แคว้นเจ้าลัทธิแค้วนหนึ่งได้รับประโยชน์อย่างไม่มีสิ้นสุด
น้ำแก่นสัจธรรมลักษณะเช่นนี้ หากหยดลงเมืองหมิงลั่วเฉิงเพียงหยดเดียว พลันทำให้ทั่วทั้งเมืองหมิงลั่วเฉิงมีพลังชีวิตที่คึกคักมีชีวิตชีวาขึ้นทันที ทำให้ศิษย์ทั้งหมดของเมืองหมิงลั่วเฉิงเปี่ยมด้วยพลังชีวิต มีพลังสัจธรรมที่น่าเกรงขามอยู่ในครอบครอง
สายตาของหลี่ชิเย่ไม่ได้ตกอยู่ที่ต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่น สายตาของเขาตกไปอยู่ที่อ่างหินนั่น
กล่าวสำหรับผู้หนึ่งผู้ใดก็ตาม ขอเพียงมีความรู้อยู่บ้างล้วนแล้วแต่รู้ว่าต้นกำเนิดสัจธรรมหนึ่งๆ บ่งบอกถึงสิ่งใด และรู้ว่าถ้าหากได้ครอบครองต้นกำเนิดสัจธรรมบ่งบอกถึงสิ่งใด
กล่าวได้ว่า เมื่อบุคคลผู้หนึ่งได้ครอบครองต้นกำเนิดสัจธรรม เป็นการบ่งบอกว่าสามารถควบคุมระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธินั้นๆ
แต่ว่า หลี่ชิเย่กลับไม่ได้ให้ความสนใจในต้นกำเนิดสัจธรรมที่ยังคงมีพลังสัจธรรมที่น่าเกรงขาม ยังคงเปี่ยมด้วยพลังชีวิตนี้เลยแม้แต่น้อย กระทั่งไม่ได้มองมันมากกว่าครั้งเดียว
สายตาของหลี่ชิเย่ตกไปอยู่บนอ่างหินนั่น กล่าวสำหรับเขาแล้ว อ่างหินใบนี้จึงเป็นของวิเศษที่ประเมินค่าไม่ได้ มีเพียงอ่างใบนี้เท่านั้นที่คู่ควรให้เขาได้ไปครอบครองมัน
ความจริงก็เป็นเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นแดนลัทธิราชัน หรือแดนลัทธิเซียน ต้นกำเนิดสัจธรรมเฉกเช่นระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นมีอยู่มากมาย แต่ว่า อ่างหินที่เห็นอยู่ตรงหน้ามีเพียงหนึ่งเดียวในหล้าเท่านั้น มีเพียงหนึ่งไม่มีสอง
นัยน์ตาคู่นั้นของหลี่ชิเย่จ้องมองดูอ่างหินนั้นอย่างไม่คลาดสายตา หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่เขาจึงได้เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “นี่แหละคือศิลาเซียนที่ชาวโลกพูดถึง”
อ่างหินที่อยู่ตรงหน้าก็คือศิลาเซียนที่ผู้คนบนโลกตามหา และเนื่องเพราะมีศิลาเซียนก้อนนี้นี่เอง จึงทำให้ต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นยังคงไม่อ่อนแอหรือเหือดแห้งลง หลังจากผ่านไปเป็นพันล้านปี
“ตาเฒ่า ที่สมควรตามหาข้าก็ตามหาจนพบแล้ว” หลี่ชิเย่จ้องเขม็งไปที่อ่างหินใบนี้ และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “สมควรต้องพูดออกมาได้แล้วล่ะ”
ครั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว หลี่ชิเย่อดที่จะเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ลึกซึ้ง และกล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “คนอย่างข้าไม่ชอบทำความดี ถ้าหากมีใครคิดจะเชิญข้าไปทำความดีล่ะก็ ค่าตอบแทนที่ข้าเรียกก็จะสูง สิ่งที่ข้าต้องการก็จะต้องสะเทือนเลื่อนลั่น เพียงแต่ไม่รู้ว่าพวกเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้วยังที่จะต้องจ่ายอย่างหนัก” เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว รอยยิ้มของเขาดูเข้มเหลือเกิน
แน่นอน ในสายตาของหลี่ชิเย่มองว่า เขาไม่กลัวว่าอีกฝ่ายจะสู้ราคาไม่ได้ อีกฝ่ายก็เป็นผู้ยิ่งใหญ่สามารถสู้ราคาได้อย่างแน่นอน เพียงแต่ราคานี้ใช่ว่าจะสามารถยอมรับกันได้ง่ายดาย ขอเพียงเขาหลี่ชิเย่เอ่ยปากเมื่อใด ย่อมทำให้อีกฝ่ายต้องจ่ายอย่างหนัก เกรงว่าจะต้องเจ็บปวดไปอีกนานแสนนานทีเดียว
“แดนสามเซียนนะเนี่ย” หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉย และกล่าวว่า “แม้ว่าข้าไม่ใช่พระเจ้าที่ช่วยโลก และข้าก็ไม่ต้องการเป็นพระเจ้าผู้ช่วยโลก เพียงแต่มีคนจ้างให้เป็นพระเจ้าผู้ช่วยโลกสักครั้งหนึ่ง เช่นนั้น ทำไมจะไม่ทำเล่า ไว้ให้ข้าโขกเอาสักก้อนก็แล้วกัน” เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว เขาไม่เพียงเผยรอยยิ้มที่ลึกซึ้งเท่านั้น แม้แต่ดวงตาทั้งสองก็ยังเผยให้เห็นถึงรอยยิ้มที่ลึกซึ้งออกมา
สิ่งที่เขาต้องการย่อมต้องสะเทือนเลื่อนลั่นอย่างแน่นอน ไม่รู้ว่าถึงเวลานั้นแล้วอีกฝ่ายจะมีท่าทางเช่นใด
สุดท้าย หลี่ชิเย่ได้ละสายตาจากสิ่งนั้นแล้วมาตกอยู่ที่ต้นกำเนิดสัจธรรมระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่น มองดูต้นกำเนิดสัจธรรมที่มีประกายเซียนวูบวาบ เขาถึงกับยิ้มจางๆ ขึ้นมา
“ระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นนับว่าโชคดีเพราะโชคร้าย แม้ว่าจะตกต่ำลงนับพันล้านปีแล้ว แต่ก็จะได้ให้การต้อนรับยุคที่ดีงามแน่นอน หากลูกหลานเอาการเอางาน ต้องได้ต้อนรับความเจริญรุ่งเรืองแน่นอน” หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉย
ย่อมไม่ต้องสงสัย หลังจากที่ต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นได้ตกผลึกอยู่ในอ่างหินมานานนับพันล้านปีแล้ว มันได้สั่งสมพลังสัจธรรมเอาไว้อย่างเพียงพอ พลังสัจธรรมก็ได้รวบรวมน้ำแก่นสัจธรรมเอาไว้แล้ว
หากว่าต้นกำเนิดสัจธรรมทั้งหมดกลับคืนสู่ระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่น เช่นนั้นแล้ว ระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นจะต้องรับกับความมีชีวิตชีวาที่กระปรี้กระเปร่า ระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นโดยรวมจะต้องได้ต้อนรับยุคที่เจริญรุ่งเรือง เมื่อถึงเวลานั้น ระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นจะต้องให้กำเนิดผู้มีฝีมือมากมาย และกลับกลายเป็นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่แข็งแกร่งอีกครั้งหนึ่ง
มองดูราชันแท้จริงทั้งสาม และเหล่าเทพแท้จริงขั้นอมตะที่นั่งล้อมวงอ่างหินนั่น หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยว่า “ภัยพิบัติลงมาจากฟ้า นับว่าได้พยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว ถือว่าได้ปกป้องระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นจนปลอดภัยแล้ว”
ที่หลี่ชิเย่พูดมานั้นไม่ผิดแม้แต่น้อย การที่ระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นโชคดีสามารถยู่รอดปลอดภัย นับว่าเป็นความพยายามของเหล่าปรัชญาเมธีโดยแท้
ในครั้งนั้น ระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นมีความแข็งแกร่งและเจริญรุ่งเรืองเพียงใด ระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นของพวกเขามีราชันแท้จริงพร้อมกันทีเดียวสามคนในยุคเดียวกัน ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะนับไม่ถ้วน ในเวลานั้น ระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นเรียกได้ว่ามีความเข้มแข็งและเจริญรุ่งเรืองยิ่งนัก มีท่าทีบัญชาการใต้หล้า
แต่ว่า ในค่ำคืนนั้นเอง บนท้องฟ้าปรากฎสิ่งชั่วร้ายลงมา พลันตรึงและมุดลงไปด้านล่างของระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่น
เพื่อสังหารสิ่งชั่วร้ายดังกล่าว ทางระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นเรียกได้ว่าได้ทุ่มเทสรรพกำลังทั้งหมด ราชันแท้จริงทั้งสามนำพายอดฝีมือที่ปราศจากผู้ต่อกรทั้งหมดเข้าปราบปราม ศึกครั้งนี้โหดร้ายทารุณและน่าเวทนาอย่างยิ่ง ยอดฝีมือระดับปราศจากผู้ต่อกรทั้งหมดของระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นเก้าในสิบคนพลีชีพไปทั้งหมด
สุดท้าย หลังจากผ่านศึกอันทารุณโหดร้ายแล้ว ในที่สุดพวกเขาสังหารสิ่งชั่วร้ายนี้ไปได้ แต่ กลับไม่สามารถทำลายสิ่งชั่วร้ายนี้ได้อย่างสิ้นเชิง ราชันแท้จริงทั้งสาม และเหล่าเทพแท้จริงขั้นอมตะที่โชคดีรอดชีวิตมาได้ พวกเขาเข้าใจแล้วว่าสิ่งชั่วร้ายนี้ต้องการหยั่งรากอยู่ที่ระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่น เศษชิ้นส่วนที่หนีไปได้จะต้องกลับมาอีกครั้งอย่างแน่นอน
ด้วยเหตุนี้เอง ราชันแท้จริงทั้งสามจึงนำพาเหล่าเทพแท้จริงขั้นอมตะนำต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นไปซ่อนเอาไว้ เพื่อหลบเลี่ยงการติดตามของสิ่งชั่วร้ายนั่น และพวกเขาทำเพื่อคงธาตุแท้ภายในให้กับระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่น หวังว่าวันหน้าลูกหลานที่เป็นชนรุ่นหลังของระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นสามารถผงาดขึ้นได้มาอีกครั้ง
นึกไม่ถึงว่า ระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นกลับทรุดลงอย่างไม่มีวันฟื้นขึ้นมาได้นับแต่นั้นเป็นต้นมา ไม่ได้ให้กำเนิดราชันแท้จริงอีกเลย
ขณะที่สิ่งชั่วร้ายที่ถูกสังหารนั้น เศษชิ้นส่วนของมันหลังจากผ่านการเจริญเติบโตมานานนับพันล้านปีแล้ว ในที่สุดก็ได้งอกส่วนของร่างกายขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์ และได้พลังคืนกลับมา
ดังนั้น เจ้าสิ่งชั่วร้ายนี้จึงเริ่มต้นค้นหาอ่างหินและต้นกำเนิดสัจธรรม พลันที่ปรากฏตัวขึ้นมาก็ได้กลืนกินเมืองไปทั้งเมือง
น่าเสียดาย เจ้าสิ่งชั่วร้ายนี้โชคไม่ดีนัก กลับมาเจอะเจอกับหลี่ชิเย่เข้า ยังไม่ทันได้ค้นพบสิ่งที่มันต้องการก็ถูกหลี่ชิเย่สังหาร ตายอนาถอย่างสิ้นเชิงภายใต้เงื้อมมือของหลี่ชิเย่
ในเวลานี้เอง หลี่ชิเย่ได้มองดูศพที่ล้อมเป็นวงอยู่ข้างๆ อ่างหินนั่นทีหนึ่ง กล่าวเรียบเฉยขึ้นว่า “ช่างเถอะ ถือเป็นวาสนาอย่างหนึ่ง ช่วยเหลือระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นพวกเจ้าอีกแรง ข้าก็จะไม่โลภหมายปองต้นกำเนิดสัจธรรมของพวกเจ้าแล้ว”
แน่นอน ต้นกำเนิดสัจธรรมที่อยู่ตรงหน้าย่อมเป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้ หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นบางทีอาจไม่สามารถดูดซับเอาต้นกำเนิดสัจธรรมเช่นนี้ไปได้ แต่สำหรับหลี่ชิเย่แล้วย่อมแตกต่าง
หากหลี่ชิเย่ต้องการ เขาสามารถหลอมกลั่นต้นกำเนิดสัจธรรมนี้ได้อย่างสิ้นเชิง ดูดต้นกำเนิดสัจธรรมนี้จนแห้ง และยึดเอาพลังทั้งหมดของต้นกำเนิดสัจธรรมนี้มาเป็นของตน
ด้วยต้นกำเนิดสัจธรรมที่แข็งแกร่งและบริสุทธิ์เช่นนี้ ถ้าหากถูกหลี่ชิเย่หลอมกลั่นและดูดซับเอาไม่เป็นของตนล่ะก็ ย่อมเป็นสิ่งบำรุงชั้นเลิศซึ่งหาได้ยากยิ่งนัก
เพียงแต่หลี่ชิเย่ไม่ได้ไปทำเรื่องเช่นนี้ เขาไม่ได้มีความโลภในต้นกำเนิดสัจธรรมนี้ และจะไม่ยึดเอามาเป็นของตน
ในเวลานี้ หลี่ชิเย่ก้าวเท้าออกไปก้าวหนึ่งก็ก้าวเข้าไปอยู่ในเรือโบราณแล้ว
แม้ว่าบรรดาราชันแท้จริง และเทพแท้จริงขั้นอมตะที่ตายไปแล้วได้มีท่าทีป้องกันขึ้นมาแล้ว แต่ว่า กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้วไม่ได้ส่งผลกระทบแม้แต่น้อย เขาลุยเข้าไปอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่สามารถต้านเขาเอาไว้ได้อยู่แล้ว
ต่อให้พวกราชันแท้จริง และเทพแท้จริงขั้นอมตะเหล่านี้ขณะยังมีชีวิตอยู่ก็ขวางหลี่ชิเย่เอาไว้ไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงศพที่ตายมานานนับพันล้านปี
“ถือว่าให้โอกาสแก่ระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นสักครั้งก็แล้วกัน” หลี่ชิเย่พูดเรียบเฉย มองดูต้นกำเนิดสัจธรรมที่อยู่ในอ่างหินทีหนึ่ง
ในเวลานี้เอง หลี่ชิเย่ได้ล็อคต้นกำเนิดสัจธรรมนี้เอาไว้ งอนิ้วมือทั้งสองและร้องเสียงทุ้มต่ำขึ้นมาว่า ขึ้น…
ตูม ตูม ตูมในเวลานี้เอง เสียงดังตูมตามดังขึ้นมาไม่ขาดสาย จากการที่หลี่ชิเย่ได้ยกเอาต้นกำเนิดสัจธรรมนี้ขึ้นมาช้าๆ เหมือนว่าโลกทั้งโลกได้ถูกเขาดึงขึ้นมาอย่างนั้น
ต้นกำเนิดสัจธรรมแห่งหนึ่งมีน้ำหนักเพียงใด มันคือน้ำหนักที่เท่าๆ กับโลกใบหนึ่งอย่างนั้น หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นล่ะก็ไม่สามารถยกเอาต้นกำเนิดสัจธรรมเช่นนี้ขึ้นมาได้อยู่แล้ว
……………………………………….